บทที่ 149 ไม่อยากเจอคนพวกน

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

ออกัสเงยหน้ามองหยาดฝนที่ยืนทรงตัวไม่อยู่และอารมณ์คลั่งขึ้นทุกที จากนั้นก็ย้ายไปมองเชอร์รีนที่ดื้อรั้น เขาขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า: “เธอกลับไปก่อน……”

เธอไม่คิดจะออกไป เธอมองหน้าเขาแล้วพูดต่อว่า: “ฉันพูดแค่นิดเดียว พูดเสร็จจะไปทันที”

แต่ทว่า หยาดฝนดูเหมือนจะไม่อยากฟังที่เชอร์รีนพูดสักคำ เธอหายใจถี่จนหน้าอกกระเพื่อมขึ้น และไอคอกแคกเบาๆ

คิ้วสวยขมวดคิ้วเป็นปม น้ำเสียงของออกัสดูจะหมดความอดทนแล้ว: “เธอกลับไปก่อน แล้วค่อยว่ากัน……”

เชอร์รีนฟังความอดทนนั้นออก เธอกระตุกมุมปาก แล้วหยิบหนังสือหย่าออกมาจากกระเป๋า จากนั้นก็ยื่นให้ออกัส แล้วพูดอย่างเรียบเฉยว่า: “ไม่ต้องชักช้าหรอก นายแค่เซ็นชื่อตรงนี้ก็พอ แล้วฉันจะรีบออกไปทันที”

นิ้วมือเรียวยาวหยิบเอกสารนั้นมาดู พอสายตาเหลือบไปเห็นตัวหนังสือใหญ่ๆนั้น มือใหญ่ของออกัสก็กำเอกสารนั้นไว้แน่น จ้องมองเธอด้วยแววตามืดมนและดุร้าย

“ก่อนหน้านั้น พวกเราก็เคยบอกแล้วว่าจะหย่า แต่ต้องหลังจากหนึ่งปี ตอนนี้ ฉันแค่เลื่อนเวลาเข้ามาก็เท่านั้น”

ออกัสไม่พูดอะไร เขาแค่บีบเอกสารในมือไว้แน่น ใบหน้าบึ้งตึงจนเหมือนมีกลุ่มเมฆสีดำเกาะอยู่

เธอปล่อยมือหยาดฝนให้ตกลงไปยังหน้าผา!

และในตอนที่เธอกำลังจะตกลงไป เขาก็ลงไปช่วยเธออย่างไม่กลัวอันตราย ตั้งแต่ตื่นขึ้นมา เธอก็ไม่เคยถามเขาเลยสักคำ พอมาถึง ก็ยื่นหนังสือหย่าให้เขาเลยเนี้ยนะ

ผู้หญิงแบบเธอ ไม่ใช่อะไรทั้งนั้น! กลับกล้าเอาเขากำเล่นอยู่ในฝ่ามือ!

“ท่านประธานออกัสพูดคำไหนเป็นคำนั้น หรือว่า ที่ไม่ยอมเซ็นชื่อเพราะเริ่มรักฉันแล้วเหรอคะ? ต้องขอโทษด้วยนะคะ ฉันไม่รู้สึกอะไรกับท่านประธานออกัสเลยสักนิด……”

เชอร์รีนรู้ดีว่า เธอจะท้าทายเส้นตายให้เขาโมโหได้ยังไง

“ใครให้สิทธิ์เธอมาให้ความสำคัญกับตัวเองแบบนี้ ผู้หญิงอำมหิตที่ไร้คุณธรรม ผลักคนเป็นๆลงจากหน้าผาได้ เธอคิดว่าใครจะชอบเธอกัน?

ที่แต่งงานกับเธอ ก็แค่หลอกใช้เธอก็แค่นั้น เป็นแค่เรื่องของธุรกิจ และฉันเป็นคนเริ่มก่อน ก็ต้องเป็นฉันที่ต้องจบมันเอง เธอไม่มีสิทธิ์พูดหรอกนะ เชอร์รีน ตั้งแต่นี้ต่อไป เธอก็ไสหัวออกไปจากหน้าฉันซะ!”

แววตาของออกัสความเยือกเย็นที่แผ่ซ่านออกมาเป็นเหมือนน้ำแข็งที่ครอบงำเธอไว้ และบีบคางเธอไว้ แต่ละคำพูดก็เหมือนแทงใจดำเธออยู่ตลอดเวลา

“ผู้หญิงแบบเธอ ฉันเห็นแล้วก็คลื่นไส้อยู่ตลอด เอาของของเธอ แล้วไสหัวออกไปซะ! เดี๋ยวนี้!”

มือใหญ่ถือปากกาไว้ แล้วเซ็นชื่อตัวเองลงไปอย่างรวดเร็ว อาจจะใช้แรงเยอะไปจึงทำให้กระดาษฉีกออกตอนที่เซ็น

“ได้……” เธอตอบรับคำเดียว ไม่อธิบายอะไรให้มากความอีก และไม่ตอบโต้กับเรื่องที่เกิดขึ้นบนหน้าผา เธอรับหนังสือหย่ามา แล้วกลับหลังหันเดินออกไปจากห้องผู้ป่วยที่น่าอดสูนี้

พอออกจากห้องผู้ป่วย เชอร์รีนก็หายใจถี่ มองดูตัวหนังสือที่เขาเซ็น แววตาของเธอเหม่อลอยเล็กน้อย ฝีเท้าเธอชะงักอยู่กับที่ ไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหนดี

ได้ของที่ตัวเองต้องการแล้ว แต่ในใจกลับว่างเปล่าจนปวดใจ คำพูดของเขาเมื่อกี้ บอกว่าแค่หลอกใช้เธอ ใช้เสร็จแล้วก็แค่ทิ้งไป ที่แท้ ในชีวิตของเขา เธอเป็นได้แค่นี้เองเหรอ……

การแต่งงานครั้งนี้ เริ่มจากธุรกิจ สุดท้าย ก็จบลงด้วยความแตกหัก……

เดินบนถนนอย่างเชื่องช้าและหมดอาลัยตายอยาก ท้องฟ้ายังมีฝนตกลงมาปรอยๆ เธอกลับไม่มีร่มเลยด้วยซ้ำ ข้างๆมีรถขับผ่านจนมีน้ำสาดมาโดนตัวเธอเต็มๆ

เหมือนเห็นว่าเธอยังไม่น่าอดสู ก็เลยเพิ่มให้เธออีกนัด

เธอเดินทีละก้าวบนถนนท่ามกลางสายฝนด้วยกางเกงที่เปียกปอน กับหัวใจที่ถูกทิ่มแทงจนไม่มีชิ้นดี และร่างกายที่อ่อนล้าจนหมดแรง……

เธอเดินอยู่บนถนนคนเดียว คนที่เดินผ่านก็ถือร่มอยู่ เดินผ่านท่ามกลางผู้คนช้าๆ เหมือนมีแค่เธอที่ต้องลำบากอยู่แบบนี้

ตอนนี้มีทำนองหนึ่งบรรเลงขึ้น เธอชะงักฝีเท้ายืนอยู่กับที่ แล้วรับฟังเงียบๆ

“ฉันรักเขาอย่างบ้าคลั่ง……”

“ความฝันฉันพังทลายอย่างลืมไม่ลง……”

“เคยเชื่อเขาว่าพรุ่งนี้ก็คืออนาคต……”

“ความรักพังแค่ไหน ก็ไม่ยอมตื่นขึ้นมาจากฝัน……”

“ฉันรักเขาจนสิ้นหวัง หัวใจฉันเจ็บปวดจนลืมไม่ลง ฉันกับเขาไม่เหมาะกับการอยู่ที่นี่ สวรรค์แรกเริ่ม จุดจบเงียบเหงา……”

เธอเคยฟังเพลงนี้มาก่อน แต่ไม่คิดว่า พอได้ฟังครั้งที่สอง แถมยังอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อีก มันรู้สึกเจ็บปวดหัวใจเหมือนจะขาดใจเลย

สวรรค์แรกเริ่ม จุดจบเงียบเหงา……

คำพูดง่ายๆไม่กี่คำ กลับบรรยายสถานการณ์ของเธอได้อย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง ตอนแรกเป็นเหมือนสวรรค์จริง แต่ว่า สุดท้ายกลับกลายเป็นจุดจบอันเงียบเหงา

ไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่บนถนนนานแค่ไหน จนกระทั่งรู้สึกหนาวเหน็บทั้งตัว เธอก็ถึงดึงสติตัวเองกลับมา ร่างกายของเธอเปียกปอนไปด้วยน้ำฝน

น้ำฝนไหลลงจากใบหน้า ทำเอาตรงหน้าของเธอพร่ามัวจนมองไม่ชัด เธอยกมือขึ้นเช็ดน้ำฝนบนใบหน้าออก แล้วเดินต่อไป……

คฤหาสน์ยังคงมีแค่เธอคนเดียว แต่ว่า เธอไม่มีเหตุผลที่ต้องอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว

ของที่เธอเอามามีน้อยมาก ดังนั้นเลยไม่ต้องเก็บอะไรเยอะ เธอเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาด แล้วลากกระเป๋าไปที่สถานีรถไฟฟ้า

รถไฟฟ้าไปเร็วมาก แค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ถึงเมือง S

เธอไม่ได้กลับบ้านแต่ไปโรงแรมแทน หลังจากที่วางกระเป๋าเสร็จแล้ว ก็โทรศัพท์หาป้าบัว ถามเธอว่า สุนันท์กับนายหญิงอยู่ในบ้านสิริไพบูรณ์หรือเปล่า

พอรู้ว่าทั้งสองไม่อยู่ในบ้านสิริไพบูรณ์ เชอร์รีนก็ถึงนั่งรถแท็กซี่ไปที่บ้านสิริไพบูรณ์

เธอเดินเข้าไปในห้องแล้วเก็บข้าวของที่เป็นของตัวเองให้หมด ก็มีแต่เสื้อผ้า ของใช้ส่วนตัว แค่แป๊บเดียวก็เก็บเรียบหมดแล้ว

ในตอนที่เธอลากกระเป๋าออกมา เธอก็กลับหลังหัน กวาดตามองรอบๆห้องอีกครั้ง

ไม่มีรูปแต่งงาน ดังนั้นก็ไม่ต้องคิดแล้วว่าจะจัดการรูปแต่งงานยังไง ไม่มีแหวน ดังนั้นก็ไม่ต้องคิดว่าจะทิ้งหรือคืนดี

พอคิดได้แบบนี้แล้ว การแต่งงานด้วยธุรกิจของเธอครั้งนี้ ดูง่ายมากเลยนะ เธอแสยะยิ้มอย่างเศร้าโศก กลับหลังหันแล้วเดินออกไปโดยไม่หันหลังไปมองอีก

ตอนกลางคืนนอนอยู่ในโรงแรม เชอร์รีนนอนไม่หลับอีกแล้ว แต่เอาแต่คิดอยู่หลายครั้ง และทำการตัดสินใจได้แล้ว

เธอจะออกไปจากที่นี่!

เมือง S คนที่เธอไม่อยากเจอมีเยอะเดินไป ไม่ว่าจะเป็นสุนันท์ หยาดฝน และเขา!

เธอไม่ได้กลัวและไม่ได้หลบหน้า แค่ไม่อยากให้พวกนั้นมากระทบอารมณ์ตัวเอง ออกไปจากที่นี่ เธอคงจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ อารมณ์ก็คงสงบมากกว่านี้เหมือนกัน