ตอนที่ 459

The Divine Nine Dragon Cauldron

ในพริบตา ภูติน้อยได้ถูกทะลวงร่างอย่างต่อเนื่อง ไม่นานก็เกิดรูทั้งเก้าบนร่างของมัน ในรูเหล่านั้นมีหมอกภูติพุ่งออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

ส่วนภูติน้อยนั้นกำลังร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด หมอกภูติที่ปกคลุมร่างพยายามอย่างมากที่จะกัดการจัดเพลงกระบี่เก้าหยินหยาง แต่เพลงกระบี่นี้ไร้ช่องโหวา ร่างของมันติดอยู่ภายใน เข็มเหล็กยังคงแทงร่างกายต่อไป ฝ่ามือของมันเต็มไปด้วยรูเข็มในไม่นาน

 

หมอกภูติจำนวนมากพุ่งออกจากร่างอย่างไร้จุดจบ ความหยาบคายบนใบหน้านั่นแทนที่ด้วยความอ่อนแอ มันจะตายถ้าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป!

 

แต่มันก็ตอบสนองในจุดสุดท้าย มือของมันวาดไปมาและแตะกับหน้าผากของมัน กองพลังภูติที่บริสุทธิ์อย่างไม่น่าเชื่อพุ่งออกมาจากหน้าผากก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นชุดเกราะปกคลุมกาย

 

เหรียญพันธนาการภูติที่มีพลังอันน่ากลัวก็ออกมาอีกครั้งเช่นกัน ภูติน้อยกัดปลายลิ้นและพ่นโลหิตออกมา

 

พลังมหาศาลแบบเดิมเติมเต็มพื้นที่อีกรอบ แสงโลหิตปปกคลุมตัวภูติน้อย หากมองตรงๆจะพบม่านโลหิตสดๆที่ดูน่ากลัว

 

ฟึ่บ–

 

เข็มพุ่งเข้าใส่อีกครั้ง แต่ความเร็วมันลดลงอย่างมากเมื่อผ่านม่านโลหิต ดังนั้นแล้วเมื่อมันเข้าปะทะกับชุดเกราะของภูติน้อยก็กระเด็นกลับออกมา ภาพแบบเดียวกันเกิดกับเข็มอีกแปดเล่มที่เหลือ มันทะลวงผ่านร่างภูติน้อยไม่ได้อีกแล้ว ความกังวลของภูติน้อยหายไปโดยสมบูรณ์ ร่างของมันอ่อนแอและมีหมอกภูติปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง

 

ในตอนนี้ มันกำลังหายใจหอบ ใบหน้าดำเผยโลหิตช้ำแสดงอาการย่ำแย่ ดวงตามันยังคงมีความหวาดกลัวที่ยังไม่จากไปไหน

 

“เฮ้อ…..นั่นมันไม่ใช่เพลงกระบี่เก้าสุริยะ มันก็แค่เพลงกระบี่ธรรมดา ข้าก็คิดอยู่ว่ามันแปลก เพลงกระบี่นั้นควรจะหายไปตั้งแต่ร้อยปีก่อนแล้ว!”

 

ภูติน้อยยังคงเหนื่อยหอบ ใบหน้านั้นยินดี

 

เมื่อทิ้งระยะไปชั่วครู่มันก็ตระหนักว่าสิ่งที่จเอนั้นไม่ใช่เพลงกระบี่เก้าสุริยะของจริง มิเช่นนั้นมันคงจะตายไปนานแล้ว

 

เมื่อเห็นเข็มเก้าเล่มที่ซือหยูใช้นั้นคือสมบัติเทพระดับกลางมันก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เมื่อมันคิดถึงตอนที่มันคิดว่าจะตายด้วยมือของเด็กเผ่ามนุษย์ ใบหน้าช้ำโลหิตนั้นก็แสดงความละอายและโกรธแค้น

 

“ไล่ต้อนข้ามาถึงเพียงนี้ ต่อให้เจ้าตายไปข้าก็ไม่พอใจหรอก!”

 

“จงเปิด!”

 

ภูติน้อยตะโกน แสงโลหิตกลายเป็นคลื่นระเบิดโจมตีทุกทิศทาง!

 

เข็มทั้งเก้าเล่มกระเด็นลอยออกไป

 

“อยากจะรู้เหลือเกิน ถ้าไม่มีเข็มพวกนั้น เจ้าจะทำอะไรข้าได้อีก!”

 

ภูติน้อยนั้นชิงชังซือหยูจนกัดฟันแน่น จิตสังหารถึงขีดสุดพวยพุ่งออกมา

 

และความกลัวก็ยังคงอยู่ เพลงกระบี่เก้าหยินหยางนั้นยังคงน่ากลัว ถ้าไม่ใช่เพราะเหรียญพันธนาการภูติที่ปกป้องกาย มันก็คงจะพลาดท่าและตายด้วยมือซือหยูไปแล้ว

 

ถุด–

 

ภูติน้อยพ่นโลหิตใส่เหรียญพันธนาการภูติอีกครั้ง แสงสว่างออกมา หลังจากที่ใช้วิชาลับของโลหิตอย่างต่อเนื่อง สีหน้าของภูติน้อยช้ำโลหิตอย่างมาก มันดูเหนื่อยอ่อนจากการใช้พลังไปมาก

 

“ไอ้เด็กน้อย ตายซะเถอะ!”

 

แสงโลหิตที่ก่อเกิดขึ้นก่อตัวเป็นกรงเล็บบนนภา พลังของมันไม่อ่อนแอไปกว่าการโจมตีจากขอบเขตภูติที่มันเคยใช้เมื่อครู่!

 

กรงเล็บปรากฏและหายไปอย่างต่อเนื่อง มันมีแรงกดดันวิญญาณที่รุนแรงจนผลักซือหยูที่อยู่บนฟ้าจนตกพื้น!

 

แรงกดดันนั้นกดดันซือหยูที่อยู่บนพื้นจนจมลึกไปมากกว่าสองศอก!

 

ซือหยูรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล เสียงกระดูกแตกดังจากร่างกาย โลหิตพุ่งออกจากทวารทั้งห้า!

 

ก่อนที่กรงเล็บจะมาถึง ซือหยูก็ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้แล้ว ถ้าหากมันได้สัมผัสกับตัว แม้ว่าจะมีเกราะราชาศิลานิรันดร์ปกป้อง มันก็ไม่ยืนยันได้ว่าเขาจะไม่จบลงอย่างเดียวกับพรรคพวกยู่จางที่ตายไป พวกนั้นกลายเป็นก้อนเนื้อในพริบตาเดียว

 

ในตอนนั้นเอง ซือหยูตาเป็นประกาย…

 

“ได้เวลาแล้ว! ออกมา!”

 

ภูติน้อยนั้นกำลังมองราวกับเห็นภาพซือหยูที่กลายเป็นก้อนเนื้อ! มันจับจ้องอยู่กับซือหยูเท่านั้น! ดังนั้นมันจึงไม่รู้ตัวเลยว่าพื้นที่มันยืนเกิดรอยแตกขึ้นมา

 

แสงทองตระการตาเล็ดลอดผ่านรอยแยก ภูติน้อยตกอยู่ในแสงนั้น มันต้องแสงทองก่อนที่จะรู้ตัวเสียอีก

 

มันชักสีหน้าและกระอักหมอกภูติออกมาเพื่อขับไล่แสงทอง แต่แสงทองนั้นประหลาดนัก เมื่อหมอกภูติสัมผัสมันก็หายไป!

 

และแสงทองนั้นก็สลายไปเล็กน้อยเช่นกัน เผยให้เห็นสิ่งของที่ส่องแสงนั้น มันคือแหวนทองที่มีขนาดเท่าฝ่ามือ!

 

ภาษาสันสกฤตถูกสลักเอาไว้บนแหวนทอง เสียงท่องคาถาดังเบาๆ

 

เสียงที่แล่นถึงหูภูติน้อยทำให้มันปวดหัวอย่างรุนแรงราวกับจะระเบิดออกมา หมอกภูติในร่างเอ่อล้นออกมาอย่างบ้าคลั่ง

 

“แหวนปราบมาร! ของจากตระกูลเฝอ!!”

 

ภูติน้อยมองตัวแหวนและกรีดร้องออกมาอีกครั้ง!

 

แหวนทองนั้นลอยเข้าหามันในทันที มันขยายขนาดและลดขนาดรัดตัวมันจนแน่น หมอกภูติทั้งหมดในกายถูกข่มเอาไว้จนขยับไม่ได้แม้แต่น้อย เหรียญพันธนาการภูติในฝ่ามือเสียพลังไป มันร่วงหล่นจากนภา

 

แสงโลหิตที่เปล่งประกายจากเหรียญพันธนาการภูติหายไปกลับมาสู่ภาวะปกติ กรงเล็บที่พุ่งเข้าใส่ซือหยูก็หายไปเช่นกัน

 

พรึ่บ–

 

ซือหยูเอื้อมมือคว้าเหรียญพันธนาการภูติเอาไว้ เอาโยนมันเข้าใส่คันฉ่องจักรวาลอย่างรวดเร็ว

 

ภูติน้อยทั้งตกใจและโกรธแค้น มันกรีดร้อง

 

“หยุดนะ!”

 

แต่มันในตอนนี้ไร้การป้องกัน มันใช้มือทั้งสองข้างดันแหวนทองด้วยความยากลำบาก แหวนทองนั้นขยายขนาดจนดูเหมือนภูติน้อยจะหนีไปได้!

 

ซือหยูขยับมือเดียวอย่างรวดเร็ว

 

“เร็วเข้า!”

 

เขาตะโกน

 

เข็มทั้งเก้าเล่มที่กระเด็นออกไปก่อกระบวนท่าอีกครั้ง เข็มกักขังภูติน้อยไว้ภายใน ภูติน้อยนั้นหวาดกลัวจนวิญญาณแทบจะหลุดออกมา

 

“หยุดนะ! เดี๋ยวก่อน พวกเราคุยกันได้ ถ้าเจ้าไว้ชีวิตข้า เจ้าจะเอาอะไรไปจากข้าก็ได้!”

 

แต่ซือหยูก็ไม่คิดจะฟัง เขาใช้ท่าเก้าหยินหยางในทันที!

 

ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ–

 

เสียงเข็มทะลวงผ่านเนื้อหนังราวกับพิรุณกระหน่ำ ร่างของภูติน้อยถูกแทงทะลุไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

 

แต่ซือหยูก็ยังไม่หยุด เก้าหยินหยางยังคงทำงานต่อไป แต่ไม่นานหลังจากที่เสียงกรีดร้องหายไป ซือหยูก็หยุดลง

 

มาถึงขั้นนี้แล้วมันยังจะมีชีวิตอยู่อีกรึ? มันหลงเหลือแต่เพียงเนื้อหนังที่กองรวมกันอยู่กับพื้น!

 

แหวนปราบมารเต็มไปด้วยโลหิตของมัน ภูติน้อยมิอาจหนีไปได้ มันกลายเป็นก้อนเนื้อทั้งเป็น

 

แต่ซือหยูก็ไม่คิดจะหยุด หลังจากมองผ่านกองก้อนเนื้อ ซือหยูปล่อยเพลิงพิโรธเข้าใส่โดยไม่ลังเล

 

อ๊าก—

 

เสียงกรีดร้องโหยหวนดังออกมาจากกองก้อนเนื้อ! ศีรษะขนาดเท่าดัชนีถูกคลอกด้วยเพลิงร้อนระอุ มันตะโกนด้วยความเจ็บปวด ดวงตาเล็กๆนั่นยังเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

 

“อ๊าา! ข้าจะสู้กับเจ้าจนถึงที่สุด!”

 

มันคือภูติน้อย! มันยังไม่ตาย! มันกลับซ่อนตัวในกองก้อนเนื้อและพยายามจะหนีออกไป! มันเผยตัวออกมาเพราะเพลิงของซือหยู!

 

ซือหยูตาเป็นประกายเมื่อเห็นศีรษะของมันโผล่ออกมา เพลงเก้าหยินหยางพุ่งเข้าใส่หัวของมันในทันที เสียงกรีดร้องหายไปในไม่นาน

 

และพร้อมกันนั้นเอง ซือหยูพ่นเพลิงออกมาเผามันจนเป็นเถ้าถ่าน จากนั้นเขาก็เผาส่วนอื่นของร่างมันจนหมดสิ้น เขาต้องแน่ใจว่ามันจะตายอย่างไม่มีวันหวนกลับ

 

ซือหยูเหนื่อยอ่อนเมื่อมองดูพื้นที่เต็มไปด้วยเถ้าถ่าน เขามิอาจซ่อนความซีดเซียวบนใบหน้าได้อีก การใช้ท่าเก้าหยินหยางและแหวนปราบมารนั้นใช้พลังวิญญาณไปมหาศาล

 

ถ้าไม่ใช่เพราะเขาเป็นผู้คุมสวรรค์ เขาก็คงไม่มีพลังที่จะใช้สมบัติเทพทั้งสองชิ้น แต่อย่างไรเมื่อเขาใช้พลังวิญญาณไปมากเช่นนั้น เขาก็สังหารมันได้สำเร็จ!

 

ซือหยูมองผ่านเถ้าถ่านและได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากของที่สีดำสนิท เขาหยิบมันขึ้นมาและพบกับแก้วทมิฬขนาดเท่านิ้วหัวแม่มือ

 

ซือหยูไม่คุ้นเคยกับของสิ่งนี้ ตอนที่เขาสังหารรากษสเขาได้สิ่งที่เรียกว่าแก้วภูติที่มีพลังวิญญาณและพลังภูติ แต่สิ่งตรงหน้านี้เล็กกว่าของรากษสอย่างมาก และมันก็ยังมีพลังวิญญาณหลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิด

 

ซือหยูตกตะลึงหลังจากที่ตรวจสอบมัน

 

“หา นี่มันพลังชีวิตกับพลังภูติ…”

 

แก้วนี้มีพลังชีวิตที่ไม่มีในทวีปเฉินหลง! ซือหยูดีใจมากที่สิ่งที่ได้นั้นเหนือกว่าที่เขาคิดเอาไว้ ภูติน้อยนี้มีพลังอย่างน้อยที่ขอบเขตภูติ ดังนั้นแก้วภูติในร่างของมันก็ต้องมีพลังชีวิตที่เข้มข้นอย่างแน่นอน!

 

ซือหยูพยายามจะสกัดเอาพลังชีวิตออกมา แต่เขาก็พบว่านอกจากมันจะแข็งงมากแล้ว พลังชีวิตด้านในก็แข็งตัวอย่างมาก มันมิอาจสกัดออกมาได้

 

นั่นทำให้ซือหยูที่อยากจะใช้พลังชีวิตในแก้วรักษาหลิงเสี่ยวเทียนผิดหวังเล็กน้อย

 

ฮึก–

 

ในตอนนั้นเอง เสียงสะอึกอันอ่อนหวานดังขึ้น ยู่จางได้สติกลับมาแล้ว!

 

ซือหยูชักสีหน้า เขาโบกมือพัดเถ้าถ่านของภูติน้อยออกไปและเก็บแก้วภูติเอาไว้รวมถึงเกราะราชาศิลานิรันดร์ด้วย จากนั้นเขาก็นอนลงกับพื้น

 

ยู่จางลืมตาช้าๆ กังต้าเหล่ยกับฉินจิวหยางนั้นได้สติตามๆกันเช่นกัน ในตอนแรก ทั้งสามนั้นสับสนเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าพวกเขาก็เปลี่ยนไป

 

“ทูตพันธนาการภูติ!”

 

ยู่จางกับกังต้าเหล่ยร้องออกมา พวกเขาอยากจะหนีทันทีที่ตื่นขึ้น แต่หลังจากที่มองไปรอบๆทั้งสองคนก็ใจเย็นลง

 

สถานที่ตรงนี้นั้นยุ่งเหยิงอย่างมาก แล้วภูติน้อยนั่นไปไหนกัน? และภูติน้อยยังอยากจะฆ่าพวกเขา มันน่าจะทำไปตั้งแต่ที่พวกเขาหมดสติแล้วสิ

 

ทั้งสามมองรอบๆอย่างเคร่งเครียด หลังจากยืนยันได้ว่าไม่พบพลังของภูติน้อย พวกเขาก็เริ่มคลายใจลง

 

“เจ้านั่นไม่ได้ฆ่าพวกเรา คิดไม่ถึงเลย! มันเกิดอะไรขึ้นรึ?”

 

ยู่จางสงสัยจนต้องพูดออกมา