บทที่ 16 Ink Stone_Romance
ไวเคาน์ติสไวท์รับหน้าที่สอนวิชาพื้นฐานไวยากรณ์และการพูด เริ่มด้วยวิชาคณิตศาสตร์ง่ายๆ การบวก ลบ และคูณ ซึ่งรวมไปถึงสิ่งที่จำเป็นในการใช้ชีวิตเป็นเลดี้ในตระกูลสูงอย่างสง่างามด้วย
ไม่ว่าจะมาจากชนชั้นสูงแค่ไหน แต่การศึกษาวิชาขั้นพื้นฐานของผู้หญิงนั้นจะไม่ลงลึกมากนัก ดังนั้นไม่ว่าใครจะเป็นผู้สอนก็จะมีเพียงเรื่องพื้นฐานเท่านั้นที่จะได้เรียน
แน่นอนว่ามีหญิงชนชั้นสูงเพียงไม่กี่คนที่ได้เรียนรู้แขนงที่กว้างและลงเนื้อหาที่ลึก แต่ส่วนใหญ่ก็เรียนรู้เพียงแค่ขั้นพื้นฐานเพื่อจะได้ไม่ต้องอับอายผู้อื่นเท่านั้น
ด้วยเหตุนี้การศึกษาโดยทั่วไปจึงเป็นเพียงการอบรมง่ายๆ ใกล้เคียงงานเลี้ยงน้ำชา ซึ่งต่างกับมารยาทการวางตัวที่จำเป็นจะต้องรีบเรียนรู้อย่างรวดเร็วและเร่งทำให้ประสบความสำเร็จ ดังนั้นตอนนี้พวกเธอจึงแค่เรียนรู้อย่างสบายๆ และค่อยๆ ซึมซับไปจนถึงวันที่ได้เข้าไปสู่สังคม
บนโต๊ะมีชาอุ่น คุกกี้ และผลไม้ จัดวางไว้เรียบร้อย และไวเคาน์ติสไวท์สามารถสังเกตได้ว่าเธอได้รับการอบรมมาอย่างดี
“เลดี้บอกได้ไหมคะ ว่าก่อนหน้านี้ได้เรียนรู้อะไรมาบ้าง”
“ไม่ได้เรียนอะไรเลยค่ะ”
อาเรียใส่น้ำตาลหนึ่งก้อนลงในถ้วยชาในขณะตอบ ใบหน้าของเธอดูมุ่งมั่น ไวเคาน์ติสไวท์มัวแต่นึกถึงคำตอบเมื่อครู่ของเธอจึงนิ่งเงียบอยู่สักพัก
เหตุใดจนถึงป่านนี้จึงยังไม่ได้รับการอบรมอีกนะ แม้ว่าสตรีชนชั้นสูงจะไม่สามารถศึกษาเรียนรู้แขนงวิชาการในแบบผู้ชายได้เนื่องจากต้องดูแลระมัดระวังตนเอง อย่างไรก็ตามการอบรมขั้นพื้นฐานก็เป็นสิ่งจำเป็นในการดูแลช่วยสามีอยู่ดี
ซึ่งการอบรมขั้นพื้นฐานจะเริ่มเมื่ออายุแปดขวบปลายๆ แม้ตอนนี้จะเริ่มเรียนช้ากว่าคนอื่น แต่เธอก็ดูเหมือนมีการสั่งสมความรู้ความสง่างามจากผู้ใหญ่มาตลอดอย่างค่อยเป็นค่อยไป
แต่สำหรับตระกูลชั้นสูงแล้วนั้นโดยปกติจะได้รับการอบรมตั้งแต่เริ่มพูดได้แล้ว เพราะอย่างนั้นมิเอลจึงได้รับการศึกษาตั้งแต่ก่อนที่จะกระโดดได้จริงๆ เสียด้วยซ้ำ แต่ทว่าเหตุใดอาเรียที่อีกไม่นานก็จะอายุ 15 ปี ถึงยังไม่ได้รับการอบรมใดๆ เลย
ไวเคาน์ติสไวท์ส่งสายตาสงสัยแต่อาเรียก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ถึงอย่างนั้นก็ตามจะทำตัวน่าสงสารเหมือนที่ทำกับซาร่าก็คงจะดูโกหกเกินไป
“อย่างที่คุณทราบ จู่ๆ ท่านเคานต์ก็พาหนูเข้ามา หนูยังต้องปรับตัวอีกน่ะค่ะ เริ่มตั้งแต่วิธีการเข้าครัวทำอาหาร วิธีการเดิน การนั่งต่างๆ ยังมีอะไรที่ข้าต้องเรียนรู้อีกมาก จนไม่นานมานี้หนูเพิ่งจะเริ่มเป็นผู้เป็นคนขึ้นมา”
ไวเคาน์ติสไวท์มองออกว่ากิริยาของอาเรียนั้นไม่มีจุดด่างพร้อยเลยแม้แต่นิด ทั้งยังสง่าและงดงามเป็นธรรมชาติอีกด้วย แม้จะตัวเล็กแต่การขยับเคลื่อนไหวนั้นช่างอ่อนโยนราวกับน้ำ ดูเหมือนกับนางฟ้าตัวน้อยๆ เลยล่ะ เมื่อเทียบกับเลดี้ตระกูลชนชั้นสูงคนอื่นๆ อาเรียนั้นมีความสง่ากว่าโข ยิ่งไปกว่านั้น ท่าทางของเธอที่จับถ้วยชาไปดื่มเหมือนกับผีเสื้อตัวหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
หลังจากนั้นไวเคาน์ติสไวท์ที่อธิบายว่าทำไมถึงได้เรียนช้า ก็ปรับสีหน้าและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
แม้ที่ผ่านมาจะใช้ชีวิตเป็นคนธรรมดา แต่ภายในเวลาหนึ่งปีกลับมาความสง่างามได้ขนาดนั้น ดูท่าจะได้รับการศึกษาอย่างหนักเลยทีเดียว ดูเหมือนว่าจะโน้มน้าวใจด้วยการให้เริ่มให้ศึกษาวิชาแขนงอื่นๆ ตามอำเภอใจ หลังจากอบรมมารยาทจนไม่มีจุดด่างพร้อย
“อย่างนั้นสินะคะ”
“เพราะตอนที่เข้ารับการอบรมน่าจะก่อเรื่องไว้เยอะทีเดียว ข่าวลือไม่เบาเลยล่ะค่ะ อาจารย์ก็น่าจะได้ยินบ่อยๆ ด้วยใช่ไหมคะ”
“ฮ่าๆ เป็นเรื่องปกติที่ข่าวลือจะไปไว และสักพักก็หายไปค่ะ ไม่ต้องกังวลไปเลยนะคะ”
ตั้งแต่ได้พบกับอาเรียในครั้งแรกไวเคาน์ติสไวท์รู้ได้เลยว่าอาเรียถูกเข้าใจผิดมากแค่ไหน ทั้งข่าวลือพวกนั้นก็เป็นเรื่องโกหกทั้งสิ้น แน่นอนว่าคนอื่นก็จะคิดแบบนี้ด้วยเช่นกัน
นี่เป็นโอกาสที่ดีสำหรับเธอ โอกาสที่จะได้รู้จักกับเด็กน้อยคนนี้เอาไว้ เพื่อในอนาคตจะจะได้แต่งงานกับลูกชายของเธอ คนธรรมดาแบบนี้น่าจะไม่มีหัวคิดอะไรมาก ดูท่าน่าจะโดนชักใยง่าย
เป็นไปตามที่อาเรียได้หวังเอาไว้ เธอเห็นไวเคาน์ติสไวท์เริ่มเข้ามาในกำมืออย่างช้าๆ อาเรียหลับตาและยิ้มออกมา
“จะเป็นเช่นนั้นได้ อาจารย์ต้องช่วยหนูนะคะ”
“อาจารย์อะไรกัน ไม่เห็นจะเหมาะสมสักนิด เรียกฉันว่าเซลลีนเถอะจ้ะ”
“ไม่ได้สิคะ หนูเป็นนักเรียนเพราะฉะนั้นไวเคาน์ติสก็ต้องเป็นอาจารย์นะคะ”
ไม่จำเป็นต้องแสร้งทำเป็นน่าสงสารเหมือนซาร่าเพื่อจะได้รับความเห็นใจ เพียงแค่แกล้งทำตัวแสนดีก็เพียงพอแล้ว
ใบหน้าที่ดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสายิ้มออกมา เพราะยกยอให้เป็นอาจารย์ดูท่าว่าหล่อนก็พอใจเหมือนกัน ต้องทำเช่นนี้ ถึงจะสามารถจูงจมูกผู้มีอำนาจได้อย่างไรล่ะ
จบด้วยการเรียกว่าอาจารย์ ไวเคาน์ติสไวท์ดีใจจนเก็บอาการไว้ไม่อยู่
การเรียนในวันแรก ได้เรียนรู้อะไรง่ายๆ แม้จะเป็นสิ่งที่รู้อยู่แล้ว หากทำเช่นนั้นจะได้อยู่กับหล่อนไม่นาน ก็ต้องทำเป็นผงกหัวเหมือนได้ฟังเป็นครั้งแรก
“3 และ 1 นำมาบวกกันจะได้ 4 ค่ะ ดูสิคะ คุกกี้ 3 ชิ้น และคุกกี้ 1 ชิ้น เอามารวมกันจะได้ 4 ชิ้นใช่ไหมคะ”
เรื่องการบวก ลบเลขหลักเดียว ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เรียนกับอาจารย์ก็สามารถรู้ได้อยู่แล้ว อาเรียพยายามกลั้นหัวเราะ พลางส่งสายตาเป็นประกาย คอยขานตอบคำถามอาจารย์
ไม่รู้ว่าหล่อนมองเธอโง่เขลาสักแค่ไหนเชียว ถึงได้สอนเหมือนกับเธอเป็นเด็กหัดเดินก้าวแรก
ไวเคาน์ติสไวท์สอนประมาณ 2 ชั่วโมง ราวกับไม่ได้สอนคนอื่นมานาน หลังจากจบคาบเรียนเธอกลับไปอย่างพอใจ เมื่อกลับไปแล้ววิสเคาน์ติสไวท์คงจะเอาไปอวดล่ะสิ นังเด็กนี่ดูหลอกใช้ง่าย อาจจะไปวางแผนจับแต่งงานกับลูกชายของหล่อนอยู่ก็เป็นได้
‘ขอร้องล่ะ ขอให้ทำแบบนั้นเร็วๆ ด้วยเถอะ’
ไวเคาน์ติสซิลวี่ และไวเคาน์ติสบล็อกที่ได้พบหลังจากนั้นก็ไม่ต่างอะไรกับไวเคาน์ติสไวท์
ได้สานสัมพันธ์กับท่านเคานต์เป็นใครก็ต้องดีใจอยู่แล้ว อีกทั้งก็ยังมีข้อสงสัยในตัวของนางเด็กโง่นี่ด้วย อย่างไรก็ตามต้องจับเธอแต่งงานกับลูกชายให้ได้ เพราะว่าไม่ใช่ลูกสาวท่านเคานต์จริงๆ น่าจะทำอะไรได้สะดวกขึ้น แต่หล่อนคิดผิด
โดยเฉพาะไวเคาน์ติสซิลวีที่ไม่เคยพบเจอตระกูลชนชั้นสูง หล่อนพยายามทำทุกทางให้ตนอยู่ในสายตาของอาเรีย รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าที่ดูไม่เป็นธรรมชาตินั่นทำให้อาเรียรู้สึกอึดอัดเป็นอย่างมาก
‘แม้คนที่ฉันต้องการจริงๆ คือออสการ์ก็ตาม’
ไม่ได้ตั้งใจที่จะหมั้นหรือแต่งงานกับเขาหรอกนะ เพียงแค่จะขัดขวางมิเอลเธอจะทำทุกอย่างถึงที่สุด
นั่นไม่ใช่หน้าที่สำคัญของนางร้ายหรอก แต่ในฐานะนางร้ายตัวจริงแบบฉันไม่ใช่นางร้ายบอบบางเหมือนมิเอล
ท่าทางและการตอบที่เป็นไปตามแผนทำให้อาเรียไม่สามารถซ่อนรอยยิ้มเอาไว้ให้เหมือนเดิมได้ตลอดเวลา ไม่รู้ว่ามีอะไรแปลกไปซาร่าจึงถามว่ามีเรื่องอะไรดีๆ เกิดขึ้นหรือ
“มีอาจารย์คนใหม่น่ะค่ะ หนูได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ เยอะแยะก็เลยรู้สึกสนุก”
“ดูน่าสนุกมากเลย ท่านคือใครกันคะ”
“ท่านเป็นคนที่ซื่อสัตย์แถมยังมีอารมณ์ขันด้วยค่ะ”
“ทั้งหมดเป็นเพราะเลดี้อาเรียทั้งฉลาดและใจดีต่างหากค่ะ”
รอยยิ้มที่ไม่เปลี่ยนไปเลยของซาร่า 120 คะแนนจากเต็ม 100 คะแนน ทำให้เธอเบาใจลงได้นิดหน่อย นั่นคือเสน่ห์ของเธออย่างไรล่ะ ถึงได้จับมาร์ควิสจนอยู่หมัด เล่ห์เหลี่ยมทำผ้าเช็ดหน้าตกนั่นก็แค่เครื่องมือเท่านั้น
“ถึงอย่างไรหนูก็ชอบอาจารย์ซาร่าที่สุดนะคะ”
“ตายจริง เลดี้นี่จริงๆ เลยนะคะ ฉันก็ชอบเลดี้เช่นกันค่ะ”
ทันทีที่เธอกอดเอวของซาร่าพลางเอาหน้ามุดถูไปมา หล่อนก็อดเอามือไปลูบผมของอาเรียเสียไม่ได้
แม้จะเป็นผู้ที่ได้ร่ำเรียนมารยาทมาเท่าไหร่ แต่ก็ไม่สามารถรับมือกับความน่ารักของเด็กคนนี้ได้จริงๆ
การเริ่มต้นของวงการสังคมใกล้เข้ามาแล้ว อีกไม่นานเธอก็จะได้พบมาร์ควิส แม้อายุจะห่างกันเล็กน้อย แต่เธอก็อยู่ในเหล่าชนชั้นสูงแน่นอนว่าจะต้องดึงดูดชายที่มียศสูงกว่าอย่างแน่นอน แค่เติมไฟเพิ่มความกล้าให้กับซาร่าที่กังวลกับแผนการนั้นก็เพียงพอสำหรับการเพิ่มความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นแล้ว
“หวังว่าอาจารย์ซาร่าจะได้พบกับคนดีๆ และมีความสุขมากขึ้นนะคะ”
นั่นเป็นสิ่งที่ซาร่าฝันในอนาคตด้วยอย่างหนึ่ง
ซาร่าที่กำลังลูบผมอาเรีย รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนในคำพูดสองแง่นั้น
หมายถึงถ้าเธอได้ดีฉันก็จะหลอกใช้หาผลประโยชน์ให้ตัวเองอย่างไรล่ะ แต่ทว่าเด็กน้อยน่าสงสารแบบนี้คงจะไม่มีทางรู้ความหมายแบบนั้นเป็นแน่
การเริ่มต้นอย่างราบรื่น ทั้งยังมีคนคอยปกป้องให้ในอนาคตอีกตั้งสี่คนทำให้เธอรู้สึกเบาใจขึ้นมา
ยิ่งไปกว่านั้นมิเอลก็ยังคงทำตัวสงบเสงี่ยมอยู่ และดูเหมือนว่าจะเริ่มหงุดหงิดที่มีคนเข้าๆ ออกๆ ห้องตนเอง ทั้งที่เพิ่งเจอกันเป็นครั้งแรก ตอนทานมื้อเย็นเลยทานได้ไม่เท่าไหร่
แต่ก็ดูจะไม่เจียมตัวเหมือนตอนก่อนหน้าเท่าไหร่ หากเทียบกับสิ่งที่ตนเองโดนแล้วก็ไม่ได้สักเสี้ยวเดียวเลยด้วยซ้ำ เห็นเธอซึ่งค่อยๆ อ่อนแอลงต่อหน้าแล้ว มันช่าง…
ดูน่าสมเพช และน่าสนุกจนหัวเราะออกมาเลยล่ะ
‘เอาสิ เกรงใจฉันแบบนั้นไปตลอดชีวิตเลยแล้วกัน เหมือนกับฉันที่โดนอุบายของพวกแกมาก่อนอย่างไรล่ะ’
ดูเหมือนว่ามิเอลจะไม่มีที่ให้คลายความกังวล สังเกตจากจำนวนจดหมายที่หล่อนเขียนให้เคนพี่ชายของหล่อนมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และนั่นก็ทำให้อาเรียอารมณ์ดีขึ้นมา
ถูกขังอยู่ในหอพักทำอะไรไม่ได้นอกจากเขียนหนังสือ มีที่พึ่งพาเดียวก็คือพี่ชายตัวเองที่ปลอบโยนอะไรหล่อนไม่ได้ถึงขนาดทำเรื่องโง่เขลาลงไป ในขณะที่มิเอลง้องอนกับพี่ชายตัวเองอาเรียก็ค่อยๆ ผูกมิตรกับภรรยาท่านทั้งสามคนแถมยังได้เรียนหนังสืออีกด้วย
ความรู้ที่ขาดไม่ได้อย่างวิชาการคำนวณ ก็ไม่ได้มีส่วนช่วยอะไรมากนัก ดูท่าว่าความรู้ทางด้านวรรณกรรมนั้นจะมีประโยชน์เสียมากกว่า หวังเพียงแค่วิธีการทั้งหมดจะดำเนินไปอย่างที่ได้วางแผนเอาไว้
สั่งสมความรู้ กดมิเอลเอาไว้ เพิ่มอำนาจของตนปล่อยข้อมูลหลั่งไหลออกมาทีละนิดจนทำให้ไม่มีใครหนีจากเธอไปได้ และทำให้การหมั้นหมายของหล่อนกับออสการ์ถูกยกเลิกราวกับไม่เคยมีมาก่อน แล้วฉากสุดท้ายก็เลียนแบบนิสัยชั่วร้ายของหล่อนโดยการดื่มชาที่มียาพิษด้วยตัวเองแล้วตายไป รับบทฆาตกรฆ่าพี่สาวของตัวเองเพราะตกอยู่ในความริษยา!
จะมีบทละครไหนที่สมบูรณ์แบบขนาดนี้ได้นะ เพียงแค่นึกอาเรียที่นอนอยู่บนเตียงพลางกอดหมอนข้างก็ตื่นเต้นจนอดยิ้มไม่ได้
ถูหน้าในผ้าห่มอันนุ่มนิ่มและเพลิดเพลินไปกับความสุขชั่วครู่ แต่จะว่าไปคฤหาสน์หลังใหญ่นั้นดูวุ่นวายผิดปกติ สงสัยว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นจึงเรียกเจสซี่มาถาม
“ดิฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องอะไรเหมือนกันค่ะ แค่เรียกให้ดิฉันเข้าไปรับใช้จัดการทำความสะอาดเท่านั้นค่ะ”
“อย่างนั้นหรือ หรือว่าท่านพ่อจะกลับมานะ”
“ตอนที่ท่านกลับมา ท่านไม่บอกก่อนนี่คะ ดิฉันคิดว่าคงไม่ใช่”
“ที่เธอพูดก็ถูกเจสซี่”
เพราะท่านเคานต์มีตารางงานที่เร่งด่วนจะกลับมาคฤหาสน์ตอนไหนก็ไม่มีใครทราบ คงไม่ใช่การเตรียมต้อนรับท่านหรอก คฤหาสน์ที่สะอาดและหรูหราอยู่แล้ว ไม่จำเป็นถึงกับต้องจัดการอะไรให้วุ่นวาย
ถ้าอย่างนั้น ใครมากันนะถึงได้ทำอะไรเอะอะเสียงดัง
มองออกไปนอกหน้าต่าง ก็เห็นว่าตรงสวนถูกตัดแต่งที่เป็นระเบียบเรียบร้อยแล้ว มีคนสวนที่กำลังตัดเล็มกิ่งไม้อยู่
ไม่รู้ว่ายุ่งอะไรนักหนา คนสวนถึงได้จับกลุ่มกันไปตัดแต่งสวนทำความสะอาดอยู่
อาเรียที่ยืนพิงอยู่ขอบหน้าต่างเห็นพวกเขาเพียงชั่วครู่ ได้ส่งเจสซี่ลงไปข้างล่างอีกครั้ง สั่งให้เจสซี่ไปสืบมาจากข้ารับใช้พวกนั้นถามว่าใครมา
เพราะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์อาจารย์สอนพิเศษเลยไม่มาที่บ้าน จึงนอนรอข่าวบนเตียงอย่างเบื่อหน่าย เวลาผ่านไปช่วงหนึ่งเธอรู้สึกหิวจึงลืมตาขึ้น
เมื่อดูเวลาก็รู้ได้ว่าเลยเวลาอาหารเที่ยงไปสักพักแล้ว ได้มาอยู่ที่นี่ต้องทานอาหารตรงเวลามาตลอด พอได้เวลาแล้วดูเหมือนว่าร่างกายจะตอบสนองได้แม่นยำกว่านาฬิกาเสียอีก
อาเรียบิดขี้เกียจและลุกออกจากที่นั่ง เรียกเจสซี่อยู่หลายครั้ง เพิ่งนึกได้ว่าตัวเองสั่งอะไรไว้จึงก้าวออกจากห้อง
‘บางทีก็ต้องมีข้ารับใช้เอาไว้เรียกใช้เพิ่มขึ้นอีกคนแล้วล่ะ’
สักพักคฤหาสน์ก็เงียบสงัด เหลือเพียงเสียงฝีเท้าเบาๆ ของอาเรีย แขกมาแล้วเหรอ เจสซี่มัวทำอะไรอยู่นะ ทำไมไม่รีบมารายงานสักที
ขณะที่เธอกำลังยื่นเท้าไปหน้าบันได ก็เผชิญหน้ากับเจสซี่ที่ขึ้นมาจากข้างล่างอย่างเร่งรีบต่อหน้าต่อตาเขา
“เจสซี่”
“เลดี้!”
ท่าทางหล่อนดูเร่งรีบพลางหอบหายใจ ดูท่าจะมีข่าวไม่ดีทำให้อาเรียใจเต้นรัว ใครมากันนะ
ไม่จำเป็นต้องรอคำตอบจากเจสซี่อีกต่อไป เพราะก่อนที่จะได้หล่อนจะตอบคำถามของอาเรีย ประตูคฤหาสน์ก็เปิดออก เผยให้เห็นชายสองคนที่ปรากฏตัวขึ้น
……………………………………………