บทที่ 162 จุดประสงค์ของทามทอย

รักหวานอมเปรี้ยว

มายมิ้นท์ขมวดคิ้วอย่างแน่น “ท่านย่าให้คุณไปส่งฉันเหรอ?”

เปปเปอร์สายตาแวววาวเล็กน้อย “อืม”

“แต่ตอนนั้นที่ท่านย่าอยู่ในห้องผู้ป่วยบอกว่าให้คุณไปส่งฉัน ฉันปฏิเสธแล้ว เธอก็ไม่ได้บีบบังคับอีกเช่นกัน ตอนนี้เป็นไปได้ยังไงยังจะให้คุณออกมาอีก เปปเปอร์คุณน่าจะไม่ได้โกหกฉันมั้ง?” มายมิ้นท์พิจารณาดูเขาอยู่อย่างรอบคอบ

เปปเปอร์เปิดประตูรถออก “ไม่มี ท่านย่าบอกว่าดึกแล้ว ไม่วางใจให้คุณไปคนเดียว ยังคงตัดสินใจให้ผมตามออกมาส่งคุณ เอาล่ะ ขึ้นรถเถอะ คุณก็ไม่หวังให้ท่านย่าเป็นห่วงใช่ไหม?”

มายมิ้นท์เงียบสนิทเลย สุดท้ายถอนหายใจหนึ่งที “ฉันรู้แล้ว”

พูดจบ เธอก็หันก้มตัวขึ้นรถไป

เปปเปอร์เห็นสภาพ คิ้วคลายออกเล็กๆน้อยๆ

ดูเหมือนว่าเธอเชื่อแล้ว

จากนั้น เปปเปอร์ปิดประตูรถข้างหลังไว้ ก้มผ่านหน้ารถ ขึ้นไปที่นั่งคนขับ “กลับคอนโดพราวฟ้าเหรอ?”

มายมิ้นท์จ้องมองนอกหน้าต่าง ท่าทีเย็นชา อืม เสียงหนึ่ง

เปปเปอร์เม้มปากหนึ่งที่ สตาร์ทรถเลย

ระหว่างทาง มายมิ้นท์ล้วนไม่ได้พูดกับเขาสักคำ เพราะว่าไม่อยากพูด และไม่มีอะไรจะพูดด้วย

เปปเปอร์กลับจ้องมองเธอผ่านกระจกมองหลังหลายที สีหน้าแอบซ่อนอยู่ในเงามืดที่อยู่ในรถ มองไม่ชัด

มายมิ้นท์ที่เงียบ ทำให้เขาไม่ชินมาก

หกปีก่อน เขาก็ไม่ใช่ไม่เคยนั่งรถคันเดียวกันกับมายมิ้นท์มาก่อน

ในเวลานั้นเพราะว่ามายมิ้นท์ยังรักเขาอยู่ ดังนั้นตอนที่อยู่บนรถ ล้วนกระตือรือร้นมาก หาหัวข้อที่จะคุยกันกับเขา และส่วนมากเขาล้วนฟังอย่างเดียวไม่ได้ตอบเลย กระทั่งบางเวลายังรู้สึกว่าคำพูดของเธอมากเกินไปน่ารำคาญเหลือเกิน อยากให้เธอหุบปาก

ตอนนี้เธอหุบปากแล้วจริงๆ จะไม่เป็นฝ่ายพูดกับเขาเองอีกเช่นกัน ในใจเขากลับไม่เป็นสุขขึ้นมา

คิดอยู่ ริมฝีปากบางๆของเปปเปอร์ขยับแล้วขยับอีก ก็ไม่รู้ว่าเกิดจากสภาวะจิตอะไร ถึงขนาดเป็นฝ่ายเอ่ยปากเอง “คุณกับลาเต้ คิดจะแต่งงานเหรอ?”

“อืม?” มายมิ้นท์อึ้งชะงักไปหนึ่งที เห็นได้ชัดว่าแปลกใจมากที่เขาอยู่ดีๆถามคำถามแบบนี้

“ไม่รู้” มายมิ้นท์ส่ายหัวตอบกลับ

นัยน์ตาเปปเปอร์เป็นประกาย ยังไม่ทันเก็บความดีใจเล็กๆจุดนั้นที่อยู่ในใจ ก็ได้ยินมายมิ้นท์พูดอีกว่า “อนาคตอาจจะแต่งมั้ง ถึงยังไงเขาก็ดีกับฉันมาก คุณลุงวสุกับคุณป้าก็ดีต่อฉันมากเช่นกัน ฉันแต่งงานกับเต้ย่อมจะมีความสุขมากแน่นอน”

เปปเปอร์จับพวงมาลัยไว้อย่างแน่น สีหน้าไม่ค่อยดีเล็กน้อย

เขาฟังออกได้ เธอกำลังเยาะเย้ยเขา เยาะเย้ยตระกูลนวบดินทร์อยู่

แต่เขากลับต้องยอมรับว่า ลาเต้ดีต่อเธอมากจริงๆ เธอแต่งงานกับลาเต้ ย่อมจะดีกว่าตอนที่อยู่ด้วยกันกับเขาแน่นอน

แม้ว่านี่เป็นความจริง แต่ยังไงเปปเปอร์ก็รู้สึกไม่เป็นสุข รู้สึกหงุดหงิด

เขาดึงเนกไทดึงแล้วดึงอีก เสียงเย็นชาเข้มงวด “ใช่เหรอ? งั้นขอให้คุณสมปรารถนา”

“ขอบคุณประธานเปปเปอร์ ฉันก็ขอให้คุณประธานเปปเปอร์กับคุณส้มเปรี้ยวครองรักนิรันดร์ ชั่วฟ้าดินสลายเช่นกัน” มายมิ้นท์พูดอย่างยิ้มตาหยี

เปปเปอร์เม้มริมฝีปากบางๆอย่างแน่น ไม่ได้ตอบกลับเลย

ครองรักนิรันดร์ ชั่วฟ้าดินสลายเหรอ?

เขาไม่ชอบคำอวยพรแบบนี้อย่างประหลาดใจ ไม่ใช่คำอวยพรมีปัญหาอะไร แต่เขาไม่ชอบเธออวยพรให้เขากับส้มเปรี้ยว

ระหว่างทาง ทั้งสองคนเงียบสนิทอีกแล้ว บรรยากาศกระทั่งยังกดดันกว่าเมื่อกี้

มายมิ้นท์รู้สึกได้ว่าอารมณ์ของผู้ชายที่ขับรถไม่ดี กลับไม่รู้ว่าอารมณ์ทำไมไม่ดี และไม่อยากรู้ด้วย ก็เลยใส่หูฟังฟังเพลงเสียเลย

เปปเปอร์สังเกตเห็นแล้ว บรรยากาศเริ่มมาคุ

เธอทำให้เขาไม่สุขใจแล้ว แต่เธอกลับยังใจร้ายฟังเพลงเฉยเลย

ทำให้เขาโมโหจะตาย

ผ่านไปไม่นาน ถึงคอนโดพราวฟ้าแล้ว

เปปเปอร์จอดรถไว้ให้ดี มายมิ้นท์เปิดประตูลงไป

ยืนอยู่ข้างถนน เธอ อ่า เสียงหนึ่งอย่างฉับพลัน จากนั้นเปิดกระเป๋าเงินออกอีกครั้ง ดึงแบงค์แดงออกมาใบหนึ่ง เคาะกระจกรถ

กระจกรถข้างหลังเลื่อนลง เปปเปอร์ที่อยู่ที่นั่งคนขับหันหน้ามา ผ่านกระจกรถข้างหลังจ้องมองเธอ “ยังมีเรื่องอะไรอีกเหรอ?”

ในน้ำเสียงเขาแฝงไว้ด้วยการเฝ้ารอคอยเล็กน้อยที่ตรวจจับได้ไม่ง่าย

“ไม่มีอะไร ลืมให้ค่ารถเท่านั้น” มายมิ้นท์ยิ้มหนึ่งทีอย่างห่างเหิน จากนั้นโยนเงินเข้าไปในกระจกรถ ยกเท้าเดินไปยังอาคารใหญ่

เปปเปอร์จ้องมองภาพด้านหลังของเธอ และจ้องเงินที่อยู่ข้างหลังอีกริมฝีปากบาง ๆเม้มความเย็นชาออกมาหลายส่วน

วันรุ่งขึ้น มายมิ้นท์มาถึงออฟฟิศ

ซินดี้ก็เข้ามาแล้ว “ประธานมายมิ้นท์ ประธานทามทอยมาแล้ว อยากจะพบท่าน”

“ทามทอยเหรอ?”ท่าวางกระเป๋าของมายมิ้นท์หยุดชะงัก

เลขาซินดี้พยักหน้า “ใช่ค่ะ”

“เขามาทำอะไรล่ะ?” มายมิ้นท์ดึงเก้าอี้ออกนั่งลง

เลขาซินดี้ตอบกลับว่า “เรื่องนี้ประธานทามทอยไม่ได้บอก แต่ประธานทามทอยพูดว่า เขามีเรื่องหนึ่งจะบอกกับคุณ”

“ฉันรู้แล้ว คุณให้เขาเข้ามาเถอะ” มายมิ้นท์เปิดคอมพิวเตอร์ตอบกลับ

ตอนที่ทามทอยไม่มีเรื่องอะไร ตั้งแต่ไหนแต่ไรจะไม่มาหาเธอ

ดูจากลักษณะท่าทีเรื่องที่เขาจะพูดสำคัญมากล่ะ

ไม่นาน ทามทอยเข้ามาแล้ว ในมือถือซองเอกสารอันหนึ่ง ไม่มีลักษณะท่าทีที่เอ้อระเหยลอยชายเหมือนยามปกติ กลับจริงจังเต็มใบหน้า ทำให้มายมิ้นท์ล้วนมีความรู้สึกไม่ชินเล็กน้อย

“นั่ง” ประธานมายมิ้นท์ชี้ไปยังเก้าอีกฝั่งตรงข้ามชี้แล้วชี้อีก จากนั้นจ้องมองไปยังเลขาซินดี้อีก “รินกาแฟแก้วหนึ่งมาให้ประธานทามทอย”

“ค่ะ” ซินดี้ขานรับเสียงหนึ่ง หมุนตัวออกไปเลย

ในออฟฟิศเหลือเพียงแค่มายมิ้นท์กับทามทอยสองคน

มายมิ้นท์จ้องมองเขา “คุณว่ามีเรื่องจะบอกกับฉัน เรื่องอะไรล่ะ?”

ทามทอยส่งซองเอกสารเข้าไป “ครั้งก่อนคุณเกือบตกม้ายังจำได้ไหม?”

มายมิ้นท์พยักหน้า “แน่นอน”

ตอนนั้นเธอตกใจจนขวัญล้วนหนีแล้ว จะลืมได้ยังไงล่ะ

“เรื่องที่คุณจะพูด มีความเกี่ยวข้องกับที่ฉันเกือบจะตกม้าเหรอ?” มายมิ้นท์ถาม

ทามทอยอืมเสียงหนึ่ง “แท้ที่จริงคุณตกม้าไม่ใช่อุบัติเหตุ”

“อะไรนะ?” มายมิ้นท์อึ้งชะงักไปหนึ่งที มือที่เปิดซองเอกสารก็หยุดลงเช่นกัน “คุณบอกว่าไม่ใช่อุบัติเหตุเหรอ?”

“ใช่แล้ว เป็นฝีมือคน” สีหน้าทามทอยตอบกลับอย่างจริงจัง

“เป็นไปได้ยังไง เต้บอกกับฉันว่าเป็นอุบัติเหตุ อีกทั้งตอนที่ตรวจสอบ คุณก็อยู่ในเหตุการณ์เช่นกันล่ะ” มายมิ้นท์ขมวดคิ้วพูด

ทามทอยพิงไปข้างหลัง “ใช่สิ ในเวลานั้นตอนที่พวกเราตรวจสอบ ผลสุดท้ายที่ตรวจสอบออกมาเป็นอุบัติเหตุจริงๆ แต่วันที่สองตอนที่ผมออกจูงม้าออกไปเดินเล่น……”

เขาเล่าในเวลานั้นที่หาชะมดเจอได้อย่างไร

มายมิ้นท์ฟังจบ กำมือขึ้นมา “ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง”

ควบคุมทางไกลโดยตรงทำให้ม้าเป็นบ้า หลอกใช้ม้าทำให้เธอล้มลง วิธีทำร้ายคนแบบนี้ สามารถทำให้คนคิดว่าเป็นอุบัติเหตุได้จริงๆ จะไม่คิดโยงไปถึงบนตัวของส้มเปรี้ยว ถึงแม้ว่านึกถึงแล้ว ก็ไม่มีหลักฐานที่จะยืนยันว่าเป็นส้มเปรี้ยวล่ะ เพราะว่าส้มเปรี้ยวตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยไปที่คอกม้ามาก่อน ทั้งไม่ได้สัมผัสม้าของเธอมาก่อนเช่นกัน

นี่เหมือนกันทุกอย่างกับวิธีที่ส้มเปรี้ยวหลอกใช้งูพิษทำร้ายเธอ ดูแล้วการทุบตีในคืนนั้น ยังไม่พอล่ะ!

แต่ว่าไม่เป็นไร เธอจะเอาบัญชีทั้งหมดที่ส้มเปรี้ยวทำร้ายเธอ คิดชำระพร้อมกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์!

“ข้างในนี้คือ?” มายมิ้นท์สูดลมหายใจลึกๆหนึ่งที กดความโมโหมากในทันใดที่อยู่ในใจไว้ ถาม

ทามทอยจ้องมองเธอ “ผมยังคิดว่าหลังจากคุณรู้เรื่องเหล่านี้ จะโมโหมากล่ะ”

“ฉันย่อมโมโหอยู่แล้ว แต่โมโหไม่มีประโยชน์ ถ้าจะโมโหในตอนนี้มิสู้จดบัญชีก้อนนี้ไว้ อนาคตค่อยคิดพร้อมกันดีกว่าล่ะ” มายมิ้นท์เม้มปากพูด

ทามทอยยิ้ม “คุณกลับปล่อยวางได้ ข้างในนี้คือการวินิจฉัยลายนิ้วมือ ลายนิ้วมือที่อยู่บนขวดแก้ว ก็คือของส้มเปรี้ยว”

มายมิ้นท์รีบดึงใบวินิจฉัยออกมาจากข้างใน ตรวจดูให้ละเอียดหลังจากอ่านจบ ทำตายี๋แล้วทำตายี๋อีก “นี่เป็นหลักฐานที่ส้มเปรี้ยวตั้งใจทำให้ฉันตกม้า คุณจะใจดีขนาดนี้ให้ฉันเหรอ? พูดเถอะ คุณช่วยฉันสืบสิ่งเหล่านี้ มีจุดประสงค์อะไรล่ะ?”

เธอจะไม่เชื่อว่าทามทอยสืบสิ่งเหล่านี้ เพียงไม่อยากให้เธอเพื่อนคนนี้ได้รับบาดเจ็บแค่ง่ายๆเท่านั้น

ถึงยังไง พวกเขาก็นับไม่ได้ว่าเป็นเพื่อนที่ดีมากเท่าไหร่

ทามทอยปรบมือหัวเราะออกมา “เป็นอย่างที่คิดไว้นะ พูดคุยกับคนฉลาดก็จะง่ายและสบายจริงๆ ใช่แล้ว ผมมีจุดประสงค์จริงๆ แต่ก็ไม่ใช่เป็นจุดประสงค์ที่เกินควรอะไร”

“ลองพูดเถอะ” มายมิ้นท์วางใบวินิจฉัยไว้ กอดอกขึ้นมาจ้องมองเขา

สีหน้าทามทอยจริงจังขึ้นมาใหม่อีก “ผมอยากให้คุณมอบเรื่องนี้ให้ผมจัดการ ถึงยังไงคุณก็เป็นผู้ถูกทำร้าย ดังนั้นผมจึงตั้งใจเข้ามาบอกกับคุณถึงสิ่งเหล่านี้ ทักทายสักหน่อย เป็นยังไง ผมเคารพคุณอยู่ใช่ไหมล่ะ?”