ตอนที่ 305 ชนเผ่ามายา

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

“ท่านคิดถูกแล้ว สตรีผู้นั้นคืออดีตนายหญิงของข้า เทพมายาคนก่อน”

ซิวกล่าวยืนยันข้อสงสัยของฉินอวี้โม่

สตรีอาภรณ์สีขาวสะอาดที่ปรากฏในวิดีโอเมื่อครู่คืออดีตเทพมายาและนายหญิงของซิว–เทพมายาผู้เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดของทั้งดินแดน

“สถานที่ที่ท่านเห็นเมื่อครู่ หากข้าเดาไม่ผิดมันน่าจะเป็นสถานที่ของชนเผ่ามายา และกล่องที่นางฝังไว้ใต้หอคอยซ่อนเบาะแสเกี่ยวกับผนึกที่สองของกายเทพมายาเอาไว้”

ซิวกล่าวสิ่งที่มันรู้โดยไม่รอช้า

แม้ว่ามันสูญเสียความสามารถไปมากมายตลอดช่วงเวลานับพันปีที่ผ่านมา ความทรงจำของมันก็ไม่เคยลบเลือนหายไป มันยังจดจำหลายสิ่งหลายอย่างได้เป็นอย่างดีทั้งที่ผ่านมาเนิ่นนาน ทว่าด้วยพลังความแข็งแกร่งของฉินอวี้โม่ในปัจจุบัน ยังมีหลายอย่างที่มันบอกกับนางไม่ได้

“ชนเผ่ามายางั้นรึ?”

เมื่อได้ยินเบาะแสในการปลดผนึกที่สองของกายเทพมายา ฉินอวี้โม่ก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจนัก หากสตรีนางนั้นคือเทพมายาคนก่อนและกล่องใบนั้นมีเบาะแสในการปลดผนึกที่สองของกายเทพมายา มันก็ถือว่าสอดคล้องกันทีเดียว

ทว่าคำว่า ‘ชนเผ่ามายา’ ทำให้นางรู้สึกแปลกพิลึก

ถึงแม้ฉินอวี้โม่จะไม่ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับดินแดนนี้มากมายนัก ทว่านางก็ถือว่ามีความรู้และข้อมูลในระดับหนึ่ง เมื่อพิจารณาสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในภาพเคลื่อนไหวนั้น ชนเผ่ามายาน่าจะลึกลับซับซ้อนอย่างมาก เป็นไปได้อย่างไรที่ขุมกำลังที่ดูทรงพลังเช่นนี้จะไม่มีตัวตนและไม่เป็นที่รู้จักกันโดยทั่ว?

นางไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับชนเผ่ามายามาก่อนและอดมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนไม่ได้

“อย่าแปลกใจไปเลย มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ท่านยังไม่รู้เกี่ยวกับดินแดนแห่งนี้ มีเผ่าพันธุ์โบราณมากมายและแม้กระทั่งเอลฟ์ในตำนานซึ่งตัวท่านในปัจจุบันยังไม่สามารถเข้าถึงพวกเขาได้”

ซิวอธิบายเพื่อลดความสงสัยของผู้เป็นนายหญิง

คำอธิบายของซิวทำให้อดีตนักฆ่าสาวผู้เก่งกาจต้องประหลาดใจอีกครั้ง ‘เอลฟ์’ นี่เป็นคำที่แปลกใหม่อย่างแท้จริง

หากนางคาดเดาไม่ผิด เอลฟ์ที่ว่านี้น่าจะเป็นเผ่าพันธุ์ที่ทรงพลังอย่างมาก นับประสาอะไรกับพลังของนางในตอนนี้ ต่อให้เป็นยอดฝีมืออันดับต้นๆของดินแดนอ้างว้างก็ไม่อาจทัดเทียมได้

“ชนเผ่ามายาไม่ได้อยู่ในดินแดนอ้างว้างหรือดินแดนเทพมายา ทว่าอยู่ในมิติพิเศษระหว่างทั้งสองดินแดน และมิตินั่นคือสถานที่ที่ท่านได้เห็นเมื่อครู่นี้”

ซิวดูเหมือนใช้ความคิดและคำนึงถึงอะไรบางอย่าง น้ำเสียงของมันเจือปนด้วยความรู้สึกอ่อนไหวและโศกเศร้า

“ชนเผ่ามายาที่ว่านี้…เกี่ยวข้องกับเทพมายาคนก่อนและกายเทพมายาของข้าใช่รึไม่?”

แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ก็สัมผัสได้ว่าซิวแปลกไป นางมีสติปัญญาที่เป็นเลิศและเฉียบแหลม เพียงแค่ไตร่ตรองพิจารณาครู่เดียวนางก็คาดเดาสิ่งต่างๆได้

ชนเผ่ามายานี้จะต้องมีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกับเทพมายาคนก่อนอย่างแน่นอนและเป็นไปได้ว่าชนเผ่าที่ว่านี้ถูกสร้างและถือกำเนิดขึ้นโดยเทพมายาเอง

“เมื่อหลายพันปีก่อน อดีตนายหญิงของข้าเป็นผู้นำชนเผ่ามายาและตอนนั้นชนเผ่ามายาก็เป็นหนึ่งในขุมกำลังที่ยิ่งใหญ่ของดินแดน ทว่าในภายหลังเทพมายาก็ได้เปิดมิติพิเศษระหว่างสองดินแดนนั้นขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงจากความขัดแย้งบางอย่าง สมาชิกของชนเผ่ามายาที่อยู่ภายใต้ปกครองของนางก็ได้เดินทางเข้าไปในมิตินั้น ตลอดเวลานับพันปีที่ผ่านมา ไม่มีใครรู้เลยว่าที่นั่นเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร”

ซิวทอดถอนหายใจและดูเหมือนจะรำลึกถึงความหลัง สำหรับซิวแล้วชนเผ่ามายาเป็นความทรงจำที่สลักแน่นและไม่เหมือนที่ใด มันเติบโตขึ้นมาในชนเผ่านี้และรู้จักผู้คนมากมายที่นั่น

แรกเริ่มเดิมที นายหญิงของมันได้นำทางและผลักดันชนเผ่ามายาจนกลายเป็นขุมกำลังอันดับต้นๆของดินแดน หากไม่ใช่เพราะเกิดอุบัติเหตุไม่คาดฝันซึ่งทำให้ชนเผ่าต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่และด้วยการที่นายหญิงของมันได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น คนของชนเผ่ามายาก็คงไม่ต้องหลี้ภัยไปสู่มิติพิเศษแห่งนั้น

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและรู้สึกเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของเทพมายาคนก่อนมากยิ่งขึ้น เทพมายาในตอนนั้นน่าจะมีพลังอย่างน้อยในขอบเขตนภาเซียน มิฉะนั้นก็คงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะทำเรื่องที่น่าอัศจรรย์มากมายเช่นนั้นได้

“นายหญิง เราต้องไปที่ชนเผ่ามายา มันเกี่ยวข้องกับผนึกที่สองของท่าน ต่อให้เส้นทางจะเต็มไปด้วยขวากหนาม เราก็จะต้องไปที่นั่นอย่างไม่มีทางเลือก”

ซิวกล่าวขึ้นอีกครั้งและตัดสินใจอย่างแน่วแน่แล้วว่าจะต้องไปที่นั่น

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะทว่าก็ยังงุนงง

“ในเมื่อชนเผ่ามายาเป็นชนเผ่าของอดีตเทพมายา แล้วเหตุใดเราจะต้องเผชิญกับขวากหนามตอนไปที่นั่นด้วยล่ะ?”

จากสิ่งที่นางได้ทราบ ชนเผ่ามายาเป็นชนเผ่าของเทพมายาคนก่อน และสมาชิกของชนเผ่าก็ควรจะรักและเทิดทูนเทพมายาเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดในน้ำเสียงของซิวไม่น่าจะเป็นสิ่งที่เสแสร้งขึ้นมา ชนเผ่ามายานี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หากใครต้องการกล่องใบนั้น คนผู้นั้นก็ต้องยอมเสี่ยงเผชิญกับอันตราย เพราะเหตุนั้นนางจึงเกิดความสงสัยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

“เพราะมีผู้ทรยศอยู่ในชนเผ่ามายาและตอนนี้ชนเผ่ามายาก็อยู่ภายใต้การกุมอำนาจของคนทรยศผู้นั้น หากเรายึดอำนาจของชนเผ่ากลับคืนมาและเอาชนะเจ้าคนทรยศนั่นได้ ในอนาคตเราจะถือไพ่เหนือกว่าเมื่อเผชิญหน้ากับขุมกำลังที่ทรงพลังมากมายในดินแดนเทพมายา”

ซิวกล่าวด้วยน้ำเสียงแน่วแน่และดุดัน

เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินอวี้โม่ก็ต้องชะงักเล็กน้อยอีกครั้ง ดูเหมือนว่า ‘ผู้ทรยศ’ ในชนเผ่ามายาจะมีเรื่องบาดหมางกับซิวอยู่ไม่น้อย

“เอาล่ะ เราจะคุยเรื่องชนเผ่ามายากันอีกในภายหลัง หากท่านต้องการไปที่นั่น ท่านจะต้องแก้ปัญหาความวุ่นวายในดินแดนอ้างว้างแห่งนี้เสียก่อน ยิ่งไปกว่านั้น สภาวะพลังของท่านในตอนนี้ก็ยังอ่อนแอเกินไป หากท่านยังไม่ได้ทะลวงพลังไปถึงขอบเขตจ้าวสุริยะ การเดินทางไปที่ชนเผ่ามายาก็ไม่ได้แตกต่างไปจากการรนหาที่ตาย”

ฉินอวี้โม่อยากจะถามเพิ่มเติมทว่าซิวกล่าวแทรกขึ้นก่อนเพื่อไม่ให้ถามนางอะไรได้

เรื่องของชนเผ่ามายานี้จะยังไม่ชัดเจนไปอีกระยะและพลังอำนาจของชนเผ่ามายาก็ไม่ใช่สิ่งที่นางจะคาดเดาได้ ในดินแดนอ้างว้างแห่งนี้ก็ยังมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ยังไม่ได้รับการสะสาง ส่วนเรื่องชนเผ่ามายาจะต้องรอให้พลังของฉินอวี้โม่พัฒนาไปกว่านี้และจัดการความวุ่นวายในดินแดนอ้างว้างแห่งนี้เสียก่อน

“เข้าใจแล้ว”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะแต่ในขณะที่นางกำลังจะเก็บม้วนหนังแกะไว้ในแหวนมิติ จู่ๆนางก็เห็นลวดลายเส้นทางแผนที่ปรากฏขึ้นบนแผ่นหนังอย่างฉับพลัน

“นี่ควรจะเป็นแผนที่สำหรับมิติพิเศษที่ชนเผ่ามายาตั้งอยู่ ด้วยแผนที่นี้ ในอนาคตเราจะเดินทางไปที่นั่นได้ง่ายขึ้นมาก”

ซิวกล่าวต่อเพื่ออธิบาย

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและไม่สงสัยอีกต่อไป จากนั้นนางก็เก็บแผนที่นี้ไว้ในแหวนมิติ

ดูเหมือนว่ายังมีปริศนาอีกมากมายรอให้นางค้นหาคำตอบ นางยังต้องทุ่มเทและพยายามอีกมาก

“ซิว เจ้าจะต้องใช้เวลาวิวัฒนาการอีกนานเพียงใด?”

ฉินอวี้โม่เอ่ยถามซิวโดยตรง แม้ว่าตอนนี้สามารถสื่อสารกันและนางใช้เพลิงอสูรบางส่วนได้ การวิวัฒนาการอันยาวนานของซิวก็ยังไม่เสร็จสมบูรณ์

“ข้ายังต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ แต่เชื่อว่าเมื่อข้าออกจากช่วงเก็บตัวครั้งต่อไป เรื่องในดินแดนอ้างว้างก็น่าจะใกล้สะสางแล้ว เมื่อเราไปที่ชนเผ่ามายา เราจะยุ่งวุ่นวายกันอย่างมาก”

ไม่รู้เลยว่าซิวต้องใช้เวลาเก็บตัวอีกนานแค่ไหน ในฐานะเทพอสูร การวิวัฒนาการในแต่ละครั้งของมันจะใช้เวลามากกว่าอสูรมายาทั่วไปเสมอ แต่ก็แน่นอนว่าพลังหลังจากการวิวัฒนาการสมบูรณ์ก็เหนือชั้นจนอสูรทั่วไปเทียบไม่ได้เลยเช่นกัน

“เจ้าเสี่ยวอวี้ก็วิวัฒนาการจนใกล้จะเสร็จสมบูรณ์แล้ว”

ซิวกล่าวพร้อมรอยยิ้ม หานอวี้ก็อยู่ในช่วงเก็บตัวเช่นกัน ทว่ามันรู้สึกได้ว่าการวิวัฒนาการของหานอวี้ใกล้จะเสร็จสมบูรณ์ในไม่ช้าและความแข็งแกร่งของมันก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าทวี

“โอ้ จริงรึ?”

ฉินอวี้โม่รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น เจ้ามังกรตัวน้อยเข้าสู่ช่วงเก็บตัวมานานพอสมควรแล้ว แม้ว่านางกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของมัน นางก็ไม่มีหนทางติดต่อมันได้ บัดนี้เมื่อซิวกล่าวเช่นนี้นางจึงรู้สึกโล่งใจขึ้นมาก นางตั้งตารอดูการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับ ‘บุตรชายต่างเผ่าพันธุ์’ หลังเสร็จสิ้นการวัฒนาการเช่นกัน

“จะว่าไปแล้ว คฤหาสน์เฟิงหัวที่ท่านหลอมครานี้ยอดเยี่ยมจริงๆ ในขณะที่ท่านพัฒนาความแข็งแกร่งของตนเองต่อไป ท่านก็สามารถจับอสูรสุริยะขั้นสูงมาได้ หากเกิดเหตุอะไรในภายหน้า ท่านจะได้มีผู้ช่วยที่ทรงพลังเพิ่มขึ้น”

ซิวกล่าวและฉินอวี้โม่ก็ไตร่ตรองเป็นเวลานาน

ในเมื่อมีคฤหาสน์ที่สามารถรองรับอสูรมายาได้เป็นจำนวนมาก มันก็คงเสียเปล่าหากนางไม่สร้างกองทัพอสูรที่ยิ่งใหญ่ขึ้นมา

“ข้าจะเข้าสู่สภาวะจำศีลต่อไป หากมีอะไรเกิดขึ้น ข้าจะเป็นฝ่ายติดต่อท่านเอง”

ซิวกล่าวทิ้งท้ายขณะเสียงของมันค่อยๆเงียบหายไปในห้วงจิตของฉินอวี้โม่ ขณะนี้นางรู้สึกได้ว่าจุดที่ซิวเข้าเก็บตัวดูเหมือนจะปิดตายลงอีกครั้งและนางไม่สามารถติดต่อซิวได้อีกต่อไป

“พี่ซิวช่างน่าสะพรึงกลัวจริงๆ เขารอบรู้เกินไป”

มารยาอดถอนหายใจด้วยความชื่นชมไม่ได้

แม้ว่ามันอยู่ในคฤหาสน์เหมันต์เป็นเวลานานและได้รับรู้เรื่องราวหลากหลาย ทว่าเมื่อเทียบกับซิวแล้วนั้น สิ่งที่มันรู้ก็นับว่าน้อยนิดจนไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงด้วยซ้ำ

เมื่อได้ยินวาจาของอสูรมายาข้างกาย ฉินอวี้โม่ก็ยิ้มบางๆและกล่าว “ไม่แปลกหรอก เทพอสูรที่เป็นดั่งราชาของอสูรทั้งปวงจะธรรมดาได้อย่างไร”

นางมองมารยาและกล่าวต่อ “ข้าอยากรู้นักว่าในอดีตตอนนั้น ระหว่างเทพมายากับราชินีเหมันต์ ใครจะแข็งแกร่งกว่ากัน?”

เทพมายาและราชินีเหมันต์ต่างก็เป็นสองยอดฝีมือที่ทรงพลังอย่างที่สุด ฉินอวี้โม่อยากรู้ว่าทั้งสองจะแกร่งกล้าสามารถเพียงใด

“ข้าเองก็อยากรู้เช่นกัน”

มารยายกยิ้มมุมปาก มันก็สงสัยเช่นกันว่าใครคือผู้ที่แข็งแกร่งกว่ากัน

“นายหญิง ข้าเชื่อว่าสักวันท่านจะก้าวผ่านทั้งเทพมายาและราชินีเหมันต์จนกลายเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งในดินแดนนี้อย่างแน่นอน”

มารยามองนายหญิงและกล่าวด้วยความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม

มันติดตามฉินอวี้โม่มานานพอสมควรและมันเชื่ออย่างที่กล่าวออกไปอย่างสุดหัวใจ มันรู้สึกภาคภูมิใจและโชคดีอย่างที่สุดที่ได้มาเป็นอสูรพันธสัญญาของผู้แกร่งกล้าสามารถอย่างฉินอวี้โม่

ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยพรสวรรค์และทัศนคติของฉินอวี้โม่ มารยาเชื่อว่านางจะกลายเป็นยอดฝีมือที่เหนือกว่าเทพมายาคนก่อนและราชินีเหมันต์อย่างแน่นอน

“ฮ่าๆๆ ข้าก็หวังไว้เช่นนั้น”

ฉินอวี้โม่ยิ้มกริ่มขณะกำหมัดของตนเองขึ้นมา นางทั้งมั่นใจและมุ่งมั่นแน่วแน่ วันหนึ่งอดีตนักฆ่าสาวผู้เก่งกาจแห่งศตวรรษ 21 จะต้องกลายเป็นยอดฝีมือผู้เกรียงไกรในดินแดนให้จงได้

“เอาล่ะ เจ้าไปฝึกฝนเถอะ แม้ว่านายหญิงของเจ้าจะทรงพลัง เจ้าก็เป็นอสูรมายาที่มากพรสวรรค์ ข้าเชื่อว่าสักวันเจ้าอาจพัฒนาจนเข้าใกล้ระดับของซิวได้”

ฉินอวี้โม่กล่าวทิ้งท้ายก่อนออกจากคฤหาสน์เฟิงหัว

ทันทีที่ออกมาข้างนอก นางก็เห็นซูเสี่ยวจวิ้นวิ่งโร่เข้ามาหา

เมื่อเห็นฉินอวี้โม่ออกมา เด็กสาวก็แสดงสีหน้ากระตือรือร้นทันที

“พี่อวี้โม่ ท่านออกมาได้สักที ไปกับข้าเถอะ มีเรื่องด่วนเกิดขึ้นข้างนอก”

อากัปกิริยากระตือรือร้นและวิตกกังวลของเด็กสาวทำให้ฉินอวี้โม่ขมวดคิ้วมุ่น

“เกิดเรื่องอะไรรึ? เช่นนั้นก็รีบไปกันเถอะ”

ฉินอวี้โม่ก็รีบเดินไปที่ประตูทางออกโดยไม่รอช้า

ซูเสี่ยวจวิ้นก็เร่งฝีเท้าให้ทันฉินอวี้โม่และทั้งสองก็เดินออกไปพร้อมกัน