แดนนิรมิตเทพ บทที่ 539
ภูเขาศักลามาชิสีดำตั้งตระหง่านอยู่กลางทะเลทรายตามลำพัง มองแล้วลึกลับมาก ราวกับมังกรดำสองตัวเอนกายปกป้องแคว้นลึกลับที่ถูกฝังอยู่ในประวัติศาสตร์

แคว้นจิงเจวี๋ยมีชื่ออยู่ในบันทึกที่ไม่เป็นทางการว่าแคว้นผี เพราะราชินีจิงเจวี๋ยที่เป็นตำนานเล่าขาน เป็นปีศาจที่มีดวงตาสามดวง เมื่อเธอลืมตาดวงที่สาม ก็จะสามารถสื่อสารกับยมโลกได้

สิ่งนี้ได้รับการยืนยันจากจิตรกรรมฝาผนังขององค์ชายกูซื่อ

คนธรรมดาทั่วไปไม่เชื่อว่าในโลกนี้มีปีศาจ แต่เฉินโม่รู้ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ตำนานเล่าขานนี้จะเป็นความจริง เพราะตัวเขาเป็นตัวอย่างเช่นกัน

ถ้าสืบสาวราวเรื่องแล้ว เฉินโม่น่ากลัวกว่าปีศาจเสียอีก เพราะมือของเขาเปื้อนเลือดปีศาจมามากมาย

“เฉินไต้ซือ พวกเราเข้าไปกันเถอะ!” หยวนชิงซานรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เขาสัญญาว่าจะพาเฉินโม่มา แต่เขานึกไม่ถึงว่าจะสามารถหาเมืองโบราณจิงเจวี๋ยเจอ และคราวนี้สามารถหาเจออย่างราบรื่น เป็นเรื่องประหลาดใจที่คาดไม่ถึงจริง ๆ

“อืม” เฉินโม่พยักหน้าแล้วเดินเข้าไปข้างใน

เมื่อเดินเข้ามาตรงปากทางเข้าของภูเขาศักลามาชิแล้ว ซากโบราณขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าพวกเขาสองคน ถึงแม้ว่าท้องฟ้าจะยังไม่สว่างเต็มที่ แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพวกเขาสองคน

เมื่อพวกเขามองซากโบราณที่ถูกฝังอยู่ในทรายสีเหลือง หยวนชิงซานก็อดไม่ได้ที่จะอุทานออกมาว่า “หากเป็นยุครุ่งเรือง เกรงว่าเมืองโบราณแห่งนี้คงจะเจริญรุ่งเรืองไม่น้อยไปกว่าฉางอานในสมัยราชวงศ์ฮั่น!”

“พลังอะไรที่ทำให้เมืองโบราณแห่งนี้ถูกฝังอยู่ในทะเลทรายที่กว้างใหญ่ไพศาล?”

นี่เป็นคำถามของเฉินโม่เช่นกัน เขาก็อยากรู้ว่าเมื่อหลายพันปีก่อนที่นี่เกิดอะไรขึ้น ถึงได้ทำให้แคว้นที่มีผู้บำเพ็ญเซียนถูกฝังอยู่ในทะเลทรายที่กว้างใหญ่ไพศาลแห่งนี้

“กระจกทองสัมฤทธิ์ถูกพบที่บริเวณไหน?” เฉินโม่มองหยวนชิงซานและถามอย่างแผ่วเบา

หยวนชิงซานส่ายศีรษะ “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ตอนนั้นผมลืมถามโจรปล้นสุสาน แต่ในเมื่อเขาเป็นโจรปล้นสุสานแล้ว ส่วนใหญ่จะพบที่สุสานของราชินีจิงเจวี๋ย”

“ถ้าเช่นนั้นพวกเราไปที่สุสานของราชินีจิงเจวี๋ยกันเถอะ” หลังจากเฉินโม่กล่าวจบ เขาก็ปล่อยพลังจิต เริ่มสัมผัสทุกสิ่งที่อยู่รอบตัว

“แต่พวกเราไม่รู้ว่าสุสานอยู่ที่ไหน? หรือว่าจะรอศ.เฉินและคนอื่น ๆ ก่อน พวกเขาต้องรู้เบาะแสของสุสานอย่างแน่นอน” หยวนชิงซานแนะนำ

เฉินโม่เดินไปและกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่จำเป็น ผมพบทางเข้าสุสานแล้ว ตามผมมา”

“ห๊ะ!” หยวนชิงซานตกตะลึงครู่หนึ่ง แล้วรีบเดินตามเฉินโม่

ขณะนี้เฉินโม่รู้สึกประหลาดใจ เพราะจากการเหนี่ยวนำของเขา มีคนมาถึงที่นี่ก่อนแล้ว

เฉินโม่พาหยวนชิงซานไปอาคารสูงที่สุด ซึ่งเป็นอาคารที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดเช่นกัน ดูเหมือนจะเป็นเทวสถานสำหรับสักการะ

ทั้งสองเข้าไปในเทวสถาน เห็นเสาหินขนาดใหญ่สิบแปดเสาสร้างอยู่ในห้องโถงโบราณที่กว้าง เสาหินแต่ละต้นแกะสลักเป็นภาพสาวสวย ตรงหน้าผากของผู้หญิงมีดวงตาสามดวง น่าจะเป็นราชินีจิงเจวี๋ยอย่างไม่ต้องสงสัย

ด้านในสุดของเทวสถาน มีรูปปั้นหิน และมีแผ่นกลมๆอยู่ด้านหน้ารูปปั้นหิน และหลุมดำที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางห้าเมตรอยู่ตรงกลางแผ่นกลมๆ ภายใต้แสงสลัวนั้น เหมือนสัตว์ร้ายอ้าปากกว้างและน่าสะพรึงกลัวมาก

“นี่คงเป็นทางเข้าสุสานของราชินีจิงเจวี๋ย นึกไม่ถึงว่าจะถูกคนอื่นเข้ามาก่อนแล้ว หรือว่าเป็นฝีมือของพวกโจรปล้นสุสานคราวที่แล้ว?” หยวนชิงซานรู้สึกประหม่า จากนั้นกระโดดไปที่ทางเข้าแล้วเอ่ยถาม

เฉินโม่เดินเข้าไป และวินาทีต่อมาเขาก็ยืนอยู่หน้าทางเข้าแล้ว มองบันไดหินสุดลูกหัวลูกตา เฉินโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ไม่ใช่พวกโจรปล้นสุสานคราวที่แล้ว แต่มีคนมาถึงก่อนพวกเรา”

“อะไรนะ!” สีหน้าของหยวนชิงซานเต็มไปด้วยประหลาดใจ เขารู้ว่าเฉินโม่พบอะไรบางอย่างแล้ว