ตกกลางคืน

ในลำธาร

สามร่างกำลังวิ่งห้อ

ตุ๊กตาหุ่นเชิดนั่งบนไหล่ของกู่ฉิงซาน เอามือป้องศีรษะขณะมองท้องนภา

“อุกกาบาตกำลังตกลงมา”

มันพูดออกมาเสียงดัง

หลายคนมองพร้อมกัน ลำแสงมืดมนตกลงมาจากท้องนภา

ทันใดนั้นเอง

ปฐพีสั่นไหว ขุนเขาสั่นสะเทือน

ปฐพีส่งเสียงครวญครางอันหนักอึ้งออกมา

กู่ฉิงซานพยายามประคองร่างขณะถามว่า “มังกรมารอยู่ที่นี่หรือ”

หญิงสาวร่างสูงตอบว่า “ถูกต้อง มันอยู่ไม่ไกลจากพวกเรา ข้าเกรงว่ามันจะมาถึงในไม่ช้า”

“พวกเราไปเร็วกว่านี้ได้เหรือเปล่า”

“ไม่ พลังกับความเร็วถึงขีดสุดแล้ว อีกไม่ช้ามันตามพวกเราทันแน่”

“ดูเหมือนพวกเราจะทำได้แค่สู้สินะ” กู่ฉิงซานขมวดคิ้ว

“ยิ่งไม่ดีเข้าไปใหญ่ ร่างกายของมันคือสุดยอดอาวุธ ข้าไม่สามารถเอาชนะมันได้หากไม่มีพลังหุบเหว เจ้าเองก็เหมือนกัน”

หญิงสาวร่างสูงชำเลืองมองเขาก่อนถอนหายใจเล็กน้อย

หญิงสาวร่างสูงยื่นมือไปจับเส้นผมสีดำยาวก่อนดึงเล็กน้อย

นางดึงผมออกมาเส้นหนึ่ง

นางมัดเส้นผมกับเอวก่อนดึงปลายให้กู่ฉิงซาน

“เจ้ามีพลังจากเลือดของมังกรมาร ทันทีที่ถูกมันพบเข้า มันจะกินเจ้าทันที”

หญิงสาวร่างสูงเอาเส้นผมมัดกับข้อมือของกู่ฉิงซานขณะกล่าวต่อว่า “เส้นผมของข้ามีคุณสมบัติยืดได้หดได้ นี่ไม่ใช่พลังวิเศษ แต่เป็นลักษณะเฉพาะของร่างกาย”

“แล้วยังไงล่ะ” กู่ฉิงซานถาม

หญิงสาวร่างสูงตอบว่า “เจ้าไปก่อน ข้าจะหยุดมันเอง เมื่อเจ้าไปถึงสถานที่เคลื่อนย้ายพริบตา ดึงเส้นผมนี้ให้แรง ความยืดหยุ่นของเส้นผมจะถูกกระตุ้นทันที มันจะพาข้าไปยังที่ที่เจ้าอยู่อย่างรวดเร็ว”

กู่ฉิงซานชำเลืองมองนาง “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะคลายเส้นผมนี้ในตอนท้ายหรือ”

หญิงสาวร่างสูงตอบอย่างเฉยชาว่า “จะยังไงก็ช่าง เจ้ามีดาบสองเล่ม ข้าจะปล่อยให้มังกรมารได้พวกมันไปไม่ได้”

กู่ฉิงซานเงียบก่อนหันหลังแล้วจากไป

เขาพาฉานนู่และตุ๊กตาหุ่นเชิดตรงไปสุดสายลำธารด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี

หญิงสาวร่างสูงยืนอยู่ที่เดิมขณะปรับลมหายใจช้าๆ

ในความมืด ลมหายใจของนางค่อยๆ หายไป ทั่วร่างราวกับหลอมรวมเข้ากับโลกทั้งใบ

ผ่านไปสักพัก

เสียงติดตลกดังขึ้น “จุ๊ๆ ข้าล่ะประหลาดใจจริง ๆ เห็นได้ชัดว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์เป็นฝ่ายทรยศ ผลที่ได้ ข้าจึงมีชีวิตเพื่อขัดขืนเผ่าพันธุ์มนุษย์กับจักรพรรดินีแห่งวรยุทธในตำนาน ข้าถูกเผ่าพันธุ์มนุษย์หลอกครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ผู้คนสงสัยว่าสมองของข้าถูกสร้างขึ้นมาได้ยังไง”

ในความมืด ร่างสีเทาค่อยๆ ปรากฏขึ้น

มังกรมาร

เขาสีดำยาวบนศีรษะกลายเป็นสีเทานานแล้ว มันบิดงอจนโค้งมาถึงหูของเขา

ร่างของเขาดูกำยำมากขึ้น ระหว่างมือกับเท้า หมอกสีดำแผ่ออกมาจากร่างกายเป็นครั้งคราว

หญิงสาวร่างสูงโค้งตัวเล็กน้อยเพื่อตั้งท่าป้องกัน

“ข้าไม่จำเป็นต้องนึกถึงอดีตหรอก” นางกล่าวเสียงต่ำ

มังกรมารมองนางด้วยสายตาแปลกประหลาดก่อนพลันกล่าวด้วยความเกลียดชังอันแรงกล้าว่า “ข้าไม่เข้าใจจริง ๆ ทั้งเจ้าและข้าต่างตกอยู่ในเจตจำนองของหุบเหว แต่ทำไมเจ้ายังอยู่ภายใต้ตัวตนของเผ่าพันธุ์มนุษย์ดั้งเดิมล่ะ”

“ดาบสวรรค์และดาบปฐพีจะอยู่ในมือของเจ้าไม่ได้” หญิงสาวร่างสูงกล่าว

“รนหาที่ตายแท้ๆ” มังกรมารตะโกนเสียงดัง

เขากลายเป็นสายลมหวีดหวิว พุ่งตรงเข้าหาหญิงสาวร่างสูงก่อนซัดหมัดออกไป!

หญิงสาวร่างสูงคล้ายกับไม่ขยับ แต่นางปัดหมัดของมมังกรมารออกไปเพื่อเลี่ยงการโจมตี

‘ตูม!’

นางสวนหมัดใส่มังกรมารคืนที่แรงพอๆ กับคันธนูและอสนีบาต

มังกรมารถูกกระแทกไปทั้งร่าง

หญิงสาวร่างสูงฉวยโอกาสนี้ทุ่มกำลังเพื่อถอย

‘ตูม!’

ไกลออกไปหลายร้อยเมตร หินก้อนใหญ่พลันระเบิดเป็นเศษซากกระจายไปทั่ว

นี่คือผลพวงจากหมัดของมังกรมาร!

ระหว่างชั่วประกายไฟ หญิงสาวร่างสูงหลบท่าไม้ตายของอีกฝ่ายได้ โต้กลับก่อนทำการหลบหนีทันที

เมื่อเผชิญหน้ากับสุดยอดอาวุธของเผ่าพันธุ์มนุษย์โบราณ การที่มีการมองเห็นและทักษะเช่นนั้นจนสามารถตอบสนองได้ทันก็เป็นการยืนยันว่านางคือตัวตนสูงสุดในด้านวรยุทธ

มังกรมารยืนนิ่ง สะบัดร่างกายช่วงล่างเล็กน้อยขณะมองหญิงสาวร่างสูงที่อยู่ห่างออกไปหลายฟุต

“เจ้าน่าจะรู้ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่สามารถขัดขืนข้าได้ด้วยพละกำลังกายภาพเพียงอย่างเดียว” เขากล่าวเสียงต่ำ

“แน่นอนว่าข้ารู้เรื่องนี้ ยังไงเสีย ข้าก็แค่ทดสอบพละกำลังของเจ้าเฉยๆ” หญิงสาวร่างสูงกล่าว

“ด้วยเหตุนี้ข้ารู้สึกสงสัยน่ะว่าทำไมเจ้ายังกล้ามายืนตรงหน้าข้าทั้งที่เสียพลังทั้งหมดจนเหลือเพียงพลังวรยุทธเท่านั้น” มังกรมารถาม

ตรงข้ามกับเขา สีแดงสดใสค่อยๆ ไหลออกจากริมฝีปากของหญิงสาวร่างสูง

นางได้รับบาดเจ็บเพียงเพราะเฉียดโดนหมัดของอีกฝ่ายเท่านั้น

นี่เป็นการต่อสู้ที่ไม่เท่าเทียมเอาเสียเลย

ถ้าไม่ได้มีความสำเร็จทางวิชาวรยุทธอันสูงส่ง คงไม่มีใครรอดจากการโจมตีของมังกรมาร!

หญิงสาวร่างสูงเช็ดโลหิตที่มุมปากออกก่อนไม่พูดอะไร

นางเปลี่ยนหมัดข้างหนึ่งเป็นฝ่ามือ หมัดอีกข้างยังกำเป็นหมัดอยู่ดีเพื่อกลับมาตั้งท่าป้องกันอีกครั้ง

มังกรมารขมวดคิ้ว ใบหน้าค่อยๆ หมองหม่นขึ้นมา

ถึงแม้อีกฝ่ายจะเอาชนะเขาไม่ได้ แต่นางก็สามารถยื้อการต่อสู้ไว้ได้ หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป เจ้าหนูที่ครอบครองทั้งดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพจะสามารถหนีรอดไปได้ไม่ช้าก็เร็ว!

มังกรมารกล่าวว่า “ข้าไม่อยากเสียเวลาที่นี่ ทำไมพวกเราไม่มาทำข้อตกลงกันล่ะ”

“ข้อตกลงอะไร”

“ข้าฆ่าเจ้าหนูนั่น หลังจากได้ดาบศักดิ์สิทธิ์และดาบพิภพมาครองแล้ว ข้าจะส่งเจ้าไปประตูโลกด้วยตัวเอง จากนั้นเจ้าก็ไปตามหาศัตรู ส่วนดาบศักดิ์สิทธิ์กับดาบพิภพก็เป็นของข้า”

“ข้อตกลงดีนี่ ข้าตื่นเต้นขึ้นมาเลยล่ะ”

“ถ้าอย่างนั้นตกลงตามนี้”

“ไม่ ข้าขอปฏิเสธ”

มังกรมาแข็งทื่อก่อนกัดฟันแล้วถามว่า “นี่เจ้าล้อข้าเล่นใช่ไหม”

หญิงสาวร่างสูงตอบอย่างสงบว่า “ถ้าก่อนที่ข้าจะเปลี่ยนไปคงตอบตกลงไปแล้ว แต่ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าหลังจากผ่านมาหนึ่งหมื่นปี ในที่สุดตาเฒ่านั่นก็มีลูกหลาน ข้าไม่อยากให้ลูกหลานคนนี้มาตายที่นี่”

มังกรมารตกตะลึง

“ลูกหลานของ… ตาเฒ่า” ใบหน้าของมังกรมารเผยความซับซ้อนออกมา

หญิงสาวร่างสูงหยุดพูด ยังคงคำนวณพละกำลังที่สะสมอยู่ในร่างกาย

มังกรมารพลันหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่าๆ ลูกหลานของเจ้าโง่นั่นหรือ ถ้าไม่ใช่เพราะมัน ข้าคงไม่ถือกำเนิดขึ้นมา นี่ยังไม่รวมเรื่องที่ถูกขังในศูนย์กักกันหุบเหวมานานมากเพื่อคอยคุ้มกันร่างหุบเหวของเจ้าตลอดมา!”

“เจ้าบ้านั่น! เจ้าลูกหลานของมันด้วย!”

“ข้าอยากฆ่าเจ้าหนูนั่นมากเลยล่ะ!”

ร่างของมังกรมารค่อยๆ ใหญ่ขึ้นจนสูงเกือบสี่ถึงห้าเมตร ทำให้ดูเหมือนสัตว์ประหลาดในตำนานมากขึ้นเรื่อยๆ

หญิงสาวร่างสูงถามอย่างเย็นชาว่า “เขามอบชีวิตให้เจ้า แต่เจ้ากลับจะฆ่าลูกหลานของเขาหรือ”

มังกรมารคำรามออกมา “ไม่! ไม่ใช่มัน หวนคืนชาติภพหกวิถีต่างหากที่ทำทั้งหมดนี้! หวนคืนชาติภพหกวิถีคือความหวังเดียวของพวกเรา แต่มันกลับส่งหวนคืนชาติภพหกวิถีออกจากโลกของพวกเรา!”

หญิงสาวร่างสูงกล่าวว่า “เจ้าควรจะเข้าใจนะว่าหวนคืนชาติภพหกวิถีไม่ใช่ส่วนหนึ่งของโลกพวกเรา ดังนั้นพวกเราจึงปล่อยมันไว้ที่นี่ไม่ได้ ไม่อย่างนั้น ใครก็ตามที่ครอบครองมันจะรุกรานโลกของพวกเรา!”

มังกรมารกัดฟันแล้วกล่าวว่า “พอเห็นว่าจุดจบใกล้เข้ามา มันจึงละทิ้งหวนคืนชาติภพหกวิถี ทำให้ข้าเสียความหวังที่จะวิวัฒนาการเป็นร่างสมบูรณ์ในวินาทีสุดท้าย ข้าขอสาปส่งมัน!”

หญิงสาวถอนหายใจก่อนกระซิบอย่างแผ่วเบาว่า “ในตอนนั้น พวกเรารู้วิธีการสร้างหวนคืนชาติภพหกวิถีขั้นพื้นฐานแล้ว พวกเราเริ่มสร้างหวนคืนชาติภพหกวิถีของตัวเองขึ้นมา นี่คืออาวุธสุดท้ายที่เป็นของโลกพวกเรา หลังจากเสร็จสมบูรณ์ ปัญหาของเจ้าจะได้รับการคลี่คลาย”

“เหลวไหล! พลังของเผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่สามารถไปถึงระดับนั้นได้หรอก! มันก็แค่ของเลียนแบบที่เรียบง่ายไร้สาระเท่านั้น!” มังกรมารกล่าว

เขาพลันตื่นเต้นขึ้นมา สายตาจับจ้องหญิงสาวร่างสูงก่อนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ควบคุมไม่ได้ออกมาว่า “ต่อให้ทุกสิ่งจะเป็นไปตามที่เจ้าว่ามา แล้วผลลัพธ์ล่ะ”

หญิงสาวร่างสูงก้มศีรษะก่อนตกอยู่ในความเงียบ

มังกรมารตะโกนอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ตอบข้ามาสิ ผลลัพธ์ล่ะ”

หญิงสาวร่างสูงเม้มริมฝีปากแน่น ความเจ็บปวดในดวงตาหายไป

มังกรมารตะโกนใส่ท้องนภา “ข้า! ข้าถูกพวกมันจองจำมาหลายร้อยล้านปี แถมเจ้าก็ตกลงไปในหุบเหว หลังจากเมินเฉยการตายของตาเฒ่านั่น พวกมันก็หนีไปพร้อมกับหวนคืนชาติภพหกวิถีอันไร้สาระนั่น! แค่นั้นเอง!!!”

ทันใดนั้น เปลวเพลิงหมองหม่นสองลูกปรากฏขึ้นจากลูกตาอันเหี้ยมโหดของมังกรมาร

เขาก้มตัวลง ขาย่อลง ทั้งร่างหมอบต่ำ เขาสัมผัสกับพื้นด้วยนิ้วเพื่อรับน้ำหนักทั้งร่างเอาไว้

ตอนนี้ พลังในร่างของมังกรมารเหมือนกับทะเลลึก ก่อตัวเป็นกลุ่มกระแสน้ำวนหมองหม่นขึ้นมา สายลมหวีดหวิวอันคมปลาบและรุนแรงพัดใส่รอบข้าง

มังกรมารเล็งไปที่หญิงสาวร่างสูง ร่างของเขาแข็งทื่อ

“ตอนที่เจ้าเป็นมนุษย์ เจ้าให้การดูแลข้า ดังนั้นข้าจะให้โอกาสเจ้าหนีอีกครั้ง ไม่งั้นก็ตาย!” มังกรมารกล่าวเสียงต่ำ

หญิงสาวร่างสูงสูดหายใจเข้าลึกๆ คลายกำปั้นลง มือกุมหน้าอก ทั้งร่างดูลึกล้ำราวกับทะเล

“คลาย!”

นางตะโกนออกมาเสียงดัง แสงสีขาวปั่นป่วนพุ่งออกจากร่างกาย

ลำธาร หิน ใบไม้ที่ร่วงหล่นและอากาศที่อยู่รอบข้างราวกับถูกพลังที่เหนือกว่ายึดจับไว้

“นี่คือวิชาหมัดขั้นสูงสุดของเจ้าหรือ น่าเสียดายที่เจ้าในตอนนี้สามารถสำแดงพละกำลังได้ไม่เท่ากับในอดีต” มังกรมารกล่าวหยอกล้อ

“หยุดพูดจาเหลวไหลได้แล้ว ดูของจริงให้เห็นกับตาเถอะ” หญิงสาวร่างสูงกล่าว

“ในเมื่อเจ้าอยากตายนัก ถ้าอย่างนั้นก็จงตายเสียเถอะ!”

ร่างของมังกรมารพลันหายไป

หญิงสาวร่างสูงหายไปเช่นกัน

อสนีบาตอยู่เหนือลำธาร

‘เปรี้ยง!’

ร่างผอมเพรียวพุ่งออกมาราวกับว่าวที่ขาดวิ่น

เสียงหัวเราะของมังกรมารดังขึ้นทั่วท้องนภา “ฮ่าๆ! ไม่ว่าวิชาวรยุทธจะสูงส่งแค่ไหน ต่อให้เจ้าต่อยมาสักพันหมดก็ทำร้ายข้าไม่ได้ ข้าเพียงแค่ต่อยเจ้าหนึ่งหมัดก็เท่านั้น!”

เขายิ้มออกมา แต่ทันใดนั้นก็ปิดปากลง

เขาเห็นร่างพุ่งไปในอากาศ ทันใดนั้นก็หายไปด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ

ราวกับมีใครบางคนที่อยู่ไกลเกินกว่าจะมองเห็นได้ดึงเส้นด้ายด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี

………………………………………….