ตอนที่ 495 รอยแยกมิติ
กลางดึก ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ออกจากนครโบราณยุทธ์เต๋าในชุดสี
ดํา
ทั้งสองใช้งานเข็มทิศ มุ่งหน้าสู่สํานักซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด
“พี่หยาง สํานักเก้าตะวันในแดนวิญญาณอ้างว้างแข็งแกร่งหรือไม่?”
ฉินหยุนเอ่ยถาม
“ย่อมใช่! ตําหนักจารึกเทวะ ถูกสร้างขึ้นโดยสํานักเก้าตะวัน และอีก
หลายขั้วอํานาจค่อยร่วมมือด้วยในภายหลัง! ด้วยเหตุนี้ ตําหนักจารึก
เทวะจึงไม่ได้ถูกควบคุมโดยสํานักเก้าตะวันอย่างสมบูรณ์”
หยางฉีเย่ว์หยุดไปครู่ก่อนกล่าวต่อ “แม้ว่าสํานักเก้าตะวันเป็นตัวตน
ที่โบราณยิ่ง กระนั้นพวกเขากลับไม่ค่อยเผยตนเองออกมานัก!”
ฉินหยุนยิ้มกล่าว “พวกเราขณะนี้คิดทําลายรากฐานพวกมันในสาม
แดนอ้างว้าง ณ ที่แห่งนี้ ข้าจะไม่ปล่อยให้พวกมันได้สําแดงอํานาจ
เหิมเกริมกันนานนัก!”
“นั่นก็เป็นสิ่งที่ข้าคิดทํา! ในแดนวิญญาณอ้างว้าง ยังมีขั้วอํานาจที่
แข็งแกร่งทัดเทียมสํานักเก้าตะวัน ดังนั้นแล้วสํานักเก้าตะวันจึงไม่
อาจก่อการโดยตามใจชอบได้!”
หยางฉีเย่ว์ทะยานร่างบนท้องฟ้ายามราตรีกาลพร้อมฉินหยุน ด้วย
ดวงจันทร์เกื้อหนุน นางสามารถโบยบินได้อย่างสะดวกสบาย
เดินทางอยู่สามวัน ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ค่อยมาถึงภูเขาใหญ่ลูก
หนึ่ง
ภูเขานี้แห้งแล้ง เรียกได้ว่าหาได้มีอันใดไม่ พืชพรรณใดล้วนไม่มี
เพียงมองก็ทราบว่ามันเป็นสีเหลืองทั้งสิ้น
“พี่หยาง พวกเราจะเข้าแดนอ้างว้างลึกลับโบราณอย่างไรกัน?” ฉิน
หยุนมองที่เข็มทิศ เขาทราบว่ามันมีอีกสถานที่คงอยู่ ทว่าไม่อาจ
มองเห็น
แดนอ้างว้างลึกลับโบราณ เป็นโลกที่เล็กอย่างยิ่ง พวกมันถูกซ่อนเอา
ไว้ในรอยแยกมิติ กระทั่งว่ามีคนพบเจอ คิดเข้าไปก็ยังเป็ นเรื่องยาก
“จับให้แน่น รอบนี้หวังว่าจะไม่เป็นไร!” หยางฉีเย่ว์กุมมือฉินหยุน
เอาไว้แน่น นางเป็นกังวล ว่าจะเป็นดังครั้งที่เข้าสวนโบราณเป็นครั้ง
แรก พวกเขาทั้งสองถูกเคลื่อนย้ายกันไปคนละทิศทาง
ขณะนี้เป็นกลางคืน จันทร์เสี้ยวสีเงินลอยค้างกลางท้องนภา ดวงดาว
สุกสว่างเป็นประกายราวเล่นสนุก แสงที่ฉายลงมายังพื้นดินคือแสง
จันทร์ที่อ่อนโยน
หยางฉีเย่ว์เรียกใช้พลังของดวงจันทร์ ร่างกายขาวดุจหิมะของนาง
ขณะนี้เรืองแสงสีเงิน พลังงานประหลาดอะไรบางอย่างกําลังประจุ
เข้าไป
นางขณะนี้ยังคงเกิดความกังวล จึงให้ฉินหยุนเข้าสู่มิติเก็บของเป็น
การชั่วคราว
“ไว้เข้าไปแล้วจะให้เจ้าออกมา!” หยางฉีเย่ว์กล่าว ความว่างเปล่า
เบื้องหน้าของนางขณะนี้ สั่นกระเพื่อมเป็นคลื่นวงนํ้าแนวตั้ง ทั้งร่าง
ของนางปกคลุมด้วยแสงสว่าง มันกําลังสอดประสานเข้ากับรอยแยก
มิติ และหายไปอีกฝั่งหนึ่งอย่างไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น
หยางฉีเย่ว์เข้าสู่แดนอ้างว้างลึกลับโบราณสําเร็จ ฉินหยุนถูกปล่อย
ออกจากมิติเก็บของ
ฉินหยุนเมื่อออกมาแล้ว เขาจึงเห็นต้นไม้สูงล้อมรอบ ดอกไม้และ
พืชพรรณอีกหลากหลายเบื้องล่างต้นไม้ พวกมันคล้ายพลิ้วไหวด้วย
สายลมเย็นโชยเบาบาง ผืนป่ าแห่งนี้เต็มเปี่ ยมด้วยแสงหลากสีสัน
มองไปแล้วงดงามอย่างยิ่ง
“ไม่ทราบว่าแดนอ้างว้างลึกลับแห่งนี้เป็นของสํานักใด แต่นี่ถือว่าดูดี
เอาเรื่อง!” หยางฉีเย่ว์ได้เห็นฉินหยุนอยู่ข้างกาย นางวางใจพร้อมเผย
รอยยิ้มที่ใบหน้างดงาม
ฉินหยุนก้าวเดินผ่านแมกไม้ สัมผัสเข้าที่ดอกไม้เรืองแสง คิดเล่นกับ
มันราวเด็กน้อยผู้หนึ่ง
“เสี่ยวหยุนเลิกเล่นได้แล้ว รีบไปทําธุระของเราให้เสร็จดีกว่า!” หยาง
ฉีเย่ว์ย่นจมูก ยิ้มบาง และกล่าวอย่างไม่ได้จริงจังนัก
ฉินหยุนหัวเราะรับ ก้าวเดินกลับเข้าหาข้างกายหยางฉีเย่ว์ จากนั้นจึง
ค่อยตามสาวงามภายใต้แสงจันทร์ มุ่งหน้าผ่านผืนป่ าแห่งนี้
เช้าตรู่ ดวงตะวันสาดส่องแดนดิน นกและสัตว์หลากหลายในแดน
อ้างว้างลึกลับโบราณ ต่างกําลังใช้ชีวิตประจําวันของพวกมัน
ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ ขณะนี้ยืนบนยอดเขาสูง รับชมเบื้องล่าง เป็น
สํานักตะวันทองคําที่ถูกล้อมเอาไว้ด้วยกําแพงสูง!
“สํานักตะวันทองคํานี้แข็งแกร่งเพียงใด?” ฉินหยุนมองที่อาคารโบราณ
พร้อมเอ่ยถามด้วยสีหน้าใคร่สงสัย
“ข้าไม่มั่นใจนัก นามของสํานักเก้าตะวันในแดนวิญญาณอ้างว้าง
และแดนเซียนอ้างว้างล้วนแตกต่างกันออกไป!” หยางฉีเย่ว์เผย
ดวงตางดงามปรากฏร่องรอยความสงสัย สายตาขณะนี้มองไปยัง
ลานกว้างด้านในกําแพงสูง นํ้าเสียงเบาเอื้อนเอ่ย “เสี่ยวหยุน ลาน
กว้างนั่นมีผู้คนมากมายนัก!”
ฉินหยุนเองก็เห็น ดังนั้นจึงเร่งรีบมองไปจากระยะไกล
ทั้งสองคนขณะนี้ ใช้อุปกรณ์วิญญาณเพื่อรับชมเรื่องราวจากระยะไกล
นํ้าเสียงอุทานดังขึ้น “เป็นคนจากตําหนักโทเทม! ดูจากเสื้อผ้าพวกนั้น
มีผู้ฝึกตนสายเลือดอยู่ด้วย!”
“พวกคนของสํานักเก้าตะวันล้วนมาอยู่กันที่นี่!” หยางฉีเย่ว์เห็นผู้คน
สวมใส่ชุดหลากหลาย เรื่องนี้ยิ่งทํานางเกิดความสับสน
“ดูจากเสื้อผ้าแล้ว แปดสํานักล้วนรวมตัวกันครบที่นี่!” ฉินหยุนพยัก
หน้ารับ
สํานักเก้าตะวันมีหนึ่งล่มสลายไปเมื่อนานมาแล้ว แม้ยังเรียกสํานัก
เก้าตะวัน แต่แท้จริงหลงเหลือเพียงแค่แปด
ฉินหยุนนํานกออกมาตัวหนึ่ง ใช้เคล็ดวิชาเทวะควบคุม ส่งมันบิน
เข้าไปใกล้ลานกว้างขนาดใหญ่ของสํานักตะวันทองคํา
นกหุ่นเชิดเมื่อบินเข้าไปใกล้ เขาค่อยนําเปลือกหอยขนาดใหญ่
ออกมา เสียงจากตัวนกจะถูกส่งผ่านกลับมา สามารถได้ยินผ่าน
เปลือกหอย
หลายคนรวมตัวกันที่ลานกว้าง ผู้คนเหล่านี้มาถึงสํานักตะวันทองคํา
เป็นเวลานานแล้ว ทว่าเพิ่งรวมตัวกันก็วันนี
“ข้าคือจ้าวสํานักตะวันทองคํา ยินดีต้อนรับผู้มาจากแดนไกลสู่สํานัก
ตะวันทองคําของเรา เพื่อร่วมกันตัดหัวฉินหยุน!”
ชายชราชุดสีทองเผยสีหน้าเย็นเยือก มือหนึ่งถือฝักดาบ อีกมือหนึ่ง
ถือตัวดาบ ยืนอยู่บนเวทีสูงต่อหน้าลานกว้าง นํ้าเสียงดังก้องพูดออก
อย่างชัดเจน
หยางฉีเย่ว์พอได้ยิน นางจึงขมวดคิ้ว “พวกมันจับตัวเจ้าได้แล้วหรือ?”
“เป็นไปได้อย่างไร? ข้าก็อยู่ตรงนี้หรือไม่ใช่?” ฉินหยุนเผยความมึน
งงไปวูบ “พี่หยาง ข้าเป็นฉินหยุนตัวจริงนะ!”
หยางฉีเย่ว์ค่อยบุ้ยปากยิ้มตอบ “ข้าก็แค่พูดไปเรื่อย!”
ฝูงชนเริ่มสนทนากัน
ภาพฉากที่เห็น ผู้คนของหลายสํานักและตระกูลต่างส่งเสียงโห่ร้อง
คลื่นเสียงโห่ร้องดังขนาดที่ยามรุ่งสางเงียบสงบกลับกลายเป็นอึกทึก
ถัดจากนั้น กลุ่มคนชุดเกราะสีทอง นําคนผู้หนึ่งสีหน้าตายด้านร่าง
ดําเมี่ยมขึ้นบนเวที
ฝูงชนพอได้เห็น เสียงร้องตะโกนดึงยิ่งดังสนั่น!
“วิญญาณยุทธ์ของฉินหยุนถูกพวกเรานําออกมาแล้ว ขณะนี้แก่นเต๋า
ก็ไม่หลงเหลือ สิ่งใดชวนกังวลล้วนไม่มี!” จ้าวสํานักตะวันทองคํา
หัวเราะดัง ใบหน้าชราขณะนี้เผยรอยยิ้มยินดีพร้อมเสียงอันดัง “ทุก
คนจดจําเอาไว้ สํานักตะวันทองคําของพวกเรา คือผู้สังหารมารร้าย
ฉินหยุน!”
ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ค่อยเข้าใจว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร นี่คือการ
แสดงฉากหนึ่งของสํานักตะวันทองคํา
เพราะทุกคนล้วนได้ทราบแล้ว ว่าฉินหยุนครอบครองวิญญาณดวง
ตะวันจากสวนโบราณ
บรรดาราชันยุทธ์และขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้าของสามแดนอ้างว้าง
ล้วนจากไปหมดสิ้น หลงเหลือไว้เพียงยอดฝีมือขอบเขตวรยุทธ์
วิญญาณจํานวนหนึ่ง
เพื่อแสดงอํานาจ สํานักตะวันทองคําจึงแสดงปาหี่ลวงโลก เพื่อที่จะ
อ้างตนขึ้นเป็นใหญ่ในสามแดนอ้างว้าง
ไม่เช่นนั้น สํานักและตระกูลทั้งหลาย จะปรามาสต่อพวกเขา!
“สังหารฉินหยุน!”
“ฆ่ามัน!”
ผู้คนในลานกว้างร้องตะโกนดังไม่ขาด
ฉินหยุนอดไม่ได้จนต้องหัวเราะออกมา “นี่ข้ากําลังรับชมฉินหยุน
โดนตัดหัวหรือ?”
หยางฉีเย่ว์กล่าว “เสี่ยวหยุน ที่นี่น่าจะยังมีขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณ
หลงเหลือ ผู้ฝึกตนขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณของสํานักเก้าตะวันย่อม
ไม่อ่อนด้อย เจ้าคิดทําอย่างไรต่อ?”
ฉินหยุนนําเอาปื นใหญ่ราชันลึกลํ้าออกมา “ข้ามีแก่นเต๋าราชันยุทธ์
ถึงสี่แก่น ท่านคิดว่าข้าควรทําอะไร?”
ภายใต้เสียงโห่ร้องของฝูงชน จ้าวสํานักตะวันทองคําจึงตวัดดาบ
ใหญ่ในมือ ปลิดปลงศีรษะของฉินหยุนตัวปลอม หัวพอหล่นถึงพื้น
ทั่วทั้งลานกว้างจึงระเบิดเสียงโห่ร้องดังชนิดที่ก่อนหน้าเทียบไม่ติด!
ด้วยไม่มีขอบเขตวรยุทธ์ลึกลํ้าและราชันยุทธ์ในสามแดนอ้างว้าง ฉิน
หยุนจึงถูกมองเป็นมารร้ายผู้หนึ่ง นี่ก็เพราะหลายขั้วอํานาจเสียหายไป
กันมาก และฉินหยุนยังหลบรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้!
“ฉินหยุนจบสิ้นแล้ว!” จ้าวสํานักตะวันทองคําเผยเสียงยินดีตะโกน
ดัง ผู้คนด้านล่างค่อยเงียบเสียง
เขาหยุดไปครู่ก่อนจะกล่าวต่อ “สามแดนอ้างว้างขณะนี้อยู่ใน
สถานการณ์วิกฤต พวกเราต้องร่วมมือกันรับมือกับอันตรายสารพัด
อย่าง! ข้าแนะนําให้พวกเราจัดตั้งสหพันธ์จ้าวยุทธ์ เพื่อเป็นผู้ชี้นํา
สํานักและหลายตระกูลของสามแดนอ้างว้าง เพื่อรวมพลังให้เป็น
หนึ่งเดียวกัน!”
ฉินหยุนและหยางฉีเย่ว์ค่อยเข้าใจ ว่าเหตุใดสํานักตะวันทองคําจัด
ฉากเช่นนี้ขึ้น ก็เพราะต้องการเป็นผู้นําสหพันธ์!
“เช่นนั้นผู้ใดจะนําสหพันธ์?” คนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นอย่างฉับพลัน
ฝูงชนเบื้องล่าง กลายเป็นฮือฮากันอีกครั้งพร้อมเริ่มหารือ
คนหนึ่งกล่าวขึ้น “สํานักตะวันทองคําจับตัวฉินหยุนได้ เช่นนั้นก็
ควรให้พวกเขารับหน้า!”
“ถูกต้องแล้ว ผู้คนล้วนทราบว่าฉินหยุนรับมือด้วยยากเพียงใด! หาก
ไม่ใช่สํานักตะวันทองคําปลิดชีพฉินหยุน สามแดนอ้างว้างของพวก
เราคงไร้ซึ่งความสงบ!”
“มีแต่สํานักตะวันทองคําจึงมีคุณสมบัติเป็นจ้าวสหพันธ์!”
หลายคนขณะนี้เชื่อว่าสํานักตะวันทองคําเป็นรากฐานอันแข็งแกร่ง
ของสํานักเก้าตะวัน และพวกเขายิ่งโด่งดังเพราะสังหารฉินหยุนได้
จ้าวสํานักตะวันทองคําแสร้งโบกมืออย่างเสียมิได้พร้อมยิ้มตอบ “ข้า
ชราภาพนัก ไม่อาจแบกรับภาระหนักอึ้งได้! หากพวกเจ้าคิดว่ามี
ความสามารถ เช่นนั้นจงนําเสนอตนเองออกมา! หากมีหลากหลาย
ผู้คน เช่นนั้นใช้การประลองยุทธ์เป็นการตัดสิน!”
“นี่ออกจะเป็นปัญหาแล้ว! ให้สหพันธ์นําทัพด้วยสํานักตะวันทองคํา
อย่างไรแล้วก็ดูดีกว่าผู้ใดไม่ทราบ!”
“ถูกต้อง! สํานักท่านสังหารฉินหยุน พวกเรายินดีติดตามแล้ว!”
“อย่าได้ลากถ่วงเรื่องนี้แล้ว!”
จ้าวสํานักตะวันทองคํายิ้มรับ “ในเมื่อทุกคนให้ค่าข้าเอาไว้สูงกับ
ตําแหน่งจ้าวสหพันธ์ เช่นนั้นข้าก็ขอรับไว้เป็นการชั่วคราว เมื่อมี
ตัวเลือกที่ดีกว่า เมื่อถึงเวลา ค่อยเปลี่ยนมือก็ยังไม่สาย!”
“หากผู้ใดคิดว่าสามารถเป็นจ้าวสหพันธ์ได้ เช่นนั้นให้มาพบข้า หลัง
ผ่านการทดสอบ ตําแหน่งจ้าวสหพันธ์จะตกเป็นของคนผู้นั้น และ
ภายหน้าจะได้เป็นผู้นําผู้ฝึกตนวิถียุทธ์แห่งเต๋าของสามแดนอ้างว้าง
สืบไป!”
ขณะจ้าวสํานักตะวันทองคํากล่าวคําจบพอดิบพอดี เสียงหนึ่งจึงดัง
ขึ้นจากฟากฟ้า “ข้าฉินหยุน ขอเป็นจ้าวสหพันธ์นั้นเอง!”
ผู้คนในลานกว้างตื่นตระหนก หลายคนได้พบเจอฉินหยุนมาก่อน
ล้วนจดจํานํ้าเสียงได้ ชั่วขณะนี้ เสียงส่งผ่านดังมาคุ้นหูพวกเขายิ่งนัก!
“ไม่ใช่ว่าฉินหยุนถูกตัดหัวไปแล้วหรือ? เหตุใดมันยังมีชีวิตรอด?”
“ผู้ใดกล้าดี? กล้าแอบอ้างตนเป็นฉินหยุน?”
“จ้าวสํานักตะวันทองคํา นี่เรื่องอะไรกัน?”
“นั่นฉินหยุนจริงหรือ?”
ฝูงชนระเบิดเสียงฮือฮา
จ้าวสํานักตะวันทองคําคือจิ้งจอกเฒ่าชรา สีหน้ายังคงสงบขณะกล่าว
คํา “ทุกท่าน บุคคลที่ข้าสังหารไปก่อนหน้านี้หาได้ใช่ฉินหยุน! ที่ข้า
ทําก็เพื่อล่อฉินหยุนตัวจริงออกมาจากนครโบราณยุทธ์เต๋า! ขณะนี้
พวกเราถือว่าลงมือสําเร็จแล้ว!”
“ฉินหยุน เตรียมรับความตาย!” ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณของสํานัก
ตะวันทองคําตะโกนดัง เขามั่นใจว่าสามารถชนะฉินหยุนที่เป็นผู้ฝึก
ตนขอบเขตวรยุทธ์เต๋า
“พวกเจ้าทั้งหมดสิตาย!” ฉินหยุนหัวเราะลั่น มือขณะนี้ยิงแก่นเต๋า
ราชันยุทธ์ออกจากปื นใหญ่ราชันลึกลํ้า
“แก่นเต๋าราชันยุทธ์!”
จ้าวสํานักตะวันทองคําเผยสีหน้าหวาดกลัวและโกรธแค้น เสียง
ตะโกนดังลั่น พร้อมกันนี้ เขาเร่งรีบทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
ตู้ม!
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวบังเกิดทั่วทั้งรัศมีกว่าหนึ่งหมื่นหลี้ คลื่น
กระแทกสีทองเข้าปกคลุมเกิดเป็นหมอกสีทองหนาแน่น!
ผู้คนมหาศาลที่ลานกว้างจากหลากหลายขั้วอํานาจ ขณะนี้สิ้นชีพ
พวกที่ยังเหลือรอด ส่วนใหญ่ก็พิการไม่อาจนับเป็นผู้คนได้แล้ว!
“เสี่ยวหยุน มิติกําลังแยกออก!” หยางฉีเย่ว์พลันตะโกนขึ้นด้วย
อาการแตกตื่น “แก่นเต๋าราชันยุทธ์แข็งแกร่งเกินไป มันฉีกกระฉาก
กําแพงมิติที่อ่อนกําลังอยู่แล้ว แดนอ้างว้างลึกลับโบราณแห่งนี้กําลัง
จะถูกทําลายลง!”
กล่าวคําจบ นางเร่งรีบดึงฉินหยุนผ่านรอยแยกสีดําที่ปรากฏขึ้น
“อย่าคิดว่าจะหนีรอด!” จ้าวสํานักตะวันทองคํากราดเกรี้ยว ร่วมด้วย
ขอบเขตวรยุทธ์วิญญาณอีกหลายคนที่บาดเจ็บ พวกเขาเร่งรีบไล่ตาม
อีกฝ่ าย