ตอนที่ 369 – การหลอมรวมของปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้า
ไม่นานหลังจากนั้น ลำแสงสีฟ้าซึ่งสามารถมองเห็นได้ที่ปลายสุดขอบฟ้าได้บินไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความเร็วที่ไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เซียนสวรรค์หยุดนิ่งอยู่บนอากาศเหนือเจี้ยนเฉิน
แม้ว่าข้างนอกจะมืด แต่สิ่งนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อเซียนสวรรค์เลย
“เจี้ยนเฉิน ทำไมเจ้าถึงหยุด ? ทำไมไม่หนีต่อไป ? ” ผู้อาวุโสสามพูดด้วยความเยือกเย็น สูงขึ้นไปในอากาศ 50 เมตร เขาไม่ได้เป็นคนใจดีเหมือนเมื่อก่อนอีกต่อไป หลังจากเสียเวลาไปมากเพื่อที่จะจับเจี้ยนเฉิน ผู้อาวุโสสามได้สูญเสียอารมณ์ที่อ่อนโยนของเขาไปแล้ว
เจี้ยนเฉินกำลังนั่งลงบนพื้น ในขณะที่ใช้แกนอสูรระดับ 5 เพื่อฟื้นความแข็งแกร่งของเขา แม้ว่าเขาตัดสินใจที่จะไม่วิ่งหนี เขาก็ไม่ได้วางแผนที่จะทำให้มันเป็นเรื่องง่ายสำหรับเซียนสวรรค์ เมื่อเขาเสียชีวิต มันจะต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล
ผู้อาวุโสสามลอยอยู่เหนือเจี้ยนเฉินอย่างสงบโดยไม่ได้ขยับเขยื้อน สมาชิกคนอื่น ๆ จากตระกูลเจียเต๋อและตระกูลชิยังไม่ได้มาถึงที่นี่ ดังนั้นเขาจึงไม่มีแผนที่จะเคลื่อนไหวใด ๆ ต่อเจี้ยนเฉิน เขาต้องทำให้แน่ใจว่าพวกเขาที่เหลือจะมาถึงก่อนเพื่อรักษาหน้าตระกูลอื่นและไม่ให้เกิดการหมางใจกันระหว่างพวกเขา
อีกครึ่งชั่วยามต่อมาเซียนสวรรค์ 2 คนจากตระกูลเจียเต๋อและพี่น้องตระกูลไคที่เหลืออยู่ก็มาถึง เซียนสวรรค์ทั้งแปดจึงล้อมเจี้ยนเฉินไว้เป็นวงกลม ทำให้เขาไม่สามารถหลบหนีได้
“เจี้ยนเฉิน คืนกระบี่ตันหยวนมาแล้วเราจะปล่อยให้เจ้าตายแบบสมประกอบ” ผู้อาวุโสตระกูลเจียเต๋อตะโกนออกมา
“ส่งคืนผนึกสมบัติภูเขามา มิฉะนั้นเราจะทำให้แน่ใจว่าเจ้าจะร้องขอความตาย ! ” พี่น้องตระกูลไคอีกคนตะโกนสั่ง
เมื่อได้ยินชายสองคนนี้พยายามสั่งเขา เจี้ยนเฉินแค่นเสียงขณะที่เขากระโดดขึ้นและโยนแกนอสูรระดับ 5 ที่ยังไม่ได้ฝึกฝนให้พี่น้องตระกูลไค ” หากเจ้าต้องการยุทธภัณฑ์ผู้คุมกฏของเจ้ากลับไปแล้ว ให้เข้ามาหยิบมันเอง สำหรับกลุ่มผู้เชี่ยวชาญเซียนสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่ เจ้าไม่สามารถไล่ล่าเซียนปฐพีเพียงคนเดียวได้ ถ้าไม่ใช่เพราะพลังเซียนของข้าไม่พอ เจ้าคงไม่มีโอกาสจับข้า ช่างเป็นพวกที่ไร้ประโยชน์”
เซียนสวรรค์ทั้งแปดหน้าเริ่มซีด เมื่อได้ยินคำพูดของเจี้ยนเฉิน พวกเขารู้แล้วว่าการที่พวกเขาไม่สามารถจับเซียนปฐพีได้นั้นเป็นสิ่งที่น่าละอายอย่างปฏิเสธไม่ได้
“เจ้าเด็กที่น่าตาย ลองให้ข้าดูความสามารถของเจ้า ! ” ผู้อาวุโสสี่คำรามในขณะที่เขาวิ่งเข้าไปหาเจี้ยนเฉินพร้อมด้วยกระบี่ยักษ์สีเหลืองของเขาที่เต็มไปด้วยคลื่นพลังเซียน
แสงจ้าจากการระเบิดสามารถมองเห็นได้ด้วยสายตาของเจี้ยนเฉิน ในขณะที่เขาทำให้การรับรู้ของเขาขึ้นไปสู่ระดับสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้ ใช้จิตวิญญาณกระบี่ทำให้กระบี่วายุโปรยกลายเป็นแสงสีเงินสว่างที่พุ่งไปยังคอของผู้อาวุโสสี่อย่างรวดเร็วด้วยเสียงแหวกอากาศ
ราวกับว่ากระบี่ได้มาถึงความเร็วของแสงแล้ว มันบินผ่านอากาศและทิ้งภาพของตัวเองไว้เบื้องหลัง แทบจะไม่มีใครเห็นมันได้ชัดเจนขอบคุณความเร็วและที่เหนือกว่านั้นก็คือเวลากลางคืน
โดยที่ไม่ทันได้ระวัง ผู้อาวุโสสี่โดนแทงทะลุผ่านลำคอด้วยกระบี่โดยทิ้งหลุมขนาดใหญ่ไว้ข้างหลัง หลังจากทิ้งรอยกระบี่ไว้ที่ลำคอผู้อาวุโสสี่แล้ว มันก็บินตรงไปที่ผู้อาวุโสสามที่ลอยอยู่ 50 เมตรเหนือพื้นดิน
ดวงตาของผู้อาวุโสสามเปล่งประกายแวววาว ในขณะที่พลังเซียนจำนวนมากหลั่งไหลออกมาจากร่างของเขา ปกป้องเขาอย่างสมบูรณ์ ช่วงเวลาที่กระบี่สัมผัสกับพลังเซียน มันก็เริ่มมีแรงส่งช้าลงก่อนที่จะหยุดอย่างสมบูรณ์
ในเวลาเดียวกันมีดยาวก็ปรากฏขึ้นในมือของผู้อาวุโสสาม เสียงระเบิดดังขึ้นทำให้อากาศรอบตัวมีดยาวเริ่มบิดเบือนจากพลังงานที่ถูกรวบรวมภายในมัน จากนั้นด้วยเสียงฮึดฮัดผู้อาวุโสสามนำมีดมาปะทะกับกระบี่วายุโปรยของเจี้ยนเฉิน
“ติ๊ง ! “
ด้วยเสียงโลหะกระทบกัน กระบี่วายุโปรยจึงหล่นลงไปที่พื้นอย่างไร้พลัง บนใบมีดมีรอยแตกรอยเดียว
“พรวด ! ” เจี้ยนเฉินกระอักเลือดออกมาเต็มปากจากความเสียหายที่เกิดขึ้นกับเขา เพราะกระบี่วายุโปรยของเขานั้นเชื่อมโยงกับเขาและได้รับความเสียหายในขณะที่ใช้จิตวิญญาณกระบี่ ความรู้สึกของเขาได้หลอมรวมเข้ากับอาวุธของตัวเอง การจู่โจมของผู้อาวุโสสามไม่เพียงสร้างความเสียหายให้กับอาวุธเซียนของเขาเท่านั้น แต่มันก็สร้างความเสียหายให้กับจิตวิญญาณของเขาด้วย
แม้หลังจากมีหลุมขนาดใหญ่ตัดผ่านลำคอเขา ผู้อาวุโสสี่ของตระกูลชิก็เหมือนบรรพชนของตระกูลมู่หยวนคือยังไม่ตาย แต่ผู้อาวุโสสี่มองที่เจี้ยนเฉินด้วยความกลัวที่ค้นพบใหม่ เขาอยู่ห่างจากเจี้ยนเฉินเพียงไม่กี่เมตรและไม่มีเวลามากพอในการเตรียมตัว แต่ทันใดนั้นก็ทำให้เขาไม่สามารถป้องกันตัวเองจากกระบี่วายุโปรยได้
หากเขาเป็นเซียนปฐพี เขาก็คงจะตายทันที
“เร็วเข้า รีบแก้ไขสิ่งนี้ ! ” ผู้อาวุโสสามหยิบยาออกมา แทนที่จะวางไว้ในปากของเขาเพื่อให้ผู้อาวุโสสี่เคี้ยว เขาก็โยนมันเข้าไปในรูที่ทิ้งไว้ข้างหลังโดยเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินสามารถเรียกกระบี่วายุโปรยกลับคืนสู่มือของเขาได้ด้วยความยากลำบาก เขารู้สึกปวดใจขณะที่เขาจ้องมองที่รอยแตกบนกระบี่ของเขา พลังที่มีอยู่ในมีดยาวของผู้อาวุโสสามนั้นมากเกินกว่าที่กระบี่ของเขาจะจัดการได้
ทันใดนั้นไฟสีแดงเพลิงก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวของเจี้ยนเฉิน ทำให้บริเวณนั้นสว่างเต็มที่ เจี้ยนเฉินเงยหน้าขึ้นมองเห็นผู้อาวุโสคนโตตระกูลไคเริ่มที่จะจัดการกับธาตุไฟภายในโลกก่อนที่จะพุ่งมันเข้าหาเขา ปริมาณพลังงานที่บ้าคลั่งที่พุ่งออกมาจากการระเบิดทำให้แม้แต่เจี้ยนเฉินก็ตกใจ
เจี้ยนเฉินทิ้งตัวลงไปที่พื้นโดยไม่ลังเลและกลิ้งตัวไปทางขวาเมื่อกระบี่ไฟยักษ์กระแทกเข้ากับพื้นซึ่งครั้งหนึ่งนั้นเป็นที่ที่เจี้ยนเฉินเคยยืนอยู่ พื้นดินทั้งหมดเริ่มสั่นสะเทือนก่อนที่จะแยกออกจากกันเผยให้เห็นรอยแยกที่มีความยาว 30 เมตร
เช่นเดียวกับเจี้ยนเฉินลุกขึ้นยืน ลมกระโชกแรงจนรู้สึกได้ว่ามาจากข้างหลังเขา หนึ่งในผู้อาวุโสจากตระกูลเจียเต๋อก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเจี้ยนเฉินเพื่อแทงเขาด้วยอาวุธเซียนธาตุน้ำของเขา
ด้วยเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลัน เจี้ยนเฉินพลันใช้ทักษะขโมยชะตาสวรรค์เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งของเขา 3 เท่า กระบี่วายุโปรยในมือของเขาเริ่มเปล่งประกายด้วยแสงสีม่วง-ฟ้า เมื่อมันกระทบกับอาวุธเซียนของผู้อาวุโสคนอื่น
หลังจากการระเบิดอย่างรวดเร็วอีกครั้ง เจี้ยนเฉินกระอักเลือดอีก 1 คำเมื่อเขาถูกโยนกลับลงไปที่พื้น เซียนสวรรค์ทุกคนที่นี่แข็งแกร่งกว่าบรรพชนตระกูลมู่หยวนและด้วยความแข็งแกร่งของเจี้ยนเฉินที่เกือบจะหมด เขาไม่อยู่ในฐานะที่จะได้รับแรงปะทะจากพวกเขา
“แค่ก ! ” เจี้ยนเฉินกระอักเลือดออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยที่สีหน้าของเขาซีดลงเรื่อย ๆ เลือดจำนวนมากไหลออกจากร่างกายของเขาไปแล้ว และด้วยการโจมตีอย่างรุนแรงจำนวนมากทำให้พลังการต่อสู้ของเขาก็หายไปหมด
“เจ้าสารเลว ข้าจะทำให้แน่ใจว่าเจ้าจะร้องขอความตาย” เมื่อได้ยินเสียงหยาบ ๆ ของผู้อาวุโสสี่ตระกูลไคพูดออกมาด้วยความยากลำบาก เขาร่อนลงบนพื้นและหยิบอาวุธเซียนของเขาออกมาแล้วเดินไปหาเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินกัดริมฝีปากของเขาพยายามที่จะลุกกลับขึ้นมาและจับอาวุธของเขาไว้ หลังจากได้รับการโจมตีจากผู้อาวุโสตระกูลเจียเต๋อ รอยแตกปรากฏขึ้นอีกหลายรอยบนกระบี่ของเขา
“แม้ว่าข้าจะตาย ข้าก็ไม่ยอมให้พวกเจ้าทุกคนเอาชีวิตของข้าไปอย่างง่ายดาย” แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสปางตาย เจี้ยนเฉินยังคงมีแววตาอันเด็ดเดี่ยวในดวงตาของเขา แสงสีฟ้าและสีม่วงจาง ๆ ปรากฏขึ้นบนกระบี่ของเขาอีกครั้งครอบคลุมกระบี่ทั้งหมดของเขา อย่างไรก็ตามในเวลานี้ทั้งสองสีเริ่มรวมตัวกัน
เมื่อผู้อาวุโสสี่เข้ามาใกล้เจี้ยนเฉิน เขาเหวี่ยงกระบี่ในแนวนอนเพื่อพยายามตัดหัวเจี้ยนเฉิน
แววตาของเจี้ยนเฉินเผยให้เห็นถึงความบ้าคลั่ง ในขณะที่เขากำกระบี่ไว้แน่น ในช่วงเวลาเสี้ยววินาทีนั้น แสงสีฟ้าและสีม่วงที่รวมกันนั้นเริ่มสั่นคลอนก่อนที่แสงจะเริ่มสั่นไหวและประสานกันอย่างสมบูรณ์
เช่นเดียวกับปราณกระบี่ทั้งสองที่หลอมรวมเข้าด้วยกัน แสงจ้าที่แทงนัยน์ตาที่พุ่งออกมาจากกระบี่วายุโปรย มันไม่ได้เป็นแสงสีฟ้าบริสุทธิ์หรือสีม่วงอีกต่อไป ตอนนี้ทั้งสองสีรวมตัวกัน มีสีฟ้าในสีม่วงและสีม่วงในสีฟ้าราวกับว่าทั้งสองเป็นหนึ่งตลอดเวลา
ทันใดนั้นปราณกระบี่ก็ปรากฏขึ้นและเต็มไปทั่วทั้งพื้นที่ ในวินาทีที่ทั้งโลกดูเหมือนว่ามันเป็นอาณาจักรของ กระบี่ นี้ ไม่ว่าใครจะไปที่ใดก็ตาม สิ่งที่พวกเขารู้สึกได้ก็คือพลังของปราณกระบี่
ปราณกระบี่จำนวนนี้มากจนแทบไม่น่าเชื่อ มันอนุญาตให้ทุกคนเชื่อว่ามันแข็งแกร่งพอที่จะทำให้สวรรค์ลุกไหม้หรือแม้แต่ทำลายท้องฟ้าแห่งสวรรค์ แต่ในกระบี่วายุโปรยยังคงมีรอยแตกเล็กน้อยที่สามารถมองเห็น
ฉากนี้ทำให้เซียนสวรรค์ทั้งแปดต้องตกตะลึงกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดนี้ ดวงตาของพวกเขาเริ่มเบิกกว้างเมื่อพวกเขาจ้องมองแสงที่ระเบิดออกมาจากกระบี่วายุโปรยด้วยท่าทางที่ลึกลับ เมื่อพูดถึงปราณกระบี่สิ่งที่พวกเขารู้สึกได้ก็คือความกลัว
” นะ นี่ ..นี่คือพลังงานอะไร ? ” เสียงผู้อาวุโสคนโตของตระกูลไคเริ่มสั่นด้วยความกลัว
ทันใดนั้นลมกระโชกอันอ่อนโยนก็พัดผ่านเซียนสวรรค์ทั้งแปด โดยฉีกเสื้อผ้าของพวกเขาออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย รอยมีดเริ่มปรากฏทั่วร่างกายของพวกเขาและแม้กระทั่งผมของพวกเขาก็ถูกฉีกลงเป็นชิ้นเล็ก ๆ ราวกับว่าเป็นฝุ่นผง อย่างช้าๆ เลือดเริ่มปรากฏตามรอยบาดแผลของพวกเขาและย้อมร่างกายของพวกเขาเป็นสีแดง
อากาศรอบ ๆ พื้นที่ไม่ได้เป็นอากาศที่เรียบง่ายเหมือนเดิมอีกต่อไป แต่ตอนนี้มันเต็มไปด้วยปราณกระบี่ เมื่อลมเบาๆที่พัดผ่านร่างของพวกเขา มันก็เหมือนกับใบมีดของปราณกระบี่ที่นับไม่ถ้วน แม้ว่าพวกเขาจะสูดอากาศเข้าไป อวัยวะภายในของพวกเขาจะถูกตัดออกทันทีโดยปราณกระบี่ที่รวมตัวกันอยู่รอบ ๆ ตัวพวกเขา
ด้วยการหลอมรวมของปราณกระบี่สีฟ้าและสีม่วง ทำให้พื้นที่ทั้งหมดกลายเป็นดินแดนที่ปกครองด้วยกระบี่ นี่คือขอบเขตที่มีเพียงปราณกระบี่เท่านั้นที่ยังคงอยู่ในระดับสูงสุด
เซียนสวรรค์ทั้งแปดคนนั้นหายใจไม่ออกอย่างสิ้นเชิง หลังจากนั้นไม่นาน พวกเขาก็เริ่มปลดปล่อยพลังเซียนจำนวนมากภายในร่างกายของพวกเขาด้วยความพยายามที่จะปกป้องตัวเองจากปราณกระบี่ ที่ปรากฏอยู่รอบตัวพวกเขา
” เร็ว, ฆ่าเขา!” พี่สามพูดด้วยความกลัวอย่างเปิดเผยและเสียงที่สั่นสะท้าน