บทที่ 328 ความลับจะถูกเปิดเผยแล้วหรือ

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

บทที่ 328 ความลับจะถูกเปิดเผยแล้วหรือ

ยังคงเป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในห้องคุมขังนักโทษ

แต่คนที่กำลังถูกจับทรมานอยู่ในขณะนี้คือฉู่เหิน พานเว่ยหมินและหลิวฉีไห่

แขนกลเทพเจ้าดาวเหนือของฉู่เหินถูกถอดออกไปแล้ว บัดนี้กำลังมีเลือดไหลทะลักออกมาจากตอแขนทั้งสองข้างของชายชรา

สายแส้ที่กระหน่ำฟาดลงมานั้นมีความรุนแรงและอำมหิตมากกว่าที่พวกลูกศิษย์อย่างเสว่เยว่และหลินเสว่หยินถูกกระทำหลายเท่า

บนผิวหนังของชายชราเต็มไปด้วยรอยสีแดงเป็นริ้วๆ

ความเจ็บปวดเกินบรรยาย

ผู้ควบคุมการลงทัณฑ์คือชิวเทียน หัวหน้าคณะอาจารย์จากสถานศึกษากระบี่ที่หก

ชายชราร่างอ้วนยกมือกอดอก ระเบิดเสียงหัวเราะด้วยความชอบใจ “ฉู่เหิน ไม่คิดไม่ฝันเลยนะว่าเจ้าจะมีวันนี้ ฮ่าฮ่า ที่แท้ลูกศิษย์ที่เจ้าเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ก็เป็นสาวกปีศาจและทำให้พวกเราต้องวุ่นวายกันไปทั้งเมือง มีผู้คนจำนวนมากต้องถูกจับตัวไปทรมานเพราะหลินเป่ยเฉิน ดังนั้น นี่คือบทลงโทษที่เจ้าสมควรได้รับ!”

ฉู่เหินตัวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวด

ชายชราแขนด้วนกัดฟันกรอด แต่ไม่ว่าเขาจะเจ็บปวดทรมานมากแค่ไหน ฉู่เหินก็ไม่เคยส่งเสียงร้องออกมาเลยสักครั้งเดียว

ชิวเทียนหัวเราะในลำคอ “ทำไมไม่ทำตัวอวดดีเหมือนก่อนหน้านี้แล้วล่ะ? ทำไมไม่ปากเก่งเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว? หรือว่าคนพิการอย่างเจ้าคงรู้ตัวแล้วสินะ ว่าชีวิตของเจ้าตกอยู่ในกำมือของข้า”

ฉู่เหินจ้องมองชายชราร่างอ้วนไม่วางตา

ชิวเทียนรู้สึกขนลุกขึ้นมาเล็กน้อยและคำรามด้วยความโกรธแค้น “เฮอะ เจ้าคงเกลียดข้ามากเลยสินะ? แต่ข้าจะทรมานเจ้าให้ตายอย่างช้าๆ มาดูกันเถอะว่าเจ้าจะทนได้สักแค่ไหน ถ้าวันมะรืนนี้หลินเป่ยเฉินไม่ยอมปรากฏตัวออกมา ข้านี่แหละที่จะตัดขาของเจ้าทิ้งออกไปเอง อุ๊วะ อะหุอะหุ อิอิอิ…”

ปัง!

เมื่อเห็นภาพนั้น หลินเป่ยเฉินก็ทุบกำปั้นลงไปบนโต๊ะอาหาร

ดึงดูดสายตาของคนจำนวนมากให้หันมามอง

แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าเป็นเพียงหญิงสาวหน้าตาสะสวยผู้หนึ่ง ทุกคนจึงไม่เกิดความสงสัยใดๆ

“ชิวเทียนนี่ร้ายกาจเกินไปจริงๆ เขาสามารถทำเรื่องนั้นได้อย่างไรกัน”

“จริงด้วย แล้วเจ้าเด็กคนนั้นชื่ออะไรอีกนะ? กวนเฟยตู้ใช่ไหม? เจ้านั่นก็โหดร้ายผิดมนุษย์มนาเหมือนกัน”

“น่าสงสารคนที่ถูกจับตัวไปเหลือเกิน”

“แต่คงไม่มีใครไปช่วยเหลือพวกเขาออกมาได้เลยนี่สิ”

บรรดาผู้คนที่กำลังรับประทานอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยมพร้อมใจกันสบถก่นด่าพวกชิวเทียนอย่างสามัคคี

สถานการณ์ในเมืองหยุนเมิ่งขณะนี้ เมื่อจวนผู้ว่าถูกสั่งปิด ชาวเมืองก็ต้องดูแลตนเองอย่างยากลำบาก

และนี่ก็เป็นโอกาสออกอาละวาดของพวกนักล่าอสูรที่เคยหากินอยู่ตามหุบเขาชายแดนเหนือ พวกเขาปรากฏตัวออกมา เริ่มสร้างความเดือดร้อนให้แก่ผู้คนโดยไม่เกรงกลัวกฎหมาย

แม้ว่าก่อนหน้านี้หลินเป่ยเฉินจะเคยตกเป็นที่เกลียดชังของชาวเมืองมาก่อน แต่เจ้าแกะดำก็ไม่เคยจับคนไปทรมานหรือรื้อค้นข้าวของในบ้านเรือนกระจุยกระจายจนไม่สามารถอยู่อาศัยได้อีกแล้ว

ดังนั้น เมื่อชาวเมืองเห็นภาพการทรมานนักโทษ พวกเขาจึงรู้สึกว่านี่คือสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

บนหน้าจอการถ่ายทอดสดกำลังแสดงภาพการทรมานนักโทษในห้องคุมขังห้องอื่นๆ

กลุ่มคนที่ถูกทรมานบนหน้าจอขณะนี้ ประกอบไปด้วยคณะอาจารย์จากสถานศึกษากระบี่ที่สาม พ่อค้าวาณิชที่เคยให้เงินค่าโฆษณาแก่หลินเป่ยเฉิน เจ้าของโรงเตี๊ยมเยว่เล่ย หรือแม้แต่น้องชายของเยว่หงเซียงกับฟางเสี่ยวไป๋จากสำนักวายุสะเทือนฟ้าก็ถูกจับตัวมาเช่นกัน…

ขอแค่พวกเขาเคยพบเจอหลินเป่ยเฉินเพียงครั้งเดียว ก็จะถูกจับตัวมาทรมานแล้ว

ส่วนผู้ที่คุมการลงทัณฑ์ บางคนหลินเป่ยเฉินก็ไม่เคยเห็นหน้ามาก่อน แต่บางคนเขาก็รู้จักดีทีเดียว

ตัวอย่างเช่น หลินอี้ ตงฟางจัน มู่อวี่ซุน และเจิ้งโจว

ดูเหมือนว่าหลังรักษาตัวหายดีจากวิหารเทพกระบี่ พลังปราณปีศาจถูกกำจัดออกไปจากร่างกายไม่เหลือหลอ เด็กหนุ่มทั้งสี่คนก็กลับมาทำตัวร้ายกาจอีกครั้ง พวกเขารู้สึกเกลียดชังหลินเป่ยเฉินมากกว่าเดิม และถึงกับปรากฏตัวในการถ่ายทอดสด เพื่อลงมือทรมานผู้บริสุทธิ์ให้ชาวเมืองได้รับชมอย่างไม่สะทกสะท้านใดๆ

แต่สิ่งที่หลินเป่ยเฉินคิดไม่ถึงเลยก็คือกลุ่มคนที่ถูกจับตัวมาทรมานมีแม้กระทั่งหวังซินอวี่ โจวเค่อ เซียวปิงและผู้เข้าแข่งขันรอบชิงธงคนอื่นๆ

ต่อให้เด็กหนุ่มเด็กสาวเหล่านั้นจะมาจากตระกูลใหญ่ในเมืองหยุนเมิ่ง แต่ทุกคนก็เป็นเสมือนมดปลวกไร้ความหมายเมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้าหน้าที่มือปราบจากสำนักผู้ว่าการมณฑล เจ้าหน้าที่เหล่านั้นทรมานผู้คนโดยไม่สนใจว่ามาจากตระกูลใด นั่นส่งผลให้เหล่าเด็กหนุ่มเด็กสาวต้องพบกับความเจ็บปวดมากมายนัก

และคนที่โชคร้ายที่สุดก็คือเซียวปิง

เด็กหนุ่มร่างอ้วนประกาศเอาไว้ระหว่างการแข่งขันว่า ชีวิตนี้เขามีหลินเป่ยเฉินเป็นวีรบุรุษประจำใจ นั่นส่งผลให้บัดนี้เซียวปิงถูกทรมานหนักหน่วงมากกว่าทุกคน ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยเขียวช้ำ เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดทรมานดังออกมาจากปากของเซียวปิงครั้งแล้วครั้งเล่า…

ระหว่างที่การถ่ายทอดสดทรมานผู้คนดำเนินไป บริเวณด้านล่างหน้าจอก็มีข้อความแจ้งข่าวชาวเมืองทุกคนถึงค่าหัวของหลินเป่ยเฉินว่า

ถ้าแจ้งข้อมูลที่เป็นเบาะแสนำไปสู่การจับกุมตัวหลินเป่ยเฉิน ผู้แจ้งข้อมูลจะได้รางวัลเป็นเงิน 10,000 เหรียญทองคำ ส่วนผู้ที่ช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการจับกุมตัวหลินเป่ยเฉินจะได้เงินรางวัล 50,000 เหรียญทองคำ และผู้ที่สามารถจับกุมตัวหลินเป่ยเฉินได้ด้วยตนเอง ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย จะได้รับรางวัล 100,000 เหรียญทองคำ

ข้อความนั้นทำให้ชาวเมืองที่รับประทานอาหารอยู่ในโรงเตี๊ยมตกตะลึงจนแทบหยุดหายใจ

แม้แต่หลินเป่ยเฉินก็ยังต้องเบิกตาโตแล้ว

เขาแทบอยากจะเข้าไปมอบตัวและขอรับเงินรางวัลเสียเดี๋ยวนี้

เห็นดังนั้น มี่หรู่หยานก็รีบจูงมือหลินเป่ยเฉินออกมานอกโรงเตี๊ยม

นางกลัวว่าเมื่อหลินเป่ยเฉินเห็นเพื่อนพ้องของตนเองถูกทรมาน เขาจะควบคุมความรู้สึกไม่ได้ จนทำให้ตัวตนที่แท้จริงถูกเปิดเผยออกมา

เมื่อเด็กหนุ่มออกมาถึงถนนที่อยู่ด้านนอก หัวใจของเขาก็ร้อนรุ่มด้วยไฟแค้น

หลินเป่ยเฉินอยากฆ่าคน

ท้องถนนที่เคยเต็มไปด้วยผู้คนเดินสัญจรไปมา บัดนี้กลับเงียบสงบยิ่งกว่าทะเลทราย

ด้วยสถานการณ์ที่ผิดปกติของบ้านเมือง ร้านค้าจำนวนมากจึงปิดกิจการไม่ทำการค้าขาย

“คุณชายหลิน ท่านหลบหนีไปเถิดเจ้าค่ะ” มี่หรู่หยานพลันพูดขึ้นมา

“หืม?”

หลินเป่ยเฉินหันไปมองหน้าเด็กสาวด้วยความประหลาดใจ

มี่หรู่หยานเดินก้มหน้าพร้อมกับพูดว่า “คนพวกนั้นเลวร้ายยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉาน หากท่านตกอยู่ในกำมือของพวกมัน ก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น”

หลินเป่ยเฉินเงียบไปเล็กน้อย ก่อนพูดออกมาว่า “แต่ถ้าข้าหนีไป แล้วทุกคนจะทำอย่างไรเล่า?”

มี่หรู่หยานตอบว่า “ถึงท่านเข้ามอบตัว แต่พวกมันก็คงไม่ปล่อยทุกคนอยู่แล้ว… ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมสถาบันหรืออาจารย์ของท่าน… คุณชายหลินไม่มีทางช่วยเหลือพวกเขาได้เด็ดขาด แต่เวลานี้คุณชายหลินยังช่วยเหลือตัวเองได้นะเจ้าคะ”

หลินเป่ยเฉินพูดว่า “แต่ครอบครัวของเจ้า…”

มี่หรู่หยานคลี่ยิ้มด้วยความเศร้า “นั่นเป็นปัญหาของข้า ข้าควรแก้ปัญหาด้วยตนเอง ไม่ควรลากท่านมายุ่งเกี่ยว”

ตอนที่นั่งอยู่ในโรงเตี๊ยมเมื่อสักครู่นี้ มี่หรู่หยานเพิ่งจะได้เข้าใจอย่างถ่องแท้

นางไม่ควรฝากความหวังไว้ที่หลินเป่ยเฉิน

เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่หลินเป่ยเฉินควรจะต้องมารับผิดชอบ

เด็กสาวรู้ดีว่าสถานการณ์ส่วนตัวของหลินเป่ยเฉินเลวร้ายยิ่งกว่านางหลายร้อยเท่า

แค่นี้เขาก็ลำบากมากพอแล้ว นางจะไปเพิ่มความลำบากให้เขาอีกทำไม

หลินเป่ยเฉินไม่พูดคำใด

แผนการก่อนหน้านี้ของเขาก็คือใช้แอปเมจิก คาเมร่าช่วยเหลือในการปลอมตัวและหลบหนีออกไปนอกเมือง

บัดนี้ยังไม่สายเกินไปที่จะหลบหนี

เอาไว้ในอนาคตเมื่อเขามีระดับพลังกล้าแข็งมากกว่านี้ หลินเป่ยเฉินจะต้องกลับมาแก้แค้นแน่นอน

แต่ภาพที่คนรู้จักจำนวนมากถูกทรมานอยู่ในห้องคุมขัง ก็ทำให้เด็กหนุ่มเกิดความลังเลใจขึ้นมาแล้ว

ถึงเขาจะไม่ใช่คนของโลกใบนี้โดยกำเนิด แต่ผู้คนเหล่านั้นก็เป็นทั้งเพื่อนและอาจารย์ที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเขามาหลายเดือน

หลายคนเคยกอดคอหัวเราะและร้องไห้ด้วยกันมาแล้ว

หลินเป่ยเฉินจะใจจืดใจดำทิ้งพวกเขาได้ลงคอเชียวหรือ?

เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าควรเลือกเส้นทางทำตัวเป็นคนขี้ขลาดไปตลอดชีวิต หรือว่าจะยอมเป็นวีรบุรุษแล้วเสียชีวิตอย่างโง่ๆ กันแน่

ตอนที่ยังอยู่ในโลกมนุษย์ หลินเป่ยเฉินรับชมการถ่ายทอดสดการแข่งขันเกม League of Legends ชิงแชมป์โลก ปรากฏว่าผู้เล่นที่เขาชื่นชอบนามว่าไดม่อน ดราก้อนได้เสียสละชีวิตของตนเองเพื่อถ่วงเวลาศัตรู ให้พวกพ้องเพื่อนร่วมทีมมีโอกาสรักษาอาการบาดเจ็บและชาร์จพลังกลับมาตอบโต้จนสามารถคว้าชัยชนะได้ในที่สุด

มันเป็นภาพที่หลินเป่ยเฉินจดจำได้ดีไม่มีวันลืม

และไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด ภาพนั้นถึงได้กลับมาฉายชัดในจิตใจของเขา ณ วันนี้

แต่ถึงอยู่ต่อไป แล้วเขาจะทำอะไรได้?

ด้วยระดับพลังของเขาในขณะนี้ ต่อให้ใช้งานทุกแอปที่มีอยู่ในมือ ก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้อยู่ดี

“เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ถ้าข้าเกิดเป็นสาวกปีศาจขึ้นมาจริงๆ?”

หลินเป่ยเฉินกระซิบ

มี่หรู่หยานถามกลับไปว่า “แล้วท่านเป็นหรือเปล่าเจ้าคะ?”

หลินเป่ยเฉินยิ้มด้วยความเหนื่อยใจ “ข้าคิดว่าข้าไม่ได้เป็น…แต่ตอนนี้ข้าก็ไม่รู้อีกแล้ว”

มี่หรู่หยานไม่พูดคำใดอยู่เนิ่นนาน แต่สุดท้าย นางก็กล่าวออกมาว่า “หากคุณชายหลินเป็นสาวกปีศาจจริงๆ ถ้าอย่างนั้นท่านก็เป็นสาวกปีศาจที่เป็นคนดีแน่นอน”

หลินเป่ยเฉินหัวเราะพรืด ถามว่า “สาวกปีศาจมันมีฝ่ายดีกับไม่ดีด้วยหรือ?”

มี่หรู่หยานตอบกลับเสียงเรียบ “ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าสาวกปีศาจทุกคนเป็นตัวชั่วร้าย แต่บัดนี้… หากคุณชายเป็นสาวกปีศาจจริงๆ ข้าก็ได้รู้แล้วว่าโลกนี้มีสาวกปีศาจที่เป็นคนดีอยู่จริงๆ”

หลินเป่ยเฉินถึงกับพูดอะไรไม่ออก

เขารู้ดีว่าคำพูดประโยคนี้ขัดต่อหลักความเชื่อที่ถ่ายทอดกันทั่วจักรวรรดิเป่ยไห่และแผ่นดินตงเต้า

หลินเป่ยเฉินไม่พูดคำใดอีกแล้ว

แต่นั่นก็เป็นตอนที่เขาพบว่ามีร่างกายสูงโปร่งของใครคนหนึ่งกำลังยืนขวางทาง

ดวงอาทิตย์กำลังคล้อยตัวไปทางทิศตะวันตกของท้องฟ้ายามบ่าย

คนผู้นี้ยืนขวางอยู่กลางถนน เงาของเขาทอดยาวบนพื้นดินกลืนกินเงาของหลินเป่ยเฉิน

เด็กหนุ่มหยุดชะงักโดยทันที รู้สึกได้ถึงอันตรายที่คุกคามเข้ามา

เพราะอีกฝ่ายหนึ่งมีพลังลมปราณแข็งแกร่งมาก

อย่างน้อยก็มีพลังไม่ต่ำกว่าขั้นปรมาจารย์ระดับที่หก

“เจ้าคือหลินเป่ยเฉินใช่หรือไม่?”

คนผู้นั้นพูดพร้อมกับหัวเราะในลำคอด้วยความขบขัน เห็นได้ชัดว่าเขามองทะลุถึงตัวตนที่แท้จริงของหลินเป่ยเฉินแล้ว

มี่หรู่หยานรู้สึกเย็นเฉียบไปทั่วร่างกาย

นางสัมผัสได้ถึงรังสีความเป็นอันตรายที่แผ่ออกมาจากร่างกายของบุคคลผู้นั้น !!!