บทที่ 196 ต้องหลินจือเท่านั้น

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

เทาเท่มองเธอด้วยสายตาเยือกเย็นพร้อมพูดว่า “ไม่ใช่ผมที่เก็บพวกเขานะ แต่เป็นจอร์แดน”

“แม่อาจจะยังไม่รู้ว่า พวกมันโลภมากเกินไป ไม่พอใจเงินก้อนนั้นที่แม่ให้พวกมัน ก็เลยติดต่อจอร์แดนเอง”

“จอร์แดนจัดการแล้วนำตัวพวกเขาส่งโรงพยาบาล” เทาเท่ก็เอาเรื่องที่จอร์แดนทำกับชาร์ลีสองคนพ่อลูกบอกกับวีนา สีนาของเธอซีดขาวและทรุดตัวนั่งลงบนโซฟา

พินอินที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจไม่น้อย ไม่มีใครคิดว่าจอร์แดนจะโหดเหี้ยมอย่างนี้

ต้องรู้ก่อนนะว่าภาพลักษณ์หลายปีที่ผ่านมานี้ของจอร์แดนนั้นคือภาพลักษณ์ที่สง่าผู้ดี….

ตั้งแต่เทาเท่ก้าวเท้าเข้ามาในบ้านนี้ ขนาดนั่งยังไม่ได้นั่ง

เขายืนอยู่ในห้องรับแขก ตัวตรงสง่า สีหน้าไม่เป็นมิตรและดูเยือกเย็น

ความรู้สึกที่เขามีต่อวีนากับพินอินและบ้านหลังนี้ก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเย็นชาหลังจากพฤติกรรมที่เลยเส้นของพวกเธอในทุกๆครั้ง

“หลังจากนี้ชีวิตของผมกับหลินจือ ไม่ต้องการคำอวยพรจากแม่และน้อง และก็ไม่ต้องการแม่และน้องชอบเธอหรือยอมรับเธอ ผมแค่หวังว่าแม่กับน้องจะจำไว้ว่าอย่าทำร้ายหรือสร้างความวุ่นวายให้กับเธอ”

“แม่และน้องสร้างความวุ่นวายไม่ได้หรอก”

หลังจากที่เทาเท่ทิ้งท้ายจบก็เดินหันหลังออกไป วีนาตะโกนไล่หลังเขา “เท่!”

“นี่ลูกหมายความว่ายังไง?” วีนาลุกขึ้นยืนจากโซฟาแล้วปรี่เดินเข้ามาถามเขาอย่างไม่อยากเชื่อ “นี่ลูกจะเอาแต่หลินจือเท่านั้นใช่ไหม?”

เทาเท่ก้มสายตาลงมองแม่ของตัวเอง จริงๆแล้วเธอเป็นผู้หญิงที่หน้าตาสวยโดดเด่น ไม่งั้นเขาและพินอินคงไม่หล่อไม่สวยอย่างนี้หรอก

แต่น่าเสียดาย ที่ทัศนคติและนิสัยของเธอทำให้ใบหน้าของเธอโหดร้ายยิ่งขึ้น

แต่จะว่าไปเธอก็เป็นผู้หญิงที่น่าสงสาร เพราะความไม่ซื่อสัตย์ของสามีและทำให้เธออยู่ในพันธนาการของการแต่งงาน จนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนในทุกๆวัน

นานมาแล้วเทาเท่เคยพูดโน้มน้าวให้วีนาหย่าไป

แต่วีนาพูดอย่างยืนหยัดว่าเธอไม่หย่า สิ่งแรกเลยคือเธอรู้สึกว่าการหย่านั้นน่าอาย การหย่านั้นเท่ากับเป็นการยอมรับความพ่ายแพ้ของเธอทางอ้อม เธอเป็นคนหยิ่งในศักดิ์ศรีขนาดนั้นรับอะไรพวกนี้ไม่ได้หรอก

อย่างที่สองคือเธอไม่อยากให้หลังจากการหย่าไกอาเอาผู้หญิงข้างนอกมาแทนตำแหน่ง เธอบอกว่าต่อให้เธอจะตายเธอก็จะอยู่ในตำแหน่งภรรยาของตระกูลฟอเรนา ทำให้ไกอาไม่สามารถที่จะคบกับผู้หญิงที่อยู่ข้างนอกอย่างถูกต้องตามหลักทำนองคลองธรรมได้

หลังจากครั้งนั้นเทาเท่ก็ไม่สนใจเรื่องนี้ของวีนาอีก นิสัยของเธอกำหนดให้เธอปลงไม่ตก

ในเวลานี้เทาเท่จ้องมองแม่ของตัวเอง เป็นคำตอบสั้นแต่มีน้ำหนัก “ใช่ครับ”

เขาต้องการหลินจือเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีความรู้สึกอะไรมาก ช่วงนี้ความรู้สึกที่มีสติอย่างนี้ก็ยิ่งชัดมากขึ้นเรื่อยๆ

วีนาทั้งตะลึงและโกรธ “มันมีดีอะไร? เมืองเจสเวิร์ดมีผู้หญิงที่มีฐานะทางสังคมหน้าตาสะสวยมีความสามารถอยู่มากมาย ทำไมลูกต้องเลือกมัน?”

เทาเท่พูดด้วยเสียงเรียบ “ถ้าผมรู้ว่าเธอมีดีตรงไหน ก็คงไม่เดินมาถึงขั้นนี้หรอกครับ”

บางคนก็พูกกไม่ออกนะว่าดีตรงไหน เขาเลยถึงเลือกเดินเข้าไปยิ่งถลำยิ่งลึกอย่างนี้

วีนาพูดอย่างดื้อดึงว่า “แม้ว่าลูกไม่ชอบซูซี รู้สึกว่าเธอเสแสร้ง งั้นแม่ก็แนะนำผู้หญิงคนอื่นให้ลูกได้นิ”

“ไม่ต้องหรอกครับ” เทาเท่พูดขัดคำของวีนา หลังจากนั้นก็หันหลังเดินจากไป

วีนากระทืบเท้าด้วยความโกรธ พินอินก็ได้สติขึ้นมา

สองคนแม่ลูกเกลียดหลินจืออย่างที่สุด แต่ว่าตอนนี้กลับทำอะไรหลินจือไม่ได้แม้สักนิด

เรื่องที่จอร์แดนลงมือจัดการชาร์ลีสองคนพ่อลูก และเรื่องที่เท่าเท่ตักเตือนวีนาและพินอิน หลินจือไม่รู้เรื่องเลย

ชาร์ลีโทรขอเงินจากเธอ ตอนนั้นเธอให้โกรธมากจริงๆ แต่ต่อมาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร

เธอจะไม่สนใจชาร์ลีสองคนพ่อลูก และจะไม่ให้กับพวกเขาแม้แต่สตางค์แดงเดียว

วันนั้นหลังจากเก็บเครื่องใช้ที่รับประทานอาหารที่เทาเท่าส่งมาและส่งนานิเรียบร้อยแล้ว เธอก็ทุ่มเทสมาธิให้กับงาน

เจเทาวน์บอกว่าอีกไม่กี่วันนี้จะกลับมาบวงสรวง The Legend of Concubine Rong เธอต้องรีบแก้บท

ระยะที่เธอกลับมาจากต่างประเทศก็ใกล้สามเดือนเต็มแล้ว เพราะประสิทธิภาพของเธอนั้นสูงมาก ดังนั้นบทที่เขียนฉบับแรกก็เกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่ตอนที่ประชุมครั้งที่แล้วทุกคนต่างพากันยื่นข้อเสนอแนะ เธอเลยต้องยังแก้ไขต่อ

ว่ากันตามหลักแล้วหลังจากที่บทละครฉบับแรกออกมายังต้องมีฉบับสองสามอีก อย่างน้อยต้องใช้เวลาอีกครึ่งปีถึงจะเข้าเล่มได้ แต่เจเทาวน์เป็นผู้กำกับและเทาเท่ก็เป็นผู้ลงทุนต่างยอมรับคุณภาพของบทละครของเธอ ดังนั้นหลังจากที่เห็นพ้องต้องกันก็ตัดสินใจว่าหลังจากผ่านฉบับแรกไปแล้วก็เริ่มถ่ายได้เลย

รายละเอียดหยิบหย่อยที่เหลือก็ถ่ายไปแก้ไป จริงๆแล้วอย่างนี้เป็นการทดสอบพื้นฐานของผู้เขียนบท แต่หลินจือยอมรับความท้าทายนี้

ก่อนหน้านั้นหนึ่งคืนหลินจือแก้บทอยู่จนดึก เช้าวันที่สองขณะที่เธอยังอยู่ในห้วงนิทราก็ได้ยินเสียงเอะอะดังมากจากด้านนอกทันใด

เธอลุกขึ้นยืนอย่างงัวเงียแล้วมาที่ข้างหน้าต่างเปิดผ้าม่านออกดู ความง่วงก็พลันหายไป

คนที่ยืนอยู่ด้านนอกเป็นจอร์แดน และคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามจอร์แดนคือเทาเท่ที่ใส่เสื้อกีฬาเหมือนไปวิ่งตอนเช้าแล้วเพิ่งกลับมา

หลินจือแทบจะเป็นลม ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งกำชับเทาเท่ว่าอย่าให้จอร์แดนรู้ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนบ้านกัน คิดไม่ถึงว่าวันนี้จอร์แดนจะมารู้ความจริงเข้า

หลินจือได้ยินจอร์แดนซักถามเทาเท่อย่างโกรธๆ “เทาเท่ คุณคงไม่ได้อยู่ด้วยกันกับหลินจือแล้วนะ?

หลินจือได้ยินคำนี้ก็เกือบจะร้องขึ้น เธอรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปข้างล่าง

ไม่โทษจอร์แดนที่เข้าใจผิดเป็นอย่างนี้ไป จอร์แดนเพิ่งมาถึงที่ชั้นล่างของตัวบ้านหลินจือ ก็เห็นเทาเท่ที่วิ่งตอนเช้าเสร็จวิ่งมาในทางทิศเดียวกับตัวบ้าน

ครั้งแรกจอร์แดนนึกว่าเทาเท่กับหลินจืออยู่ด้วยกันแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าตัวเองได้ให้บ้านนี้กับหลินจือ เพื่อนบ้านกลับเป็นเทาเท่

เทาเท่ก็คิดไม่ถึงว่าจะเจอกับจอร์แดน เขาก็ให้หยุดชั่วขณะแล้วชี้ไปยังบ้านที่อยู่ข้างๆ พูดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่งว่า “คุณจอร์แดน ถ้าผมบอกว่า จริงๆผมอยู่บ้านข้างๆหลินจือ คุณจะเชื่อไหมครับ?”

จอร์แดนพูดโกรธๆ “คุณคิดว่าผมโง่หรอครับ?”

เทาเท่รู้ว่าจอร์แดนจะไม่เชื่อ และในขณะนั้นเองหลินจือก็รีบเปิดประตูวิ่งออกมา

“คุณอาจอร์แดน มาได้ยังไงคะ” หลินจือทักทายจอร์แดนอย่างแปลกใจ

“อามาเยี่ยมหนู” จอร์แดนตอบสั้นๆ แล้วรีบถามหลินจือว่า “นายคนนี้บอกกับอาว่าเขาอยู่ข้างบ้าน หลินจือบอกความจริงกับอามาว่าหนูอยู่กับเขาแล้วใช่ไหม?”

จอร์แดนปฏิญาณว่าถ้าหลินจือยอมรับว่าพวกเขาอยู่ด้วยกันแล้ว เขาจะจัดการเทาเท่

หลังจากที่ได้ยินมาว่าหลินจือชอบเทาเท่มาหลายปี แต่กลับถูกเทาเท่เมินเฉย จอร์แดนก็ไม่ถูกชะตากับเทาเท่เอามากๆ เรื่องที่จัดการเทาเท่อย่างสุดขีดนี้เขาก็ทำได้

หลินจือรีบพูดอธิบายว่า “เข้าอยู่ข้างบ้านจริงๆค่ะ”

จอร์แดน “……”

จอร์แดนไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมีเรื่องบังเอิญอย่างนี้เกิดขึ้น

ดังนั้นเขาจึงถามหลินจืออีกครั้ง “หมายความว่ายังไง? ทำไมเขามาอยู่ข้างบ้าน?”

เทาเท่ตอบแทนหลินจือ แต่เขาพูดด้วยน้ำเสียงกวนๆว่า “ก็หมายความว่าบ้านที่คุณเลือกให้หลินจืออยู่นี้ เพื่อนบ้านก็คือผมพอดีครับ”

จอร์แดนโกรธไม่น้อย ไม่ต้องพูดถึงว่าเสียใจเพียงใด

เขาเสียใจที่ตัวเองไม่ได้สอบถามว่าเจ้าของบ้านข้างๆเป็นใคร นี่ไม่ใช่เท่ากับเป็นการเอาเนื้อเข้าปากเสื้อหรอ?