แดนนิรมิตเทพ บทที่ 536
ทันใดนั้นก็มีเสียงเย็นชาดังมาจากด้านหลังของพวกเขาสองคน “ดวงดาวเคลื่อนตัว ภูเขาและแม่น้ำเคลื่อนตัวตาม เวลาผ่านไปเป็นพันปีแล้ว ภูมิศาสตร์บริเวณนี้

เปลี่ยนแปลงนานแล้ว ถ้าคุณไม่รู้จักพลิกแพลง คุณก็จะไม่สามารถหาสุสานเจอ!”

“ใคร?” ชายแซ่หวางอุทานออกมา ทั้งสองรีบหันไปอย่างรวดเร็ว โดยหลังพิงกันและกันเพื่อเป็นการป้องกันตัว แล้วมองคนที่ปรากฏตัวออกมา

“คุณหยวน!” หลังจากเห็นว่าเป็นคนรู้จัก ชายแซ่หูรู้สึกผ่อนคลายและถามด้วยรอยยิ้มว่า “ทำไมพวกคุณไม่นอนพักผ่อน แล้วมาที่นี่ทำไม?”

หยวนชิงซานเหลือบมองเฉินโม่และยิ้มอย่างลึกลับ “มาช่วยพวกคุณหาสุสานไง?”

“สุสานอะไร พวกเราไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงอะไร? ผมกับไอ้หูแค่มาปัสสาวะเท่านั้น ใช่ไหมไอ้หู” ชายแซ่หวางหัวเราะ

ชายแซ่หูหัวเราะและกล่าวว่า “ถูกต้อง ตอนนี้พวกเราปัสสาวะเสร็จแล้ว ควรจะกลับแล้ว พวกเรากลับกันเถอะ!”

หลังจากกล่าวจบ ทั้งสองคนก็เดินมุ่งหน้าไปทางค่ายพักแรม

“คนซื่อสัตย์จะพูดตรงไปตรงมา โจรปล้นสุสานอย่างพวกคุณสองคนไม่จำเป็นต้องปิดปังอีกแล้ว พวกคุณหลอกศ.เฉินได้ แต่พวกคุณหลอกผมไม่ได้หรอก” หยวนชิงซานกล่าวเยาะเย้ย

ทั้งสองคนหยุดฝีเท้ากะทันหัน และหันมามองหยวนชิงซาน

ชายแซ่หวางโต้กลับด้วยความโมโหว่า “แกว่าใครเป็นโจรปล้นสุสาน? ถ้าไม่ใช่เพราะเห็นว่าแกอายุมากแล้ว ฉันตบปล้องหูแกแน่นอน!”

หยวนชิงซานมองทั้งสองคนด้วยความเย้ยหยัน แต่ไม่พูดอะไร

ชายแซ่หูถูกจ้องมองจนรู้สึกขนลุก เขามองสลับระหว่างเฉินโม่กับหยวนชิงซาน ทันใดนั้นก็ถอนหายใจและกล่าวว่า “เอาล่ะ ดูเหมือนว่าพวกคุณสองคนจะไม่ใช่คนธรรมดา ดังนั้นพวกเราก็ไม่มีความจำเป็นต้องปิดปังอีกต่อไปแล้ว”

ชายแซ่หวางกล่าวด้วยความกังวลว่า “ไอ้หู……แก…..”

“โอ้ แกยอมรับแล้วเหรอ?” หยวนชิงซานหัวเราะ

ชายแซ่หูตบไหล่ของชายแซ่หวางเบา ๆ มองไปที่หยวนชิงซานแล้วส่ายศีรษะ กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ฉันแค่บอกว่าไม่จำเป็นต้องปิดปัง แต่ไม่ได้ยอมรับว่าพวกเราเป็นโจรปล้นสุสาน โปรดอย่าเรียกพวกเรากองพันทหารขุดทอง*ด้วยคำหยาบคายแบบนั้น การที่พวกตามศ.เฉินมาที่นี่ ไม่ได้มาเพื่อปล้นสุสาน”

หยวนชิงซานกล่าวเยาะเย้ย “มันก็เหมือนกันแหละ เป็นการปล้นสุสานเหมือนกัน แล้วมันต่างกันตรงไหน?”

เฉินโม่โบกมือเพื่อไม่ให้หยวนชิงซานพูดต่อ มองชายแซ่หูและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “คุณจำสิ่งที่ผมพูดเมื่อสักครู่ได้ไหม?”

ชายแซ่หูมองเฉินโม่ด้วยสีหน้าจริงจัง ดวงตาเป็นประกาย ราวกับว่าเขาต้องการมองทะลุความคิดของเฉินโม่ “ผมจำไว้แล้ว แต่ผมมีข้อสงสัย ขอถามว่าน้องชายรู้ดวงโหราศาสตร์เหรอ?”

เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ผมไม่รู้ว่าดวงโหราศาสตร์คืออะไร? แต่ผมเข้าใจดาราศาสตร์ ถ้ามุ่งหน้าไปทางใต้สองร้อยเมตร จะเป็นสถานที่ที่พวกคุณกำลังหา พวกคุณไปเถอะ!”

ชายแซ่หูกับชายแซ่หวางต่างมองหน้ากัน

ชายแซ่หูประสานมือทั้งสองเป็นการคำนับและกล่าวว่า “ขอบคุณที่บอก! ไอ้หวาง พวกเราไปกันเถอะ!”

เฉินโม่มองแผ่นหลังของพวกเขาสองคน และด้วยความสามารถในการได้ยินที่เหนือชั้นของเขา เขาสามารถได้ยินแม้กระทั่งชายแซ่หวางกล่าวเบา ๆ ว่า “ไอ้หู ดูท่าทางเขาเหมือนเป็นนักเรียนมัธยมปลาย เขารู้เรื่องพวกนี้เหรอ? เชื่อคำพูดของเขาได้เหรอ?”

ชายแซ่หูกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ไม่รู้ ไปดูกันก่อนแล้วค่อยว่ากัน ฉันมักจะรู้สึกว่าเจ้าเด็กคนนี้ไม่ใช่คนธรรมดา!”

เมื่อเห็นแผ่นหลังของทั้งสองคนค่อย ๆ หายไป เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “พวกเรากลับกันเถอะ”

“โอเค” หยวนชิงซานเดินตามเฉินโม่กลับไปที่ค่ายพักแรม

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น เสียงดีใจดังขึ้นมาในค่ายพักแรม ชายแซ่หูพบสุสานที่มีน้ำใต้ดินแล้ว ไม่เพียงแค่สามารถแก้ปัญหาแหล่งน้ำได้เท่านั้น แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นบุกเบิกให้กับทีมโบราณคดีอีกด้วย

เพียงแต่ขณะที่ชายแซ่หูมองเฉินโม่โดยไม่ตั้งใจ มีความเคารพอยู่ในสายตาของเขา

ทุกคนเดินทางไปที่สุสานทันที หลังจากเดินมาถึงทางเข้าแล้ว พวกเขาใช้เชือกหย่อนลงไป แล้วปีนลงไปในสุสานทีละคน เพื่อทำการวิจัยทางโบราณคดี เฉินโม่กับหยวนชิงซานตามทีมไปด้วย เพื่อดูว่ามีเครื่องรางหรือสิ่งที่คล้ายคลึงหรือไม่