บทที่ 327 วิธีการใหม่
“หืม?” ถังกู่จินหันขวับกลับมาพูดว่า “อาจารย์ไป๋มีวิธีการอันใด? ข้าอยากรับฟัง”
ไป๋ไห่ชินอธิบายว่า “ก่อนอื่นเราต้องเพิ่มค่าหัวของหลินเป่ยเฉิน ยิ่งมีราคาสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งสามารถดึงดูดนักล่าค่าหัวได้มากเท่านั้น แต่ดูจากสถานการณ์บัดนี้แล้ว แค่ให้ชาวเมืองร่วมมือกับพวกเราก็น่าจะเพียงพอ ถ้าเป็นเช่นนั้น ต่อให้หลินเป่ยเฉินมุดดินหนีก็ไม่มีทางรอด และนี่คือวิธีการตามหาตัวเขาให้เจอในเวลาที่รวดเร็วที่สุด”
ถังกู่จินพูดว่า “อืม… อาจารย์ไป๋กล่าวได้มีเหตุผลยิ่ง”
ผู้ตรวจการมณฑลเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ นิ่งคิดอะไรบางอย่างอีกเล็กน้อยก็กล่าวออกมา “อาจารย์ไป๋พูดได้ถูกต้องแล้ว ไม่มีปัญหาใดแก้ไขไม่ได้ด้วยเงินทอง คำถามก็คืออาจารย์ไป๋คิดว่าเราควรเพิ่มค่าหัวของหลินเป่ยเฉินเป็นเท่าไหร่ดี?”
ไป๋ไห่ชินตอบด้วยความมั่นใจ “สำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสซึ่งนำไปสู่การจับกุมตัวหลินเป่ยเฉิน เราจะมีรางวัลมอบให้ 10,000 เหรียญทองคำ ส่วนผู้ที่นำเจ้าหน้าที่ไปตามจับหลินเป่ยเฉินได้สำเร็จ เราจะมีรางวัลมอบให้ 50,000 เหรียญทองคำ ส่วนคนที่สามารถจับกุมตัวหรือสังหารหลินเป่ยเฉินได้สำเร็จ เราจะมีรางวัลมอบให้ 100,000 เหรียญทองคำ”
ถังกู่จินพยักหน้าเล็กน้อยอย่างเห็นด้วย
เขาปรบมือด้วยความลิงโลดใจ “อาจารย์ไป๋กำลังคิดเหมือนที่ข้าคิดอยู่พอดี เงินค่าหัวเพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้ชาวเมืองปั่นป่วนได้แล้ว แม้แต่ผู้ที่ไม่มีพลังยุทธ์ก็ยังคงอยู่เฉยไม่ได้ ขอแค่แจ้งเบาะแสก็จะได้เหรียญทองนับหมื่นไปครอบครอง กินใช้ไปทั้งปีทั้งชาติไม่มีวันหมด ข้าว่าดีไม่ดีแม้แต่หญิงชราอายุ 80 ปี ก็ยังต้องช่วยเราออกตามหาด้วยซ้ำ”
ไป๋ไห่ชินยิ้มเล็กน้อย “ตกลงว่าท่านเห็นด้วยกับวิธีการนี้ใช่หรือไม่?”
ถังกู่จินยิ้มอย่างเป็นมิตร “ทำไมจะไม่เห็นด้วยเล่า? หึหึ ชาวเมืองก็รู้ดีว่าเจ้าหน้าที่มือปราบของข้ามีความน่าเชื่อถือมากแค่ไหน เดี๋ยวข้าจะสั่งให้คนกระจายข่าวเรื่องการเพิ่มเงินค่าหัวออกไปโดยทันที รับรองว่าพรุ่งนี้ทั้งเมืองต้องโกลาหลแน่ๆ”
ไป๋ไห่ชินประสานมือคำนับด้วยความชื่นชม “ข้าน้อยเลื่อมใสวิสัยทัศน์ของใต้เท้ายิ่ง”
ก่อนหน้านี้ สิ่งเดียวที่ชายชราเป็นกังวล ก็คือจำนวนเงินที่จะเป็นค่าหัวหลินเป่ยเฉิน
แต่บัดนี้ดูเหมือนทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี ผู้ตรวจการมณฑลแซ่ถังมีความแค้นบางอย่างกับบิดาของหลินเป่ยเฉินลงรากฝังลึก ชนิดที่ยินดีจ่ายเงินเป็นจำนวนมากโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย
เซียนกระบี่จากเมืองไป๋หยุนกล่าวต่อไปว่า “อีกอย่างที่พวกเรามองข้ามก็คือ คนส่วนใหญ่เข้าใจว่าหลินเป่ยเฉินเป็นบุคคลสติปัญญาบกพร่อง จึงมักเกิดความเอ็นดูและอาจลอบช่วยเหลือเขาด้วยความเต็มใจ ซึ่งเราจะปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้เด็ดขาด”
“เอ๋ อาจารย์ไป๋กำลังแนะนำให้ข้าจับกุมตัวทุกคนด้วยความอำมหิตมากยิ่งขึ้นอย่างนั้นหรือ?” ถังกู่จินพูดด้วยน้ำเสียงคาดเดา
ไป๋ไห่ชินตอบว่า “ถูกต้องแล้ว ติงซานฉือผู้เป็นอาจารย์ของหลินเป่ยเฉินบัดนี้ไม่ได้อยู่ในเมืองหยุนเมิ่งก็จริง แต่เขามีเส้นสายเป็นยอดฝีมืออยู่จำนวนมาก ข้าขอแนะนำให้ใต้เท้าจับกุมตัวเพื่อนร่วมห้องของหลินเป่ยเฉินในสถานศึกษากระบี่ที่สาม เลือกเด็กที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาสักคนสองคน แล้วเราก็ทรมานพวกเขาให้ทุกคนได้เห็นเป็นตัวอย่าง แม้แต่คนที่เคยติดต่อกับเขาเพียงเล็กน้อย ก็ต้องถูกจับมาขังคุกเช่นกัน นี่จะเป็นการประกาศข้อความให้ทุกคนได้รู้ว่า หากเกี่ยวข้องกับหลินเป่ยเฉินจะต้องพบกับจุดจบเช่นไร และถ้ายังจับกุมตัวหลินเป่ยเฉินไม่ได้ต่อไป ผู้คนในเมืองนี้ก็จะไม่สามารถเปิดตลาดค้าขาย เปิดสถานศึกษาหรือทำกิจการอื่นๆ ได้ตามปกติ…”
ริมฝีปากของถังกู่จินบิดตัวเป็นรอยยิ้มด้วยความชอบใจ “ถ้าอย่างนั้น ชาวเมืองหยุนเมิ่งคงจะต้องเดือดร้อนกันหนักมากแน่”
ไป๋ไห่ชินยิ้มมุมปากด้วยความชั่วร้าย “ปล่อยให้พวกเขาเดือดร้อนไปดีแล้วขอรับ เพราะความเดือดร้อนของชาวเมือง จะเป็นถนนที่นำเราไปสู่การจับกุมตัวหลินเป่ยเฉิน หรือไม่อย่างนั้น เราอาจจะทำพิธีประหารหมู่โดยประกาศออกไปว่า ถ้าหลินเป่ยเฉินไม่ยอมเข้ามามอบตัว ชาวเมืองจำนวนมากก็จะต้องเสียชีวิตเพราะเขา”
ถังกู่จินเบิกตาโตมองหน้าไป๋ไห่ชินด้วยความเหลือเชื่อ
เขารู้ดีอยู่แล้วว่าเซียนกระบี่จากเมืองไป๋หยุนคนนี้มีจิตใจโหดร้ายมากแค่ไหน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะโหดร้ายถึงขนาดนี้
ความเจ้าเล่ห์และอำมหิตของไป๋ไห่ชิน น่ากลัวมากกว่าพวกขุนนางที่อยู่ในวังหลวงหลายเท่านัก
“ไม่มีปัญหา” ถังกู่จินระเบิดเสียงหัวเราะ “เอาเป็นว่าหน้าที่ในการตามหาตัวหลินเป่ยเฉิน ข้าขอมอบให้อาจารย์ไป๋เป็นคนดูแลทั้งหมดเลยก็แล้วกัน ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย ท่านสามารถกำหนดได้เองโดยไม่ต้องรอรับคำสั่งจากข้า”
ไป๋ไห่ชินชะงักไปเล็กน้อย พยายามกลั้นยิ้มขณะรับคำว่า “ขอบพระคุณใต้เท้า”
หลังจากนั้น ชายชราก็ลุกขึ้นเดินกลับออกไปจากห้องรับแขก
ถังกู่จินนั่งมองแผ่นหลังของไป๋ไห่ชินหายลับไปจากสายตา ต่อมา หัวคิ้วของเขาก็ขมวดมุ่นด้วยความสงสัยว่า
ไป๋ไห่ชินมีความแค้นอะไรกับหลินเป่ยเฉินกันนะ ถึงได้มีความมุ่งมั่นที่จะสังหารเด็กคนนั้นขนาดนี้
แต่ช่างมันเถอะ อย่างไรเสียนี่ก็คือการยืมมือฆ่าคนอยู่แล้ว
ถังกู่จินไม่สามารถปล่อยให้มือของตนเองเปื้อนเลือดได้เด็ดขาด เมื่อไป๋ไห่ชินเสนอตัวที่จะเข้ามาเป็นคนจัดการเรื่องราวทุกอย่างให้โดยไม่มีข้อแม้ เขาก็ไม่ควรคิดอะไรให้มากความอีก
…
ณ โรงเตี๊ยมแห่งหนึ่ง
บนหน้าจอถ่ายทอดสดกำลังแสดงภาพการสอบปากคำบรรดาเพื่อนฝูงของหลินเป่ยเฉินในเรือนจำของสำนักมือปราบ
“อ๊าก…”
“อย่าทำอะไรข้าเลย ข้าไม่รู้เรื่องด้วยจริงๆ”
เสียงกรีดร้องโหยหวนดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง
บรรดาผู้ที่กำลังถูกทรมานอยู่ในขณะนี้เป็นลูกศิษย์จากห้องเก้า ชั้นปีที่สองของสถานศึกษากระบี่ที่สาม ประกอบไปด้วยหยินอี้ เฉิงกู่ เสว่เยว่ หลินเสว่หยิน และคนอื่นๆ อีกมากมาย เรียกได้ว่าเพื่อนร่วมห้องของหลินเป่ยเฉินกว่าครึ่งชั้น ถูกจับกุมตัวมาในเวลาแค่วันเดียว
พวกเขาถูกจับแขวนกับกำแพงและโดนเฆี่ยนตีด้วยสายแส้จนร่างกายเต็มไปด้วยเลือด
และผู้ที่ดูแลการสอบปากคำในครั้งนี้ก็คือกวนเฟยตู้ เด็กหนุ่มผู้ถูกไล่ออกจากสถานศึกษากระบี่ที่สามนั่นเอง
“ถ้าพวกเจ้าบอกที่ซ่อนตัวของหลินเป่ยเฉินมา ก็ไม่ต้องทรมานเช่นนี้อีกแล้ว…” กวนเฟยตู้หัวเราะเยาะระหว่างที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่ง
“ศิษย์พี่กวน พวกเราไม่ทราบจริงๆ”
“ถึงฆ่าเราให้ตาย พวกเราก็ไม่รู้…”
“ใช่แล้ว ได้โปรดปล่อยพวกเราไปเถิด”
หยินอี้ร้องขอความเมตตาอย่างหมดหวัง
บัดนี้ หลินเสว่หยินถูกลงโทษจนใบหน้าที่สวยงามของนางมีแต่คราบเลือดเปรอะเปื้อนเต็มไปหมด สภาพตลอดร่างกายน่าเวทนาจับใจ เด็กสาวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าว่า “ศิษย์พี่กวน พวกเราเป็นผู้บริสุทธิ์ ข้าไม่ได้สนิทสนมกับหลินเป่ยเฉินสักหน่อย ท่านก็น่าจะรู้ดีที่สุด แล้วข้าจะไปรู้ที่ซ่อนตัวของเขาได้อย่างไร ทำไมถึงต้องจับตัวพวกเรามาทรมานด้วย?”
กวนเฟยตู้แสยะยิ้ม “เจ้าเป็นเพื่อนร่วมห้องกับหลินเป่ยเฉิน เขาเป็นสาวกปีศาจ เจ้าก็มีสิทธิ์ที่จะเป็นสาวกปีศาจเช่นกัน สรุปว่าจะไม่บอกที่ซ่อนตัวของมันใช่ไหม? ได้เลย งั้นเจ้าก็จะต้องถูกทรมานต่อไป”
แล้วภายในห้องคุมขังนั้นก็กังวานไปด้วยเสียงกรีดร้องโหยหวนอีกครั้ง
หลินเป่ยเฉินที่อยู่ในร่างกายของหญิงสาวอกภูเขาไฟ นั่งอยู่ที่โต๊ะริมหน้าต่างภายในห้องรับประทานอาหารของโรงเตี๊ยม ค่อยๆ ถอนสายตาออกมาจากหน้าจอถ่ายทอดสด
นั่นมันกวนเฟยตู้จริงๆ ด้วย
นอกจากไม่ปฏิเสธการช่วยงานพวกเจ้าหน้าที่มือปราบแล้ว กวนเฟยตู้ยังฉวยโอกาสนี้รังแกอดีตเพื่อนร่วมสถาบันของตนเองอีก
“นี่ เจ้าได้ข่าวหรือยัง? พวกมือปราบประกาศออกมาแล้วว่าบ่ายวันพรุ่งนี้ สมาชิกครอบครัวตระกูลมี่จำนวน 5 คน จะถูกนำตัวไปกุดหัวด้วยข้อหาที่เป็นสาวกปีศาจล่ะ…” เสียงพูดจากชายฉกรรจ์เมาสุราที่โต๊ะข้างๆ ดังขึ้น
มี่หรู่หยานซึ่งอยู่ในร่างของมนุษย์ป้าผิวคล้ำกางหูรับฟังด้วยความสนใจ
“เรื่องนั้นข้ารู้แล้ว เฮ้อ มี่หรู่หยานนี่โชคร้ายจังเลยนะ นางเป็นบุตรสาวคนเดียวของตระกูลแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นสาวกปีศาจไปเสียได้ สงสารก็แต่บิดามารดาของนางที่เฒ่าชรากันหมดแล้ว แทนที่จะได้แก่ตาย กลับต้องมาถูกประหารเสียอย่างนั้น…”
มี่หรู่หยานพลันตื่นตระหนกขึ้นมาทันที
นางกุมมือหลินเป่ยเฉินและหันมาสบตาเขาด้วยความวิงวอน
หลินเป่ยเฉินได้แต่ถอนหายใจออกมาเท่านั้น
น้องสาวเอ๋ย
อย่าคาดหวังอะไรจากเขาให้มันมากเกินไปนักเลย
สถานการณ์ตอนนี้ แค่เอาตัวเองให้รอด หลินเป่ยเฉินก็ยังไม่รู้ว่าจะทำได้หรือเปล่า
ผู้คนที่นั่งรับประทานดื่มกินอยู่โต๊ะข้างๆ ยังคงพูดคุยเรื่องนี้ต่อไป
เสียงของอีกคนหนึ่งกล่าวขึ้นว่า
“แต่นักพรตหญิงชินจากวิหารเทพกระบี่ก็บอกแล้วไม่ใช่หรือ ว่าเยว่หงเซียงกับมี่หรู่หยานต่างก็เป็นเหยื่อที่ถูกกระทำ ว่ากันตามหลักการความถูกต้องแล้ว พวกนางไม่สมควรถูกดำเนินคดีด้วยซ้ำ…”
“แต่พูดไปแล้วจะมีประโยชน์อันใด? บัดนี้เมืองหยุนเมิ่งของพวกเราตกไปอยู่ในกำมือของถังกู่จินเบ็ดเสร็จแล้ว เขาเป็นคนที่จะตัดสินทุกอย่างเอง”
“แล้วท่านเจ้าเมืองจะไม่ทำอะไรเลยหรือไง?”
“ท่านเจ้าเมืองของพวกเราทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว ข้าได้ข่าวมาว่าบ่ายวันนี้จะมีการยกขบวนเจ้าหน้าที่ไปปิดล้อมที่จวนตระกูลหลิง ท่านเจ้าเมืองถูกลงโทษให้กักบริเวณอยู่แต่ในจวนของตนเองเท่านั้น ห้ามออกมาข้างนอกเด็ดขาด”
“แต่ที่น่าสงสารที่สุดก็คือพวกของอาจารย์ฉู่เหิน อาจารย์พานเว่ยหมิน แล้วก็อาจารย์หลิวฉีไห่ที่ถูกนับเป็นอาจารย์คนสนิทของหลินเป่ยเฉิน บัดนี้ พวกเขาก็ถูกนำตัวไปคุมขังและทรมานเรียบร้อยแล้ว”
“เฮ้อ ขนาดเถ้าแก่หยางจากร้านขายอาวุธหัวค้อนเหล็กก็ยังไม่รอดเช่นกัน…”
“นั่นสินะ แต่ที่ซวยสุดคงหนีไม่พ้นร้านขายอัญมณีหลิวไค สวนแตงโมตระกูลอู๋ แล้วก็พวกพ่อค้าวานิชที่จ่ายเงินค่าโฆษณาให้หลินเป่ยเฉินระหว่างการแข่งขัน โดยเฉพาะอู๋เฟิงกู่ที่น่าจะซวยมากกว่าใครเพื่อน เพราะได้ข่าวว่าสวนแตงโมหลายร้อยไร่ของเขาถูกกวาดล้างไม่เหลือชิ้นดี ส่วนตัวเขาเองก็โดนจับกุมตัวมาทรมานจนมีสภาพจะตายมิตายแหล่…”
“น่าอนาถเกินไปแล้ว เมืองหยุนเมิ่งของพวกเราต้องเละเทะเพราะคนนอกแท้ๆ…”
“เห็นว่าสำนักมือปราบออกประกาศแล้วด้วยนะ ตราบใดที่หลินเป่ยเฉินยังไม่เข้ามามอบตัว คนที่เขารู้จักทุกคนก็จะถูกจับตัวมาทรมานมากขึ้นเรื่อยๆ”
“พวกเราหยุดก่อน” พลัน ใครคนหนึ่งในโต๊ะอาหารยกมือขึ้น และชี้ชวนให้ทุกคนดูภาพบนหน้าจอที่เปลี่ยนไป
ดวงตาของหลินเป่ยเฉินกลับกลายเป็นสีแดงก่ำด้วยความแค้นใจเมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอ