ตอนที่ 370 - คำสาปชั่วนิรันดร์

เทพกระบี่มรณะ (Chaotic sword god)

ตอนที่ 370 – คำสาปชั่วนิรันดร์

“เร็ว ฆ่าเขา ! ” ผู้อาวุโสสามพูดด้วยความกลัวอย่างเปิดเผยและเสียงที่สั่นสะท้าน

คำพูดของผู้อาวุโสสามดูเหมือนจะส่งผลกระทบต่อทุกคน พวกเขาทั้งหมดเริ่มที่จะพุ่งเข้าใส่เจี้ยนเฉิน

คนที่อยู่ใกล้ที่สุดกับเจี้ยนเฉินคือผู้อาวุโสสี่ซึ่งมีดวงตาเปล่งประกายดุร้าย ขณะที่เขาเดินไปหาเจี้ยนเฉิน เขาก็ได้แกว่งกระบี่ของเขา พลันก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างฉับพลันบนใบหน้าของเขา นี่เป็นเพราะเขารู้สึกว่าร่างกายของเขาถูกบีบด้วยแรงกดดันที่ไม่ทราบสาเหตุจากบรรยากาศรอบ ๆ ราวกับมีแรงที่มองไม่เห็นมายับยั้ง เขาไม่สามารถหลุดพ้นจากขอบเขตของเขาไปได้ไม่ว่าเขาจะใส่แรงในการเคลื่อนไหวมากเท่าใดก็ตาม

ดวงตาของเจี้ยนเฉินเริ่มขยายออกไปพร้อมกับความบ้าคลั่งแบบแปลก ๆไปยังพวกเขา เขาจะไม่ลังเลเลยว่าจะต้องสูญเสียอะไรบ้างหากต่อสู้ด้วยพลังทั้งหมดที่เขามี แกว่งกระบี่วายุโปรยในมือขวาของเขา เขาส่งปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าลงไปในกระบี่วายุโปรยก่อนที่จะพุ่งเข้าหาอาวุธเซียนของผู้อาวุโสสี่

“ติ๊ง ! “

ราวกับว่าอาวุธเซียนของเขาเป็นเต้าหู้ อาวุธเซียนของผู้อาวุโสสี่แตกเป็นสองเสี่ยง พร้อมด้วยเสียงอึกอัก เลือดไหลออกมาจากปากของเขาเป็นจำนวนมาก ในขณะที่สีหน้าของเขาซีดลงอย่างรวดเร็ว

แม้ว่าหลังจากทำลายอาวุธเซียนของผู้อาวุโสสี่แล้ว เจี้ยนเฉินก็ไม่ได้ประหลาดใจอะไรเลย เขาแกว่งกระบี่วายุโปรยลงมาแล้วแทงมันลงตรงหน้าอกของผู้อาวุโสสี่

“อ๊าก ! ” ผู้อาวุโสสี่ปล่อยเสียงร้องอันเจ็บปวดอย่างน่าสมเพชราวกับปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าแทงเข้ามาในร่างกายของเขา ราวกับว่าพลังจำนวนมากที่ไม่น่าเชื่อกำลังระเบิดอยู่ภายในตัวเขา มันเหมือนกับว่าปราณกระบี่ที่พุ่งไปทั่วทุกจุดในร่างกายของเขา ในทันใดร่างกายของเขาก็พังทลายและกระดูกของเขาก็กลายเป็นฝุ่น

เมื่อมาถึงจุดนี้เซียนสวรรค์ที่เหลือได้ยิงปราณกระบี่ลงไปที่เจี้ยนเฉินแล้ว

ทันใดนั้นกระบี่วายุโปรยของเจี้ยนเฉินก็หมุนไปรอบ ๆ แยกท้องฟ้าออกจากกันด้วยปราณกระบี่ เพราะมันป้องกันตัวเองจากการโจมตีอื่น ๆ เมื่อใดที่กระบี่เคลื่อนที่ไปที่ใดก็ตามรอยแยกสีดำก็จะตามมา

เมื่อปราณกระบี่ของเซียนสวรรค์ทั้งเจ็ดได้ฟาดฟันโจมตีกระบี่ของเจี้ยนเฉินที่หลอมรวมกันแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถทำนายได้ว่าการโจมตีของพวกเขาจะกระจายหายไปในความว่างเปล่า

“น้องสี่ ! ” เมื่อเห็นร่างกายที่ทรุดโทรมของผู้อาวุโสสี่ ผู้อาวุโสสามก็กัดฟันจนฟันเกือบจะแตก ความโกรธแค้นปรากฎบนใบหน้าของเขา ขณะที่เขาร้องคร่ำครวญ

ถึงตอนนี้ เจี้ยนเฉินยังคงกระอักเลือดออกมา – แม้กระทั่งรูขุมขนของเขาก็เริ่มมีเลือดไหลออกมา ไม่เพียงแต่กระบี่วายุโปรยในมือของเขาจะแตกร้าว แต่มันก็ยังสามารถมองเห็นรอยแตกหลาย ๆ แห่งบนผิวหนังของเจี้ยนเฉินและค่อย ๆ มีเลือดไหลออกมาสู่ผิวด้านนอก

การหลอมรวมของปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้า ทำให้ทุกคนประหลาดใจกับพลังของมัน อย่างไรก็ตามด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจี้ยนเฉิน เขาไม่สามารถควบคุมแหล่งพลังงานที่ทรงพลังนี้ได้ เนื่องจากเจี้ยนเฉินไม่สามารถควบคุมมันได้ เขาจึงทนทุกข์ทรมานจากผลกระทบ ถ้าสิ่งนี้ยังคงดำเนินอีกต่อไป แม้ว่าเขาจะไม่ตายจากน้ำมือของเซียนสวรรค์ก็ตาม เขาก็จะต้องตายจากผลกระทบนี้

“อ๊าก ! ” เจี้ยนเฉินแกว่งปราณกระบี่สีม่วง-ฟ้าที่หลอมรวมกันอยู่ มันทรมานทั้งร่างกายและจิตใจของเขา จนทำให้เจี้ยนเฉินส่งเสียงคำรามออกมาราวกับสัตว์ป่า เขากระโจนขึ้นไปในอากาศอย่างไม่ระวังตัวแล้วพุ่งไปหาเซียนสวรรค์ที่อยู่ใกล้ที่สุดและประกายแสงจากกระบี่ของเขาก็พุ่งไปที่เซียนสวรรค์ ทันทีที่เซียนสวรรค์กระบี่ชี้มาที่เขา ทันใดนั้นเขาก็ยืนแข็งอยู่กับที่

รู้สึกถึงการจู่โจมของเจี้ยนเฉิน ผู้อาวุโสคนโตตระกูลไคหน้าซีด ในขณะที่เขาพยายามถอยกลับไปด้วยความรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเขาตระหนักว่าเขายืนอยู่กับที่ แม้แต่พื้นที่รอบตัวเขาดูเหมือนจะถูกตรึงไว้ ในขณะที่เขายืนอยู่อย่างมั่นคงโดยไม่สามารถขยับเขยื้อนได้

ผู้อาวุโสคนโตรู้สึกท่วมท้นไปด้วยความตกใจและหวาดกลัว เขาพลันใช้พลังเซียนภายในของเขาทันทีเพื่อที่จะให้หลุดพ้นจากข้อจำกัดของเขา ในท้ายที่สุดมันก็ไร้ประโยชน์เขาไม่สามารถก้าวไปไหนได้

ต่อหน้าดวงตาที่ฉายแววหวาดกลัวของผู้อาวุโสคนโต กระบี่วายุโปรยของเจี้ยนเฉินพุ่งตรงผ่านหน้าอกของเขาก่อนที่ปราณกระบี่ที่หลอมรวมจะระเบิดอยู่ในร่างกายของเขา ในชั่วพริบตาร่างกายของเขาระเบิดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ก่อนที่เขาจะกรีดร้องและตกตายด้วยเหตุนี้

“พรวด ! “

หลังจากฆ่าพี่ใหญ่ เจี้ยนเฉินก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก ผลสะท้อนกลับถึงขีดจำกัดที่เจี้ยนเฉินจะรับมือได้ เลือดเริ่มไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดบนหัวของเขาและเมื่อรวมกับหน้าซีดเผือดของเขา ใบหน้านี้ทำให้เขาดูเหมือนปิศาจที่น่ากลัว

พี่ใหญ่..

พี่ใหญ่..

” พี่..พี่ใหญ่..”

ทันทีที่พี่ใหญ่เสียชีวิตลง ดวงตาของผู้อาวุดสอีก 3 คนก็เริ่มแดงก่ำด้วยความโกรธและไม่อยากจะเชื่อ

“ระเบิดมันทั้งหมด พลังงานนี้คืออะไร! มันจะแข็งแกร่งสักแค่ไหนกัน ? เราต้องฆ่าเขาอย่างรวดเร็ว ไม่งั้นเราก็จะตกอยู่ในอันตราย ! ” ผู้อาวุโสจากตระกูลเจียเต๋อร้องออกมา

“เราไม่สามารถถ่วงเวลาได้อีกต่อไป ปลดปล่อยทักษะการต่อสู้ของเจ้า ! ” ผู้อาวุโสสามพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง เซียนสวรรค์ 2 คนเสียชีวิตไปแล้วด้วยน้ำมือของเจี้ยนเฉิน นี่เป็นผลลัพธ์ที่เขาไม่คาดคิด – เขาไม่เคยได้ยินว่าเซียนปฐพีสามารถฆ่าเซียนสวรรค์ได้

เมื่อมองหน้าซึ่งกันและกัน ผู้อาวุโสทั้งสองจากตระกูลเจียเต๋อก็เริ่มใช้ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ทันที ในขณะที่ผู้อาวุโสสามก็เริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน

“เจี้ยนเฉิน เจ้าจะต้องชดใช้ชีวิตของเจ้าให้กับการตายของพี่ใหญ่ของเรา ! ” ผู้อาวุโสสามแผดร้องเสียงดังอย่างโกรธแค้นเมื่อเขาเริ่มใช้ทักษะการต่อสู้ระดับปฐพีขั้นสูงพร้อมกับพี่น้องอีกสองคนของเขา

เมื่อเซียนสวรรค์ทุกคนใช้ทักษะการต่อสู้ของพวกเขา พลังที่ผสานกันนั้นยิ่งใหญ่กว่าทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ที่หมิงตงเคยใช้ ด้วยทักษะการต่อสู้ระดับปฐพี 3 ทักษะ พลังจำนวนมากได้แทรกเข้าไปในร่างของเจี้ยนเฉินทำให้เขาอ้าปากหายใจหอบ ในขณะที่กระดูกของเขาเริ่มแตกภายใต้แรงกดดัน

ในรูปแบบของการโจมตีระยะไกลขนาดใหญ่ ผู้อาวุโส 3 คนของตระกูลไคปล่อยเปลวไฟที่ไหม้อยู่บนท้องฟ้าและยิงไปทางเจี้ยนเฉิน

“อ๊าก ! ” เจี้ยนเฉินส่งเสียงคำรามจนไปถึงสวรรค์ ในขณะที่เขามุ่งเน้นพลังทั้งหมดไปที่แขนขวาของเขาและให้กระบี่วายุโปรยของเขาพุ่งลงไปที่การโจมตีพุ่งเป้าไปที่เขา

ปราณกระบี่ที่หลอมรวมได้กลืนกินการโจมตีจากผู้อาวุโสทั้งสามและในเวลาเดียวกันก็ทำลายอาวุธเซียนของพวกเขาทันที ในขณะที่อาวุธของพวกเขาพังทลาย เลือดของผู้อาวุโสทั้งสามก็กระจายออกมาเต็มท้องฟ้าทันที

การเปล่งประกายของกระบี่ของเจี้ยนเฉินเริ่มลดลง ในขณะนี้ที่เจี้ยนเฉินถึงขีดจำกัดแล้วและไม่สามารถรับมือปราณกระบี่ที่ถูกหลอมรวมหรือผลกระทบที่มาพร้อมกับมันได้อีกต่อไป

ทันใดนั้นอากาศก็เริ่มแปรปวน เนื่องจากเมฆดำเริ่มเคลื่อนลงมาจากท้องฟ้า สายฟ้าหลายเส้นซึ่งสามารถมองเห็นได้จากการประทุภายในเมฆ บรรยากาศเริ่มตึงเครียดเมื่อพื้นที่ทั้งหมดถูกครอบคลุมอย่างช้า ๆ โดยแหล่งพลังงานใหม่นี้

หลังจากนั้นไม่นานความกดดันที่แข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อก็ตกทอดมาถึงเจี้ยนเฉินและทำให้กระดูกของเขาแตกเป็นเสี่ยง ๆ

หันหน้าไปมองทางท้องฟ้าด้วยใบหน้าที่ซีดจาง เจี้ยนเฉินมองเห็นเพียงผู้อาวุโส 2 คนจากตระกูลเจียเต๋อและผู้อาวุโสสามจากตระกูลชิซึ่งปกป้องตัวเองด้วยชั้นของพลังเซียน ลอยสูงขึ้นไปบนท้องฟ้า เซียนสวรรค์ทั้งสามได้ใช้ทักษะการต่อสู้ระดับสวรรค์ของพวกเขาในเวลาเดียวกันด้วยพลังที่มีขนาดใหญ่จนพวกเขามีอิทธิพลต่อสภาพอากาศ

ความเจ็บปวดที่คมชัดจนสามารถรู้สึกได้ทั่วร่างของเจี้ยนเฉิน ในขณะที่เขาพยายามดิ้นรนเพื่อให้ตัวเองยืนตัวตรงด้วยรอยยิ้มแห่งชัยชนะ เขาดึงเซียนสวรรค์สองคนไปสู่ความตายและทำลายอาวุธเซียนของสามผู้อาวุโสที่เหลืออยู่ของตระกูลไค หากเขาสามารถเอาทักษะการต่อสู้ของพวกเขาไปด้วยได้ แม้กระทั่งความตายก็คุ้มค่า!

ในเวลาอันรวดเร็วเวลาเตรียมการสำหรับเซียนสวรรค์ทั้งสามคนก็สิ้นสุดลง ในช่วงเวลาต่อมา ลำแสงแพรวพราว 3 ลำที่พุ่งเข้าหาเจี้ยนเฉินด้วยความเร็วที่ทำให้อากาศรอบตัวสั่น เซียนสวรรค์ทั้งสามนั้นล้วนแต่ระมัดระวังตัวอย่างยิ่งและไม่ต้องการใช้อาวุธของพวกเขาในการปะทะกับเจี้ยนเฉิน

เจี้ยนเฉินยกกระบี่วายุโปรยที่หักแล้วของเขาขึ้นมาในท่าเตรียมพร้อม หลังจากการระเบิดเสียงดัง ทักษะการต่อสู้ทั้งสามของเซียนสวรรค์ได้แทงเข้าที่อาวุธและร่างกายของเจี้ยนเฉิน

กระบี่วายุโปรยของเจี้ยนเฉินแตกเป็นเสี่ยง ๆ ในอากาศเต็มไปด้วยชิ้นส่วนของกระบี่ มันก็เริ่มเปลี่ยนกลับเป็นพลังงานของโลกและกลับไปเป็นว่างเปล่า

เหมือนว่าวที่ไร้สายป่าน ร่างกายของเจี้ยนเฉินก็ปลิวออกไป 50 เมตรแล้วตกลงไปที่พื้นอย่างรุนแรง มันไถลพาเขาไปอีก 20 เมตรก่อนที่ร่างของเขาจะหยุดชะงักลงจากการกลิ้งเหมือนลูกบอลที่กำลังเคลื่อนที่

มีรูขนาดใหญ่อยู่บนทรวงอกของเขาทิ้งไว้เพียงโพรงอากาศธรรมดาซึ่งควรจะมีอวัยวะภายในของเขาอยู่ ตั้งแต่หัวจรดเท้า ร่างกายของเจี้ยนเฉินนั้นเต็มไปด้วยเลือดและไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายที่ถูกทิ้งไว้โดยมิได้ถูกย้อมด้วยเลือด

แสงสีฟ้าสามารถมองเห็นได้ในขณะที่ผู้อาวุโสสามบินไปที่ด้านข้างของเจี้ยนเฉิน เขาแทงหัวใจของเจี้ยนเฉินด้วยมีดยาวของเขาทันทีและมันทะลุผ่านหน้าอกของเจี้ยนเฉินไป

แสงในดวงตาของเจี้ยนเฉินเริ่มจางลง เขาอดไม่ได้ที่จะดิ้นรนเพื่อให้ดวงตาของเขาลืมขึ้น ก่อนที่สุดท้ายมันก็ปิดลงอยู่ดี

ในช่วงเวลาต่อไป จิตสำนึกของเจี้ยนเฉินก็กลับสู่สภาวะไร้รูปร่าง วิญญาณของเขาเองได้เริ่มออกจากโลกไปแล้วและความรู้สึกของเขาเริ่มเบื่อหน่ายกับโลกภายนอก ในช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่วิญญาณของเขาจะหายไป เจี้ยนเฉินก็อดคิดไม่ได้ที่จะนึกถึงความทรงจำเกี่ยวกับมารดาของเขา ไป่หยุนเทียน บิดาของเขา เจียงหยางป้า พี่ชายคนโต เจียงหยางหู่ พี่สาวคนโตของเขา เจียงหยางหมิงเยว่ สหายนักเรียนคนหนึ่งของเขา เถี่ยต้าจากสำนักคากัต และสหายสนิทที่เขามี ฉินเซียวและหมิงตง

“นี่..นี่คือความรู้สึกของความตายหรือ?”

“ท่านแม่..ข้าขอโทษ ลูกของท่านไม่สามารถไปคารวะท่านได้ในที่สุด … “

“พี่ใหญ่ พี่รอง ขอบคุณที่ดูแลข้าในอดีต ในชีวิตหน้า ข้า เจี้ยนเฉินจะตอบแทนเจ้าอย่างแน่นอน … “

“หัวหน้าเคนดัลให้อภัยข้า..ข้าไม่สามารถทำตามความปรารถนาสุดท้ายของท่านได้..”

“หมิงตง, ฉินเซียว, พี่น้องของข้า ลาก่อน..ข้าจะไม่เห็นเจ้าอีกแล้ว..”

ใจเจี้ยนเฉินยังคงมีความทรงจำที่วูบเข้ามาหลังจากที่ความความหลักของจิตใจยิ่งวุ่นวายมากขึ้น เขาสามารถบอกได้ว่าเวลาของเขากำลังจะสิ้นสุดลง