บทที่ 163 คนที่รักที่สุด

รักหวานอมเปรี้ยว

ถ้าไม่เป็นเช่นนี้ เขาก็จัดการโดยตรง จะไม่ตั้งใจมานี้สักรอบเลย

มายมิ้นท์ไม่ได้ตอบกลับคำที่ว่า ‘ผมเคารพคุณอยู่ใช่ไหมล่ะ’ ของเขานั้น แต่ขมวดคิ้วงดงามที่น่าดูขึ้นมาอย่างสงสัย “คุณจะจัดการเหรอ?”

“ใช่” ทามทอยพยักหน้า

มายมิ้นท์ยิ้มแล้วยิ้มอีก “นี่เป็นเรื่องของฉันล่ะ ฉันซาบซึ้งในบุญคุณที่ประธานทามทอยช่วยฉันหาพบหลักฐานความจริงเจอมากๆ แต่ฉันอยากรู้อยากเห็นมากกว่า ทำไมประธานทามทอยต้องจัดการ นี่ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับคุณไม่ใช่เหรอ?”

“บอกไว้ก่อนนะ ผมไม่ได้ทำเพื่อคุณ แต่ทำเพื่อตัวผมเอง” ทามทอยมีลักษณะท่าทีที่กังวลว่าเธอจะเข้าใจผิดแบบนั้น ยกมือขึ้นข้างเดียว

มายมิ้นท์เหลือบมองเขาหนึ่งที “รีบพูด ฉันอยากรู้สาเหตุ”

“แท้ที่จริงก็ไม่มีอะไรล่ะ เรื่องที่ตระกูลชุติเกษมฉีกหน้ากันกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์ คุณก็รู้เช่นกัน ครั้งนี้พวกเราตระกูลชุติเกษมพ่ายแพ้ให้กับตระกูลวรสิทธิคุณ ไม่ได้คว้าตำแหน่งของผู้นำ” ตาของทามทอยหยี๋หนึ่งทีพูดอย่างมีเลศนัย

มายมิ้นท์ตกตะลึง “อะไร คว้าไม่ได้เหรอ? ครั้งก่อนฉันได้ยินเต้บอกว่า ตระกูลชุติเกษมดึงเงินทุนก้อนหนึ่งมาทันเวลาอีก ไม่ได้ตกอยู่ข้างหลังตระกูลวรสิทธิคุณล่ะ ทำไมอยู่ดีๆก็พ่ายแพ้แล้วล่ะ?”

“ปัญหายังคงเกิดอยู่บนตัวของตระกูลภักดีพิศุทธิ์” นิ้วมือของทามทอยเคาะอยู่บนโต๊ะเคาะแล้วเคาะอีก “พวกเราตระกูลชุติเกษมกับตระกูลวรสิทธิคุณ ในเวลาเดียวกันหาวิสาหกิจที่ยินยอมลงทุนแห่งสุดท้ายเจอในเมืองน้ำรุ้ง วิสาหกิจแห่งนั้นจากภายนอกไม่รู้เลือกตระกูลชุติเกษมหรือว่าตระกูลวรสิทธิคุณแต่ผลสุดท้ายกลับอยู่ลับหลังแอบลงทุนให้กับตระกูลวรสิทธิคุณเลย ดังนั้นพวกเราตระกูลชุติเกษมก็พ่ายแพ้แล้ว และตระกูลภักดีพิศุทธิ์ก็คือญาติห่างๆของประธานกรรมการวิสาหกิจแห่งนั้น”

“ดังนั้นเรื่องนี้ คือตระกูลภักดีพิศุทธิ์ยุยงส่งเสริมอยู่เบื้องหลังเหรอ?” มายมิ้นท์ขมวดคิ้ว

ทามทอยเชิดคางแล้วเชิดคางอีก “ใช่แล้ว ตระกูลชุติเกษมล้วนช่วงชิงตำแหน่งของผู้นำอยู่ตลอด เห็นกับตาว่าก็ใกล้จะสำเร็จแล้ว กลับถูกตระกูลภักดีพิศุทธิ์ทำลายกับมือเลย ดังนั้นตระกูลชุติเกษมเป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไปอย่างเด็ดขาด แต่ว่าตระกูลชุติเกษมถึงยังไงก็เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงอิทธิพล ไม่เหมาะที่จะลงมือโดยตรง ดังนั้นผมจึงคว้าเรื่องตกม้าของคุณมา ใช้เรื่องนี้เป็นจุดบุกทะลวง ไปจัดการตระกูลภักดีพิศุทธิ์ทีละนิดทีละหน่อย”

“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง ฉันเข้าใจแล้ว” มายมิ้นท์พยักหน้าต่อๆกัน

ทามทอยซุกเข้าใกล้เธอ “ดังนั้นคุณรับปากแล้วใช่ไหม? แม้ว่าผมมีใจที่เห็นแก่ตัวจะจัดการเรื่องนี้ แต่ผมทำเช่นนี้ก็ถือว่าแก้แค้นให้คุณด้วยล่ะ”

“ฉันรู้ แต่ฉันไม่ต้องให้คุณช่วยฉันแก้แค้น ตัวฉันเองก็จะจัดการตระกูลภักดีพิศุทธิ์เช่นกัน อย่าลืมนะ ความแค้นของเอสซีกรุ๊ปกับเทนเดอร์กรุ๊ป และความแค้นของฉันกับส้มเปรี้ยว” มายมิ้นท์พูดเตือนสติ

ทามทอยเงียบไปสองวินาที “งั้นเป็นอย่างนี้ก็แล้วกันเถอะ พวกเราร่วมมือกัน”

“ร่วมมือกันเหรอ?” นัยน์ตามายมิ้นท์เปล่งประกาย

ทามทอย อืม เสียงหนึ่ง “ในเมื่อพวกเราล้วนจะจัดการตระกูลภักดีพิศุทธิ์ งั้นพวกเราก็สามารถร่วมมือกันได้ ตอนนี้คุณจะเอาอิทธิพลไม่มีอิทธิพล จะเอาความสามารถไม่มีความสามารถ จะแก้แค้นได้ยังไงล่ะ? รอเทนเดอร์กรุ๊ปพัฒนาขยายขึ้นมาเหรอ? คุณแน่ใจได้ยังไงระหว่างเทนเดอร์กรุ๊ปพัฒนาขยาย เยี่ยมบุญจะไม่ลงมือล่ะ? ถึงแม้ว่าเขาไม่ คุณพัฒนาขยายเทนเดอร์กรุ๊ป พวกเขาก็จะพัฒนาขยายเอสซีกรุ๊ปเช่นกัน คุณไล่ตามเขาไม่ทันเหมือนเดิม ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแก้แค้นเลย”

คำพูดนี้พูดจนมายมิ้นท์พูดไม่ออก

ใช่สิ เธอก้าวหน้าอยู่ เยี่ยมบุญก็จะไม่ย้ำอยู่กับที่เช่นกัน

ดังนั้นเธออยากแก้แค้น ยังมีเส้นทางหนึ่งที่ยาวมากต้องเดิน อยากจะอยู่ในเวลาสั้นๆอาศัยตนเองแก้แค้น จะเป็นไปไม่ได้เลย

เห็นมายมิ้นท์เงียบสนิท ทามทอยรู้ว่าคำพูดของตนเอง จี้ถึงใจของเธอแล้ว ดื่มกาแฟไปคำหนึ่ง พูดอีกว่า “ดังนั้นคุณได้เพียงแค่เลือกผูกพันเป็นพันธมิตรกับคนที่มีความแค้นกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์เหมือนกัน ไม่งั้นการแก้แค้นของคุณไม่มีวันจะถึง และผมก็คือผู้ร่วมมือที่ดีที่สุดคนนั้น ผมมีอิทธิพล สามารถนำความช่วยเหลือที่คุณนึกไม่ถึงให้กับคุณ ร่วมมือกันกับผมช้าที่สุดเพียงแค่หนึ่งปี คุณก็แก้แค้นได้แล้ว เป็นยังไง ใจยังไม่สั่นไหวอีกเหรอ?”

แท้ที่จริงด้วยอำนาจอิทธิพลของตระกูลชุติเกษม จัดการตระกูลภักดีพิศุทธิ์ง่ายมาก สั้นๆหนึ่งเดือนก็จะสามารถทำให้เอสซีกรุ๊ปของตระกูลภักดีพิศุทธิ์ล้มละลายได้แล้ว แต่ตระกูลชุติเกษมทำอย่างนั้นไม่ได้

อันดับแรกตระกูลภักดีพิศุทธิ์ไม่ใช่แค่เมืองเดอะซี ก็ยังเป็นวิสาหกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงไปทั่วโลกอีกด้วย มีพนักงานเป็นหมื่น ถ้าหากอยู่ดีๆทำให้เอสซีกรุ๊ปล้มละลาย พนักงานเหล่านี้ก็ต้องเผชิญหน้ากับการตกงาน ข้างบนก็จะตรวจสอบ ถ้าตรวจออกมาได้ว่าเป็นตระกูลชุติเกษมทำ ตระกูลชุติเกษมก็จะประสบหายนะเช่นกัน นี่สำหรับตระกูลชุติเกษมมากล่าว ได้ไม่คุ้มเสีย

ดังนั้นวิธีที่ดีที่สุด ก็คือเดินเส้นทางแอบทำลับหลังนี้ ตระกูลชุติเกษมสามารถจับช่องโหว่ที่คนของตระกูลภักดีพิศุทธิ์ทำผิดกฎหมายได้ ทำเป็นจุดบุกทะลวง จัดการตระกูลภักดีพิศุทธิ์ทีละนิดทีละหน่อย แม้ว่ากระบวนการจะช้าหน่อย แต่ปลอดภัยล่ะ

รอถึงตระกูลภักดีพิศุทธิ์สังเกตถึงตอนที่พวกเขาถูกคนจัดการ เอสซีกรุ๊ปของตระกูลภักดีพิศุทธิ์ ก็ตกอยู่ในมือของคนอื่นไปแล้วทั้งไม่ล้มละลายด้วย พนักงานก็จะไม่ตกงานเช่นกัน ข้างบนก็จะไม่มาตรวจสอบ และตระกูลภักดีพิศุทธิ์ยังสูญเสียทุกอย่างอีกดีขนาดไหน

สิ่งที่ทามทอยคิดได้ มายมิ้นท์ย่อมคิดได้เช่นกัน

เธอถอนหายใจหนึ่งที “ดูแล้ว ไม่ร่วมมือกันกับคุณคงเป็นไปไม่ได้แล้ว”

ทามทอยยิ้มอยู่ยื่นมือออกไป “วางใจเถอะ ผมจะไม่ทำให้คุณเสียเปรียบล่ะ งั้นเรื่องที่คุณตกม้าก็มอบให้ผมเลย คุณล้วนไม่ต้องทำอะไร ถือว่าเป็นอุบัติเหตุเหมือนเดิมอย่าเปิดเผย รอหลังหนึ่งปีตอนที่ตระกูลภักดีพิศุทธิ์เกิดเรื่อง ผมจะแจ้งคุณลงมือโจมตีนัดสุดท้ายกับตระกูลภักดีพิศุทธิ์”

มายมิ้นท์หนังตาหย่อนจ้องมองมือเขา ไม่ได้จับมือ “คุณทำเช่นนี้ ไม่กลัวประธานเปปเปอร์ผิดใจกับคุณ ถึงยังไงตระกูลภักดีพิศุทธิ์จะเป็นตระกูลของคนที่เขารักที่สุดนะ”

“คนที่รักที่สุดเหรอ?” ทามทอยยักคิ้ว อยู่ดีๆยิ้มอย่างมีความหมายลึกซึ้ง “คุณรู้สึกว่าเปปเปอร์รักส้มเปรี้ยวจริงๆเหรอ?”

“หมายความว่าอะไรล่ะ?” มายมิ้นท์ตื่นตะลึงนิดๆ

ทามทอยยิ้มแล้วยิ้มอีก “พวกเรามาพนันกันสักหน่อยเป็นยังไง”

“พนันกันเหรอ?” มายมิ้นท์เม้มปาก

ทามทอยพยักหน้า “ใช่แล้ว พวกเราก็พนันว่าเปปเปอร์รักหรือไม่รักส้มเปรี้ยว ผมพนันว่าเขาไม่รัก”

“คุณกินยาผิดแล้วเหรอ?” สายตามายมิ้นท์ประหลาดจ้องมองเขา “เปปเปอร์ไม่รักส้มเปรี้ยว คำพูดแบบนี้คุณยังพูดออกมาได้”

“ใครกินยาผิดแล้ว ผมจริงจังนะ ผมจะพนันเขาไม่รักส้มเปรี้ยว สำหรับจะยืนยันยังไง รอหลังหนึ่งปีคุณดูว่าเปปเปอร์จะตัดไมตรีกับผมหรือไม่ คุณก็รู้แล้ว” ทามทอยยิ้มอย่างมั่นใจมาก

มายมิ้นท์เบ้ปากแล้วเบ้ปากอีก จากนั้นก็หัวเราะออกมา “ได้ เห็นแก่ที่ประธานทามทอยคุณจะรอไม่ไหวอยากพ่ายแพ้ ฉันก็พนันกันกับคุณ เดิมพันคืออะไรล่ะ?”

พ่ายแพ้เหรอ?

นัยน์ตาทามทอยแว็บผ่านการหยอกเล่นเล็กน้อย

เขาไม่รู้สึกว่าตนเองจะพ่ายแพ้นะ

“เดิมพันตอนนี้ผมยังคิดไม่ออก รอหลังหนึ่งปีตอนที่ประกาศผลลัพธ์ค่อยว่ากันเถอะ” ทามทอยคิดแล้วคิดอีกตอบกลับ

มายมิ้นท์พยักหน้าต่อๆกัน “ก็ได้”

พูดจบ นี่เธอจึงยื่นมือออกไป จับมือของเขาไว้

มือของทามทอยใหญ่มาก บวกกับผิวของเขาดำ มือก็ดำด้วย

แต่มือมายมิ้นท์เล็กมาก ผิวขาวด้วย

จนกระทั่งมือของทั้งสองคนจับอยู่ด้วยกัน กลายเป็นต่างสีผิวที่เด่นชัดมาก

ทามทอยสัมผัสมือเล็กๆที่อยู่ในมือ ในใจแว็บผ่านความตื่นเต้นที่ลึกซึ้งลุ่มลึกเล็กน้อย

โดยจิตใต้สำนึกเขาบีบมือเล็กๆข้างนั้นบีบแล้วบีบอีก นิ่มๆ อุ่นๆ เช่นดั่งกับไม่มีกระดูก ความรู้สึกมือดีมาก ทำให้เขาติดเล็กน้อย อดไม่ไหวที่จะบีบอีกสองที

มายมิ้นท์จ้องมองการกระทำของเขา มุมปากชักแล้วชักอีก “ประธานทามทอย มือของฉันน่าบีบเหรอ?”

ทามทอยชงักงัน จากนั้นรู้สึกถึงตนเองทำอะไรไป ใบหูแดงขึ้น รีบปล่อยมือของเธอออก วางมือไปด้านหลัง “อะแฮ่ม นั่นอะไร ขอโทษ ผมแค่รู้สึกมือของประธานมายมิ้นท์ค่อนข้างน่าบีบ ดังนั้น……”

มายมิ้นท์รู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้

ค่อนข้างน่าบีบ ดังนั้นก็บีบเช่นดั่งกับบีบของเล่น นึกไม่ถึงว่าเขาจะปัญญาอ่อนขนาดนี้

“ไม่เป็นไร หลักฐานชุดนี้ ประธานทามทอยคุณเอากลับไปเถอะ” มายมิ้นท์โบกมือต่อๆกัน แสดงให้เห็นว่าไม่สนใจ จากนั้นหยิบซองเอกสารที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมายื่นคืนให้ทามทอย

ในเมื่อเรื่องล้วนมอบให้เขาจัดการแล้ว งั้นอันนี้ เธอเอาไว้ก็ไม่มีประโยชน์เช่นกัน

ทามทอยรับไป “ได้ ต่อจากนี้ตระกูลชุติเกษมจะค่อยๆซึมเข้าไปในตระกูลภักดีพิศุทธิ์ มีความเกี่ยวข้องกับความคืบหน้าผมจะบอกกับคุณเรื่อยๆเช่นกัน แน่นอน ถ้าหากมีสิ่งที่ต้องให้คุณช่วย คุณก็ต้องช่วยเช่นกัน”

“ฉันช่วยแน่” มายมิ้นท์รับปากไว้

ถึงยังไงพวกเขาก็เป็นเพื่อนที่ร่วมมือกัน เธอย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว

“งั้นได้ งั้นผมก็ไปก่อนแล้ว” ทามทอยพูด

มายมิ้นท์ส่งเขาออกจากออฟฟิศ

ทามทอยเดินไปยังลิฟต์ ระหว่างทาง ในสมองของเขาอดไม่ไหวที่จะปรากฏภาพในการบีบมือมายมิ้นท์แน่นในเมื่อกี้ขึ้นมาอีก ความรู้สึกที่อ่อนนุ่มนิ่มๆนั้น ถึงขนาดทำให้เขามีความคิดถึงเล็กน้อย