ตอนที่ 304 มิติพิเศษ

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

“นายหญิง ท่านมาแล้ว”

ทันทีที่ปรากฏตัว ฉินอวี้โม่ก็ได้พบบรรดาอสูรพันธสัญญาของตนที่วิ่งโร่ออกมาต้อนรับทีละตัว

นับตั้งแต่นางหลอมคฤหาสน์เฟิงหัวนี้จนเสร็จสมบูรณ์ อสูรมายาของนางก็เคลื่อนย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่และไม่แออัดกันในมิติเชื่อมอสูรอีกต่อไป

โชคดีที่พื้นที่ในคฤหาสน์มิติหลังน้อยนี้กว้างขวาง แม้หลังจากอสูรมายาทั้งหมดย้ายเข้ามาก็ยังคงมีพื้นที่ว่างเหลืออีกมาก

“เสี่ยวเฮย หงส์แดง พวกเจ้าคิดว่าคฤหาสน์หลังนี้เป็นอย่างไรบ้าง?”

ฉินอวี้โม่เดินเข้าไปในห้องโถงคฤหาสน์และนั่งลงโดยมีเสี่ยวเฮยและอสูรตัวอื่นๆตามเข้ามา ในขณะที่เสี่ยวเยี่ยที่มักประพฤติตัวดีช่วยฉินอวี้โม่ชงชารสเลิศ

“นายหญิง ที่นี่ยอดเยี่ยมไปเลย มิติเชื่อมอสูรก่อนหน้านี้แออัดเกินไป คฤหาสน์เฟิงหัวแห่งนี้ทั้งกว้างขวางและสามารถดูดซับสภาวะพลังได้ดี อีกทั้งความเร็วในการบ่มเพาะก็ไม่ช้าไปกว่าโลกภายนอกด้วย ข้าไม่อยากกลับไปอยู่ในมิติเชื่อมอสูรอีกแล้ว”

เสี่ยวเฮยกล่าวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นอย่างมาก

ตอนที่พวกมันย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ในทีแรก พวกมันคิดแค่เพียงว่าอาคารคฤหาสน์เฟิงหัวนี้สวยงาม มีพื้นที่กว้างขวางและอาศัยอยู่ได้อย่างสะดวกสบาย

ทว่าหลังจากใช้เวลาอยู่ในนี้นานครึ่งชั่วยาม พวกมันก็ค้นพบว่าความเร็วในการดูดซับพลังมายาในคฤหาสน์เฟิงหัวนี้เร็วกว่าโลกภายนอกเสียอีก เมื่อค้นพบสิ่งนี้ เสี่ยวเฮยและอสูรมายาตัวอื่นๆก็มีความสุขอย่างที่สุด

เมื่อเปรียบเทียบกัน มิติเชื่อมอสูรก่อนหน้านี้น่าเบื่อไปโดยปริยาย

“ดีแล้วล่ะ จุดประสงค์ที่ข้าหลอมคฤหาสน์มิตินี้ก็เพื่อไม่ให้พวกเจ้าแออัดยัดเยียดกันเกินไปและเพื่อเป็นที่ปลอดภัยให้ข้าฝึกวิชาหลอมอุปกรณ์ คฤหาสน์เฟิงหัวนี้บรรลุเงื่อนไขทุกอย่างและมันดีกว่าที่คาดไว้เสียอีก”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะและรู้สึกพึงพอใจกับคฤหาสน์เฟิงหัวมากขึ้นเรื่อยๆ

นางไม่คิดเลยว่าตนเองจะสามารถหลอมสิ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างคฤหาสน์เฟิงหัวนี้ได้ เมื่อมีคฤหาสน์หลังนี้ ต่อให้นางต้องเผชิญภยันตรายในภายภาคหน้า นางก็สามารถหลบหนีเข้ามาได้ในทันที

เพราะคุณสมบัติในด้านการแอบซ่อนของคฤหาสน์นี้ก็อยู่ในระดับที่ดีมากเช่นกัน

“เอาล่ะ หากไม่มีอะไรแล้ว พวกเจ้าก็แยกย้ายกันไปฝึกฝนตนเองเถอะ”

เมื่อเห็นอสูรมายาทั้งหมดเรียงรายอยู่รอบตัว ฉินอวี้โม่ก็ยิ้มอย่างมีความสุขและบอกให้พวกมันแยกย้ายไปฝึกวิชาของตัวเอง

เสี่ยวเฮยและอสูรตัวอื่นๆพยักหน้ารับคำ ตอนนี้พวกมันรู้สึกแล้วว่าความแข็งแกร่งของตนเองยังไม่เพียงพอ หากว่าไม่ฝึกฝนให้แข็งแกร่งขึ้นโดยเร็วที่สุด พวกมันก็อาจจะช่วยผู้เป็นนายหญิงไม่ได้อีกต่อไปและคงละอายใจที่จะอยู่เคียงข้างนาง

อสูรมายาทั้งหมดก็แยกย้ายออกไปโดยเหลือเพียงมารยาที่ยังยืนอยู่ข้างฉินอวี้โม่อย่างแน่นิ่งไม่ไหวติง

มารยาเพิ่งวิวัฒนาการมาได้ไม่นานและต่อให้มันจะออกไปฝึกฝนตอนนี้ก็คงจะไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก เพราะเช่นนั้นมันจึงเลือกที่จะอยู่กับฉินอวี้โม่ต่อ

“มารยา ดีเลย มาช่วยข้าศึกษาแผนที่ซากปรักหักพังนี่เถอะ”

เนื่องจากรู้สถานการณ์ของอสูรมายาตัวนี้ดี ฉินอวี้โม่จึงบอกให้มันมาช่วยนางวิเคราะห์แผนที่ที่ลึกลับซับซ้อนนี้

ถึงอย่างไรก่อนหน้านี้มารยาก็อาศัยอยู่ในปราสาทน้ำแข็งมาเป็นเวลานานและรู้เรื่องราวหลายอย่างที่นางไม่รู้ ในเมื่อแผนที่ซากปรักหักพังฉบับนี้สุดแสนจะซับซ้อน มารยาก็อาจจะรู้วิธีไขความลับของมันได้

จากนั้นมารยาก็พยักหน้าและนั่งลงข้างๆนาง

ฉินอวี้โม่หยิบม้วนหนังแกะออกมาและพิจารณาดูอย่างละเอียด

“ช่างเป็นแผนที่ที่ดูเก่าแก่จริงๆ”

เมื่อเห็นม้วนกระดาษหนังแกะนั้น มารยาก็ขมวดคิ้วมุ่นและกล่าวออกมา

ม้วนหนังแกะฉบับนี้ดูเก่าแก่มากและดูจะมีอายุหลายร้อยปี กลิ่นอายที่แผ่ออกมาทำให้มารยารู้สึกประหลาดใจราวกับไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับสิ่งนี้มาก่อน

ฉินอวี้โม่ยิ้มบางๆและค่อยๆคลี่เปิดแผนที่

ทันทีที่เปิดออก ร่องรอยของสภาวะพลังบนแผนที่ก็ค่อยๆสลายหายไป แม้ว่ามันไม่ได้เร็วนักแต่ทั้งฉินอวี้โม่และมารยาก็รู้สึกได้อย่างชัดเจน

“นายหญิง แผนที่นี้ดูจะไม่ธรรมดาเลย”

มารยากล่าว มันไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับแผนที่ที่ลึกลับเช่นนี้มาก่อน แผนที่ซากปรักหักพังโดยทั่วไปเป็นเพียงแผนที่ธรรมดาและไร้ซึ่งคลื่นพลังใดๆ ยิ่งไปกว่านั้น แผนที่ฉบับนี้มีความเก่าแก่หลายร้อยปี หากมันยังมีคลื่นพลังที่หลงเหลืออยู่หลังจากผ่านระยะเวลามานานเช่นนี้ มันก็แสดงให้เห็นว่านี่ไม่ใช่แผ่นที่ธรรมดาอย่างแน่นอน

ความรู้สึกประหลาดที่เกิดขึ้นกับทั้งสองเมื่อครู่ชัดเจนอย่างไม่ต้องสงสัย มันเป็นสัญญาณของพลังมายาที่สูญหายไปบนแผนที่ฉบับนี้ เพราะเช่นนั้นจึงมั่นใจได้ว่าแผนที่ซากปรักหักพังนี้มีประวัติที่ไม่ธรรมดา

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะเบาๆ หากว่าแผนที่นี้ไม่ได้มีอะไรพิเศษ ประธานสมาคมเยว่ชิงก็คงจะไม่เอ่ยอย่างมีปริศนาเหมือนก่อนหน้านี้

เมื่อม้วนหนังแกะถูกคลี่เปิดออกจนสุด ทั้งสองก็ชะงักค้างไปชั่วขณะ บนแผนที่ไม่มีอักษรหรือรูปภาพใดๆเลย มันเป็นเพียงกระดาษหนังแกะว่างเปล่าฉบับหนึ่งที่ไม่มีข้อมูลอะไร

ทว่าอัตราการสลายตัวของพลังมายาเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดจนทั้งอดีตนักฆ่าสาวและอสูรมายาข้างกายรู้สึกแปลกประหลาด

“แผนที่ว่างเปล่า นี่มันหมายถึงอะไรกัน?”

แม้ว่ามารยารู้เรื่องราวมากมายและถือว่ารอบรู้พอสมควร ทว่าเมื่อได้เห็นแผนที่ตรงหน้า มันก็ยังประหลาดใจไม่น้อย มันไม่เคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับแผนที่วิเศษเช่นนี้มาก่อน

ฉินอวี้โม่หยิบแผนที่ขึ้นมาตรวจดูอย่างละเอียดทว่าไม่พบสิ่งใดผิดปกติ

นางอดส่ายศีรษะเบาๆไม่ได้ แม้แต่อดีตนักฆ่าสาวแห่งยุคศตวรรษ 21 ที่เห็นโลกมามากอย่างนางก็ยังไม่เข้าใจ

แผนที่ฉบับนี้แผ่กลิ่นอายความแปลกประหลาดอย่างชัดเจนจนรู้สึกอัดอึด ทว่าบนแผนที่กลับไม่มีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์ใดๆ นี่ก็ทำให้ผู้เปิดอ่านรู้สึกอับจนปัญญาอย่างมาก

“นายหญิง ข้าว่าลองหยดเลือดลงไปดูเถอะ มีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับพลังมายาหลายอย่างที่ต้องใช้หยดเลือดเพื่อให้ยอมรับเป็นนายของมัน”

มารยาเอ่ยเสนอ ในเมื่อไม่มีทางใดๆที่จะวิเคราะห์แผนที่ปริศนานี้ได้จึงทำได้เพียงลองหยดเลือดเพื่อทดสอบดูว่ามันต้องยอมรับเจ้านายเพื่อให้เนื้อหาปรากฏออกมาหรือไม่

ฉินอวี้โม่ไม่รอช้าและหยิบกริชขึ้นมาเฉือนปลายนิ้วของตนเองเล็กน้อยเพื่อหยดเลือดลงบนแผ่นหนังว่างเปล่าตรงหน้า

นางไม่ได้ตั้งความหวังเท่าไหร่นัก ทว่าการลองใช้เลือดเพียงหยดเดียวก็ไม่ได้เสียหายอะไร ถึงอย่างไรแล้วหยดเลือดก็ทำให้หลายสิ่งหลายอย่างยอมรับความเป็นเจ้านายได้

อย่างไรก็ตาม เลือดจากนิ้วมือของฉินอวี้โม่หยดลงบนแผ่นหนังแกะและไม่มีอะไรเกิดขึ้น เลือดหยดนั้นเพียงแค่เปื้อนบนแผ่นหนัง ซึ่งไม่ได้ดูแตกต่างไปจากแผ่นหนังอื่นๆ

“ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้ผล”

มารยาส่ายหน้าอย่างหมดหนทาง ทว่าทันทีที่กล่าวจบ มันก็ต้องตกตะลึงในทันที

ฉินอวี้โม่ก็ประหลาดใจเมื่อเห็นมารยาชะงักค้าง นางค่อยๆก้มศีรษะมองดูและก็ต้องชะงักไปเช่นกัน

จุดเล็กๆที่เปื้อนเลือดเมื่อครู่กลับสู่สีปกติของมันและเลือดหยดนั้นอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“เกิดอะไรขึ้น? เลือดทั้งหยดหายไปเฉยๆได้อย่างไรกัน?!”

สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ทั้งสองฉงนสงสัยเป็นที่สุด มารยาและฉินอวี้โม่เชื่อว่าหลังจากที่หยดเลือดหายไป บางสิ่งบางอย่างที่อัศจรรย์จะเกิดขึ้น ทว่าหนังแกะตรงหน้ากลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆแม้แต่น้อย

มารยาที่ยังคงตกตะลึงมองฉินอวี้โม่อีกครั้งด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้

เลือดหยดนั้นหายไปแล้วและควรจะมีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างกับแผนที่ไม่ใช่รึ?

ฉินอวี้โม่เองก็นิ่วหน้าด้วยความฉงนเช่นกัน นางคิดเหมือนกันว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกับแผนที่หลังจากหยดเลือดหายไป อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะมองดูอย่างไร ก็ยังไม่มีปรากฏการณ์ใดๆเกิดขึ้นกับแผนที่ นางจึงต้องล้มเลิกความคิดนั้นไป

ดูเหมือนว่าการใช้หยดเลือดเพื่อทำให้แผนที่ยอมรับความเป็นเจ้านายจะไม่สัมฤทธิผล

“นายหญิง ลองหยดเลือดไปอีกสองหยด”

ในขณะที่ฉินอวี้โม่กำลังจะเก็บแผนที่หลังจากไม่เห็นผลลัพธ์ จู่ๆเสียงของซิวก็ดังขึ้นในโสตประสาทของนาง

เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย นางก็ไม่รอช้าและหยดเลือดอีกสองหยดลงบนแผ่นกระดาษหนังแกะตรงหน้า

แผ่นหนังยังไม่มีการตอบสนองทว่าเลือดทั้งสองหยดก็หายไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นกัน

“ไม่ต้องกังวล ลองสัมผัสดูเถอะว่ามีความเปลี่ยนแปลงอะไรกับแผ่นหนังนี้หรือไม่”

เสียงของซิวยังคงดังขึ้นต่อไปเพื่อไม่ให้นางเป็นกังวล

ฉินอวี้โม่ก็ไม่รีบร้อน เมื่อได้ยินเช่นนั้น นางจึงแผ่พลังจิตของตนเพื่อสัมผัสถึงความเปลี่ยนแปลงโดยรอบ

เมื่อทำเช่นนี้นางก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างแตกต่างไปจากเดิม

คลื่นพลังที่แผ่มาจากแผ่นหนังแกะในตอนแรกหายไปจนไร้ร่องรอย จากนั้นบนแผนที่ก็ไร้ซึ่งความผันผวนใดๆและเปลี่ยนกลายเป็นแผนที่ปกติทั่วไป

ในขณะนั้นนางก็ต้องการถามซิวว่าเกิดอะไรขึ้น ทว่าจู่ๆแผนที่ตรงหน้าก็ลอยขึ้นกลางอากาศ

จากนั้นแสงประกายเรืองรองก็เปล่งออกมาจากแผนที่และภาพหนึ่งก็ปรากฏบนกำแพงด้านข้างและเคลื่อนไหวราวกับเป็นการฉายภาพวิดีโอ

ภาพที่ปรากฏคือสตรีที่มองเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก นางสวมอาภรณ์สีขาวสะอาดตาและลอยตัวอยู่กลางอากาศ ลมหายใจของนางเบาบางและดูรวยริน

สถานที่รอบตัวของนางดูเหมือนเป็นที่ราบเล็กๆ

“ฮิๆๆ ข้าจะเก็บมันไว้ที่นี่ หวังว่าจะมีผู้สืบทอดรุ่นหลังสักคนมาที่นี่และรับของสิ่งนี้ไป”

ทันใดนั้น สตรีในภาพก็เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอ่อนช้อยเหมือนไม่มีตัวตน

จากนั้นฉินอวี้โม่ก็เห็นว่านางหยิบสิ่งที่มีลักษณะเหมือนกล่องใบหนึ่งและฝังมันไว้ใต้ดิน

“บุคคลรุ่นหลัง..ข้าหวังว่าเจ้าจะตามหาสิ่งนี้พบ มีบางสิ่งที่สำคัญอยู่ข้างในนี้และมันเกี่ยวข้องกับการอยู่รอดของดินแดนเทพมายาของเรา ไม่ว่าจะเพื่อตระกูลหรือสหาย ข้าหวังว่าเจ้าจะพบสิ่งนี้และปกป้องดินแดนเทพมายาของเราไว้”

ราวกับสตรีผู้นั้นชำเลืองมองมาในทิศทางของฉินอวี้โม่ก่อนหายตัวไปท่ามกลางที่ราบแห่งนั้น

ทันทีที่สตรีอาภรณ์ขาวหายตัวไป ฉินอวี้โม่ก็ต้องการเอ่ยถามบางอย่างและจู่ๆภาพตรงหน้าก็เปลี่ยนแปลงไป

เมืองแล้วเมืองเล่าปรากฏบนที่ราบที่สตรีผู้นั้นปรากฏตัวก่อนหน้านี้และมีภาพร่างพร่าเลือน ของอสูรมายา ป่าไม้และเทือกเขามากมายปรากฏในพื้นที่นั้น

บนพื้นดินตรงจุดที่วัตถุเหมือนกล่องถูกฝังไว้มีหอคอยสูงตระหง่านดูสง่างามปรากฏขึ้น

ทว่าหลังจากที่มองเห็นภาพได้อย่างชัดเจน แสงสว่างก็กะพริบขึ้นมาก่อนที่ทั้งห้องจะเงียบสงบลงอีกครั้งและภาพวิดีโอตรงหน้าหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ฉินอวี้โม่และมารยายังไม่ฟื้นคืนจากภวังค์ความคิดในทันที สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้ทั้งสองเข้าใจบางอย่างแต่ก็สับสนมากขึ้นเช่นกัน

พื้นที่ราบ หอคอยสูงตระหง่านและอาคารเหล่านั้นน่าจะเป็นพิกัดของซากปรักหักพัง อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เห็นมิใช่ซากปรักหักพังใดๆ หากแต่เป็นกล่องที่สำคัญอย่างมาก

ฉินอวี้โม่และมารยาไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับหอคอยสูงบนที่ราบมาก่อน ทั้งสองไม่รู้เลยว่าหอคอยที่เห็นในวิดีโอตั้งอยู่ในที่ใด

และสตรีที่นางมองไม่เห็นใบหน้าผู้เป็นเจ้าของน้ำเสียงที่ฟังดูเป็นอากาศธาตุน่าจะเป็นบุคคลที่สำคัญอย่างมาก เพียงแต่ฉินอวี้โม่ไม่ทราบว่านางเป็นใครก็เท่านั้น

แม้ว่าไขปริศนาของแผนที่ได้แล้ว สิ่งที่ได้เห็นก็จุดประกายความสงสัยอีกอย่างหนึ่ง

“นายหญิง ท่านน่าจะทราบดีว่าสตรีคนนั้นเป็นใคร”

หลังจากตกอยู่ท่ามกลางความเงียบชั่วขณะ จู่ๆเสียงของซิวก็ดังขึ้นในห้วงจิตของฉินอวี้โม่อีกครั้ง

เสียงของมันฟังดูจริงจังระคนเศร้าโศกเล็กน้อยซึ่งแตกต่างจากที่เคยเป็น

ทันใดนั้น ฉินอวี้โม่ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้เมื่อได้ยินวาจาของอสูรมายาแห่งโชคชะตา

หรือว่าสตรีผู้นั้น….