[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]
บทที่ 573 : ของขวัญลึกลับ!
“คุณหมอเหลียง..”
ซันยู่วเจียวรีบลุกขึ้นทักทายเหลียงเฟิงอี้ด้วยใบหน้าแดงก่ำ..
เหลียงเฟิงอี้เป็นศัลยแพทย์ในโรงพยาบาลประจำมณฑล และซันยู่วเจียวก็เป็นพยาบาลที่ทำงานอยู่ในแผนกนั้นเช่นกัน ทั้งคู่จึงไม่ใช่เพียงแค่คนคุ้นหน้าคุ้นตากัน แต่ยังคุ้นเคยกันมากด้วย
แม้ว่าซันยู่วเจียวจะมาทำงานเป็นพยาบาลที่คลินิกสามัญชนแห่งนี้ แต่ก็ยังไม่ได้ลาออกจากต้นสังกัด เพียงแค่ใช้การลาพักร้อนแทน
ซันยู่วเจียวได้รับเงินเดือนจากโรงพยาบาล 12,000 หยวน แต่หากทำงานที่คลีนิคของหลิงหยุน เธอจะได้เงินเดือนมากกว่าราวสามหรือสี่เท่า ซันยู่วเจียวจึงอยากจะลองมาทำงานดูก่อน หากทดลองดูแล้วงานที่คลินิกแห่งนี้ไม่มั่นคง หรือไม่ดีอย่างที่คิดไว้ เธอก็ยังสามารถกลับไปทำงานที่โรงพยาบาลต่อได้
“นี่.. คุณเป็นพยาบาลที่แผนกศัลยแพทย์นี่นา?!”
เหลียงเฟิงอี้ค่อนข้างตะลึงเมื่อเดินเข้าไปภายในคลินิก เธอยังคิดว่าตนเองกลับมาที่แผนกศัลยกรรมของโรงพยาบาลเสียอีก ส่วนพยาบาลอีกสองคนนั้นเธอไม่รู้จัก
“สวัสดีค่ะคุณพยาบาลยู่วเจียว.. วันนี้เพื่อนของฉันเปิดคลินิก ฉันก็เลยมาร่วมยินดีกับเขา ไม่คิดว่าจะพบคุณที่นี่..”
เหลียงเฟิงอี้พอคาดเดาเหตุผลที่พบกับพยาบาลยู่วเจียวที่นี่ได้ เธอจึงไม่คิดที่จะหักหน้า หลังจากทักทายพอเป็นพิธีแล้ว เธอก็หันหน้ามองไปรอบๆ
หลังจากที่สำรวจไปรอบคลินิกแล้ว เหลียงเฟิงอี้จึงหันกลับไปพูดกับหลิงหยุนอย่างงุนงงว่า “หลิงหยุน.. นี่เป็นคลีนิครักษาผู้ป่วยจริงเหรอ? เธอจะเปิดคลีนิคแบบนี้จริงๆน่ะเหรอ?”
เหลียงเฟิงอี้ถึงกับเลียริมฝีปากคู่งามของตนเองพร้อมกับร้องออกมาอย่างตกใจ “ห๊ะ..?! ไม่มีเครื่องมือแพทย์เลยสักอย่าง ไม่มีแม้กระทั่งยา! ไม่มีอะไรเลยสักอย่างแบบนี้จะเปิดคลีนิคได้ยังไง?!”
หลิงหยุนตอบยิ้มๆ “ผมใช้ทักษะทางการแพทย์ที่ผมมีรักษาคนไข้ แล้วทำไมผมจะเปิดคลีนิครักษาคนไม่ได้?”
“แล้วแบบนี้คนไข้ที่ใหนจะเชื่อถือ?” เหลียงเฟิงอี้เหลือบมองหลิงหยุน ในมือถือพัดและกำลังโบกไปมาเพื่อปกปิดความตกใจ
ไม่มีเครื่องมือแพทย์อะไรสักอย่าง คนเป็นศัลยแพทย์ที่ใช้แต่เครื่องมือทางการแพทย์สมัยใหม่อย่างเหลียงอี้เฟยจึงไม่อาจเชื่อถือและยอมรับได้
ไม่นานนักหลงคุนกับหลงหวู่ก็กำลังเดินตรงเข้ามาที่คลีนิคสามัญชน!
หลิงหยุนรีบออกเดินไปต้อนรับพร้อมกับตี้เสี่ยวอู๋และถังเมิ่ง เขาเชื้อเชิญหลงคุนให้เข้าไปในคลินิก
‘พลังชีวิตที่ทรงพลังอย่างมาก.. แต่เหตุใดจู่ๆจึงได้หายไป?!’
เพียงแค่หลงคุนกับลูกสาวปรากฏตัวขึ้น หลิงหยุนก็สัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่ทรงพลังอย่างมากกระจายออกจากร่างกายของหลงหวู่ แต่แล้วจู่ๆก็จางหายไป
แต่ถึงกระนั้น.. เพียงแค่วูบเดียวที่หลิงหยุนสัมผัสได้นั้น ก็ทำให้เขารู้สึกเบาสบายอย่างบอกไม่ถูก หลิงหยุนประหลาดใจอย่างมาก เพราะเขาเองก็เคยอยู่ใกล้ชิดกับหลงหวู่มาก่อน แต่ก็ไม่เคยพบว่ามีพลังชีวิตที่ทรงพลังกระจายออกจากร่างกายของเธอเหมือนเช่นตอนนี้มาก่อน
ทันทีที่หลงคุนกับหลงวู่เดินเข้าไปในคลินิก ทั้งเหลียงเฟิงอี้ ซูหลิงเฟย และฉางหลิงต่างก็เคยพบหลงคุนที่หมู่บ้านหลินเจียงมาก่อน จึงรีบลุกขึ้นยืนยิ้มและทักทายคนทั้งคู่
ไป๋เซียนเอ๋อที่อยู่ชั้นสองของคลีนิค เมื่อได้ยินเสียงของหลงหวู่จากดังขึ้น ด้วยความสนิทสนมคุ้นเคยกันดี นางจึงรีบวิ่งลงมาจากบันไดชั้นสองทันที และฉินตงเฉี่วยกับหนิงหลิงยู่ต่างก็ตามลงมาเช่นกัน
ในเวลานี้.. ภายในคลินิกด้านล่างจึงคลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากมาย จนเก้าอี้ไม่พอนั่ง
ในเมื่อทุกคนลงมาพร้อมหน้าพร้อมตากันเช่นนี้ หลิงหยุนจึงถือโอกาสแนะนำทุกคนให้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ เขาส่งกระแสจิตบอกกับถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ให้แยกย้ายกันไปแนะนำตัว และจัดการต้อนรับแขกเหรื่อ
ภายในคลินิกเต็มไปด้วยความครึกครื้นมีชีวิตชีวา.. และเหตุผลสำคัญก็คือบรรดาสาวงามมากมายที่อยู่ในคลีนิคแห่งนี้!
จะไม่ให้สดใสมีชีวิตชีวาได้อย่างไร? ในเมื่อมีทั้งหนิงหลิงยู่ ไป๋เซียนเอ๋อ ฉินตงเฉี่วย หลงหวู่ เหยาลู่ เหลียงเฟิงอี้ ซูหลิงเฟย ฉางหลิง อีกทั้งยังมีพยาบาลสาวสวยถึงสามคน..
นี่เป็นวันเปิดคลินิกของหลิงหยุน หรือว่าเป็นเวทีประกวดสาวงามกันแน่!?
แต่ถึงกระนั้น.. ในบรรดาสาวงามทั้งหมดนี้ หนิงหลิงยู่และไป๋เซียนเอ๋อนับว่างดงามที่สุด ส่วนพยาบาลสาวอีกสามคน เมื่อได้พบเห็นสาวงามในวันนี้ พวกเธอถึงกับเกิดปมด้อยขึ้นมาทันที
ท่ามกลางแขกเหรื่อที่อยู่ด้านล่างคลินิกเวลานี้ หลงคุนนับว่าเป็นผู้ที่อาวุโสที่สุด แม้ว่าหลงคุนจะผ่านงานใหญ่โตมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาก็อดที่จะชื่นชมหลิงหยุนอยู่ในใจไม่ได้ และในที่สุดก็พูดขึ้นมาว่า
“หลิงหยุน.. ลุงมีเรื่องจะคุยกับเธอ พวกเราหาที่เงียบๆคุยกันดีกว่า!”
และแน่นอนว่าสถานที่เงียบๆสำหรับพูดคุยกัน ก็คงไม่พ้นชั้นสองของคลินิก
ฉินตงเฉี่วยจึงหันไปพูดกับหลิงหยุนว่า นางจะช่วยหลิงหยุนรับแขกอยู่ด้านล่างนี้เอง และให้หลิงหยุนขึ้นไปคุยกับหลงคุนที่ชั้นสอง มีเพียงหลงหวู่ และไป๋เซียนเอ๋อเท่านั้นที่ตามคนทั้งคู่ขึ้นไป
“ลุงหลงครับ.. เชิญนั่งก่อน..”
เมื่อขึ้นไปถึงชั้นสอง หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับเชื้อเชิญหลงคุนให้นั่งลง จากนั้นจึงถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ลุงหลงครับ.. ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไร?”
หลงคุนกวาดตามองไป๋เซียนเอ๋อ และได้แต่คิดในใจว่า ไป๋เซียนเอ๋อช่างงดงามเหนือมนุษย์อย่างที่ลูกสาวของเขาเล่าให้ฟังจริงๆ
หลงคุนไม่พูดอะไร เพียงแค่เหลือบมองไปทางหลงหวู่..
หลงหวู่ยิ้มให้หลิงหยุนพร้อมกับยื่นหยกมังกรเขียวในมือให้กับเขาอย่างระมัดระวัง พร้อมกับพูดขึ้นว่า
“หลิงหยุน.. นี่เป็นของขวัญที่ฉันนำมาร่วมแสดงความยินดีกับวันเปิดคลินิกของนาย!”
เพียงแค่หลงหวู่หยิบหยกมังกรเขียวออกมา หลิงหยุนก็สัมผัสได้ถึงพลังชีวิตอันทรงพลังที่กระจายออกมา ลูกนัยน์ตาของเขาถึงกับสั่นสะท้าน
สมบติล้ำค่า! มันคือสมบัติล้ำค่า!
แต่ช่างน่าแปลก.. ที่หลิงหยุนรู้สึกไม่ต่างจากเมื่อครู่ หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงพลังชีวิต แต่จู่ๆมันก็จางหายไปทันที
‘น่าแปลก..’ หลิงหยุนได้แต่นึกประหลาดใจอยู่เงียบๆ
หลงคุนที่ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนโซฟาสังเกตุเห็นแววตาที่เปลี่ยนไปของหลิงหยุน จึงรู้ได้ทันทีว่าหลิงหยุนนั้นสามารถสัมผัสกับความอัศจรรย์บางอย่างของหยกมังกรเขียวได้แล้ว!
“หลิงหยุน.. ของขวัญชิ้นนี้ลูกสาวของฉันตั้งใจเตรียมมามอบให้เธอ ทำไมถึงไม่รับไว้ล่ะ มันไม่ดีพอหรือยังไง?”
หลงคุนเห็นหลิงหยุนไม่ยอมรับอยู่นาน จึงได้ถามขึ้น..
หลิงหยุนมองพร้อมกับตอบไปว่า “ลุงหลงครับ.. ของขวัญชิ้นนี้มีค่ามากเกินไป.. ผม..”
สมบัติล้ำค่าเช่นนั้น ความจริงแล้วหลิงหยุนอยากได้มากต่างหาก แต่คนที่อยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้คือหลงคุน หลิงหยุนไม่สามารถแสดงความโลภถึงเพียงนั้นออกมาได้ จึงได้แต่รักษามารยาทไว้
“สมบัติชิ้นนี้อยู่กับฉันก็คงไม่มีประโยชน์อะไร.. ฉันจึงให้หลงหวู่นำมามอบให้กับเธอ ฉันหวังเพียงแค่ว่าในภายภาคหน้าเธอจะดูแลลูกสาวของฉันอย่างดี และไม่ข่มเหงเธอ..”
หลงคุนยิ้มเล็กน้อยแล้วจึงพูดต่อว่า “หยกล้ำค่าที่ฉันมอบให้เธอในวันนี้ ซ่อนความลับไว้มากมาย ไว้วันที่เธอแข็งแกร่งมากพอ ให้ไปพบฉัน แล้วฉันจะเล่าทุกอย่างให้เธอฟัง!”
“แต่ในระหว่างที่ความสามารถของเธอยังไม่เพียงพอที่จะปกป้องดูแลตัวเองได้นั้น ก็ให้เก็บแผ่นหยกนี้ไว้อย่างระมัดระวัง เพื่อหลีกเลียงหายนะที่จะเกิดขึ้นกับชีวิตของเธอ เข้าใจมั๊ย?”
ระหว่างที่ทั้งคู่คุยกันอยู่นั้น หลงหวู่ที่ยืนถือแผ่นหยกอยู่ครู่ใหญ่ จึงร้องถามหลิงหยุนอย่างหงุดหงิด
“หลิงหยุน.. ตกลงนายจะรับมั๊ย?”
หลิงหยุนพยักหน้าให้หลงคุนพร้อมกับยื่นมืออกไปรับหยกมังกรเขียวมาจากมือของหลงหวู่ และรีบเก็บเข้าไปไว้ในแหวนพื้นที่ทันที
“นี่นับว่าเป็นของขวัญที่วิเศษที่สุดสำหรับผมในวันนี้!” หลิงหยุนยิ้มให้กับหลงหวู่พร้อมกับตบไหล่เธอเบาๆ
“จริงสิ?!”
หลงหวู่ได้ยินหลิงหยุนพูดเช่นนั้น ก็ถึงกับร้องอุทานออกมาอย่างมีความสุขเสียยิ่งกว่าตอนที่เธอได้รับไข่มุกราตรีจากหลิงหยุนเสียอีก หลงหวู่ดีใจจนแทบจะกระโดดตัวลอย
“จริงๆ!”
หลิงหยุนยืนยันอีกครั้ง แต่ก็ส่งกระแสจิตไปขอบคุณหลงคุนเช่นกัน
เมื่อเห็นหลิงหยุนรับหยกมังกรเขียวไปแล้ว หลงคุนก็รู้สึกราวกับยกภูเขาออกจากอก เขารู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นพร้อมกับพูดขึ้นว่า
“เธอไม่จำเป็นต้องขอบคุณฉัน วันข้างหน้าขอให้ช่วยฉันดูแลหลงหวู่ก็พอ อย่าให้ใครมารังแกลูกสาวฉันได้ แค่นี้ฉันก็พอใจแล้ว!”
“นั่นเป็นเรื่องที่ผมสมควรทำ!”
หลิงหยุนรับปากอย่างไม่ลังเล แต่เขายังคงไม่รู้ตัวว่า ตนเองกำลังจะต้องเผชิญหน้ากับความเป็นและความตายอีกมากมายเท่าไหร่เพื่อหลงหวู่!
หลังจากที่ได้รับคำตอบเป็นที่น่าพอใจจากหลิงหยุน หลงคุนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับบอกไปว่า
“ฉันคงต้องขอตัวกลับแล้วล่ะ ไม่อยู่รบกวนพวกเธอแล้ว!”
หลิงหยุนพยายามรั้งไว้ “ลุงหลง.. ผมจองห้องไว้ที่โรงแรมแชงกรีล่า ถ้ายังไงพวกเราอยู่ทานข้าวเที่ยงด้วยกันก่อน!”
หลงคุนหัวเราะพร้อมกับตอบไปว่า “มีหลงหวู่อยู่ที่นี่เป็นตัวแทนของฉันแล้ว.. ฉันขอตัวก่อน!”
หลงคุนดูเป็นคนง่ายๆ ทันทีที่พูดจบก็เดินออกไปโดยไม่ดื่มแม้กระทั่งน้ำ
หลิงหยุนรีบเดินตามไปส่งหลงคุนข้างล่าง และรอจนกระทั่งเขาขึ้นรถหายลับตาไป หลังจากที่หลงคุนกลับไปแล้ว ยังไม่ทันที่หลิงหยุนจะได้เดินกลับเข้าคลีนิค เขาก็เห็นรถทหารสีเขียวแล่นเข้ามา และเมื่อเห็นทะเบียนรถ หลิงหยุนก็ถึงกับตกใจสุดขีด!
หลินเมิ่งหานมา.. และรถนั่นเป็นรถทหาร แน่นอนว่าพ่อของเธอก็ต้องมาที่นี่ด้วย!
หลิงหยุนเพิ่งจะทำให้หลินเจิ้งกังโกรธมาก และพวกนายทหารก็คงไม่คุยง่ายเหมือนกับหัวหน้าแก๊งมังกรเขียวอย่างหลงคุนแน่
‘นี่เขาจะมาอวยพร หรือว่าจะมาสร้างความหายนะให้กับข้านะ?! เจ้าเป็นผู้บังคับบัญชา แต่ข้าก็เป็นถึงเจ้าของคลินิกสามัญชน อีกอย่างที่นี่ก็มีคนของข้าก็มากกว่าด้วย!’
หลิงหยุนยังคงยืนนิ่ง และกำลังครุ่นคิดอยู่ในใจเงียบๆ
รถทหารเคลื่อนเข้ามาหยุดอยู่หน้าประตูคลินิกสามัญชนอย่างรวดเร็ว และทันทีที่ประตูหลังเปิดออก คนสองคนก็ก้าวลงมาจากรถ..
คนหนึ่งคือเทพธิดาหลินเมิ่งหาน ส่วนอีกคนที่อยู่ในชุดเครื่องแบบทหารก็คือหลินเจิ้งกัง หลังจากที่ทั้งคู่ก้าวลงจากรถแล้ว รถทหารก็ขับออกไปอย่างรวดเร็ว
“หลิงหยุน..”
ต่อหน้าพ่อของเธอ หลินเมิ่งหานอายเกินไปที่จะเรียกหลิงหยุนว่า ‘สามี’ จึงได้ร้องเรียกชื่อของเขาแทน
“นี่พ่อของฉัน.. ” หลินเมิ่งหานรีบวิ่งไปกอดแขนหลิงหยุนไว้พร้อมกับเอ่ยแนะนำ
หลินเมิ่งหานคงคิดไม่ถึงว่าด้านในคลินิกนั้นจะมีคนอยู่มากมาย เธอจึงปฏิบัติกับหลิงหยุนอย่างสนิทสนมคุ้นเคย
สายตาทุกคู่ของหญิงสาวที่อยู่ในคลีนิคต่างก็จ้องมองมาทางหลิงหยุนกับหลินเมิ่งหาน และนอกจากหนิงหลิงยู่กับฉางหลิงแล้ว ก็ยังไม่เคยมีใครได้พบหลินเมิ่งหานมาก่อน
หลิงหยุนรีบเอ่ยทักทายหลินเจิ้งกังอย่างมีมารยาท
“ลุงหลิน.. สวัสดีครับ!”