บทที่ 287 ไอ้โง่

The king of War

มีคนเริ่มนำ ทั้งช่องไลฟ์สด ก็ได้มีคำนี้เต็มจอ

เศรษฐีมากมาย เพื่อที่จะให้ประโยคที่ตัวเองด่าหยางเฉินโผล่ในที่ที่สะดุดตา ถึงขั้นใช้เงินหลักแสนถึงหลักล้าน มารีเฟรชหน้าจอ

เห็นของขวัญเยอะแยะเต็มหน้าจอ พวกเน็ตไอดอลที่ไลฟ์สด ต่างก็ตื่นตามากๆ

การไลฟ์สดครั้งนี้ ของขวัญที่ได้มาแบ่งให้กับทุกคน คาดว่าก็ประมาณหลายล้านแล้ว

มองหน้าจอ ใบหน้าของโจวยู่ชุ่ยที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ ฉินซีร้องไห้เลย ร้องไห้แบบเสียใจมากๆ

ถึงแม้เธอรู้ คำพูดที่โจวยู่ชุ่ยพูดตอนไลฟ์สดพวกนั้น ส่วนมากเป็นเรื่องปลอบ แต่ก็ยังอดที่จะไม่เสียใจมากๆ ไม่ได้

“แม่คะ ขอโทษ ถ้าไม่เป็นเพราะว่าหนูไล่ท่านออกไป แม่ก็ไม่เป็นเหมือนตอนนี้แล้ว?” ฉินซีร้องไห้ไปพูดไป

โดนเฉพาะได้ยินที่โจวยู่ชุ่ยพูดกับเธอแล้วก็ฉินยีในตอนสุดท้าย บอกว่าถ้าเกิดมีวันหนึ่งไม่เจอเธอแล้ว เป็นไปได้ว่าอาจจะตายไปแล้ว ยิ่งทำให้เธอนั้นเสียใจกว่าเดิม

“หยางเฉิน นายโกหกฉันทำไม? ทำไม?” ฉินซีร้องไห้ไปพูดไป

เมื่อคืน โจวยู่ชุ่ยอยู่ที่ประตูโรงพยาบาล ตอนที่ถูกคนของหยางเฉินพาตัวไปนั้น เธอได้เห็นหมดแล้ว

เดิมคิดว่า หยางเฉินได้ส่งคนมาคุ้มกันโจวยู่ชุ่ยออกไป

แต่คิดไม่ถึงว่า ตอนที่โจวยู่ชุ่ยออกไปเมื่อคืนยังดีๆ อยู่เลย พึ่งผ่านไปคืนเดียว ทั้งตัวก็ได้ฟกช้ำดำเขียวไปหมด

เธอรู้ว่าโจวยู่ชุ่ยมีความบาดหมางกับหยางเฉิน เพราะงั้นตอนที่ได้เห็นอาการบาดเจ็บของโจวยู่ชุ่ย คิดว่าทั้งหมดนั้น เป็นหยางเฉินส่งคนมาทำ

ในเวลาเดียวกัน หยางเฉินก็ได้จัดการงานอยู่ที่เยี่ยนเฉินกรุ๊ปสาขาเจียงโจว

ในเวลานี้ อยู่ๆ เขาก็ได้รับสายจากกวนเจิ้งซาน “คุณหยาง คุณรีบไปดูข่าวพาดหัวเจียงโจว โจวยู่ชุ่ยกำลังไลฟ์สดครับ!”

หยางเฉินไม่ได้ลังเลเลยแม้แต่น้อย ก็ได้รีบเปิดข่าวพาดหัวเจียงโจว

รอให้เขาเปิดไลฟ์ขึ้นมานั้น ไลฟ์สดก็ได้จบไปแล้ว แต่ว่าเนื้อหาของโจวยู่ชุ่ยในไลฟ์นั้น ก็ได้ติดอันดับข่าวหน้าแรกของข่าวพาดหัวเจียงโจว ได้อยู่ในตำแหน่งที่มันเตะตามากๆ

ตอนที่หยางเฉินเปิดคลิปมาดู ดูเนื้อหาในไลฟ์สดจนหมด สีหน้าก็ได้เคร่งเครียดถึงขีดสุด

อยู่ๆ เขาก็คิดได้ว่า เมื่อกี้ฉินซีโทรมาถามตน ว่าโจวยู่ชุ่ยอยู่ที่ไหนนั้น ก็ได้ไม่ปกติเล็กน้อยแล้ว ที่แท้ก็เป็นเพราะไลฟ์สดนี้

“เห็นที สถานการณ์ของโจวยู่ชุ่ยในตอนนี้ อันตรายมาก!” หยางเฉินพูดอย่างเฉยชา

เขาเดาได้คร่าวๆ แล้ว การไลฟ์เมื่อกี้ เห็นได้ชัดว่ามาจู่โจมตนแล้วก็เยี่ยนเฉินกรุ๊ป

พลังความคิดเห็นในเน็ตยิ่งใหญ่ขนาดไหน เขาเข้าใจดี

เกรงว่า ไม่นาน มูลค่าทางตลาดของเยี่ยนเฉินกรุ๊ปต้องเป็นเพราะการไลฟ์สดของโจวยู่ชุ่ย แล้วต่ำลงแน่

มูลค่าตลาดของบริษัทต่ำลง หยางเฉินสามารถที่จะดึงกลับมาได้ แต่ว่าตอนนี้ตัวการกลับเป็นโจวยู่ชุ่ย

ถ้าเกิดเธอไม่มีประโยชน์อีก งั้นผลสุดท้าย ก็คือใช้ความตายของเธอ มาใส่ร้ายตน

แต่พอโจวยู่ชุ่ยตายแล้ว บวกกับการไลฟ์สดของเมื่อกี้ แรงโจมตีทั้งหมดก็พุ่งมาทางหยางเฉิน

เวลานั้น เยี่ยนเฉินกรุ๊ปสาขาเจียงโจว ก็ต้องเจอกับวิกฤตที่ใหญ่หลวงแน่

ถึงขั้นเป็นไปได้ว่า ต้องเจอกับการล้มละลายเพราะเรื่องนี้!

คิดได้ว่าโจวยู่ชุ่ยอาจจะถูกฆ่า สีหน้าของหยางเฉินก็ได้เคร่งเครียดจนถึงขีดสุด

ตั้งแต่เมื่อคืน เขาก็ได้ส่งคนไปตามหาโจวยู่ชุ่ย ตอนนี้ก็ได้ผ่านไปสิบกว่าชั่วโมงแล้ว ก็ยังไม่มีเบาะแสอะไร

ตอนนี้ต่อให้ร้อนใจยังไง ก็ทำอะไรไม่ได้

“ไม่ว่าเป็นใคร จำเป็นต้องออกมาชดใช้!”

หยางเฉินได้กำหมัดแล้วก็ต่อยลงไป โต๊ะทำงานไม้ที่แข็งแรง ก็ได้มีรอยบุ๋มรอยหนึ่งทันที

ในเวลานี้ ฉินยีก็ยังมีความสับสนเขียนเต็มใบหน้าแล้วบุกไปห้องทำงานหยางเฉิน

“พี่เขย พี่บอกฉันมา คำพูดพวกนั้นที่แม่พูดตอนไลฟ์สดทั้งหมด เป็นเรื่องโกหกใช่ไหม!”

ดวงตาฉินยีแดงก่ำ อารมณ์ได้ร้อนกว่าปกติ

ไลฟ์สดเมื่อกี้ เธอดูแล้ว ปฏิกิริยาแรกคือโทรไปถามฉินซี

พอฉินซีบอกว่า โจวยู่ชุ่ยได้ถูกคนของหยางเฉิน พาตัวไปตั้งแต่เมื่อคืนนั้น เธอก็ได้อึ้งไปเลย

สีหน้าของหยางเฉินก็ได้มองฉินยีอย่างอธิบายไม่ถูก เปิดปากพูด “ถ้าเผื่อฉันบอกว่า ที่เธอพูดมาทั้งหมด เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมาเอง เธอเชื่อไหม?”

“ฉันเชื่อ!”

ทำให้หยางเฉินประหลาดใจก็คือ ตอนที่ฉินยีฟังคำพูดของตนนั้น ก็ยังเลือกที่จะเชื่ออย่างไม่ลังเล

เวลาเดียวกัน สีหน้าของฉินยี ก็เหมือนว่าได้โล่งใจไปเล็กน้อย

“ขอบใจเธอมาก!”

ใจของหยางเฉินซาบซึ้ง จากนั้นก็ได้พูดด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียดว่า “เมื่อคืน ฉันส่งคนไปคุ้มกันท่านกลับไป เดิมที่อยากที่จะส่งท่านกลับไปที่ตระกูลโจว แต่ว่าระหว่างทาง ท่านก็ได้ถูกคนแย่งตัวไป”

“อะไรนะ?”

ฉินยีที่พึ่งโล่งใจเมื่อกี้ ทั้งคนก็ได้เคร่งเครียดขึ้นมาทันที ถามด้วยน้ำเสียงปนร้องไห้ว่า “งั้นก็หมายความว่า การไลฟ์สดของแม่ฉันเมื่อกี้ มีความเป็นไปได้สูงว่า โดนคนบังคับ?”

หยางเฉินพยักหน้า “เสี่ยวยี ฉันไม่สามารถที่จะรับประกันอะไรกับเธอได้ แต่ว่าสามารถที่จะมั่นใจได้ว่า ฉันจะพยายามสุดความสามารถ ในการหาตัวท่านให้เจอ!”

“ตอนนี้เธอเป็นผู้จัดการเยี่ยนเฉินกรุ๊ปสาขาเจียงโจว ก็น่าจะเข้าใจว่า ไลฟ์สดเมื่อกี้ จะนำวิกฤตที่ใหญ่หลวงขนาดไหนมาให้กับบริษัท”

“บริษัทฉันก็ส่งให้เธอจัดการทั้งหมดเลย ส่วนเรื่องของแม่ ฉันต้องพยายามทำทุกวิธี เพื่อที่จะหาท่านให้เจอ!”

เมื่อกี้ฉินยีก็แค่รีบร้อนที่จะถามหยางเฉิน เรื่องของโจวยู่ชุ่ย ในความร้อนใจ ก็ได้ลืมเรื่องที่บริษัทอาจจะเจอกับวิกฤตแบบไหนไป

ตอนนี้พอหยางเฉินพูดแบบนี้ เธอถึงได้รู้ว่าบริษัทนั้นจะเจอบททดสอบแบบไหน

“ท่านประธานคะ ฉันจะใช้กำลังที่มีทั้งหมด มาปกป้องบริษัท!” ฉินยีก็ได้รีบเข้าสู่สภาวะทำงานทันที

“รบกวนด้วย!”

หยางเฉินมีสีหน้าจริงจัง

พูดจบ เขาก็ได้หันตัวเดินออกไป

มองแผ่นหลังที่จากไปของหยางเฉิน ตาของฉินยีก็ได้แดง อยู่ๆ เธอก็ได้สงสารผู้ชายคนนี้เล็กน้อย

เป็นโจวยู่ชุ่ยที่ไม่ชอบเขาแท้ๆ ทำร้ายเขาต่างๆ นานา

แต่เขา ตอนที่โจวยู่ชุ่ยเจอกับอันตรายนั้น กลับเป็นคนแรกที่บุกไปช่วย

พอหยางเฉินได้ออกไปจากเยี่ยนเฉินกรุ๊ปนั้น ก็ได้ขับรถไปถึงตระกูลกวน

“คุณหยาง!”

กวนเจิ้งซานเห็นการมาของหยางเฉิน ก็ได้รีบเข้าไปต้อนรับ

“สืบไปถึงไหนแล้ว?” หยางเฉินก็ได้ถามออกไปตรงๆ

กวนเจิ้งซานพูดออกไปว่า “สามารถที่จะมั่นใจแล้วครับ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเว่ยเสียงแห่งตระกูลเว่ย ก็แค่ไม่มีหลักฐาน”

“ตระกูลเว่ย!”

ตาของหยางเฉินก็ได้หรี่เล็กน้อย “ไหนๆ ก็สงสัย งั้นก็ไม่จำเป็นต้องเอาหลักฐาน”

ตาของกวนเจิ้งซานก็ได้เป็นประกายทันที “ความหมายของคุณหยางคือ?”

“ไหนๆ ตระกูลเว่ยเลือกที่จะตาย งั้นฉันสนองความต้องการให้!”

หยางเฉินกัดฟันพูด พูดจบ เขาก็ได้หันตัวขึ้นรถ ขับไปทางบ้านตระกูลเว่ย

รถของหยางเฉินก็ได้ออกไปจากบ้านตระกูลกวน กวนเจิ้งซานถึงได้ดึงสติกลับมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความดีใจ “ความเจริญของตระกูลกวน ใกล้เข้ามาแล้ว!”

เจียงโจวในวันนี้ มีสี่ตระกูลนับตัวเป็นใหญ่

ตระกูลจวงกับตระกูลเว่ยต่างก็ได้มีความแค้นกับหยางเฉิน ตอนนี้หยางเฉินไปตระกูลเว่ยพร้อมกับความอาฆาต แทบที่จะไม่ต้องคิดอะไรเลย

ตระกูลกวนได้ยอมรับใช้หยางเฉินไปนานแล้ว ตระกูลเว่ยถูกทำลายเสร็จ งั้นทุกอย่าง ก็ต้องยกให้ตระกูลกวนจัดการ

ถึงตอนนั้น ตระกูลกวนก็ได้กลายเป็นตระกูลมหาเศรษฐีตระกูลเดียวแห่งเจียงโจว

ในเวลาเดียวกัน ในคฤหาสน์สุดหรูแห่งหนึ่ง

“คุณชายเมิ่ง ไลฟ์สดเมื่อกี้ คุณน่าจะเห็นแล้วใช่ไหมครับ? รู้สึกยังไง?”

เว่ยเสียงยิ้มแล้วก็พูด เสียงก็ได้เต็มไปด้วยการรอคอย หวังว่าที่ได้รับคำชมจากเจ้านาย

“นายแม่งก็เป็นไอ้โง่ตัวหนึ่ง!”