ตอนที่ 368 - ไม่มีทางออก

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 368 – ไม่มีทางออก

เจี้ยนเฉินเริ่มมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง เจี้ยนเฉินรู้ว่าตัวตนของเขาสามารถถูกเปิดเผยได้ทุกเวลา แต่เขาต้องนำลูกเสือขาวกลับมาไม่ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม เขารับปากรัมกุยเนสว่าจะดูแลลูกของนาง ดังนั้นเขาจึงไม่ยินยอมให้มีอะไรเกิดขึ้นกับลูกเสือขาว

คืนนี้ในสวนเงียบเป็นพิเศษ เมื่อมันมืดมากและไม่ได้มีคนลาดตระเวนเป็นจำนวนมาก เจี้ยนเฉินแอบไปที่โถงหลักราวกับภูตผีในชุดดำสนิทของเขา เขามีความตั้งใจเป็นอย่างมากในการลอบเข้ามา ถ้าเขาต้องการที่จะเอาลูกเสือขาวกลับคืนมา

ในขณะที่เจี้ยนเฉินเข้ามาใกล้ห้องใต้หลังคาในห้องโถง เสียงที่คุ้นเคยก็ได้ยินมาถึงหูของเจี้ยนเฉิน – มันเป็นเสียงคำรามของลูกเสือขาว

เมื่อได้ยินเสียงร้องของลูกเสือขาว เจี้ยนเฉินก็ยิ้มเล็กน้อยบนใบหน้าของเขาทันที ในขณะที่เขาเริ่มค้นหาว่าเสียงดังมาจากไหน เขาไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องง่ายที่จะหาลูกเสือขาว !

ทันใดนั้นพื้นที่ทั้งหมดก็สว่างไสวเมื่อคบเพลิงปรากฏขึ้นทุกที่รอบ ๆ เจี้ยนเฉินถูกย้อมเป็นสีแดงสด

“เจี้ยนเฉิน เจ้ากลับมาแล้วจริง ๆ ข้าคิดว่าเจ้ากำลังจะพยายามหลบหนีในครั้งนี้” สามารถได้ยินเสียงผู้สูงอายุอย่างฉับพลันก่อนที่คนจะเดินออกมาจากท่ามกลางฝูงชน

ผู้ที่พูดใส่เสื้อคลุมสีขาวและยิ้มอย่างมีเมตตาต่อหน้าเขา มันเป็นผู้อาวุโสสามของตระกูลชิและคนที่อยู่ข้างหลังเขาเป็นสมาชิกระดับสูงของตระกูลหวงฟู่ ในมือของผู้นำตระกูลคือลูกเสือขาว

“โฮก .. โฮก ..” เมื่อเห็นเจี้ยนเฉิน ลูกเสือในมือของท่านผู้นำตระกูลก็เริ่มตื่นเต้นและเริ่มตะกุยอุ้งเท้าของมันเพื่อพยายามเข้าหาเขา ด้วยเสียงคำรามเล็ก ๆ อุ้งเท้าทั้งสี่เริ่มกดลงบนหน้าอกของท่านผู้นำตระกูลราวกับไม่เต็มใจที่จะถูกกอดโดยท่านผู้นำตระกูลอีกต่อไป

เมื่อเห็นว่าเขาถูกค้นพบ เจี้ยนเฉินก็กระโดดออกมาจากเงามืดหลังจากที่รู้ตัวว่ามันไร้ประโยชน์

ผู้นำของตระกูลหวงฟู่เริ่มประเมินเจี้ยนเฉิน จากสิ่งที่เขาได้เห็น เจี้ยนเฉินคนนี้อายุน้อยกว่า 30 ปีซึ่งเป็นผู้เยาว์ในทุก ๆ ด้านในความหมายของคำ

“คนผู้นี้เป็นคนที่ท่านเจ้าเมืองและผู้อาวุโสเหล่านี้ตามหาหรือไม่ ? ” ท่านผู้นำตระกูลหวงฟู่คิด

เจี้ยนเฉินจ้องมองท่านผู้นำตระกูลหวงฟู่” คืนลูกเสือให้ข้า”

โดยไม่สนใจคำขอของเจี้ยนเฉิน ท่านผู้นำตระกูลหันไปหาผู้อาวุโสสามของตระกูลชิ แม้ว่าเขาจะเป็นผู้นำตระกูล แต่เขาก็รู้ว่าเขาจำเป็นต้องฟังผู้อาวุโสคนนี้เมื่ออยู่ต่อหน้าเขา

ผู้อาวุโสสามจ้องกลับไปที่เจี้ยนเฉินอย่างอย่างเท่าเทียมกัน ” เจี้ยนเฉิน ข้าอดทนกับเจ้ามานานพอแล้ว ส่งคืนยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎกลับมาหาเราทันที มิฉะนั้นอย่าโทษเราสำหรับการกระทำของเรา แม้ว่าเจ้าจะเร็วมาก แต่เรารู้ว่าเจ้าไม่สามารถรักษาความเร็วไว้ได้นาน เจ้าไม่สามารถหนีจากเราได้”

เจี้ยนเฉินหันไปหาผู้อาวุโสสามด้วยรอยยิ้ม” ข้ากลัวว่าแม้หลังจากที่ข้าคืนอาวุธให้เจ้าแล้ว เจ้าก็จะนำมันมาใช้ทำร้ายข้า ข้าไม่ใช่คนปัญญาอ่อน ถ้าเจ้าต้องการที่จะเอายุทธภัณฑ์ผู้คุมกฎคืน เจ้าจะต้องมาแย่งชิงพวกมันไปเอง ! “

“รนหาที่ตาย ! ” ใบหน้าของผู้อาวุโสสามเริ่มมืดครึ้มลงอย่างมาก ในขณะที่ใบหน้าใจดีของเขาหายไป ด้วยแววตาอันน่ากลัว เขาก็บินไปหาเจี้ยนเฉินพร้อมกับอาวุธเซียนของเขาซึ่งแทงไปที่หน้าอกของเจี้ยนเฉิน

แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะเร็วมาก แต่ในที่สุดเขาก็ยังเป็นเซียนปฐพี ใครบางคนที่มีความสามารถนั้นไม่สามารถเทียบได้กับเซียนสวรรค์เช่นเดียวกับผู้อาวุโสสาม

แต่เมื่อผู้อาวุโสสามลงมือแล้ว เจี้ยนเฉินก็เช่นกัน เขาเริ่มต้นใช้ทั้งทักษะมายาพริบตาและทักษะขโมยชะตาสวรรค์ ทั่วร่างของเขาทอประกายวูบหนึ่งห่างจากตำแหน่งเดิมที่เขาเคยอยู่ก่อนจะปรากฏขึ้นอีกครั้งหลังผู้นำตระกูล เท้าของเขากระแทกกับพื้นและหายไปจากพื้นที่อีกครั้ง

พลังงานกระเพื่อมอยู่ด้านหลังของเจี้ยนเฉิน ในขณะที่เขาถอยกลับ ในช่วงเวลานั้นผู้อาวุโสสามได้ฟาดแผ่นหลังของเจี้ยนเฉินเต็มแรง

“พรวด ! ” เจี้ยนเฉินพ่นเลือดออกมาเต็มปาก ก่อนจะหายเข้าไปในยามค่ำคืน

ผู้อาวุโสสามเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าก่อนที่จะเป่านกหวีด เสียงนกหวีดที่ดังขึ้นราวกับเสียงฟ้าร้องในท้องฟ้าอันมืดมิด จากนั้นเขาก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าและไล่ตามเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วเหมือนลูกศร

ทันทีที่เซียนสวรรค์คนอื่น ๆ ได้ยินเสียงนกหวีดจากตำแหน่งของพวกเขา พวกเขาก็ตกใจ เมื่อลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า พวกเขาเริ่มมองดูราวกับว่ากำลังเตรียมที่จะซุ่มโจมตีเจี้ยนเฉินในช่วงเวลาใดก็ตาม

ด้วยแผนเช่นนี้ไม่ว่าเจี้ยนเฉินจะไปที่ไหน เขาก็จะถูกติดตามและจะถูกขัดขวางโดยเซียนสวรรค์คนใดคนหนึ่ง

อึดใจต่อมา เสียงของม่านพลังที่แตกก็ได้ยินในขณะที่หนึ่งในดวงตาของพี่น้องไคที่ลอยอยู่ได้ชำเลืองตามอง เมื่อมองด้วยความสนใจอย่างน่าทึ่ง เขาสามารถเห็นร่างสีดำกำลังบินมาด้วยความเร็วมหาศาลในทิศทางที่เขาอยู่

ผู้อาวุโสสี่ของตระกูลไคเป่านกหวีดอีกอันหนึ่ง ให้สัญญาณกับคนอื่นเพื่อเริ่มกับดัก หลังจากนำอาวุธเซียนของเขาออกมาเพื่อเตรียมตัว ธาตุไฟในบริเวณรอบ ๆ ตัวเขาก็เริ่มรวมตัวกัน ด้วยการโบกมือของเขา จะมีการรวมตัวของปราณกระบี่ยาว 20 เมตรให้เห็นก่อนที่มันจะถูกส่งตรงไปยังเจี้ยนเฉิน

ในขณะที่เขากำลังหนี เจี้ยนเฉินก็รู้สึกได้ถึงความเข้มข้นของปราณกระบี่ที่ถูกส่งมาเหนือศีรษะ ด้วยความตื่นตกใจ เขาพลันกระโดดจากถนนไปยังดาดฟ้าของอาคารใกล้เคียงทันทีโดยไม่สูญเสียความเร็วในการหลบหลีก

“ปัง ! ” ปราณกระบี่สีแดงเพลิงขนาดใหญ่ฟาดลงบนพื้นพร้อมกับเสียงระเบิดดังปังใส่อากาศด้วยความร้อนอันแรงกล้าซึ่งพัดพาผ่านสภาพแวดล้อมโดยรอบ อาคารทั้งหมดที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้พังทะลายไปอยู่ในระดับเดียวกับถนน สำหรับจุดที่ปราณกระบี่ปะทะนั้นมีหลุมกว้าง 10 เมตรและลึก 20 เมตร

สีหน้าของเจี้ยนเฉินยังคงไร้ความรู้สึก ในขณะที่เขามองไปที่หลุมลึก จากสิ่งนี้เขาสามารถบอกได้ว่าความแข็งแกร่งของบุคคลนี้แข็งแกร่งกว่าบรรพชนของตระกูลมู่หยวน

อากาศรอบ ๆ ผู้อาวุโสสามตระกูลไคเริ่มกระเพื่อมด้วยความร้อนราวกับว่าอุกกาบาตพุ่งผ่านท้องฟ้าก่อนที่จะทำการโจมตีด้วยปราณกระบี่อีกครั้ง ก่อนจะถูกกระแทกเข้ากับพื้นดินที่เจี้ยนเฉินอยู่ เมื่อเห็นว่าความเร็วของเจี้ยนเฉินนั้นมากเกินกว่าที่เขาจะตามทันได้ ผู้อาวุโสก็เปลี่ยนพื้นที่ทั้งหมดให้กลายเป็นทะเลเพลิงเพื่อที่จะจุดเพลิงในอากาศ ความร้อนนั้นรุนแรงมากจนสามารถหลอมเหล็กได้

เซียนสวรรค์สามารถจัดการพลังงานของโลกได้แล้ว ผู้อาวุโสสี่สามารถจัดการธาตุไฟในโลกให้กว้าง 500 เมตรและสูง 100 เมตรให้เป็นทะเลเพลิง

เจี้ยนเฉินแค่นเสียงเล็กน้อยภายใต้ลมหายใจของเขาขณะที่ระลอกคลื่นของพลังเซียนออกมาจากภายในเพื่อปกป้องร่างกายของเขาจากทะเลเพลิง ในเวลาเดียวกันเขาใช้ทักษะมายาพริบตาเพื่อหลบการโจมตีอีกครั้งและพยายามหลบหนีออกจากเมือง

ทันใดนั้นไฟอีกสามเส้นก็พุ่งทะลุฟ้าเหมือนดาวตกที่ลุกเป็นไฟ ใกล้เข้ามาอย่างรวดเร็ว เซียนสวรรค์ที่ใกล้ที่สุดได้พุ่งออกไปข้างนอกพร้อมกับการโจมตีด้วยไฟอีกครั้ง

จากจุดนี้ เจี้ยนเฉินถูกล้อมรอบไปด้วยทะเลเพลิงซึ่งสูง 1000 เมตรและปกคลุมท้องฟ้าด้วยเปลวไฟ ไม่มีที่ใดตรงหน้าซึ่งเจี้ยนเฉินสามารถหยิบยืมเป็นที่พักพิงได้ ดังนั้นเขาสามารถเลือกได้แต่เพียงที่จะกระโดดต่อไปข้างหน้า

อุณหภูมิในทะเลเพลิงร้อนมากจนพลังเซียนรอบร่างของเขาแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ ทันทีและบนเสื้อผ้าของเขาก็ติดไฟ มันร้อนมากจนกระทั่งผม คิ้วและขนตาของเขาก็เกือบจะไหม้แล้ว

ต้านทานลาวาที่ร้อนเหมือนไฟไปรอบตัวเขา เจี้ยนเฉินพุ่งต่อไปยังทางออกของทะเลเพลิง

“ตูม ! “

ทันใดนั้นได้ยินเสียงระเบิดดังสนั่นเมื่อทะเลเพลิงระเบิด แสงที่กระจัดกระจายไปทุกที่ ความมืดของยามค่ำคืนส่องสว่างอยู่ครู่หนึ่งและคนที่หลับสนิทก็ตื่นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

ภายในทะเลเพลิง เจี้ยนเฉินโดนฟาดอย่างรุนแรง เขากระอักเลือดออกมาเต็มปาก เขาสามารถหลบหนีรัศมีของไฟเข้าหาเมือง

ผู้อาวุโสที่ลอยอยู่ในอากาศเริ่มหายใจหอบพร้อมกับหน้าซีด ขณะที่เขาถอนหายใจ” แม้หลังจากใช้ไฟป่าที่ระเบิดได้และใช้พลังงานของข้าเกือบหมด เจ้าก็ยังไม่ได้ถูกฆ่า แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าก็ยังคงได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก ข้าสงสัยว่าเจ้าจะไปไม่ได้ไกลแล้ว”

ในขณะนี้พี่น้องสามคนปรากฏตัวเคียงข้างเขา หนึ่งในนั้นพูดออกมาอย่างรีบร้อนว่า พี่ชาย เขาอยู่ไหน

” เขาหนีไปทางนั้น ไล่ตามเขาเร็ว”

พี่น้องทั้งสี่ได้ไล่ล่าในทันทีและไม่นานหลังจากนั้นจะมีแสงสีฟ้าอีกดวงหนึ่งส่องผ่านพี่น้องทั้งสี่และไปในทิศทางที่เจี้ยนเฉินหายตัวไป

ด้วยอาการบาดเจ็บหนักของเขา เจี้ยนเฉินไม่สามารถเดินทางไปตามถนนได้เร็วพอ แต่มันก็ยังอยู่ในระดับที่เหมาะสม อีกครึ่งชั่วยามต่อมา เจี้ยนเฉินก็มาถึงป่า ย้อนกลับไปในช่วงที่เกิดเพลิงไหม้ เจี้ยนเฉินทำให้แน่ใจว่าจะปกป้องลูกเสือด้วยความสามารถที่ดีที่สุดของเขา ดังนั้นมันจึงไม่เคยได้รับบาดเจ็บเลย

เจี้ยนเฉินก็ค่อย ๆ พยายามกลั้นหายใจพร้อมด้วยเลือดที่เต็มปาก ตอนนี้เขาใช้พลังเซียนไปสองในสามของเขา ทำให้เขาไม่สามารถหนีจากเซียนสวรรค์ได้

ทันใดนั้น ก็สามารถมองเห็นแสงสีฟ้าพุ่งผ่านไปทั่วทั้งท้องฟ้าในขณะที่เซียนสวรรค์ธาตุลมกำลังไล่ตามเจี้ยนเฉิน

ลอบถอนหายใจ เจี้ยนเฉินทำใจยอมรับว่าหายนะจะเกิดขึ้นกับเขา ลูบหัวเสือที่ห่ออยู่ในอกของเขา เจี้ยนเฉินรู้สึกละอายเท่านั้น เขาสัญญากับรัมกุยเนสว่าจะดูแลลูกของนาง แต่ตอนนี้เขาติดอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาไม่มีพลังที่จะทำเช่นนั้นอีกแล้ว

มองหาต้นไม้ เจี้ยนเฉินใช้หมัดของเขาเพื่อทำโพรงในต้นไม้ ใส่เสือขาวลงไปอย่างระมัดระวัง เขาปิดโพรงเพื่อป้องกันไม่ให้ใครสังเกตเห็น จากนั้นหันไปรอบ ๆ เขาเริ่มออกจากพื้นที่

เขายังคงวิ่งต่อไปอีกเล็กน้อยเพื่อว่าเขาจะอยู่ห่างจากลูกเสือไกลพอ เจี้ยนเฉินหยุดหายใจและรอคอยเซียนสวรรค์ที่จะมา ตอนนี้เขาเลิกวิ่งหนี เซียนสวรรค์อยู่ใกล้กับเขา ถึงเวลาแล้วที่พวกเขาจะต้องชดใช้ความเสียหายที่เจี้้ยนเฉินได้รับจากทะเลเพลิง