ตอนที่ 960 ต่างถิ่น

Elixir Supplier

960 ต่างถิ่น

การที่มีแตงโม,ลูกแพร,และลูกพืชในฤดูหนาวนั้นไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีนั้นก้าวหน้าไปไกลแล้วการทําโรงเรือนและปลูกโดยไม่ใช้ดินนั้นได้รับความนิยมมา

นาน มันจึงกลายเป็นเรื่องปกติที่มีแตงโมให้ได้กินในช่วงเวลาที่อากาศหนาวเพียงแต่รสชาติของมันอาจจะแย่กว่าผลไม้ที่ออกตามฤดูกาลแต่ผลไม้ที่หวังเย้านํามานั้นต่างออกไปพวกมันทั้งหวาน, อร่อย, และฉ่ำน้ำพวกมันอร่อยยิ่งกว่าผลไม้ที่ออกตามฤดูกาลด้วยซ้ำนี่ไม่ใช่สิ่งที่จะสามารถทําได้ด้วยวิธีการเพาะปลูกทั่วไปและพวกเขาเป็นใคร? ปกติพวกเขามักได้กินแต่อาหารที่ดีที่สุดแต่อาหารที่ดีที่สุดก็ยังเทียบไม่ได้

“หนูคงบอกได้แค่ว่าคุณพ่อต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองเท่านั้นถึงจะรู้ว่าภูเขาของเชียนเชิงนั้นวิเศษแค่ไหน”ซูเสี่ยวซวีพูดด้วยรอยยิ้ม

“อืม พ่อได้ยินลูกพูดแบบนี้ตลอดเลย”ซูเซี่ยงฮวาพูด“ถ้ามีเวลา พ่อจะต้องไปดูให้เห็นกับตาให้ได้

ตอนนี้เขามีตําแหน่งใหญ่โต แต่เขาก็ไม่มีสิทธิตัดสินใจว่าเขาสามารถไปที่ไหนได้บ้างหลังจากลงเครื่องที่เมืองเต๋าแล้ว หวังเย้าก็ยังไม่รีบกลับบ้านเขาได้แวะไปที่บ้านตระกูลซุนนับได้ว่าเป็นการไปเยี่ยมเยือนในวันปีใหม่คนตระกูลซุนต่างก็ยินดีมันใกล้จะสิ้นปีแล้วไม่ว่าจะเป็นตัวของซุนเจิ้งหรงหรือลูกชายของเขาเองพวกเขาต่างก็ยุ่งกันมากพวกเขาต้องออกไปเยี่ยมผู้คนเพื่อรักษาความสัมพันธ์ทางธุรกิจแต่พวกเขาก็เลือกที่จะยกเลิกนัดไปหลายงานและเชิญหวังเย้ามาทานอาหารที่บ้านของพวกเขา

ทั้งแขกและเจ้าบ้านต่างก็ทานอาหารกันอย่างมีความสุขพวกเขาได้ชวนให้หวังเย้าอยู่ที่เมืองเต๋าต่ออีกสองวัน

“คงไม่ได้ครับ ผมยังมีเรื่องที่ต้องกลับไปจัดการที่บ้านอยู่”หวังเย้าปฏิเสธคำเชิญของพวกเขาอย่างสุภาพวันสิ้นปีใกล้เข้ามาแล้วทุกคนต่างก็ยุ่งกันหมด

ตระกูลซุนไดให้คนขับรถขับพาหวังเย้ากลับไปส่งที่บ้าน

หลังจากที่มาถึงหมู่บ้านแล้วหวังเย้าก็ขอบคุณคนขับ“ขอบคุณที่ลําบากมาส่งถึงที่นี่นะครับ”เดิมเขาตั้งใจที่จะเรียกแท็กซี่กลับมาเอง

“มันเป็นหน้าที่ของผมอยู่แล้วครับ คุณหวัง”

“นี่ครับ ผมให้คุณ” หวังเย้าเอาห่อใบชาให้กับคนขับ

เมื่อเห็นแบบนั้น คนขับก็รีบโบกมือปฏิเสธทันทีและพูดว่า“นี่ทําแบบนี้ไม่ได้นะครับ”เขาพอจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ที่ดีมากระหว่างชายหนุ่มตรงหน้ากับคนตระกูลซุนมาบ้างถ้าพวกเขารู้ว่าเขารับของจากหวังเย้าล่ะก็เขาอาจจะถูกไล่ออกได้เลย

“ไม่เป็นไรหรอกครับ”หวังเย้ารู้ว่าอีกฝ่ายกังวลเรื่องอะไรเขาจึงวางถุงชาเอาไว้รถแทน“ขับรถดีดีนะครับ”

“โอ้ ครับ ขอบคุณมาก ลาก่อนครับ”

พ่อแม่ของหวังเย้าต่างก็อยู่บ้านกันทั้งคู่

“มีแค่ลูกคนเดียวเหรอ?” จางซิวหยิงถาม

“อ่อ ใช่ครับ เสี่ยวซวีว่าจะตามผมกลับมาด้วยแต่ผมบอกไม่ให้เธอมาเอง” หวังเย้าพูด“พี่ชายของเธอติดภารกิจของกองทัพถ้าเธอมากับผมที่บ้านก็ไม่มีใครแล้วเธอจะมาหลังปีใหม่แทนผมจะไปรับเธอเองครับ”

“อืม ท่าถูกแล้วล่ะจ๊ะ” จางซิ่วหยิงพูด

ถึงเธอจะรู้สึกเสียดายเล็กน้อย แต่เธอก็รู้ว่าลูกชายของเธอพูดถูก เธอถามลูกชายอีกหลายคําถามล้วนเป็นคําถามเกี่ยวกับว่าที่ลูกสะใภ้ของเธอทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เธอผอมลงหรือว่าอ้วนขึ้น, ที่บ้านของเธอดูแลหวังเย้ายังไงบ้าง,และอื่นๆอีกมากหวังเย้าก็ยิ้มตอบทุกคําถามของเธอ

“แม่วางใจได้เลยครับลูกสะใภ้คนนี้ของแม่ไม่หนีไปไหนแน่”

คาถาม ล้วนเปนคาถามเกยวกบวาทลูกสะใภ้ของเธอทงนนไม่วาจะเป็นเรื่องที่เธอผอมลงหรอวาอ้วนขึ้น,ที่บ้านของเธอดูแลหวังเย้ายังไงบ้าง,และอื่นๆอีกมากหวังเย้าก็ยิ้มตอบทุกค่าถามของเธอ

“แม่วางใจได้เลยครับลูกสะใภ้คนนี้ของแม่ไม่หนีไปไหนแน่”

“อืมๆ” จางซิวหยิงยิ้มและพยักหน้า

“ก่อนปีใหม่ ลูกก็ต้องออกไปเยี่ยมบ้านเหมือนกันนะจ๊ะ”

“ได้ครับ ผมรู้แล้ว”

มันเป็นธรรมเนียมสําหรับหวังเย้าที่จะต้องออกไปเยี่ยมญาติและผู้อาวุโสในช่วงปีใหม่ที่กําลังจะมาถึงคนในเทียนจินที่ห่างจากหมู่บ้านไปไกลหลายพันไมล์

“ผู้กองหลู่ ผู้กองหยาง มาที่นี่ได้ยังไงกันครับ?”เมี่ยวเฉิงถางประหลาดใจที่เห็นพวกเขาสอง

“มันใกล้จะปีใหม่แล้วไม่ใช่เหรอ?” หยางกวนเฟิงพูด “เราเลยแวะมาเยี่ยมนายสองสามอาทิตย์มานี้ พวกเรายุ่งกันมากและไม่ได้สนใจเรื่องของนายเลยที่นี่เป็นยังไงบ้าง?พอจะคุ้นเคยกับที่นี่รึยัง?”

“ก็ดีครับ” เมี่ยวเฉิงถางพูดด้วยรอยยิ้ม “ตอนแรก ผมก็ไม่ค่อยชินเท่าไหร่ หลังจากอยู่ไปได้สัก พัก ผมก็เริ่มคุ้นเคยมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วผมก็ได้งานทําแล้วด้วย”

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว”

“จริงสิ ฉันเอาบางอย่างมาให้นายด้วย”หลู่ซิ่วเฟิงพูดด้วยรอยยิ้ม “นี่เป็นเงิน 1,000 หยวนอย่ารังเกียจว่ามันน้อยเลยนะ!”

“ขอบคุณคร้บ ขอบคุณขอบคุณมาก

เดี่ยวเฉิงถางรับของฝากและเงินมาแล้วถามออกไปว่า“แล้วมีข่าวเกี่ยวกับเดี่ยวเทียนชวนบ้างไหมครับ?”

“ไม่เลย ทําไม นายมีข่าวของเขาเหรอ?”

“ไม่มีหรอกครับผมจะไม่มีข่าวของเขาได้ยังไง?ผมก็แค่กังวลเท่านั้น”เมี่ยวเฉิงถางตอบ“ไม่ต้องกังวลไปเขาไม่มาหานายถึงที่นี่หรอก”

“ครับๆ”

หลู่ซิ่วเฟิงกับหยางกวนเฟิงใช้เวลาอยู่ที่นั่นไม่ถึงสองชั่วโมงพวกเขามาเพื่อสอบถามเผื่อเขาต้องการความช่วยเหลืออะไรเพิ่มเติม อีกทางหนึ่งพวกเขาก็ต้องการถามเรื่องข่าวคราวของเดี่ยว

เทียนชวนด้วย แต่พวกเขาก็ไม่ได้ข้อมูลที่พวกเขาต้องการ

“เอาล่ะ คงไม่มีเรื่องอะไรแล้ว เราคงต้องกลับก่อนถ้ามีเรื่องอะไรก็โทรหาพวกเราได้เลยนะ”“ได้ครับ ขอบคุณสําหรับความห่วงใยนะครับ”

ทั้งสองไม่ได้รีบเดินทางออกจากเทียนจินพวกเขายังอยู่ที่นี่ต่ออีกสองสามวันอย่างที่หลู่ซิ่วเฟิงเคยพูดไว้ไหนๆพวกเขาก็มาถึงที่นี่แล้วพวกเขาก็ควรจะใช้โอกาสนี้เที่ยวเล่นและหาเรื่องสนุกทําเพื่อผ่อนคลายบ้างพวกเขาอยู่ภายใต้ความกดดันและเหน็ดเหนื่อยกับการสืบสวนมานานเกินไป

“คุณว่า เมี่ยวเทียนชวนจะไปอยู่ที่ไหนได้บ้าง?”

“เขาอาจจะยังอยู่ที่ยูนนานใต้ไม่ไกลจากหุบเขาพันโอสถ”หลู่ซิ่วเฟิงพูดทั้งๆที่คาบบุหรี่เอาไว้ในปาก

“คุณแน่ใจเหรอ?”

“เป็นการวิเคราะห์ตามหลักจิตวิทยาน่ะ เขาไม่มีทางออกไปจากที่นั่น” หลู่ซิ่วเฟิงพูด “แต่น่าเสียดายที่กําลังของพวกเรามีจํากัด และผู้ชายคนนั้นก็อันตรายเกินไป ถ้าไม่อย่างนั้นเราก็คงทำการสืบสวนแบบวงกว้างได้”

ในยูนนานใต้ที่ห่างออกไปหลายพันไมล์ แต่ห่างจากหุบเขาพันโอสถไปเพียงไม่กี่ร้อยไมล์เท่านั้น

ในร้านเหล้าริมถนน ชายสองคนนั่งอยู่ตรงกันข้ามกันบนโต๊ะมีอาหารหลายจานและเหล้าหนึ่งขวด

แล้ว”

“นายอยากทําอะไรไหม?”

เดี่ยวเทียนชวนที่เปลี่ยนใบหน้ายกแก้วเหล้าขึ้นดื่ม ก่อนจะถามออกไปว่า “ใกล้จะถึงปีใหม่

“ใช่ ปีใหม่กําลังจะมาถึงแล้ว”

ปีใหม่กําลังจะมาถึงตรุษจีนก็อีกแค่ไม่กี่วันตอนนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหนพวกเขาก็รับรู้ได้ถึงบรรยากาศของเทศกาลตรุษจีนเช่นในตัวเมืองที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้ หลายคนที่ทํางานอยู่ที่อื่นต่างพากันกลับบ้านเกิดตัวเมืองที่ก่อนหน้านี้เงียบเหงากลับคึกคักเต็มไปด้วยชีวิตชีวาพวกเขาสองคนเป็นคนต่างถิ่นดูแปลกแยกไม่เข้ากับบรรยากาศในเวลานี้เลยในช่วงนี้ มีหลายร้านที่ปิด

เพราะในร้านมีพวกเขานั่งอยู่แค่โต๊ะเดียวเจ้าของร้านจึงพูดคุยกับพวกเขาหลังจากที่นําอาหาร

มาเสริฟ“พวกคุณไม่ใช่คนที่นี่ใช่ไหม?”

“ไม่ใช่ครับ”

“เวลาแบบนี้ก็ยังออกมาข้างนอกกันอีกปีนี้พวกคุณไม่กลับบ้านกันเหรอ?”

“ไม่กลับครับ ปีนี้เรามีงานต้องทําก็เลยกลับไม่ได้น่ะครับ”เมี่ยวเทียนชวนพูด

“อ่อ” เจ้าของร้านพยักหน้าและเดินกลับเข้าไปในครัวไม่นานเขาก็กลับออกมาพร้อมกับอาหารร้อนๆสองจาน

ข่าว

“สองจานนี้ผมเลี้ยงเอง”

“ขอบคุณครับ”

“กินเถอะออกมาทํางานนอกบ้านแบบนี้คงลําบากไม่น้อย”เขาพูด

เมี้ยวเทียนชวนจ้องมองอาหารสองจานตรงหน้าเขาและไม่พูดไม่จาอยู่นาน

ในหุบเขาพันโอสถ

“ยืนยันที่อยู่ของเมี่ยวเฉิงถางได้แล้วครับ”เมี่ยวชิงเฟิงเข้ามารายงานเมี่ยวซีเหอทันทีที่ได้รับ

“เขาอยู่ในเทียนจินสุขสบายดีไหม?”

“เขาเช่าบ้านอยู่และได้งานทําแล้ว”เมี่ยวชิงเฟิงพูด“ดูเหมือนเขาจะสบายดีครับ”

อยู่ๆเมี่ยวซีเหอก็ถอนหายใจและพูดว่า “อืม ใกล้จะถึงปีใหม่แล้วสินะ”

“บอกให้คนของเราอยู่ที่นั่นก่อนไม่ต้องให้พวกเขารีบกลับมา”

“ได้ครับ”

วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วแล้วปีใหม่ก็มาถึงเพียงพริบตามันก็เป็นวันที่ 28 ของเดือนแล้วอีกสองวันก็จะถึงวันปีใหม่

ในเทียนจิน เมี่ยวเฉิงถางติดตัวอักษรตัวใหญ่ที่หมายถึงความสุขและโคลงกลอนเกี่ยวกับเทศกาลตรุษจีนเอาไว้ที่บานประตูบ้านเช่าของเขา

เขาอยู่เพียงลําพังในต่างถิ่น

เฮ้อ!

เขาถอนหายใจเบาๆในตอนที่ติดกระดาษแต่ละแผ่นในใจของเขาก็เต็มไปด้วยความขมขื่น

และโดดเดี่ยวตอนที่เขาอยู่ในหุบเขาเขาก็อยู่ตัวคนเดียวแต่รอบตัวเขาก็รายล้อมไปด้วยเพื่อนบ้านที่เขารู้จักเขายังมีญาติและเพื่อนอยู่ที่นั่นด้วยแต่ที่นี่เขาไม่มีใครเลยไม่มีใครคอยถามว่าเขา

เป็นยังไงบ้าง และไม่มีใครที่รักเขา

หยุด

ทั้งหมดเป็นเพราะไอ้สารเลวเดี่ยวซีเหอ!

แค่ก!แค่ก!แค่ก!อยู่ๆเขาก็เริ่มไอออกมาไม่นานเขาก็รับรู้ได้ถึงรสชาติของเลือด

แหวะ! เขาไอเอาเสมหะออกมามันมีเลือดปนมาด้วย

สองวันที่ผ่านมา เขาเริ่มเป็นหวัดเขาจึงหายากินและอาการก็ดีขึ้น เช้าวันนี้อยู่ๆเขาก็เริ่มไอไม่

หลังจากติดแผ่นกระดาษคํามงคลแล้วเขาก็รู้สึกง่วงและอ่อนเพลีย เขาจึงเข้าไปในบ้านและดื่มนําจากนั้นก็นอนดูทีวีอยู่ที่โซฟา

*ตอนนี้ผู้แปลส่งคอมซ่อมอยู่อาจจะหายไป 3-5วันนะคะ