บทที่ 150 สามคำ ดูแสบตาจริงๆเลยนะ

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

เพราะอารมณ์คลั่งเกินไป จึงทำให้หยาดฝนที่เพิ่งหายดี ก็ต้องกลับมาอ่อนแอมากกว่าเดิม ถึงขนาดนั้นหายใจหอบอย่างยากลำบาก

หมอเข้ามาให้น้ำเกลือเธอ แล้วพูดเตือน จากนั้นก็ออกไป

ตั้งแต่เชอร์รีนไปแล้ว ใบหน้าอันหล่อเหลาของออกัสก็มืดมนและเงียบสงบลง และไม่ได้พูดอีกเลย

หยาดฝนนอนอยู่บนเตียงแล้วกวาดตามองเขา ในใจของเธอรู้สึกดีใจอย่างมาก เขาเซ็นหนังสือหย่านั่นแล้ว!

แต่ต่อมาก็นึกถึงใบหน้าของตัวเอง สีหน้าและแววตาของเธอก็มืดมนลง

แม้เธอจะเป็นห่วงรูปลักษณ์หน้าตามาก แต่ผู้หญิงคนหนึ่งหน้าตาถูกทำลายขนาดนี้ จะมีใครไม่สนใจบ้างล่ะ?

ตอนนี้เอง ร่างสูงโปร่งของออกัสลุกขึ้นจากโซฟา แล้วเดินออกไปด้านนอก

หยาดฝนที่นอนพิงอยู่บนเตียงก็ลุกขึ้นมา แล้วจ้องมองเขานิ่งๆ จากนั้นก็พูดด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า: “ไปไหน? ฉัน……จะฝันร้ายได้นะ……”

เขากลับหลังหันมองเธอด้วยแววตาที่อ่อนโยน จากนั้นก็พูดว่า: “ไปสูบบุหรี่น่ะ เดี๋ยวกลับมานะ……”

“นายสูบตรงนี้ก็ได้นะ ฉันไม่ว่า” เธอส่ายหน้า

“แต่ฉันสน เธอนอนอยู่ที่นี่นะ เดี๋ยวฉันกลับมา……”

ออกัสเดินเข้าไปประคองตัวเธอให้นอนลงบนเตียง จากนั้นก็ห่มผ้าให้เธอด้วย แล้วจึงกลับหลังหันเดินออกจากห้องไป

หยาดฝนยังอยากพูดอะไรอยู่ แต่ คำพูดมาถึงปาก ก็ต้องกลืนเข้าไปอีกครั้ง

นอกห้องผู้ป่วย บนทางเดินยาว ร่างสูงโปร่งนั้นยืนอยู่ข้างหน้าต่าง มือคีบบุหรี่ไว้ แววตาเต็มไปด้วยความเยือกเย็นเหมือนดั่งควันบุหรี่นี้

พอนึกถึงผู้หญิงคนนั้น ริมฝีปากบางของเขาก็กระตุกขึ้น ไร้อารมณ์ เยือกเย็นจนเหมือนน้ำแข็ง

ผู้หญิงแบบนั้น ต่อไปไม่จำเป็นต้องปรากฏขึ้นในสมองเขาอีก!

……

เช้าวันต่อมา

เชอร์รีนตื่นขึ้นมา อาจจะเป็นเพราะไม่ค่อยชินกับเตียงของโรงแรม หรืออาจเป็นเพราะนอนไม่หลับ

แม้จะนอนหลับแล้ว แต่เธอก็รู้สึกเหมือนหลับๆตื่นๆ ไม่ได้นอนเต็มอิ่มสักที

วันนี้ เธอว่าจะไปโรงเรียนเพื่อทำเรื่องลาออกก่อน

ไปถึงโรงแรม เธอยังไม่ได้เริ่มสอน ก็เดินไปห้องของผู้อำนวยการ แล้วพูดจุดประสงค์ที่มาหาผู้อำนวยการ

ผู้อำนวยการอึ้ง จากนั้นก็ขอร้องให้อยู่ต่อ แต่เธอตัดสินใจเด็ดขาดมาก ไม่ได้ตอบรับตามคำขอ

ที่จริง เธอเข้าใจดีที่ผู้อำนวยการขอร้องให้เธออยู่ต่อ เหตุผลส่วนน้อยคือเธอ เหตุผลส่วนมากคือเขา

“ในเมื่อคุณครูเชอร์รีนตัดสินใจได้แล้ว ฉันก็ไม่พูดอะไรมากแล้วล่ะ แต่ครูเชอร์รีนถ้าอยากกลับมาเมื่อไหร่ ประตูโรงเรียนของเราเปิดให้คุณเสมอนะ” ผู้อำนวยการดูจะฮึกเหิมมากกว่าปกติ

เชอร์รีนแค่กระตุกยิ้มบางๆตามมารยาท แล้วยกกล่องเดินออกจากโรงเรียนไป บังเอิญเห็นองค์ชายพอดี

เขาสวมชุดตำรวจยืนตัวตรง และกำลังคุยกับร้านอาหารตรงข้ามอยู่

พอเห็นเธอ องค์ชายก็รีบเดินเข้ามา แล้วช่วยเธอถือกล่อง จากนั้นก็ถามอย่างแปลกใจว่า: “วันนี้ไม่มีสอนเหรอ?”

“ฉันลาออกแล้วล่ะ” เธอพูดอย่างเรียบเฉย

“ทำไมถึงลาออกล่ะ?” เขามองไปที่ท้องของเธอ แล้วพูดอย่างเขินอายว่า: “ดูสิ ฉันถามโดยไม่ทันคิดเลย”

“ทำไมนายมาอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ?”

“วันก่อนมีนักเรียนหญิงถูกข่มขืนที่นี่ ฉันกำลังสืบอยู่น่ะ”

“ฉันไม่ขัดขวางการทำงานของนายตำรวจองค์ชายผู้ซึ่งซื่อสัตย์คนนี้ดีกว่า ฉันไปก่อนนะ” เชอร์รีนรับกล่องที่องค์ชายกลับมาถือไว้เอง

องค์ชายดูเวลาแล้วพูดว่า: “ไม่งั้นเธอรอฉันก่อนนะ ฉันใกล้จะเสร็จแล้ว จากนั้นค่อยไปส่งเธอ”

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเรียกรถแท็กซี่เองดีกว่า นายไปทำธุระเถอะ พวกเราค่อยติดต่อกันทางโทรศัพท์นะ ไปก่อนล่ะ”

ถึงกระนั้น เธอก็กลับไปที่โรงแรม เพราะเธอยังไม่รู้ว่าจะพูดกับพ่อแม่ยังไงดี

เธอนั่งอยู่บนโซฟาที่ติดหน้าต่าง เชอร์รีนมองรถราที่วิ่งกวัดไกวอยู่บนถนนนอกหน้าต่าง แล้วก็ผู้คนที่กำลังยุ่งกันอยู่

สักพัก เธอก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ จากนั้นก็หยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋า แล้วเริ่มเขียนข้อความ

——พรุ่งนี้สิบโมงเช้า เจอกันหน้าสำนักกิจการพลเรือน

แม้จะเซ็นหนังสือหย่าแล้ว แต่ก็ยังเหลือขั้นตอนสุดท้ายอยู่

มือวางอยู่บนปุ่มส่ง ลังเลอยู่นานมาก ในที่สุดเธอก็กดส่งไป

อีกด้าน

ณ สนามบิน

หยาดฝนอ่อนแอมาก สุนันท์ที่ได้ข่าวก็รีบตามมาพยุงเธอไว้อย่างปวดใจ

และหยาดฝนไม่ได้พูดอะไร เธอใส่หมวกกับหน้ากากเอาไว้ แทบจะปิดหน้าทั้งใบเลยด้วยซ้ำ

เธอไม่ชินกับหน้าตาแบบนี้ของตัวเอง และรับไม่ได้กับสายตาของคนอื่นด้วย

ออกัสเดินอยู่ด้านหลัง รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนในกางเกง เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาเปิดดู

——พรุ่งนี้สิบโมงเช้า เจอกันหน้าสำนักกิจการพลเรือน

ใบหน้าอันหล่อเหลายังคงใจเย็นเหมือนก่อนหน้านี้ แต่มือใหญ่ที่กำโทรศัพท์ไว้ก็กำแน่นกว่าเดิม เหมือนจะบีบโทรศัพท์ให้แหลกคามือไป

สุนันท์ไม่ได้ยินเสียงเดินตามมา เธอก็เลยกลับหลังหันไป เห็นเขายืนอยู่กับที่แล้วจ้องมองโทรศัพท์ ก็เลยขมวดคิ้วแล้วถามว่า: “ออกัส เป็นอะไรไปเหรอ?”

ออกัสไม่ได้พูดอะไร สีหน้าของเขากลับมาเป็นปกติ แล้วเดินไปหาสองคนที่อยู่ข้างหน้า ไม่มีใครรู้เลยว่าตอนนี้อารมณ์เขาเป็นยังไง แต่แววตาของเขาดูเย็นชามากขึ้นกว่าเดิม

เช้าวันที่สอง

เก้าโมงครึ่ง เชอร์รีนก็มาถึงหน้าสำนักกิจการพลเรือนแล้ว เธอมาเช้ามาแต่กลับมีคนมารอต่อแถวเยอะพอสมควร

ไม่คิดเลยว่า คนที่มาหย่าจะมีเยอะขนาดนี้

เขายังไม่มาเลย เธอก็เลยรออยู่กับที่อย่างนั้น ตอนเก้าโมงห้าสิบห้า รถแลนด์โรเวอร์ที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า

เมื่อก่อน ที่นั่งข้างคนขับจะเป็นของเธอตลอด แต่ตอนนี้กลับเปลี่ยนเป็นหยาดฝนแทน แม้จะไม่เห็นใบหน้าของหยาดฝน แต่เธอก็ดูออกอยู่ดี

แต่ว่า พวกเขาไม่จำเป็นต้องตัวติดกันตลอดเวลาไหม?

ขนาดมาทำเรื่องหย่าที่สำนักกิจการพลเรือน สองคนนั้นยังจะมาด้วยกันอีก!

เชอร์รีนรู้สึกเหมือนถูกทิ่มแทงหัวใจจนเป็นรูพรุน เจ็บจนชินชาไปหมดแล้ว ใบหน้ากลับยังเฉยเมยเหมือนไม่รู้สึกอะไร

ประตูรถแลนด์โรเวอร์สีดำเปิดออก ออกัสที่สวมเสื้อคลุมสีดำเดินออกมา แต่หยาดฝนกลับนั่งอยู่ด้านในไม่ได้ลงรถ

เขาเหมือนไม่เห็นเธอแล้วเดินผ่านเธอไป จากนั้นก็เดินไปข้างหน้าทันที เธอกำมือไว้แน่น พยายามข่มให้ตัวเองทำใจสงบไว้ แล้วเดินตามหลังเขาเข้าไป

พวกเขาเดินเข้าไปในสำนักกิจการพลเรือน จากนั้นก็เดินเข้าไปในห้องทำงานทันที มีพนักงานรออยู่ตรงนั้นอยู่แล้ว พอเห็นออกัสมา ก็รีบลุกขึ้นแล้วทักทาย: “คุณออกัสครับ”

เขาตอบรับเสียงเบา แล้วนั่งลงบนโซฟา สายตามืดมนจนเหมือนหลุมดำ

เชอร์รีนปล่อยฝ่ามือที่เริ่มร้อนออก แล้วยื่นหนังสือหย่าไปให้เขา นอกจากนี้แล้วยังมีเอกสารอีก

แววตาของเขามองมาที่เธอเป็นระยะ ทุกครั้งที่มองมาก็เย็นชามากขึ้นทุกครั้ง แต่กลับไม่ได้พูดอะไร สายตานั้นดูเย็นชาและเหยียดหยามกันมาก

ภายในห้องทำงานเงียบมาก เจ้าหน้าที่ทำเอกสารได้อย่างรวดเร็ว ไม่มีคำพูดไร้สาระ เชอร์รีนยืนอยู่ตรงนั้น ไม่เหลือบตามองเขาเลยด้วยซ้ำ มือก็แคะกระเป๋าอยู่อย่างนั้น

สักพัก เจ้าหน้าที่ก็ยื่นสมุดสองเล่มมา หนังสือหย่า สามคำนี้ ดูแสบตาจริงๆเลยนะ……