กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 654
กู้ชูหน่วนในชุดสีแดงสดยืนอยู่ที่เชิงเขาดูดเด่นชัดเป็นพิเศษราวกับดอกไม้อันงดงามที่กำลังเบ่งบานดอกหนึ่ง

เมื่อได้ยินเสียงออดอ้อนของจอมมารแววตากระจ่างใสของนางก็ค่อยๆเงยขึ้น

สิ้นเสียงสายลมก็เป็นเสียงวิตกกังวลของนักฆ่าโลหิต “นายท่าน ทางขึ้นภูเขาอยู่ทางนี้”

“ข้าเป็นจอมมารเผ่าอสูรแม้แต่ทางไปเรือนตัวเองก็จะไม่รู้หรืออย่างไรถึงต้องให้เจ้าพูดมาก พี่หญิงชอบทำตรงกันข้ามอยู่เสมอข้าเพียงแค่อยากรู้ว่าพี่หญิงกำลังขึ้นภูเขาจากทางนี้หรือเปล่า ตอนนี้ข้ายืนยันได้แล้วว่าพี่หญิงไม่เคยเดินทางบนหนทางนี้”

“นายท่านท่านผิดอีกแล้ว ทางขึ้นเขาไม่ต้องไปไกลเช่นนั้น”

“ข้ารู้”

“นายท่านทิศทางของท่านกลับกันแล้ว แม่นางกู้ควรจะอยู่ทางทิศนั้น”

“สารเลว เหตุใดเจ้าถึงไม่พูดตั้งแต่แรก พี่หญิงได้ขึ้นไปถึงยอดเขาแล้วใช่หรือไม่? ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่หญิงรีบร้อนพบข้าก็คงจะพุ่งทะยานขึ้นไปบนยอดเขาแล้วเป็นแน่”

“……”

กู้ชูหน่วนอดหัวเราะออกมาไม่ได้

ผ่านมานานเช่นนี้ซือม่อเฟยก็ยังเป็นผู้หลงทิศหลงทางดังเดิม แม้แต่หนทางไปยังเรือนตนเองก็ยังไม่ชัดแจ้ง เสียแรงที่แต่ก่อนนางยังคาดหวังให้เขาเป็นผู้นำทางให้

ลมแรงได้พัดมาจอมมารได้มาถึงตรงหน้าของนางแล้วพร้อมกับมองดูนางอย่างตื่นเต้น ดวงตาคู่งดงามอันเป็นประกายราวกับว่าเขามีคำพูดเป็นพันเป็นหมื่นที่ต้องการกล่าวกับนาง ท้ายที่สุดก็กลายเป็นเสียงคับข้องใจอันรู้สึกไม่เป็นธรรม ร่างกายราวกับไร้ซึ่งกระดูกซบอิงอยู่ข้างกายนาง

“พี่หญิงท่านลืมอาม่อไปแล้วใช่ไหม ผ่านไปนานเช่นนี้แล้วเพิ่งจะมาหาอาม่อ”

ความสูงของเขาสูงกว่ากู้ชูหน่วนมากมายนัก ในเวลานี้กำลังซุกตัวอยู่ในอ้อมอกของกู้ชูหน่วนจนแทบจะครึ่งนั่งย่อเข่า

แต่เขานั้นหวานราวลูกกวาดและซุกไซ้อยู่ในอ้อมอกของนางไม่หยุด

กู้ชูหน่วนยกมือขวาขึ้นผลักศีรษะของเขาออก

“พูดจาดีๆห้ามลวนลาม”

“งั้นให้ท่านลวนลามอาม่อ”

ซือม่อเฟยถูเข้าไปอีกครั้งโดยไม่สนใจนักฆ่าโลหิตที่มองดูอย่างทำสิ่งใดไม่ถูกอยู่ฝั่งหนึ่ง

นักฆ่าโลหิตหน้าแดงจึงเบือนหน้าไปทางอื่น

ดูเหมือนว่าเขาจะคุ้นเคยกับด้านที่ไม่ปกติของเจ้านายมาเป็นเวลานานแล้ว

เพียงแต่ว่า……

จอมมารสง่างามผู้หนึ่งที่ทำตัวเหมือนหญิงสาวตัวเล็กๆผู้ออดอ้อนขอความรัก นี่นี่นี่……

ทหารรักษาการณ์ของเผ่าอสูรในระยะไกลเห็นแล้วก็ไม่รู้ว่าจะคิดอย่างไร

“เจ้ายังซุกไซ้อีกข้าจะลงเขาแล้วนะ”

ผลักศีรษะของเขาออกหลายครั้งอย่างต่อเนื่อง แต่ร่างกายของเขาราวกับปลาไหลไม่ว่านางจะผลักเช่นไรจอมมารก็ยังซุกไซ้ซบอิงอยู่ในอ้อมแขนของนางไม่หยุด กู้ชูหน่วนจึงทำได้เพียงแสร้งทำเป็นโมโห

วิธีนี้ใช้ได้ผลดีนักจอมมารจากไปอย่างไม่เต็มอกเต็มใจด่วยน้ำเสียงราวกับหญิงแต่งงานแล้วผู้ขุ่นเคือง

“อาม่อส่งคนไปตามหาท่านตั้งนานแต่ก็หาไม่พบ พี่หญิงจงใจหลบซ่อนอาม่อหรือเปล่า”

“ช่วงที่ผ่านมานี้ได้ไปที่ขั้วโลกเหนือ ข้าจะจงใจหลบเจ้าได้อย่างไร”

เดิมทีจอมมารก็หน้าตาท่าทางราวปีศาจ ในเวลานี้เพียงแค่สวมเสื้อคลุมง่ายๆเผยให้เห็นหน้าอกอันแข็งแกร่ง หน้านั้นยังมีหยดน้ำหยดไหลรินลงมาโดยที่ทุกส่วนนั้นช่างดึงดูดนัก

กู้ชูหน่วนกลืนน้ำลายลง

เจ้าปีศาจตัวนี้อย่างอื่นไม่กล่าวถึง ร่างกายและหน้าตาไม่ใช่ไร้ที่เปรียบธรรมดาๆจริงๆ

“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่หญิงไม่มีทางทอดทิ้งอาม่อ ไป อาม่อพาท่านกลับเรือน”

“ช้าก่อน ข้ามีเรื่องจะให้เจ้าช่วยเหลือ”

“พี่หญิงมีสิ่งใดก็สั่งมาได้เลย ระหว่างพวกเราสองคนยังต้องช่วยกล่าวว่าช่วยเหลือสองคำนี้อยู่หรือ?”

“ข้าต้องการให้เจ้าช่วยข้าสังหารคนผู้หนึ่ง”

“ไม่ต้องกล่าวถึงคนผู้หนึ่ง ถึงแม้ว่าพี่หญิงจะให้อาม่อทำให้ทั่วทั้งใต้หล้าราบเป็นหน้ากลองอาม่อก็กระทำให้ได้เช่นเดียวกัน”

“ได้ งั้นพวกเราเดินไปคุยไปเถอะ”

จอมมารนั้นตรงไปตรงมาแต่นักฆ่าโลหิตกลับประหลาดใจ

ก่อนหน้านี้ไม่รู้พละกำลังที่อยู่เบื้องหลังของคุณหนูสามกู้ก็ช่างเถอะ

จนถึงวันนี้นางทำให้หุ่นเชิดมากมายออกมาซึ่งหุ่นเชิดแต่ละตัวก็ทรงพลังที่สุดในใต้หล้า

ด้วยความสามารถของนางเหตุใดจึงต้องดึงนายท่านของพวกเขาไปด้วย?

“ไม่รู้ว่าคุณหนูสามต้องการให้นายท่านสังหารผู้ใด?” นักฆ่าเลือดถามอย่างไม่เกรงใจ

นายท่านสับสนงุนงงแต่เขานั้นไม่สับสน

กู้ชูหน่วนมองนักฆ่าโลหิตอย่างละเอียด

นักฆ่าโลหิตแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสบายพร้อมร่างกายอันตรงดิ่ง ทั้งร่างเปล่งประกายความน่าเกรงขามและดวงตาคู่สดใสมีชีวิตชีวา แม้ว่านางจะเป็นแขกคนสำคัญของจอมมากระทั่งว่านางกล่างสิางใดจอมมารก็กระทำสิ่งนั้น นักฆ่าโลหิตก็ไม่ได้เนื่องด้วยสถานะของนางแล้วแสดงความเคารพนอบน้อมต่อนาง

คนเช่นนี้ต้องยอมรับว่าเป็นลูกน้องผู้จงรักภักดีผู้หนึ่ง

“เผ่าเพลิงฟ้า”

นางไม่กล่าวยังดีเมื่อนางกล่าวขึ้นนักฆ่าโลหิตก็ยิ่งไม่พอใจเสียแล้ว “นายท่าน พวกเราเผ่าปีศาจไม่มีความเกี่ยวข้องใดกับเผ่าเพลิงฟ้า หากว่าสังหารคนของเผ่าเพลิงฟ้า เกรงว่า……”

“ก็เป็นเพียงแค่เผ่าเพลิงฟ้าแม้ว่าพวกเขาจะมีกำลังมากแล้วอย่างไรเป็นไปได้หรือที่ข้าก็ต้อวเกรงกลัวพวกเขา?” จอมมารยังคงพิงอยู่ในอ้อมแขนของกู้ชูหน่วนด้วยดวงตาคู่เย้ายวนที่แฝงขึ้นด้วยเสียงหัวเราะเยาะ

นักฆ่าโลหิตเป็นกังวลราวกับมดที่อยู่บนกระทะร้อน

พวกเขาเผ่าปีศาจไม่จำเป็นต้องกลัวเผ่าเพลิงฟ้าก็จริง แต่หากว่าต่อสู้กันขึ้นมาจริงๆก็จะต้องพ่ายแพ้ย่อยยับกันทั้งสองฝ่ายเป็นแน่

เนื่องด้วยคำพูดคำหนึ่งของกู้ชูหน่วนก็ทำให้จอมมารอยู่ในสถานการณ์ที่อันตราย นี่ไม่ใช่การกระทำที่ชาญฉลาด

รู้ว่าเจ้านายของตนจะไม่เปลี่ยนแปลงเนื่องด้วยคำพูดของเขา นักฆ่าโลหิตจึงทำได้เพียงมองไปยังกู้ชูหน่วนและกล่าวเตือนว่า “คุณหนูสาม นายท่านของเราปฏิบัติต่อท่านเช่นไรท่านน่าจะประจักษ์นัก ความเคียดแค้นระหว่างท่านกับเผ่าเพลิงฟ้าควรจะแก้ไขเป็นการส่วนตัวเองหรือเปล่า”

“นักฆ่าโลหิตเจ้าพูดมากอันใด ข้าสั่งให้เจ้ากลับไปเดี๋ยวนี้ ในระหว่างที่ข้าไม่อยู่เผ่าปีศาจให้อยู่ภายใต้อำนาจของเจ้าอย่างเต็มที่”

“นายท่าน……”

“นี่เป็นคำสั่ง หรือว่าเจ้าต้องการฝ่าฝืนให้ได้”

“ข้าน้อยมิกล้า”

นักฆ่าโลหิตก้มศีรษะและกำหมัด ไม่กล้าที่จะไม่เชื่อฟังเพียงแต่ก่อนที่จะจากไปก็ได้กล่าวคำพูดประโยคหนึ่งที่มีความหมายลึกซึ่งกับกู้ชูหน่วน

“นายท่านของเราเห็นว่าท่านเป็นสหายด้วยความจริงใจหวังว่าแม้ว่าคุณหนูสามแม้ว่าจะไม่ถือว่านายท่านของเราเป็นสหายก็อย่าได้ทำให้นายท่านของเราลำบากใจ เขาไม่ใช่แค่คนผู้หนึ่งเท่านั้นและเป็นจอมมารของเผ่าอสูรด้วย”

“เพี๊ยะ……”

ทันทีที่คำพูดของนักฆ่าโลหิตจบลงจอมมารก็ตบเขาฝ่ามือหนึ่งกลับไปยังสำนักใหญ่

จอมมารกุมมือกู้ชูหน่วนพร้อมกับยิ้มอย่างไร้เดียงสาไม่มีพิษภัย “พี่หญิงนักฆ่าโลหิตก็เป็นเช่นนี้ท่านอย่าได้ไปสนใจเขาเลย หลายปีมานี้หูของข้าก็ถูกบ่นจนด้านเสียแล้ว”

“เขา……จงรักภักดีต่อเจ้านัก”

ลำคอของกู้ชูหน่วนราวกับว่าจะสำลักก้างปลาเช่นนั้น จะคายก็ไม่ออกกลืนก็ไม่ลง

นักฆ่าโลหิตไม่ผิด อาม่อไม่ใช่แค่คนผู้หนึ่งเท่านั้น แต่เขายังเป็นจอมมารอีกด้วย

เขาต้องนึกถึงผู้คนนับพันนับหมื่นของเผ่าอสูร

ตนเองไม่ควรเห็นแก่ตัวเช่นนั้น เพื่อจุดประสงค์หนึ่งแล้วก็ลากเขาเข้ามาด้วย

“อาม่อ หากว่าเจ้าไม่อยากไปก็ไม่เป็นไร ข้า……”

“อยาก อยากไปอยู่แล้ว เรื่องที่พี่หญิงต้องการทำก็คือเรื่องของข้า”

“เจ้าต้องพิจารณาให้รอบคอบ ผลที่ตามมาของการที่เจ้าช่วยเหลือข้าคือการเป็นศัตรูกับเผ่าเพลิงฟ้า”

จอมมารโบกมืออย่างเฉยเมยโดยที่ร่างกายไร้ซึ่งกลิ่นไอความออดอ้อนของเจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม มีเพียงความรู้สึกดูแคลนต่อใต้หล้าและมีเพียงข้าที่น่าเคารพนำเกรงเท่านั้น

“ไม่ใช่เพียงแค่เผ่าเพลิงฟ้าเล็กๆเท่านั้น ข้าไม่พอใจพวกเขามานานแล้วเป็นศัตรูก็เป็นศัตรูสิ อย่างมากพวกเรามาร่วมมือเป็นพวกเดียวกันจัดการพวกเขาซะและก็หลีกเลี่ยงให้พวกเขาน่ารำคาญในสายตาของพี่หญิง”

กู้ชูหน่วนยิ้มและเป็นครั้งแรกที่ริเริ่มจับมือใหญ่ขาวเรียบเนียนของจอมมารพร้อมกับเดินไปยังเชิงเขา

จอมมารตกตะลึง จากนั้นรอยยิ้มสบายอกสบายใจปรากฏขึ้นตรงมุมปากและพลิกมือกุมมือเล็กๆของกู้ชูหน่วนเอาไว้แล้วลงจากภูเขาพร้อมกับนางอย่างมีความสุข

ผู้คนของเผ่าปีศาจบนภูเขาต่างมองดูอย่างตกตะลึง

จอมมารของพวกเขาก็ถูกลักพาตัวไปเช่นนี้เลยหรือ?

ก็ช่างง่ายดายเกินไปกระมัง?