959 เฉื่อยชาเหมือนน้ำ
“สวัสดีครับ”น้ำเสียงของชายหนุ่มฟังดูเย็นชาและแข็งทื่อไม่มีอารมณ์ความรู้สึกอยู่ในนั้นเลย“ต้องขอโทษด้วยนะคะหมอหวัง ลูกชายของฉันก็เป็นแบบนี้”เมื่อเห็นแบบนี้เธอก็รีบพูดขึ้นมา“อย่าถือสาเลยนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ”หวังเย้ายิ้มและโบกมือ
หวังเย้าตรวจดูร่างกายของชายหนุ่มตรงหน้าเขา
สถานการณ์มองไปในทิศทางที่ดีไม่ได้เลย
“มันดูไม่ดีเลยนะครับ” หวังเย้าพูดออกไปตามตรง“หมอรักษาได้ไหมคะ?”
“ผมจะลองดูครับ” หวังเย้าพูด
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอกับโรคแบบนี้ มันเป็นโรคที่มีมาแต่กําเนิดและอาการก็หนักมากมัน
ไม่ใช่โรคที่รับมาจากภายนอก การรักษาจึงต้องใช้สมุนไพรและวิธีการที่ค่อนข้างพิเศษ“ผมขอคิดก่อนนะครับ”มา
หวังเย้าหลับตาลงและใช้ความคิด
ในหัวของเขา มีความรู้จํานวนมหาศาล เขาจําเป็นต้องดึงเอาข้อมูลที่มีประโยชน์กับโรคนี้ออกได้แล้ว!
ดวงตาของเขาเป็นประกาย
“หลังปีใหม่ พาเขามาที่คลินิกของผมนะครับ” หวังเย้าบอก
“เราต้องรอหลังปีใหม่เลยเหรอคะ?”
“ใช่ครับ ตอนมาปักกิ่ง ผมไม่ได้เอายาติดตัวมาด้วยเลย” หวังเย้าพูด
“ได้ค่ะ ขอบคุณ ขอบคุณนะคะ”
แค่หวังเย้าตอบตกลงรักษาเธอก็ดีใจมากแล้ว เธอจึงรีบรับปากที่จะไปหาเขาที่คลินิกด้วยกลัวว่าจะทําให้หวังเย้าไม่พอใจเธอจึงไม่ได้พูดอะไรอีกได้”
หลังอยู่ได้ไม่นาน พวกเขาก็บอกลาและกลับไป
“เชียนเชิงรักษาเขาได้ไหมคะ?” ซูเสี่ยวซวีถามด้วยความสงสัย
“ผมอยากลองดู”หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม “ผมค่อนข้างมั่นใจว่าผมจะสามารถรักษาเขาให้หาย
นี่เป็นโรคที่เขาไม่เคยรักษามาก่อนมันจึงถือเป็นเรื่องที่ท้าทายสําหรับเขา
“เธอมั่นใจแค่ไหนเหรอ?”ซงรุ่ยปิงถามเสียงเบา
“ผมไม่แน่ใจแต่อย่างน้อยก็ 80% ครับ” หวังเย้าตอบ
แผนการรักษาถูกคิดขึ้นมาแล้ว แต่ยังขาดเงื่อนไขบางอย่างอยู่
“การรักษานี้ต้องใช้เวลานาน”หวังเย้าพูด“เขารอมาหลายปีแล้ว รอจนกว่าจะผ่านปีใหม่ไปแค่ไม่กี่วันเขารอได้อยู่แล้วหลังจากนี้เราก็จะได้รู้กันครับ”
“จ๊ะ” ซงรุ่ยปิงพยักหน้ารับแต่เดิมนั้นความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลซูกับตระกูลเหอก็ดีอยู่แล้วถ้าหวังเข้าสามารถรักษาอาการป่วยของเหอรุ่ยให้หายได้ก็จะทําให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลดีขึ้นไปอีกมันเป็นสถานการณ์ที่คล้ายกันกับของตระกูลหวู เพราะหวังเข้ารักษาอาการป่วยของผู้เฒ่าหวูจึงทําให้ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลหวูกับตระกูลซูดีขึ้นมากพวกเขามักคอยสนับสนุนตระกูลซูในบางเรื่อง
หวังเย้าอยู่ที่ปักกิ่งเป็นเวลาหกวันเขาใช้เวลาอยู่ที่ปักกิ่งในวันก่อนสิ้นปีตระกูลซูก็ดูแลเขาเป็นอย่างดีซูเซี่ยงฮวายังแบ่งเวลาเพื่อมาพบกับเขาอยู่หลายครั้งทั้งที่คนระดับเขามักยุ่งอยู่เสมอโดยเฉพาะช่วงใกล้ปีใหม่ที่มีเรื่องเข้ามาให้จัดการไม่หยุดหย่อนรวมถึงงานพบปะสังสรรค์น้อยใหญ่ที่ต้องเข้าร่วมแทบทุกวัน
ยูนนานใต้ที่ห่างออกไปหลายพันไมล์ในหุบเขาพันโอสถชาวบ้านกําลังเตรียมต้อนรับปีใหม่กันอย่างครึกครื้น
“แปลกจริงๆ ท่าไมพวกเขายังไม่ไปที่นั่นสักที?”เมี่ยวชิงเฟิงยืนอยู่บนสะพานไม้และมองดูทะเลสาบตรงหน้าเขา
“บางที ช่วงสิ้นปีอาจจะมีหลายเรื่องให้ต้องจัดการก็ได้”เมี่ยวฉางหงที่ยืนสูบบุหรี่อยู่ข้างเขาพูดขึ้นมา
ตั้งแต่ที่ได้ออกไปทําภารกิจร่วมกันหลายครั้งก็ทําให้ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนดีขึ้นไปด้วย
“ถ้าพวกเขาไม่ไป เราก็คงต้องรอกันต่อไป”เมี่ยวฉางหงพูด“เทียบกันแล้วสวะอย่างเมี่ยวเฉิงถางคงใช้ชีวิตอย่างสุขสบายเลยล่ะ”
“ปล่อยให้มันได้ฉลองปีใหม่ไปก่อนอีกอย่างตอนนี้ผู้นําก็กําลังยุ่งอยู่
ดูเหมือนว่าเมื่อใกล้สิ้นปีทุกคนต่างก็มีเรื่องยุ่งกันหมด
ในเขตเหอ ทุกคดีที่เกี่ยวกับเมี่ยวเทียนชวนหยุดชะงักไม่มีความคืบหน้าตอนนี้สามารถยืนยันตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้วแต่พวกเขาก็ไม่มีเบาะแสของผู้ต้องสงสัยเลยแม้แต่แหล่งกบดานพวกเขาก็หาไม่พบ
“ได้เวลาที่พวกเราต้องไปแล้วเหมือนกัน!”
หลู่ซิ่วเฟิงกับหยางกวนเฟิงกลับไปที่ตัวจังหวัด ดูเหมือนว่าคดีนี้ได้มาถึงทางตันแล้วมันจึงถูกระงับเอาไว้เป็นการชั่วคราว
“พวกเขาไปกันแล้ว”
“ตามพวกเขาไปทั้งสองไม่ได้รู้ตัวเลยว่าพวกเขาถูกติดตามอยู่
“คุณจะไปเทียนจินเมื่อไหร่?”
“ผมจะกลับไปที่ตัวจังหวัดก่อน”หยางกวนเฟิงพูด“ผมยังต้องไปรายงานและอธิบายเรื่องนี้กับเบื้องบน หลังจากนั้นผมก็จะไปหาเมี่ยวเฉิงถางที่เทียนจินผมรู้สึกอยู่ตลอดว่าเขาปิดบังบาง
อย่างจากพวกเราและไม่ได้บอกความจริงทั้งหมด”
“ได้ อย่าลืมโทรหาผมล่ะเราจะได้ไปด้วยกัน”
“คุณก็จะไปเหมือนกันเหรอ?”
“ไปสิ ตอนนี้ก็สิ้นปีแล้วผมอยากออกไปเที่ยวเล่นบ้าง”หลู่ซิ่วเฟิงยกยิ้ม“ที่เทียนจินมีอาหารอร่อยๆเหล่าดีดีและของสวยๆงามๆอยู่เต็มไปหมดมันเป็นเมืองที่น่าไปมาก!”
พวกเขากลับไปรายงานภารกิจให้หัวหน้าของพวกเขาวันต่อมา พวกเขาก็ออกเดินทางไปเทียนจิน
“พวกเขาไปกันแล้วครับ”
เมี่ยวชิงเฟิงที่อยู่ในหุบเขาพันโอสถรายงานเรื่องนี้กับเมี่ยวซีเหอทันทีที่ได้รับข่าว
“บอกคนของเราให้ตามให้ทันและหาตําแหน่งให้พบ”เมี่ยวซีเหอพูด
“เข้าใจแล้วครับ”
“เอาล่ะ ครั้งนี้นายคงลําาบากมาก ดังนั้น ก็ต้องพักผ่อนให้มากด้วย” เมี่ยวซีเหอพูด “ถึงการทําภารกิจให้สําเร็จจะเป็นเรื่องสําคัญแต่การฝึกฝนก็เป็นเรื่องสําคัญเหมือนกันอย่าละเลยและลืมสิ่ง
ที่ฉันเคยสอนนายไม่ได้แช่น้ำยาหลายวันแล้วใช่ไหม?”
“ครับ ที่แช่ไปครั้งล่าสุดก็ผ่านมาหลายวันแล้ว”
“ฉันเปลี่ยนสูตรยาแล้วใส่กล้วยไม้สีเลือดเพิ่มเข้าไปจะช่วยได้มากเลยล่ะ”
“เข้าใจแล้วครับ”
เดี่ยวชิงเฟิงขอตัวและออกไป
แค่ก!แค่ก!แค่ก!เมี้ยวซีเหอไอหลายครั้ง
เฮ้อ เขาถอนหายใจเบาๆ
ในปักกิ่ง อากาศดูอึมครึมหิมะตกลงมาเพียงเล็กน้อยแล้วก็หยุดไป
“อากาศที่นี่ไม่ดีเลย”หวังเย้าพูดในขณะที่เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มืดมนและมีสีเทา“เชียนเชิงไม่ชอบเหรอคะ?”
“อืม ผมชินกับอากาศบนเขามากกว่า”หวังเย้าพูดด้วยรอยยิ้ม“ผมก็เลยไม่ค่อยชินกับอากาศที่นี้เท่าไหร่”
“เราไปกันเลยไหม?”
“ค่ะ”
ครั้งนี้ ซูเสี่ยวซวีตัดสินใจไปฉลองปีใหม่ที่บ้านของหวังเย้า พ่อแม่ของเธอไม่ได้ว่าอะไรกับเรื่องนี้พวกเขาเพียงแค่บอกให้เธอระวังเรื่องสุขภาพให้ดีและยังบอกให้หวังเย้าดูแลเธอให้ดีด้วยหลังจากนั้น ซูเสี่ยวซวีก็คุยอยู่กับหวังเย้าตามลําพังหวังเย้าได้บอกให้ซูเสี่ยวซวีอยู่ที่บ้านกับพ่อ แม่ของเธอในช่วงปีใหม่เพราะพี่ชายของเธอไม่สามารถกลับมาได้เพราะติดภารกิจ จึงไม่มีใครอยู่เป็นเพื่อนพ่อแม่ของเธอ ที่บ้านคงจะโหวงเหวงไปมากเลยซูเสี่ยวซวีคิดดูแล้วก็พยักหน้าเห็นด้วย
“ไว้หลังปีใหม่ผมจะมารับนะ”
“ก็ได้ค่ะ”
เมื่อเครื่องบินขึ้นสู่ท้องฟ้า สายตาของซูเสี่ยวซวีก็คอยตามอยู่ตลอดเธอไม่อยากแยกจากเขา
“เหล่าซู คุณคิดว่าเสี่ยวซวีจะเป็นฝ่ายขาดทุนรึเปล่า?”
“ขาดทุนยังไง?”ซูเซี่ยวฮวายิ้มถาม“ผมคิดว่าเสี่ยวเย้าไม่เลวเลย เขามีความสามารถนิสัยก็ดูและไม่มีเรื่องชกต่อยหรือสร้างปัญหาอะไรเลยเขาเหมาะสมกับเสี่ยวซวีมาก”
“เฮ้อ คุณนี่นะ!”ซงจุ้ยปิงยิ้มและส่ายหน้า
ในตอนที่พวกเขาคุยกันอยู่นั้นลูกสาวของพวกเขาก็เดินเข้ามาจากด้านนอกเธอดูหงอยไปเล็กน้อย
“เป็นอะไรไปจ๊ะเสี่ยวซวีไม่อยากแยกจากเขาใช่ไหมล่ะ?”
ซูเสี่ยวซวีพยักหน้าและหน้าแดงเล็กน้อย
“เขาก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าเขาจะมารับหลังปีใหม่น่ะ?อีกแค่ไม่กี่วันเอง”
“มา มากินแอปเปิ้ลกันดีกว่า” ซูเซี่ยงฮวาพูด“ทําไมภูเขาลูกนั้นของเขาถึงมีผลไม้ออกมาในช่วงนี้ได้นะ?”