ภาค 3 ธาตุแท้ของวีรบุรุษ บทที่ 304 สิ่งของที่ดึงดูดจอมมารศักดิ์สิทธิ์

ตำนานศิษย์พี่เจ้าปฐพี

ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตสถาปนาขึ้นโดยซินตงผิงเมื่อไม่กี่ปีมานี้

ทว่ามารร้ายนพยมโลก กลับดำรงอยู่มาแต่โบราณกาลแล้ว

ก่อนวิกฤตการณ์ครั้งใหญ่ก็ดำรงอยู่

ในยุคสมัยที่วิกฤตการณ์ใหญ่ใกล้เข้ามา ผู้คนไปมาหาสู่กับมารร้ายนพยมโลก บ้างกลายเป็นมาร บ้างก็กำจัดมารเช่นกัน

ศาสตร์วิชาบางอย่างที่บังเกิดขึ้นด้วยเหตุฉะนี้ หลังจากผ่านวิกฤตการณ์ใหญ่ โดยส่วนมากล้วนสูญเสียการสืบทอดในโลกแปดพิภพปัจจุบันไป น้อยคนนักจะล่วงรู้

คันศรทำลายมารก็เป็นหนึ่งในนั้น

ทำลายมาร แค่เห็นชื่อก็ทราบความหมาย ว่าหมายทำลายโอกาสรอดของมาร

มารไม่สูญไม่สิ้น หลังจากสิ้นชีพก็กำเนิดใหม่ที่ส่วนลึกในนพยมโลก ทว่าคันศรทำลายมารกลับตัดตอนวงจรอุบาทว์นี้ ส่งมารให้ตกสู่ห้วงนิทราชั่วกัลปาวสาน

ยอดฝีมือมหาปรมาจารย์ชั้นที่เก้า ขั้นรูปญาณระยะท้ายกลายเป็นมาร ก็ยังคงไม่ใช่มารร้ายนพยมโลกที่แท้จริงเช่นกัน

ใช้คำว่ามนุษย์มารมาเรียก อาจจะเหมาะสมกว่าอยู่บ้าง

กระนั้นมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรมตายแล้วเกิดใหม่ กลับมีอัตรากลายเป็นมารร้ายนพยมโลกที่แท้จริงอยู่บ้าง ได้รับความเป็นไปได้ที่จะมารสิ้นกำเนิดใหม่

จอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ถ้าหากกลายเป็นมาร ก็สามารถฟื้นชีพอีกครั้งที่นพยมโลกหลังจากสิ้นใจได้อย่างแน่นอน

เยี่ยนจ้าวเกอเตรียมคันศรทำลายมาร ก็เพื่อรอคอยชั่วขณะนี้โดยเฉพาะ

ซินตงผิงมองดูโพรงที่ขยายใหญ่ไม่หยุดบนหน้าอกตนเอง มองดูกระบวนการแผ่ขยายออกสู่ด้านนอกของโพรงนี้ ม้วนร่างกายของตนย้อนเข้าไป กลืนกินตนเองจากด้านในสู่ด้านนอก

เขาเงยศีรษะมองเยี่ยนจ้าวเกออีกหน “เจ้า…”

สีหน้าของเยี่ยนจ้าวเกอเยียบเย็น แววตาดุจเพลิง “เจ้าคิดว่ากลายเป็นมารแล้วจะมีความสามารถสารพัดอย่างนั้นหรือ?”

ซินตงผิงแหงนหน้าขึ้นฟ้าถอนใจเฮือกยาว ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดออกมา ทำได้เพียงพยายามถูไถอ่านปากแยกแยะความหมายเท่านั้น

ดังคาด ‘ไม่ได้ขจัดเจ้าก่อน เป็นความพลาดพลั้งเสียยิ่งกว่าประเมินเยี่ยนตี๋ต่ำไป…’

หยวนเทียนที่อยู่ข้างๆ บัดนี้สีหน้าเคียดแค้นก็ค่อยๆ หายไป บนใบหน้าเปี่ยมไปด้วยความผิดหวังและห่อเหี่ยว

เขาไม่ใช่คนในภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตแต่อย่างใด ซินตงผิงก็ไม่อาจควบคุมเรียกใช้เขาได้เช่นกัน

ทว่าเขากลับถูกนพยมโลกดึงดูด มีความปรารถนาในใจ ด้วยเหตุนี้จึงประสานเป็นหนึ่งเดียวกับซินตงผิงได้ง่าย

เดิมทีคิดว่า หยวนเจิ้งเฟิงเข้าฌานบุกทะลวงขั้นจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ ไม่สามารถปลีกกาย ยังมีซินตงผิงคอยสอดประสานกำจัดมหาค่ายกลนภาจากภายในอีก คู่ต่อสู้เพียงหนึ่งเดียวมีเพียงอาวุธศักดิ์สิทธิ์เสื้อคลุมนภาเท่านั้น

โลกภายนอก เมืองทะเลมรกตและหอคลื่นโหม ต้องรับมือกับปีศาจอัคคีบนทะเลตะวันออก

สำนักสุริยันศักดิ์สิทธิ์กับตำหนักอัสนีสวรรค์ เกินกว่าครึ่งจะต้องชิงจังหวะลงมือกับเขากว่างเฉิงอีกด้วย ขณะเดียวกันก็ตรึงเขาไร้พรมแดนอีกหนึ่งพันธมิตรของเขากว่างเฉิงไว้เช่นกัน

ปัจจัยดินฟ้าอากาศพร้อมพรั่งสามัคคี ต่อให้เกิดเหตุสุดวิสัย ยากสำเร็จการใหญ่ ทว่าด้วยขั้นศักดิ์สิทธิ์ของตน อย่างน้อยสามารถถอยร่นได้เต็มกระบวนท่า

หากสำเร็จ ได้รับสิ่งของที่ตนต้องการ หากไม่สำเร็จ ผลลัพท์ที่แย่ที่สุดก็จะไม่มีความเสียหายอะไรเช่นกัน

นี่คือความคิดที่แท้จริงของหยวนเทียน

ด้านหนึ่งเกิดจากการพิเคราะห์จากสถานการณ์ ด้านหนึ่งก็เกิดจากความมั่นใจที่ตนเองเป็นยอดฝีมือระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์เช่นกัน

ถึงแม้จะถูกบุตรบิดาเยี่ยนจ้าวเกอและเยี่ยนตี๋ทำให้รู้สึกเหนือความคาดหมาย ออกจากเรือนบรรพบุรุษตระกูลเยี่ยนในเขตสัจจเมฆา เคลื่อนมายังเขากว่างเฉิง ในตอนที่จมอยู่ในมหาค่ายกลนภา หยวนเทียนก็ยังคงคิดเช่นนี้

ทว่าภายหลัง เขาค้นพบว่าตนเองคิดผิดแล้ว

เขากว่างเฉิง ก็คือสถานที่ฝังกระดูกของเขา

จอมยุทธ์ท่านก่อนที่ฝังร่างอยู่ที่นี่ ก็คือประมุขเขารุ่นสุดท้ายของเขานิมิตทมิฬ บัดนี้กลับเวียนมาถึงเขาหยวนเทียน

ไม่ได้รู้สึกเสียใจระคนเสียดายอะไรมากนัก ชั่วชีวิตหยวนเทียนก็ฟันฝ่าอุปสรรคคลื่นลมใหญ่มาแล้ว ความตั้งใจเด็ดเดี่ยวหนักแน่น การตัดสินใจที่ตนได้ทำลงไป จะไม่สั่นคลอนง่ายๆ

เพียงแต่ยากเลี่ยงความผิดหวังในใจ เพราะตนเองยังคงมองต่ำวีรบุรุษใต้หล้า

โพรงตรงอกหยวนเทียนใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ กลืนเงาร่างของเขาจากภายในออกมาภายนอก

คนที่เผชิญชะตากรรมเช่นเดียวกับเขา ยังมีซินตงผิง

ร่างของทั้งสองและปราณดำที่คลุมครอบพวกเขาไว้ ถูกชำระไปบนฟ้าดินด้วยกัน เฉกเช่นผู้กลายเป็นมารคนอื่นๆ เถ้าปลิวควันเลือนจนหมดสิ้น

เยี่ยนจ้าวเกอถือธนูอาชาฟ้าเอาไว้ในมือ ยลภาพฉากนี้อย่างเย็นชา เงียบงันไม่เอื้อนเอ่ยวาจาอยู่เนิ่นนาน

ซินตงผิง ผู้ที่เป็นมหาปรมาจารย์ขั้นบรรลุธรรม ครองสามอันดับแรกในประชันฝีมือของจอมยุทธ์ระดับมหาปรมาจารย์ในโลกแปดพิภพกาลก่อน

หยวนเทียน นามรองจอมมารศักดิ์สิทธิ์ หนึ่งในจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ที่มีเพียงหกคนในโลกแปดพิภพกาลก่อน

วันนี้ทั้งสองล้วนร่วงโรยบนเขากว่างสิ้นทั้งสิ้น ความตายของพวกเขา เยี่ยนจ้าวเกอเป็นผู้กระทำแต่เพียงผู้เดียว!

เยี่ยนตี๋สวมทับด้วยชุดคลุมนภา ถือดาบสวรรค์มังกรทะยาน เดินมายังข้างกายเยี่ยนจ้าวเกอ เอ่ยถามเสียงทุ้ม “ศิษย์พี่ใหญ่เล่า?”

เยี่ยนจ้าวเกอเล่าเรื่องราวที่ผ่านมา และรายละเอียดการจากไปของสือเถี่ยที่ฟังมาจากสวีเฟยและอิงหลงถูให้เยี่ยนตี๋ฟัง

หลังเยี่ยนตี๋สดับฟัง ก็เงียบงันไม่ส่งเสียง

“ศพของท่านอาจารย์ลุงใหญ่บรรจุอยู่ในโลงเย็น บัดนี้อยู่บนยอดเขานภากาศ” เยี่ยนจ้าวเกอกล่าวเสียงแผ่วเบา

ผู้เป็นบิดาผงกศีรษะ ก่อนจะออกจากมิติต่างแดนไปพร้อมกับบุตรชาย แล้วโรยตัวลงบนปลายยอดเขานภากาศ ยอดเขาสูงสุดแห่งเขากว่างเฉิง

ขณะนี้สงครามเดือดบนเขากว่างเฉิงค่อยๆ สงบลงแล้ว จอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตจวนจะถูกปราบสังหารจนหมดสิ้น

เพียงแค่ผ่านสงครามเดือดไปฉากหนึ่ง ภูเขาเขียวสดงดงามแต่เดิม บัดนี้มีความรู้สึกที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งทิศยอดเขาอรรณพที่ด้านหลังเขา มหาค่ายกลแดนมารเสื่อมทรุดต่อเนื่อง ทว่ายังไม่ได้หายไปโดยสิ้นเชิง

เยี่ยนจ้าวเกอหันกายกลับเอ่ยกับเยี่ยนตี๋ “ข้าจะไปช่วยอาจารย์ลุงสอง ยับยั้งมหาค่ายกลแดนมาร”

เยี่ยนตี๋ยืนอยู่ตรงหน้าโลงเย็นที่บรรจุร่างไร้วิญญาณของสือเถี่ยไว้ เพียงผงกศีรษะเล็กน้อย ไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไร

ชายหนุ่มลงจากยอดเขานภากาศ เร่งรีบไปยังยอดเขาอรรณพ

บนยอดเขานภากาศในเวลานี้ อาหู่ สวีเฟย และฮานหลงเอ๋อร์ก็ไม่ต้องเฝ้ารักษาโลงต่อไปแล้วเช่นกัน จึงตามเยี่ยนจ้าวเกอลงเขาไปพร้อมกัน กำจัดศัตรูที่ยังคงเหลืออยู่

“คุณชาย หลังจากท่านเข้าไปในมิติต่างแดน ข้าน้อยลองติดต่อจอมยุทธ์กว่างเฉิงที่อยู่บนเขาคนอื่นๆ ดูแล้ว” อาหู่พูดพลางเดิน

เยี่ยนจ้าวเกอพ่นลมหายใจเฮือกยาวครั้งหนึ่ง “ตอนนี้สถานการณ์บนเขาเป็นเช่นไรบ้าง?”

อาหู่กล่าวตอบ “ผู้อาวุโสเหอเฝ้าป้องกันสถานที่เข้าฌานของท่านเจ้าสำนักรุ่นก่อนอยู่ ที่นั่นปลอดภัยดี ไม่ได้ถูกก่อกวน”

“ก่อนหน้านี้ผู้อาวุโสหวังถูกซินตงผิงทำร้ายอย่างหนัก อาการบาดเจ็บสาหัสยิ่ง แต่ไม่ถึงชีวิต”

“ส่วนผู้อาวุโสสูงสุดกงแห่งหุบเขาผนึกเวหาเองก็ได้รับบาดเจ็บหนักเช่นกัน แต่สถานการณ์ดีกว่าผู้อาวุโสจางอยู่บ้าง”

เยี่ยนจ้าวเกอพยักหน้า ยอดฝีมือระดับสุดยอดที่ก่อนหน้านี้มักประจำการณ์อยู่ที่เขากว่างเฉิง นอกจากเจ้าสำนักรุ่นก่อนหยวนเจิ้งเฟิงกับเยี่ยนตี๋บิดาตนที่เพิ่งก้าวสู่ขั้นบรรลุธรรมแล้ว ทั้งหมดมีสามคน ซึ่งก็คือซินตงผิงและผู้อาวุโสเก่าแก่สองท่าน จางคุนและเหอหนิง

ซินตงผิงก่อกบฏถูกฟันสังหาร ผู้อาวุโสจางเจ็บสาหัส ผู้อาวุโสเหอเฝ้ารักษาหยวนเจิ้งเฟิงเข้าฌาน ไม่อาจปลีกกาย

ยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ขั้นที่เก้า ขั้นรูปญาณระยะท้าย มีอาจารย์ลุงใหญ่สือเถี่ย อาจารย์ลุงสองฟางจุ่น ผู้อาวุโสสูงสุดกงแห่งหุบเขาผนึกเวหา และอดีตผู้อาวุโสหวัง

บัดนี้ ผู้อาวุโสหวังก่อกบฏถูกอาจารย์ลุงใหญ่สือเถี่ยสังหารกับมือ สือเถี่ยสละชีวิตเพื่อสิ่งนี้ ผู้อาวุโสกงเจ็บหนัก ส่วนฟางจุ่นยับยั้งมหาค่ายกลแดนมาร เกรงว่าก็ไม่ผ่อนสบายนักเช่นกัน

นับแต่ขั้นรูปญาณระยะท้ายลงไป ยังมีจอมยุทธ์กว่างเฉิงคนอื่นๆ จำนวนมากบาดเจ็บล้มตาย

หายนะใหญ่ครั้งนี้ เขากว่างเฉิงข้ามผ่านไปได้ไม่ง่ายนัก

ซึ่งภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตฝั่งตรงข้ามก็ใกล้จะแพ้พ่ายย่อยยับ ประมุขภาคีซินตงผิงขั้นบรรลุธรรม จอมมารศักดิ์สิทธิ์หยวนเทียนผู้ที่อยู่ในระดับจอมยุทธ์ศักดิ์สิทธิ์ช่วยเหลือจากภายนอก รวมทั้งซือหม่าฉุย ผู้อาวุโสหวัง และผู้อาวุโสเขานิมิตทมิฬทั้งสองท่าน อย่างน้อยยอดฝีมือระดับมหาปรมาจารย์ขั้นรูปญาณระยะท้ายสี่คน ถูกสังหารจนสิ้น

จอมยุทธ์ภาคีบึงน้ำไร้ขอบเขตคนอื่นๆ ที่รุกรานเขากว่างเฉิงทั้งหมด ยิ่งบาดเจ็บล้มตายไม่มีเหลือ

กระนั้นเยี่ยนจ้าวเกอและเขากว่างเฉิงยังไม่สามารถผ่อนคลายลงได้ทั้งหมด

เส้นสายตาเยี่ยนจ้าวเกอมองไปยังด้านใต้ ตรงนั้นคือทิศทางที่อัคคีพิภพตั้งอยู่

จากนั้นเขาก็หันศีรษะกลับไปมองด้านตะวันออกอีก ตรงนั้นคือทิศทางที่ปฐพีพิภพตั้งอยู่ คนของตำหนักอัสนีสวรรค์ยิงผลพลิกตะวันมาจากตรงนั้น ก่อกวนมหาค่ายกลนภา

ประกายตาเยี่ยนจ้าวเกอเย็นยะเยือก ไตร่ตรองกระเป๋าย่อส่วนทั้งสองในมือตน

ซินตงผิงและหยวนเทียนกลายเป็นมารร่างสิ้นลม แม้จะไม่เหลือกระดูกไว้ ทว่าสิ่งของของพวกเขายังคงถูกเก็บรักษาไว้

“ตาเฒ่าซิน ไหนให้ข้าดูสิว่าเจ้าอาศัยสิ่งของอะไร ชักนำจอมยุทธ์ศักดิ์คนหนึ่งให้เข้าตาจนเสี่ยงอันตราย?”

…………….