ในราตรีอันมืดมิด ร่างเลือนรางตัดผ่านท้องนภาขณะเหาะตรงไปทางหนึ่ง

ไกลออกไปหลายร้อยฟุตจากร่างนั้น มังกรมารกำลังไล่ตามด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี

แม้จะไม่เต็มใจ แต่ความเร็วของเขาตามหลังอีกฝ่ายอยู่ ทำให้ไม่สามารถตามอีกฝ่ายทันได้

ระยะห่างทั้งสองฝ่ายยังเพิ่มมากขึ้น

“บัดซบ! ข้าอยากรู้นักว่านางจะไปไหน!”

มังกรมารคำรามราวกับอสนีบาต

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ต้นลำธาร

กู่ฉิงซานยืนอยู่บนบ่อน้ำแห้งขณะอ้าแขน

วินาทีต่อมา ร่างหนึ่งข้ามท้องนภาก่อนตกลงมาอยู่ในอ้อมแขนของเขา

“ทำไมเจ้าไม่ไปล่ะ”

หญิงสาวร่างสูงเต็มไปด้วยโลหิตขณะถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ

กู่ฉิงซานตอบว่า “ข้าบอกแล้วนี่ว่าจะรอเจ้าอยู่ที่นี่”

หญิงสาวร่างสูงกระอักโลหิตออกจากปากก่อนกล่าวราวกับเสียงกระซิบว่า “เจ้าโง่ ปล่อย!”

หลังจากกล่าวเช่นนั้น นางตกอยู่ในอาการสาหัส

กู่ฉิงซานอดที่จะถามไม่ได้ว่า “ฉานนู่ สภาพเป็นยังไงบ้าง”

ฉานนู่ไม่ได้รับข้อจำกัดใดๆ ในโลกใบนี้ ทำให้สามารถสังเกตการณ์โลกด้วยจิตเทพได้

จากนั้น น้ำเสียงวิตกของฉานนู่พลันดังขึ้น

“ไม่มีเวลาจะมาอธิบายแล้ว นายท่าน รีบหนีกันเถอะ!”

กู่ฉิงซานรู้ทันทีว่ามันเป็นเรื่องความเป็นความตาย

โดยไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่าแม้แต่วินาทีเดียว เขากอดหญิงสาวร่างสูงก่อนกระโดดลงไปในบ่อน้ำแห้งแล้วพุ่งตรงไปห้องลับ

ในห้องลับ ฉานนู่เปิดหีบสมบัติทันที เมื่อเห็นกู่ฉิงซานเข้ามา นางกลายเป็นดาบยาวทันทีก่อนมาเหน็บที่เอวของเขา

กู่ฉิงซานกอดหญิงสาวร่างสูงที่หมดสติเอาไว้ เข้าไปในหีบสมบัติก่อปิดฝาลง

“ส่งพวกเราไป จากนั้นเจ้าก็ซ่อนตัวด้วย” กู่ฉิงซานกล่าวกับตุ๊กตาหุ่นเชิด

ตุ๊กตาหุ่นเชิดพยักหน้า “อย่าห่วงไปเลย ทันทีที่พวกเจ้าไป ข้าจะไปซ่อนกับภูต ไม่มีใครสามารถตามหาภูตเจอหรอก”

ตอนนี้ มีเสียงกระแทกพื้นหนักแน่นมาจากด้านนอก

มังกรมารไล่ตามมาจนถึงก้นบ่อน้ำ

เขาเห็นกำแพงแตกหักกับห้องลับที่อยู่ข้างใน

“หืม! ห้องสมบัติหรือ ไม่! ความรู้สึกนี้ช่างแปลกประหลาดนัก…”

มังกรมารนิ่งด้วยความสงสัย

ในความมืด เขาสัมผัสได้ถึงพลังของสายเลือดมังกร

แต่เขาไม่ได้กลิ่นโลหิตใดๆ

หรือว่าจะเป็นเจ้าหนูที่เอาดาบศักดิ์สิทธิ์กับดาบพิภพไป

ในยุคโบราณ ในการต่อสู้ครั้งสุดท้าย อีกฝ่ายกลายเป็นยักษ์อมตะที่มีฮอร์ครักซ์ ดังนั้นเขาจึงสัมผัสตัวตนที่แท้จริงของอีกฝ่ายไม่ได้

ตอนนี้ มีความปรารถนาที่จะกลืนกินอยู่ในใจของเขาแล้ว

นี่พิสูจน์ให้เห็นว่ามีตัวตนที่สืบทอดสายเลือดอยู่ใกล้ๆ

แต่น่าแปลก เขาไม่ได้กลิ่นโลหิตเลย…

เจ้าหนูนั่นสังหารตัวเองในโลกคู่ขนานหรือ

ถ้างั้น อะไรที่ซ่อนลมหายใจของมันกันล่ะ

ทันใดนั้นเอง กลิ่นโลหิตก็หายไป

ใบหน้าของมังกรมารเปลี่ยนไป เขาพุ่งเข้าห้องลับ ด้วยการโบกมือขนาดใหญ่ ฝาหีบสมบัติทั้งหมดพลันเปิดออก

…ว่างเปล่า

พวกมันไปจากที่นี่แล้ว

มังกรมารครุ่นคิดสักพัก เดินรอบหีบสมบัติเหล่านี้ ในที่สุดก็ย่อตัวลงหน้าหีบใบหนึ่ง

เขายื่นนิ้วไปสัมผัสหีบว่างเปล่าอย่างแผ่วเบา

นิ้วถูกย้อมเป็นสีแดง

มังกรมารเลียนิ้วก่อนกระซิบออกมาว่า “ใช่แล้ว นี่คือเลือดของนาง… พวกมัรเคลื่อนย้ายพริบตาจากหีบใบนี้…”

มังกรมารเข้าไปในหีบใบนั้น

เทียบกับร่างกายใหญ่โตของเขาที่สูงห้าเมตรแล้ว หีบใบนี้ออกจะเล็กไปเสียหน่อย เขาย่อตัวอยู่นานก็ไม่สามารถเข้าไปได้

มังกรมารหยุดทำก่อนจมสู่ความคิด

หีบมีความสามารถพิเศษในการเคลื่อนย้ายพริบตา…

พูดง่ายๆ ก็คือมันเป็นไอเทมมิติที่ใช้เคลื่อนย้ายไปโลกต่างๆ มีค่ามากและไม่สามารถต้านทานการทำลายล้างตัวเองได้

ท้ายที่สุด มังกรมารทำได้เพียงลดพละกำลังทั้งหมดเพื่อพยายามหดร่างกายให้เหลือราวสามเมตรก่อนขดเข้าไปในหีบได้ในที่สุด

“เอาล่ะ ต่อไป ข้าต้องไปดูว่ามันใช่อาหารของข้าหรือเปล่า”

มังกรมารเผยรอยยิ้มกว้างก่อนปิดฝาหีบลง

ความเงียบกลับมาสู่ห้องลับ

ผ่านไปสักพัก

เสียงคำรามที่สั่นสะเทือนปฐพีดังมาจากหีบ

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมข้าถึงไม่ถูกส่งตัวไป!!”

วังวนความว่างเปล่า

สายลมโกลาหลไม่หยุดพัดพา

กู่ฉิงซานกอดหญิงสาวร่างสูงเอาไว้ขณะถูกปกคลุมด้วยแรงบางอย่างก่อนลอยไปยังทิศทางที่กำหนด

“น่าแปลก มันควรจะต้องถึงแล้วสิ” เขาพึมพำ

ตามวิธีเคลื่อนย้ายพริบตาบนแผนที่ดวงดาว การออกจากดาวคนคู่ด้วยหีบจะเคลื่อนย้ายพริบตาไปโลกวิญญาณธาตุ

คราวที่แล้ว เขาเข้าสู่โลกวิญญาณธาตุ

แต่คราวนี้ดูเหมือนว่าจะมีบางสิ่งผิดปกติ

ทันใดนั้นเอง ในความว่างเปล่าไม่มีสิ้นสุดตรงหน้า เนบิวลาเจิดจ้าพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูงมาก

ดวงดาวจำนวนมากรวมตัวอยู่ตรงหน้าเขาดวงแล้วดวงเล่า

…นั่นคือสิ่งที่เหมือนกับวิญญาณเวลา

นางยิ้มให้กู่ฉิงซานแล้วกล่าวว่า

“ผู้ปกครองเสาศักดิ์สิทธิ์แห่งดินเอ๋ย เจ้าได้ลงนามสัญญาลับกับข้าแล้ว ตัวตนของเจ้าจะเป็นความลับโดยข้า ดังนั้นเจ้าไม่สามารถนำสิ่งมีชีวิตหุบเหวเข้าสู่โลกของข้าได้ ไม่อย่างนั้นมันจะเกิดการรั่วไหลจนทำลายสัญญาระหว่างเจ้ากับข้า ทำให้เจ้าถูกสังเกตเห็นโดยสิ่งมีชีวิตไม่รู้จักที่ทรงพลังเป็นจำนวนมาก”

กู่ฉิงซานก้มมองหญิงสาวร่างสูงในอ้อมแขน

นางยังอาการสาหัส ใบหน้าซีดเผือด มีคราบโลหิตที่มุมปาก

กู่ฉิงซานกล่าวว่า “ข้าไม่สามารถทิ้งนางได้ ดังนั้นข้าจะไม่ไปโลกของท่าน”

วิญญาณเวลาเผยสีหน้าครุ่นคิดออกมา ผ่านไปสักพักจึงกล่าวว่า “ข้าไปยังช่วงเวลาที่เจ้าได้รับแผนที่ดวงดาวมา ตอนนี้ข้ารู้แล้วว่าโลกต่อไปที่เจ้าจะไปคืออะไร… ให้ข้าส่งเจ้าไปโลกต่อไปเองเลยไหมล่ะ”

“ได้สิ เช่นนั้นข้าต้องรบกวนท่านแล้ว” กู่ฉิงซานกล่าว

วิญญาณเวลายิ้มแล้วกล่าวว่า “นี่ไม่ใช่การรบกวนแต่อย่างใด แต่ข้าจะต้องรับมือกับสงครามที่ข้องเกี่ยวกับความเป็นความตายของวิญญาณ เพราะงั้นข้าอาจจะไม่มีเวลามาดูแลเจ้า เมื่อถึงวันนั้น เจ้าต้องพึ่งพละกำลังตัวเองเพื่ออยู่รอด พยายามให้หนักเพื่อแข็งแกร่งขึ้น”

กู่ฉิงซานกล่าวอย่างซาบซึ้งว่า “ท่านช่วยข้ามาเยอะแล้ว ข้ารู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก”

วิญญาณเวลาพยักหน้า “ลาก่อน ข้าหวังว่าเจ้าจะเติบโตได้ไว ยังไงเสีย หากสี่เสาศักดิ์สิทธิ์ขาดพละกำลังของเสาใดไป พวกข้าจะลำบากไม่ใช่น้อย…”

เสียงของนางค่อยๆ อ่อนลง

เนบิวลาเจิดจ้าสลาย รูปลักษณ์ของวิญญาณเวลาหมองหม่น แสงดาราทั้งหมดหายไปในความว่างเปล่าไร้ที่สิ้นสุด

ในความว่างเปล่า กู่ฉิงซานยังลอยไปข้างหน้า

ดูเหมือนว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น

แต่หลังจากผ่านไปหลายอึดใจ แรงฉุดกู่ฉิงซานก็พลันเปลี่ยนไป

เขาถูกเหวี่ยงเป็นวิถีโค้งในความว่างเปล่าก่อนลอยไปยังอีกทางหนึ่ง

ลอย

แล้วก็ลอย

เขาไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน

ปากที่เต็มไปด้วยแสงเจิดจ้าพลันปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า กู่ฉิงซานถูกส่งไปในนั้นทันที

ภายใต้ท้องนภาหมองหม่น

อุกกาบาตเคลื่อนผ่านก่อนตกลงไปสู่ปฐพีไร้พรมแดน

อุกกาบาตพุ่งไปสักพักก่อนพลันหยุดนิ่งในอากาศแล้วหายไปอย่างไร้ร่องรอย

กู่ฉิงซานตกลงสู่ปฐพี

เขาปล่อยจิตเทพออกไปเพื่อตรวจสอบรอบข้างหลายพันไมล์

แดนรกร้าง

ที่นี่คือเทือกเขาหินแห้งแล้ง

“นายท่าน ไม่มีใครอยู่แถวนี้เลย”

ฉานนู่พุ่งออกมาขณะมองรอบข้างอย่างระแวดระวัง

“อืม เจ้าช่วยข้าอุ้มนางที”

กู่ฉิงซานตบถุงเก็บของก่อนพบค่ายกลหนึ่ง…

หลังออกจากดาวคนคู่ ในฐานะนักพรตระดับสามพันโลกขั้นสูงสุด ในที่สุดเขาก็ได้พลังกลับคืนมา!

กู่ฉิงซานติดตั้งค่ายกลป้องกัน ปกปิดและโจมตีขนาดใหญ่ทั้งหมดในอึดใจเดียว เขายื่นมือออกไปเพื่อใช้วิชา ระเบิดภูเขาจนเกิดเป็นถ้ำ

เขาเดินเข้าไป สิ่งที่แรกที่คือติดตั้งค่ายกลรวบรวมวิญญาณ หยิบเบาะนั่งกับเครื่องนอนออกมาวางใกล้ๆ จากนั้นจุดธูปหอมหนึ่งกำ ฉานนู่วางหญิงสาวร่างสูงที่หมดสติลงอย่างนุ่มนวล

กู่ฉิงซานหยิบยาเม็ดรักษาชั้นยอดออกมา บดมัน แช่น้ำแล้วเทใส่ปากของหญิงสาวร่างสูง

ใบหน้าของเขาหนักอึ้งเล็กน้อย

บนดาวคนคู่ ฉานนู่ที่มีพลังอย่างเต็มเปี่ยมไม่สามารถจัดการหญิงสาวร่างสูงได้

แต่เมื่อมังกรมารมา เขาจัดการหญิงสาวร่างสูงจนทำให้อยู่ในอาการปางตายได้

…มันทรงพลังแม้ว่าพลังจะถูกผนึกเอาไว้ก็ตาม หากเผชิญหน้ากับสัตว์ประหลาดที่ระเบิดพละกำลังทั้งหมดออกมา เขาจะมีโอกาสหนีรอดหรือ

ความห่างชั้นมากเกินไป

เขาพลันนึกบางสิ่งออกจึงถามฉานนู่ว่า “ตอนพวกเขาสู้กัน เจ้าใช้จิตเทพสังเกตการณ์ สถานการณ์ในตอนนั้นเป็นยังไงหรือ”

ฉานนู่เล่าการต่อสู้ระหว่างมังกรมารและหญิงสาวร่างสูงอย่างละเอียด รวมถึงบทสนทนาของทั้งสองโดยไม่มีการตกหล่นแม้แต่นิดเดียว

หลังจากกู่ฉิงซานได้ฟัง เขาหันมาตรวจสอบบาดแผลของหญิงสาวร่างสูง

“นางบอกว่าข้าคือลูกหลานของตาเฒ่าหรือ” กู่ฉิงซานถาม

“ใช่ นางบอกว่าในที่สุดตาเฒ่าก็มีลูกหลาน ดังนั้นนางไม่อยากให้ท่านตาย นางพยายามสุดความสามารถที่จะขัดขืนมังกรมารโดยไม่ยอมถอย” ฉานนู่กล่าว

กู่ฉิงซานเงียบ

………………………………………….