ตอนที่ 303 เย่าเหยียนยืมเพลิง

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

“อีกอย่าง.. แม่นางอวี้โม่..หลังจากนี้เจ้าพอจะช่วยข้าเรื่องหนึ่งได้หรือไม่?”

เมื่อนึกได้ถึงเรื่องๆหนึ่ง เย่าเหยียนก็เอ่ยขึ้นพร้อมกับยิ้มบางๆ

ฉินอวี้โม่สงสัยเล็กน้อยเมื่อได้ยินเช่นนั้น ทว่านางก็ยิ้มตอบ “มีอะไรที่ท่านประธานเย่าเหยียนต้องการให้ข้าช่วยหรือเจ้าคะ?”

ในฐานะประธานสมาคมโอสถ สถานะของเย่าเหยียนในดินแดนนี้ถือว่าสูงพอสมควร ด้วยพลังอำนาจและอิทธิพลของเขาจึงยากนักที่จะมีอะไรที่นางช่วยเหลือเขาได้

“ฮ่าๆๆ เรื่องก็คือว่า..เพลิงจักรพรรดิของเจ้าเป็นสิ่งที่ดีมาก ไม่เพียงแต่สำหรับช่างหลอมเท่านั้นแต่ก็เป็นประโยชน์ต่อพวกเราผู้หลอมโอสถเช่นกัน ช่วงนี้ข้ากำลังศึกษาโอสถใหม่ เพลิงจักรพรรดิของเจ้าจะช่วยเพิ่มอัตราความสำเร็จในการหลอมโอสถใหม่นี้ได้เป็นแน่ หากเจ้าเต็มใจช่วยเหลือข้าในเรื่องนี้ ไม่ว่าเจ้าต้องการอะไรก็เอ่ยออกมาได้เลย ตราบใดที่เป็นสิ่งที่ข้ามีและหามาได้ล่ะก็ ข้าก็จะไม่ลังเล”

ในตอนนี้เย่าเหยียนเป็นผู้หลอมโอสถระดับปรมาจารย์และเขาเพิ่งได้สูตรโอสถใหม่เมื่อไม่นานมานี้ หากเขาหลอมมันได้สำเร็จ ทักษะการหลอมโอสถของเขาจะทะลวงไปถึงระดับสูงกว่านี้อย่างแน่นอน ทว่าเงื่อนไขสำหรับการหลอมโอสถที่ว่านั้นถือว่าโหดหินพอสมควรและเงื่อนไขแรกคือต้องมีเพลิงในระดับเพลิงศักดิ์สิทธิ์ขึ้นไป

แม้ว่าเย่าเหยียนเป็นถึงปรมาจารย์ด้านการหลอมโอสถ เขาก็ไม่ได้มีเพลิงศักดิ์สิทธิ์เป็นของตนเอง เดิมทีเขาคิดที่จะให้สหายคนสนิทอย่างเยว่ชิงซึ่งเป็นประธานสมาคมช่างหลอมมาช่วยในเรื่องนี้ ทว่าในเมื่อฉินอวี้โม่ปรากฏตัวพร้อมด้วยเพลิงจักรพรรดิ เขาจึงต้องการความช่วยเหลือจากนาง

ความแตกต่างระหว่างเพลิงศักดิ์สิทธิ์และเพลิงจักรพรรดิถือเป็นช่องว่างที่ห่างไกลกันมาก ถ้าหากเขาได้เพลิงจักรพรรดิเข้ามาช่วยในการหลอม เย่าเหยียนก็จะมั่นอกมั่นใจมากขึ้น

“ท่านประธานเย่าเหยียนก็พูดเกินไปเจ้าค่ะ ข้าไม่ต้องการอะไรหรอก ข้ายินดีที่จะช่วยท่าน”

คุณหนูสี่ตระกูลฉินยิ้มบางๆและตกปากรับคำอย่างไม่ลังเล

นี่เป็นการผูกมิตรสร้างไมตรีที่ดี สถานะของเย่าเหยียนสูงส่งพอสมควรในดินแดนอ้างว้างแห่งนี้และเขาเป็นมีความสัมพันธ์อันดีกับเยว่ชิง การที่นางผูกมิตรกับเขาย่อมเป็นเรื่องที่ดี

“ฮ่าๆๆ แม่นางอวี้โม่เป็นคนดีจริงๆ ข้าต้องขอบคุณเจ้าเป็นการล่วงหน้า”

เย่าเหยียนยิ้มร่าเมื่ออีกฝ่ายตอบตกลง จากนั้นเขาก็กล่าวต่อ “ข้ายังต้องใช้เวลาเตรียมตัวก่อน อีกสามวันข้างหน้า ข้าต้องรบกวนให้แม่นางอวี้โม่ช่วยข้าสักหน่อย”

ในเมื่อฉินอวี้โม่ตอบตกลงแล้ว เย่าเหยียนจึงต้องการเริ่มหลอมโอสถที่ว่านั่นโดยเร็วที่สุด

อย่างไรก็ตาม โอสถชนิดนั้นหลอมได้ไม่ง่ายนัก เขาจึงต้องเตรียมความพร้อมเป็นเวลาพักหนึ่ง นอกจากนี้ ฉินอวี้โม่ก็เพิ่งผ่านพ้นการแข่งขันช่างหลอมที่ยาวนานและเขาเกรงว่าสภาวะจิตใจของนางอาจจะสุขสมบูรณ์ในตอนนี้ เขาจึงกำหนดเวลาเป็นสามวันข้างหน้า

“เจ้าค่ะ อีกสามวันข้างหน้าข้าจะรอพบท่านประธานเย่าเหยียนที่ห้องรับรอง”

ฉินอวี้โม่พยักศีรษะพร้อมรอยยิ้มขณะกล่าวตอบ

ยังมีเวลาอีกนานพอสมควรก่อนถึงงานเลี้ยงที่จวนตระกูลเฟิง ต่อให้เวลาล่วงเลยไปหลังจากนางช่วยเย่าเหยียนสำเร็จ มันก็ไม่ทำให้นางล่าช้า

“เอาล่ะ แม่นางอวี้โม่ ในเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เชิญเจ้าไปจัดการธุระอื่นๆเถอะ”

เยว่ชิงยิ้มและกล่าวกับฉินอวี้โม่เพื่อให้นางไปจัดการธุระของตัวเอง ประธานสมาคมทั้งสองยังมีเรื่องที่ต้องหารือกันต่อ

“ถ้าอย่างนั้นข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”

ฉินอวี้โม่ยิ้มอย่างเคารพก่อนยกมือขึ้นมัดเก็บผม สวมหน้ากากและสวมลูกกระเดือกปลอมกลับตามเดิมเพื่อเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์ ‘บุรุษลึกลับ’ เช่นเดิม

“ฮ่าๆๆ ข้าต้องยอมรับเลยว่าแม่นางอวี้โม่น่าทึ่งจริงๆ ทั้งที่เป็นสตรีปลอมตัวเป็นบุรุษ นางก็ดูหล่อเหลาน่าค้นหาและลึกลับ หากเป็นสตรีคนอื่นๆปลอมตัว มันก็คงจะไม่แนบเนียนและมีข้อบกพร่องบางอย่างที่ผิดสังเกต ทว่าอาภรณ์บุรุษของแม่นางอวี้โม่ดูสมบูรณ์แบบไร้ที่ติจริงๆ”

หลัวหลินอดถอนหายใจและกล่าวชื่นชมทักษะการปลอมตัวที่น่าทึ่งของฉินอวี้โม่ไม่ได้

ฉินอวี้โม่ในคราบบุรุษดูดีอย่างที่สุด หากไม่ใช่เพราะนางยอมเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง เขาก็คงไม่มีทางคาดเดาได้ว่าแท้จริงแล้วคนผู้นี้คือสตรีปลอมตัวมา

หลังจากปรับเปลี่ยนกลับเป็นอาภรณ์บุรุษ ฉินอวี้โม่ก็ดูหล่อเหลาและน่าหลงใหลมากขึ้น ลักษณะเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยากจะพบเห็นได้จากสตรี

ยิ่งไปกว่านั้น วาจาและอากัปกิริยาของฉินอวี้โม่ก็ไม่เจือปนลักษณะของอิสตรีแม้แต่น้อย ลักษณะที่น่าเกรงขาม ไม่ยอมอ่อนข้อให้ใครและอิสระเรียบง่ายของนางดูดุดันและองอาจยิ่งกว่าบุรุษหลายคนเสียอีก

ฉินอวี้โม่ยิ้มโดยไม่เอ่ยอะไร หลังจากกล่าวลาคนเหล่านี้ นางก็หันหลังและกลับออกไปจากห้อง

“ในภายภาคหน้า แม่นางอวี้โม่ผู้นี้จะต้องทำให้ทั่วทั้งดินแดนสั่นสะเทือนเป็นแน่!”

ขณะมองไปในทิศทางที่นางเดินจากไป กู่หยวนก็อดถอนหายใจเบาๆไม่ได้ เขาตั้งตารอดูว่าดินแดนนี้จะดำเนินไปในทิศทางใดเมื่อฉินอวี้โม่พัฒนาและเติบโตต่อไป

สำหรับขุมกำลังพญายมและตระกูลเฟิงที่มีเรื่องบาดหมางกับฉินอวี้โม่ กู่หยวนไม่สนใจคนเหล่านั้นแม้แต่น้อย

เยว่ชิงและทุกคนพยักศีรษะเห็นด้วยกับวาจาของกู่หยวน

พวกเขาคาดหวังในตัวฉินอวี้โม่อย่างมากเช่นกันและเชื่อว่าวันหนึ่งนางจะเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของดินแดน เมื่อถึงเวลานั้น ชื่อเสียงของนางจะเลื่องลือไปทั่วใต้หล้าจนกลายเป็นที่ชื่นชมของบุรุษมากมายและเป็นแบบอย่างที่สตรีทุกหนแห่งอยากจะเป็น

เมื่อกลับออกมา ฉินอวี้โม่ก็ไม่เห็นฉีอวิ๋นเหล่ยและคนอื่นๆในห้องโถง นางจึงมุ่งหน้าตรงไปที่ลานกว้างเล็กๆที่ทั้งหมดพักอยู่

“พี่อวี้โม่กลับมาแล้ว!”

ทั่วลานกว้างบัดนี้มีเพียงซูเสี่ยวจวิ้น ฉีอวิ๋นเหล่ยและเหวินซื่อชู่ คนอื่นๆแยกย้ายกันออกไปจับจ่ายซื้อของและยังไม่ได้กลับมา

ในเวลาที่ไม่มีใครอื่นอยู่ด้วย ซูเสี่ยวจวิ้นมักเรียกพี่สาวว่า ‘พี่อวี้โม่’ และฉินอวี้โม่ก็ไม่ได้คิดมากกับชื่อที่ถูกเรียก

“เจ้าได้รับรางวัลรึยัง?”

ฉีอวิ๋นเหล่ยเอ่ยถามเมื่อเห็นนางเดินเข้ามา

ฉินอวี้โม่หยิบเตาหลอมออกจากแหวนมิติและยื่นให้เหวินซื่อชู่

“แรกเริ่มเดิมที เตาหลอมนี้สมควรเป็นของท่าน ข้าเชื่อว่ามันจะช่วยท่านได้”

เตาหลอมนี้เป็นรางวัลสำหรับกลุ่มอายุน้อยกว่ายี่สิบปีตามที่ระบุไว้ก่อนหน้านี้ ฉินอวี้โม่แสดงผลงานเป็นอันดับหนึ่งของกลุ่มนี้และแน่นอนว่านางต้องได้รับตาหลอมเป็นรางวัล

ทว่าเตาหลอมธรรมดาทั่วไปไม่สามารถรองรับเพลิงของซิวได้ แม้ว่าเตาหลอมนี้ถือเป็นหนึ่งในสิบเตาหลอมที่ดีที่สุด มันก็ยังไม่อาจต้านทานเพลิงของซิว เพราะเหตุนั้นฉินอวี้โม่จึงตั้งใจที่จะมอบมันให้เหวินซื่อชู่ทันทีที่ได้รับมา

ฝีมือในการหลอมของเหวินซื่อชู่ถือว่าดีพอสมควรและบัดนี้เขาเข้าใกล้การบรรลุเป็นช่างหลอมระดับเชี่ยวชาญเต็มที ด้วยความช่วยเหลือจากเตาหลอมอันนี้ ทักษะการหลอมอุปกรณ์ของเขาจะพัฒนาขึ้นอย่างก้าวกระโดดและทะลวงเข้าสู่ระดับเชี่ยวชาญได้อย่างรวดเร็ว

สาเหตุที่เลือกมอบมันให้กับเหวินซื่อชู่เป็นเพราะอดีตนักฆ่าสาวรู้สึกถูกชะตากับเขามาก ทั้งสองเป็นทั้งสหายร่วมทางและมิตรสหายที่ดี อีกทั้งตอนนี้นางก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินจึงไม่จำเป็นต้องนำเตาหลอมไปขายเพื่อแลกเงิน นางจึงเลือกมอบให้กับเหวินซื่อชู่โดยตรง

บุรุษยิ้มยากมีท่าทีลังเลเล็กน้อย เขาไม่ใช่คนที่จะรับสิ่งของจากคนอื่นง่ายๆ

“รับไปเถอะ พี่ซื่อชู่ ท่านก็รู้ว่าพี่อวี้โม่มีเพลิงจักรพรรดิและเตาหลอมนี้รองรับเพลิงที่ทรงพลังเช่นนั้นไม่ได้ ตอนนี้พี่อวี้โม่เลือกที่จะมอบมันให้ท่าน นั่นหมายความว่านางเห็นพวกเราเป็นมิตรสหายที่ดี และในเมื่อเป็นเช่นนั้น หากท่านปฏิเสธก็คงจะเสียน้ำใจน่าดู”

ซูเสี่ยวจวิ้นกล่าวพลางรับเตาหลอมมาจากฉินอวี้โม่และยัดลงในมือของเหวินซื่อชู่โดยไม่รีรอ

“ขอบคุณมาก”

เหวินซื่อชู่เก็บเตาหลอมลงในแหวนมิติและเอ่ยขอบคุณอีกฝ่ายเบาๆ

“เสี่ยวจวิ้น พฤติกรรมของเจ้าที่งานชุมนุมวันนี้จะทำให้คนเข้าใจผิดได้ง่าย”

จู่ๆฉีอวิ๋นเหล่ยก็เอ่ยถึงเรื่องนี้พลางยิ้มบางๆ

ในงานชุมนุมช่างหลอมวันนี้ หลายคนเห็นความสนิทชิดเชื้อระหว่างซูเสี่ยวจวิ้นและ ‘อวี๋โม่’ อย่างชัดเจน สิ่งที่คนเหล่านั้นเห็นคือนางเป็นถึงคุณหนูของตระกูลที่ใกล้ชิดกับบุรุษจนเกินงาม หากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เกรงว่าชื่อเสียงของนางจะเสื่อมเสียไม่น้อย

“ถ้าหากใครจะเข้าใจผิดก็ปล่อยไปสิ ข้าไม่สนใจหรอก เชอะ ข้าก็แค่ช่วยกีดกันสตรีหน้าด้านพวกนั้นออกไปจากพี่อวี้โม่ของข้า”

ซูเสี่ยวจวิ้นกล่าวอย่างไม่แยแสด้วยคำพูดที่ทำให้ฉีอวิ๋นเหล่ยถึงกับชะงักไปเล็กน้อย

“ข้าชอบพี่อวี้โม่ หากพี่อวี้โม่เป็นบุรุษล่ะก็ ข้าจะต้องขอนางแต่งงานให้ได้เลย”

ฉีอวิ๋นเหล่ยถึงกับส่ายศีรษะอย่างหมดคำพูดและยิ้มอย่างเอ็นดู “เอาล่ะ เจ้านี่จริงๆเลย ระวังล่ะ ต่อไปอาจจะไม่มีใครที่ต้องการแต่งงานกับเจ้า”

ซูเสี่ยวจวิ้นแลบลิ้นล้อเลียนอย่างไม่สะทกสะท้าน

วันหนึ่งทุกคนจะได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของฉินอวี้โม่ ในเมื่อนางและฉินอวี้โม่สนิทสนมกันเช่นนี้ ในตอนนั้นทุกคนจะรู้ว่าเพราะอะไร ตอนนี้นางแสดงตัวสนิทชิดเชื้อกับฉินอวี้โม่ก็เพื่อกีดกันสตรีมากมายที่หมายปอง ‘บุรุษลึกลับนามว่าอวี๋โม่’ ให้ไม่กล้าเข้าใกล้

ต้องกล่าวเลยว่าถึงแม้ซูเสี่ยวจวิ้นจะยังอายุน้อย นางก็มีปัญญาเฉียบแหลมทีเดียว นางทำเช่นนี้เพื่อช่วยกีดกันสตรีเหล่านั้นไปจากฉินอวี้โม่จริงๆ มิฉะนั้นไม่รู้เลยว่าจะมีสตรีมากแค่ไหนที่พยายามใกล้ชิดและอาจถึงขั้นทำอะไรเกินเลยกับนาง

คุณหนูสี่ตระกูลฉินอดหัวเราะกับวาจาของซูเสี่ยวจวิ้นและฉีอวิ๋นเหล่ยไม่ได้

ทั้งสองสาดวาจาทุ่มเถียงกันแทบทุกวัน ทว่าความเป็นไม้เบื่อไม้เมานี้เองที่สร้างสีสันให้กับคณะเดินทางของฉินอวี้โม่และคนอื่นๆ

“ข้าต้องใช้เวลาศึกษาแผนที่ซากปรักหักพังสักระยะ เมื่อข้าไขความลับของมันได้ พวกเราจะไปที่ซากปรักหักพังด้วยกัน”

ฉินอวี้โม่ไตร่ตรองครู่หนึ่งก่อนเอ่ยกับทั้งสามคน

แผนที่ซากปรักหักพังที่นางได้รับมาลึกลับซับซ้อนอย่างมาก เมื่อใดก็ตามที่นางศึกษามันได้อย่างละเอียดถี่ถ้วนและรู้พิกัดที่แน่นอน นางจะเดินทางไปที่นั่นอย่างแน่นอน

และพวกเขาเหล่านี้เป็นสหายกลุ่มแรกของนางในดินแดนอ้างว้าง เมื่อเดินทางไปสำรวจซากปรักหักพังในอนาคตข้างหน้า นางย่อมต้องการพาพวกเขาไปด้วยกัน

“จริงรึ? พวกเราไปกับท่านได้จริงๆรึ?”

เมื่อได้ยินวาจาของฉินอวี้โม่ เด็กสาวปรี่เข้าไปเกาะแขนพี่สาวอย่างร่าเริงและเอ่ยด้วยความไม่อยากเชื่อ

“ฮ่าๆๆ แน่นอน พวกเราเป็นมิตรสหายที่ดีต่อกัน ข้าต้องอยากให้ทุกคนไปกับข้าอยู่แล้ว”

ฉินอวี้โม่หัวเราะพร้อมพยักศีรษะและเคาะหน้าผากของเด็กสาวเบาๆ

“เยี่ยมไปเลย บอกตามตรง ข้าไม่เคยไปที่ซากปรักหักพังมาก่อน ข้าไม่รู้ว่าที่แบบนั้นเป็นอย่างไรและมีสมบัติล้ำค่าอะไรบ้าง หากพี่อวี้โม่พาข้าไปด้วย ข้าจะต้องได้ชมทิวทัศน์ใหม่ๆเป็นแน่”

ซูเสี่ยวจวิ้นเริงร่าเป็นที่สุดเมื่อเห็นอีกฝ่ายพยักศีรษะยืนยัน

นางไม่เคยไปที่ซากปรักหักพังแห่งใดมาก่อนและนางอยากรู้ว่าที่นั่นเป็นอย่างไร ตอนนี้การที่นางมีโอกาสได้ไปที่นั่น แน่นอนว่านางย่อมมีความสุขจนเปี่ยมล้น

เมื่อซูเสี่ยวจวิ้นกล่าวเช่นนั้น ทั้งสามก็อดหัวเราะไม่ได้

“เด็กน้อยเอ๋ย ตอนที่คนทั่วไปรู้ว่าจะได้ไปเยือนซากปรักหักพัง พวกเขาย่อมคิดเรื่องการไล่ล่าหาสมบัติ แต่เมื่อเป็นเจ้า เจ้ากลับต้องการไปเที่ยวเล่นและชมทิวทัศน์เท่านั้น ฮ่าๆๆ”

ฉีอวิ๋นเหล่ยเย้าหยอกนางอีกครั้งและไม่รู้สึกแปลกใจที่ฉินอวี้โม่จะพาทุกคนไปด้วยกัน

“เอาล่ะ ทั้งสามพูดคุยกันไปก่อนเถอะ ข้าขอตัวไปศึกษาแผนที่ก่อน”

ฉินอวี้โม่ยิ้มบางๆและกล่าวกับทั้งสามก่อนหายตัวไปต่อหน้าพวกเขาทันที

“เฮ้ พี่อวี้โม่หายไปไหนแล้วล่ะ?”

เมื่อจู่ๆฉินอวี้โม่ก็หายตัวไป ซูเสี่ยวจวิ้นก็เอ่ยด้วยความสับสนงุนงง นางไม่รู้สึกอะไรแม้แต่น้อยทว่าฉินอวี้โม่กลับหายตัวไปแล้ว

“เจ้าเด็กโง่ นางคงจะเข้าไปในคฤหาสน์นั่นที่นางหลอมขึ้นมา”

ฉีอวิ๋นเหล่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม อันที่จริงเขาก็สงสัยเกี่ยวกับคฤหาสน์หลังน้อยของนางเป็นอย่างมาก หากมีโอกาสในอนาคต เขาจะต้องขอให้นางพาเขาเข้าไปที่นั่นให้ได้

แน่นอนว่าฉินอวี้โม่ไม่ได้รับรู้ถึงความคิดของฉีอวิ๋นเหล่ย ในเวลานี้ร่างของนางปรากฏตัวขึ้นมาภายในคฤหาสน์เฟิงหัวแล้ว