“วิวัฒนาการระยะ 6 ถูกปฏิบัติเหมือนกับมือซ้อม ส่วนพลตรีหลิวยู่ติงก็มีหน้าที่เหมือนกับเลขาจดบันทึก” เสียงของหวังไคเต็มไปด้วยการล้อเลียน “ไม่แปลกใจเลยที่นายจะกลายเป็นผู้ชายของป่ายหวีเนอได้”

 

ชูฮันถูกหวังไคขัดจังหวะขณะเดินไปที่ริมขอบหลังคา ชูฮันมองทะลุความมืดไปที่ถนนไกลออกไปพลางเอ่ยถาม “นายคิดยังไงกับป่ายหวีเนอ? เธอเป็นแค่คนเดียวที่ไม่มีข้อมูลหรือร่องรอยอะไรในระบบล่มสลายเลย”

 

“มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ ฉันพูดไม่ถูก ไม่แน่ฉันอาจจะมองเห็นข้อมูลเชิงลึกของเธอเมื่อระบบสามารถกู้คืนมาได้ 70% แล้ว” เสียงของหวังจริงจัง “ผู้หญิงคนนี้โหดร้ายมากประวัติของเธอน่าจะมีอยู่ไม่น้อย ฉันคาดว่ามันอาจจะมากกว่าที่นายรู้”

 

คิ้วของชูฮันเลิกขึ้นข้างหนึ่ง “ฉันรู้อะไร? ฉันรู้แค่ว่าตระกูลป่ายเป็นหนึ่งในตระกูลลึกลับของจีน แต่ฉันไม่รู้อะไรเจาะจงเกี่ยวกับตระกูลป่ายเลย และความสัมพันธ์ของป่ายหวีเนอกับตระกูลป่ายก็ค่อนข้างแปลกประหลาด”

 

“นั่นคือประวัติศาสตร์เก่าแก่และไม่เป็นที่ทราบแน่ชัด” เสียงของหวังไคค่อนข้างไม่มั่นใจ

 

“นายหมายถึงอะไรที่พูดว่ากู้คืนระบบได้ 70%?” จู่ๆชูฮันก็ถามขึ้นมา

 

“ฉันเคยบอกนายไปแล้วว่าระบบล่มสลายต้องการสิบชิ้นส่วนของเศษชิ้นส่วนระบบล่มสลายที่แตกกระจายและเมื่อฉันได้ชิ้นส่วนทั้งหมดกลับมาฉันก็จะสามารถกู้คืนระบบและความทรงจำทั้งหมดกลับมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ” หวังไคไม่คิดปกปิดข้อมูล “ชิ้นส่วนระบบล่มสลายสามชิ้นที่ฉันได้มาก่อนหน้านี้ หนึ่งชิ้นถูกระบบดูดกลืนไปแล้วทำให้ฉันกู้ความทรงจำคืนมาได้ 10% อีกชิ้นหนึ่งใช้ช่วยพยุงชีวิตของแม่นาย และชิ้นที่สามถูกดึงกลับไปเพื่อช่วยนายเอาไว้ เพราะงั้นตอนนี้ฉันมีความทรงจำแค่เพียง 10% เท่านั้น”

 

“แสดงว่า หลังจากผ่านมาตั้งนมนาน แกก็ยังมีความจำแค่เท่าที่ฉันเจอแกตั้งแต่แรก แกไม่คิดจะทำตัวมีประโยชน์เพิ่มเติมอะไรเลยงั้นเหรอไง?!” เสียงของชูฮันเริ่มตึง

 

“ไม่ใช่นะ! นายจะพูดแบบนั้นไม่ได้!” หวังไคโต้เถียงอย่างสิ้นหวัง “ถ้านายหาชิ้นส่วนอีกสองชิ้นมาให้ ฉันจะสามารถกู้คืนความจำมาได้ถึง 20% ถึงตอนนั้นสถานการณ์มันจะแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง”

 

“อย่าลืมว่าแกเป็นคนรับใช้ของฉัน นี่แกกล้าพูดบีบบังคับนายน้อยของแกงั้นเหรอ?”

 

“…”

 

———-

 

คนที่เก้าของกลุ่มที่สามที่ถูกทิ้งไว้ซ่อนตัวอยู่ระหว่างกำแพงทั้งสองฝั่งที่พังทลาย ร่างของเขาสั่นเทิ้มด้ววความกลัวจนไม่กล้าจะลุกขึ้นยืน มันมีแต่เสียงปะทะต่อสู้และแรงกระแทกดังลั่นเข้าหูของเสี่ยวฉีไม่หยุด ซึ่งเป็นผลจากการต่อสู้ของวิวัฒนาการระดับสูงทั้งสองคนที่ยังคงปะทะใส่กันไม่เลิกจนห้องนี้แทบจะพังถล่มลงมาอยู่แล้ว เสี่ยวฉีสัมผัสได้ถึงพื้นที่สั่นอย่างรุนแรง และร่างของเขาที่ถูกอัดบีบเข้ากับกำแพงทั้งสองด้านขึ้นเรื่อยๆ

 

เสี่ยวฉีคาดว่า…ถ้าเขาไม่รีบหนีออกไปก่อนตอนนี้ เขาคงจะถูกกำแพงอัดตายอยู่ที่นี้เป็นแน่?

 

แต่ท้องถนนข้างนอกนั่นมีแต่ซอมบี้เต็มไปหมดและของเหลวสีดำนองเต็มพื้นถนน ไม่เพียงแต่ซอมบี้ที่มีจำนวนมหาศาลจนน่าหวาดหวั่นแต่มันยังเป็นเพราะพวกปรมาจารย์ที่ทำการต่อสู้กันเองแบบนี้ รวมถึงคนที่แปรผันเป็นคนทรยศอีก

 

การออกไปข้างนอกอันตายมากแต่การอยู่ที่นี้ต่อไปก็เหมือนการรอความตายมาเยือน

 

และในขณะที่เสี่ยวฉีกำลังหวาดกลัวและสับสน จู่ๆการต่อสู้ก็หยุดลง

 

เจียงหลิงซวนยืนอยู่บนยอดกำแพงพร้อมกับซากปรักหักพังด้านล่าง เขาตวัดดาบยาวในมือและค่อยๆสอดมันกลับเข้าไปในฝัก “นายกับฉันเสมอกัน ไม่จำเป็นจะต้องสู้กันต่อไปอีก”

 

“เฮ้! เฮ้!” อู๋หยูเฉียงเองก็ดึงท่าที่ตั้งเตรียมพร้อมสู้กลับมาสงบและยืนตรงอย่างเย่อหยิ่ง “เนี่ยนะเหรอนักฆ่าเจียงหลิงซวนที่เลื่องลือ? น่าอับอายสำหรับผู้คนข้างนอกนั้นเอาแต่พูดโอ้อวดเยินยอนักฆ่าอย่างนาย ทั้งๆที่ฝีมือนายกับฉันไม่ได้ต่างกันเลยด้วยซ้ำ”

 

เกิดรอยยิ้มเย้ยหยันขึ้นบนหน้าของเจียงหลิงซวน หากเขาไม่คิดจะโต้เถียงอะไรอู๋หยูเฉียงกลับ เจียงหลิงซวนเพียงแค่กระพริบตาและเอ่ยขึ้น “นายกับฉันต่อสู้กันมามากแล้ว และมันเป็นการดึงดูดฝูงซอมบี้ให้มาหาพวกเราเปล่าๆ ส่วนเรื่องการล่าหัวของซุปเปอร์ซอมบี้นั่นมันก็ต้องขึ้นอยู่กับว่าใครจะเก่งกว่ากัน”

 

“อ๊ากกก!” คำรามดังสนั่นของซอมบี้ดังขึ้นมาจากที่ไกล แสดงให้เห็นว่าฝูงซอมบี้กำลังมุ่งหน้ามาแล้ว อู๋หยูเฉียงมีท่าทีระแวงทันที เขาพลันกระโดดลงไปที่ถนนและหายตัวไปอย่างรวดเร็วท่ามกลางความมืด

 

หลิงหลิวซวนยังคงยืนอยู่ที่เดิมมองหาเส้นทางที่จะออกไปจากจุดนี้ ทว่าสีหน้าของกลับเต็มไปด้วยอาการล้อเลียนและตลก “อู๋หยูเฉียงถึงแกจะเป็นวิวัฒนาการระยะ 5 แต่พลังของแกนั้นยังไม่ถึงครึ่งของพลังที่แท้จริงของฉันด้วยซ้ำ ฉันนี่แหละจะต้องได้คริสตัลพิเศษจากซุปเปอร์ซอมบี้ในเมืองนี้!”

 

เสี่ยวฉีที่ซ่อนตัวอยู่ได้ยินทุกอย่างก็ยิ่งกลัวจนแทบจะร้องไห้ออกมา

 

พวกซอมบี้ปรากฏตัวขึ้นที่สุดมุมถนน พวกมันรวมตัวกันมาจากสถานที่ต่างๆและค่อยๆขยับตัวเบียดอัดกันมุ่งหน้ามาตามที่มาของเสียงที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับถนนเส้นอื่นๆที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงก็อัดแน่นไปด้วยซอมบี้ที่กำลังมุ่งหน้ามาเช่นกัน! พวกมันส่งเสียงคำรามดังสนั่นท่ามกลางความมืดมิด ไม่มีแสงสว่างให้ใครได้เห็นตัวพวกมัน ไม่มีใครสามารถกะจำนวนของซอมบี้ที่กำลังมุ่งหน้ามาได้ มีแต่ความมืดและเสียงดังคำรามกู่ก้องเท่านั้นให้ได้ยินซึ่งมันยิ่งทำให้สถานการณ์น่ากลัวขึ้นไปกว่าเดิมอีก

 

เสี่ยวฉีตัวน้อยสั่นสะท้านอยู่ท่ามกลางกำแพงที่ถล่มลงมา เขากลิ้งตัวมาดูด้านนอกและได้เจอกับฝูงซอมบี้เดินผ่านเขาไป แถมมันยังมีกลุ่มซอมบี้ระยะ 2 ขนาดใหญ่ที่อ้าปากกว้างจนแทบจะงับหัวเขาเข้าไปได้อีก พวกซอมบี้ระยะ 2 ไม่สามารถหาตัวเขาได้เจอ มันได้แต่สูดกลิ่นไปมาด้วยความสับสน นอกจากนั้นมันยังมีซอมบี้ระยะ 3 ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเสี่ยวฉีอีก ซอมบี้ระยะ 3 ดูเหมือนสัมผัสได้ถึงมนุษย์หากมันก็ได้แต่สงสัยเพราะสติปัญญาของมันไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะค้นหาว่าเกิดความผิดปกติอะไรขึ้น พวกมันจึงได้แต่จากไปอีกที่เพื่อค้นหาต่อไป

 

ร่างของคนทรยศที่ถูกทิ้งไว้ตอนนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยกลุ่มซอมบี้ขนาดใหญ่ที่กำลังรุมทึ้งกัดแทะกันไม่หยุดหย่อน แม้แต่เสื้อผ้าก็ยังถูกซอมบี้กัดฉีดขาดเป็นชิ้นๆ

 

“เอาซะเกือบตาย” ซูเฟิงที่กำลังเหนื่อยหอบอ้าปากสูดลมเข้าปอดหยุดยืนอยู่บนยอดของตึกสูง  เขากำลังมองไปที่ฝูงซอมบี้หนาแน่นด้านล่าง และในขณะเดียวกันด้วยความสามารถของวิวัฒนาการระยะ 6 เขาจึงสามารถพบตัวเสี่ยวฉีได้อย่างง่ายดายและรวดเร็ว “กลับไปอีกทางสิ! อยู่แบบนี้มันไม่ปลอดภัย! ถ้ามันมีซอมบี้ระยะ 4 ที่นี่ ฉันเกรงว่าเขาจะไม่สามารถซ่อนตัวอีกต่อไปได้”

 

“ช่วยหรือไม่ช่วยดี?” ซูเฟิงเริ่มตกอยู่ในห้วงความคิดที่ไม่สิ้นสุด “การฝึกภาคปฏิบัติแบบนี้มันน่ากลัวจริงๆ ในแผนของชูฮันเราห้ามปล่อยให้มีสมาชิกคนไหนรู้เลยว่าฉันติดตามพวกเขาอยู่เพื่อที่จะปล่อยให้พวกเขาได้ก้าวข้ามผ่านขีดจำกัดความสามารถของตัวเองในสถานการณ์วิกฤตได้ นอกเหนือแต่ว่าพวกเขากำลังจะตายอยู่ต่อหน้าแล้วจริงๆ ไม่อย่างนั้นฉันไม่สามารถยิงปืนได้ แต่ฉันเป็นกังวลว่าไอ้หนุ่มนี้จะกลัวจนทำให้ตัวเองตายเองซะก่อน!” และในขณะที่ซูเฟิงกำลังครุ่นคิดอยู่ ทันใดนั้นมันก็มีเสียงฝีเท้าหลายคู่ดังขึ้นและตามมาด้วยบทสนทนา

 

“แย่แล้ว! นี่มันฝูงซอมบี้!” นี่คือเสียงของชูเซี่ยที่เต็มไปด้วยอาการหอบเหนื่อและความวิตกกังวล

 

“ฉันควรทำยังไงดี? แล้วเราจะยังช่วยเสี่ยวฉีได้มั้ย?” หลูเหวินเฉิงมีอาการวิตก “เสี่ยวฉีจะยังมีชีวิตรอดอยู่มั้ย?”

 

“หลังจากทุกอย่างจบลงแล้ว…” ซูเซียงหลงตื่นตระหนกขึ้นเรื่อยๆ เขาเอามือขึ้นมากุมหัวอย่างวิตก “นายห้ามตาย นายตายไม่ได้ ท่านพลเอกบอกว่านี่มันแค่การฝึกภาคปฏิบัติ ไม่ใช่สงครามจริงๆ ตราบใดที่ยังมีเพื่อนร่วมเดินทาง นายห้ามตาย!”

 

“มีชีวิตอยู่เพื่อมองเห็นผู้คน ตายเพื่อดูความตาย! ท่านพลเอกชูฮันบอกว่ากองทัพเขี้ยวหมาป่าจะไม่ละทิ้งเพื่อน ถึงแม้มันจะมีฝูงซอมบี้แต่เราก็ต้องฝ่าฝันไปหาเพื่อนของเราให้ได้!” ทันใดนั้นเสียงของเฉินช่าวเย่ก็ดังขึ้นแทรกเสียงวุ่นวายและวิตกกังวลของทุกคน “ลูกทีมทุกคนฟัง ชูเซี่ยและติงเซวพาอีกสองคนไปตรวจสอบดูบริเวณรรอบๆ ฉันคิดว่ากลุ่มที่สิบน่าจะอยู่ที่ทางใต้ของถนนห่างออกไปประมาณสองกิโลเมตร กลุ่มที่เจ็ดอยู่อีกฟากของทางเหนือของถนน รีบติดต่อพวกเขาทันทีเพื่อขอความช่วยเหลือ”

 

“คนอื่นๆ—-” เฉินช่าวเย่คว้าขวานดับเพลิงที่หลังออกมา สีหน้าเต็มไปด้วยจิตสังหารรุนแรง “มากับฉัน!”