กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 653
“ดูหมิ่นท่านอาจารย์ กลับไปคัดคัมภีร์หลุนอวี่หนึ่งร้อยรอบ”

น้ำเสียงอันอบอุ่นดังขึ้น กู้ชูหน่วนถึงได้สติกลับมา

ท่านอาจารย์ซั่งกวนหน้าซีดเผือด คล้ายกับว่ากดดันอะไร ฉินหิมะได้ถูกเก็บไว้ในวงแหวนอวกาศตั้งนานแล้ว

กู้ชูหน่วนพบว่า ไม่รู้พวกเขาออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ทหารที่ไล่ตามด้านหลังก็ไม่มีแล้ว

“ท่านอาจารย์ ที่นี่ไม่ใช่สำนักศึกษา”

“แต่ทว่าเจ้าเป็นลูกศิษย์ของข้าเหมือนเดิม”

กู้ชูหน่วนเบ้ปาก ขี้เกียจจะโต้แย้งกับเขาเลยกล่าวว่า“การเดินหมากของท่านเมื่อครู่นี้คืออะไร?”

“……..”

“ฉินหิมะที่อยู่ในวงแหวนอวกาศ สามารถให้ข้ายืมดูได้หรือไม่?”

“……”

ซั่งกวนฉู่เหลือบมองบรรยากาศบนท้องฟ้า กับเมืองเล็กๆด้านหน้าที่อยู่ไม่ไกล จากนั้นกล่าวอย่างราบเรียบว่า“เดินจากเมืองที่อยู่ตรงหน้าไปก็จะถึงเมืองหลวงแล้ว พวกเราแยกกันที่นี่เถิด”

“บาดแผลของท่านยังไม่หายดีเลยนะ”

บาดแผลยังไม่หายดีอีกทั้งเสียกำลังภายในมากมาย นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะสามารถทนได้

“ไม่ลำบากคุณหนูสามต้องเป็นห่วงแล้ว ข้าจะจัดการเอง”

ซั่งกวนฉู่เขย่งขาเล็กน้อย จากนั้นไม่นานได้ร่ายระบำสักครู่แล้วหายไป

มือของกู้ชูหน่วนยืดอยู่กลางอากาศ สักพักหนึ่งถึงได้ปล่อยลงมาช้าๆ

ซั่งกวนฉู่เป็นคนฉลาดเจ้าเล่ห์เหมือนจิ้งจอก ชัดเจนความสามารถที่มีอยู่เพียงน้อยนิดได้ใช้จนหมดไปแล้ว และยังสามารถหลงเหลือมือจัดการรับมือการนักฆ่าได้ คิดดูแล้วน่าจะไม่ปล่อยให้ตนเองตกอยู่ในอันตรายอะไรหรอกนะ

นางยังมีเรื่องราวมากมายต้องจัดการ คนที่ตามสังหารนางมากมาย แยกกันก็ดี

ที่กู้ชูหน่วนไม่รู้คือ ซั่งกวนฉู่ไม่ได้ตั้งใจจะแยกกันกับนาง แต่อาการบาดเจ็บของเขาควบคุมไม่ได้ เกรงว่ากู้ชูหน่วนจะกังวลใจเลยพยายามอดทน ทำเป็นเหมือนไม่เป็นไรแล้วแยกออกไป

หลังจากห่างระดับสายตานางแล้ว ซั่งกวนฉู่จึงกระอักเลือดอาเจียนออกมา ร่างกายของเขาเหมือนกับว่าวที่เชือกขาด ไร้เรี่ยวแรงอ่อนปวกเปียกลง

กู้ชูหน่วนกระโดดลงจากหลังของเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ และได้ให้เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์มาอยู่ที่ข้อมือนาง มือข้างหนึ่งกำท้องแน่น พร้อมกับเดินเข้าไปในเมือง

เพิ่งจะเข้าเมือง ลูกน้องของนางสีชิ่นก็ได้หานางเจอ จากนั้นพานางเดินไปทางพื้นที่ลับส่วนตัว

“ข้าน้อยสีชิ่น ถวายความเคารพเจ้าหอ บาดแผลของเจ้าหอต้องรักษาอย่างเร่งด่วนหรือไม่”

“มิเป็นไร เดี๋ยวข้าจัดการเอง นี่คือแผนที่ที่ตั้งสำนักใหญ่ของหอวิญญาณทมิฬ เจ้ารีบระดมพลทั้งหมดที่สามารถระดมได้อย่างรวดเร็วด้วย ข้าต้องการให้หอวิญญาณทมิฬหายไปจากโลกนี้ภายในสามวัน”ดวงตาของกู้ชูหน่วนส่องประกายอย่างเย็นชาและความมุ่งมาดเจตนาสังหารแฉลบผ่าน

สีชิ่นชะงักงัน

นางคิดไม่ถึง เรื่องแรกที่เจ้าหอกลับมาไม่ใช่จัดการกับเผ่าเพลิงฟ้า แต่เป็นการจัดการกับหอวิญญาณทมิฬ

หอวิญญาณทมิฬเป็นองค์กรนักฆ่าอันดับหนึ่งของโลก มีความแข็งแกร่งและซ่อนเร้นที่อยู่ ดูเหมือนว่าต้องการถอนรากถอนโคนพวกเขาเลย…

“ยังไง หรือว่าแม้แต่หอวิญญาณทมิฬจิ๊บจ๊อยแห่งหนึ่งก็ไม่สามารถจัดการได้หรือ?”

“เจ้าหอวางใจ ข้าน้อยจะจัดการหอวิญญาณทมิฬที่อยู่ในทุกส่วนของรัฐให้เรียบร้อยภายในสามวัน แล้วทำให้พวกเขาหายไป”

“ผิดละ ไม่ใช่ทุกส่วนของรัฐ แต่คือทั่วพื้นพิภพ”

“เจ้าค่ะ”

“ในหอวิญญาณทมิฬมีคนผู้หนึ่งชื่อลั่วอิ่ง ข้าต้องการให้เขามีชีวิตรอดมาเจอข้า”

“เจ้าค่ะ”

“เจ้ารีบไปจัดการเถอะ หลีกเลี่ยงที่พวกเขาจะย้ายสำนักใหญ่”

“เจ้าค่ะ”

สีชิ่นออกไปกระซิบข้างหูไม่กี่คำกับผู้ดูแลผู้หนึ่ง แล้ววนกลับมา

กู้ชูหน่วนเลิกคิ้วถามว่า“เจ้ายังมีธุระอะไรหรือ?”

“นายท่าน หมอหนิวเป็นหมอที่มีชื่อเสียงของเมืองนี้ และเป็นคนของพวกเรา ให้เขาตรวจแมะให้นายท่านดูเถิด”

แม้จะรู้ว่านายท่านของตนเองมีวิชาทางการแพทย์ที่แกร่งกล้า แต่ว่าท้องของนายท่านบาดเจ็บหนัก นางยังคงไม่วางใจ

สีชิ่นไม่ได้ถามว่าหอวิญญาณทมิฬทำอะไรกับนาง แต่อนาคตหอวิญญาณทมิฬไม่สามารถที่จะปรากฏตัวบนโลกใบนี้ได้แล้วล่ะ

ทุกคนที่ทำร้ายนายท่าน ไม่มีทางมีจุดจบที่ดีได้

“ได้”

กู้ชูหน่วนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ก้มศีรษะลงมองหน้าท้องที่เกือบจะเน่าเปื่อยของนาง และขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด

“เจ้ารายงานสถานการณ์จวนแม่ทัพเซี่ยวแล้วก็จวนหานอ๋อง และสถานการณ์ของเผ่าหยกกับเผ่าเพลิงฟ้ามาให้ข้าฟังที”

“กราบเรียนนายท่าน แม่ทัพอาวุโสตายแล้ว จวนแม่ทัพตามควานหามือสังหารอยู่ตลอด ประตูจวนหานอ๋องปิดแน่น ไม่เจอผู้อื่นใด ความหนาวเหน็บคลอบคลุมจวน เผ่าหยกนอกจากข่าวการป่วยหนักประมุขชิงที่แพร่มาไม่ขาดสาย ก็ไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร และเผ่าเพลิงฟ้าก็ไม่มีการเคลื่อนไหวเช่นกัน”

สีชิ่นกล่าวอย่างระมัดระวัง นางกล่าวพร้อมกับแอบมองปฏิกิริยาของกู้ชูหน่วน เพราะกลัวนายท่านของตนเสียใจ

นางคิดไม่ถึงเลย คิดไม่ถึงว่านายท่านกับหานอ๋องจะเป็นพี่น้องกัน

พอนึกถึงเรื่องนี้ สีชิ่นอดไม่ได้ที่จะสงสารเห็นอกเห็นใจกู้ชูหน่วน

ไม่ง่ายที่นายท่านจะชอบคนคนหนึ่ง แต่ทว่ากลับเป็นพี่ชายของตนเอง นางไม่ได้พูดอะไร สีหน้าไม่มีการแสดงอาการอะไร แต่นางรู้ ในใจของนายท่านจะต้องมีเลือดหยดอาบแน่นอน

กู้ชูหน่วนมองไปด้านนอกหน้าต่าง เหมือนไม่เห็นแววตาเป็นห่วงของสีชิ่น เอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบว่า“ยังไม่มีพิกัดไข่มุกมังกรกับมือสังหารหรือ?”

“ยังไม่มีเจ้าค่ะ”

“จัดการหน่อย ข้าจะเข้าไปเผ่าเพลิงฟ้า”

สีชิ่นชะงักงัน“นายท่าน ท่านต้องการไปเผ่าเพลิงฟ้าเผื่อตามหาพิกัดของไข่มุกมังกรด้วยตนเองหรือ?หากนายท่านไม่วางใจ ข้าจะนำไปก่อนเอง”

ครั้งก่อนอยู่ที่เผ่าเพลิงฟ้าแทบจะออกมาอย่างปลอดภัยไม่ได้ ตอนนี้นายท่านสูญเสียวรยุทธ์อย่างหนัก เข้าไปอีกไม่รู้ว่าจะมีอันตรายอย่างไรไหม

“เรื่องนี้ข้าต้องไปจัดการเอง เจ้าดูแลจัดการก็พอ นี่เป็นคำสั่ง”

“เช่นนั้นข้าน้อยจะโยกย้ายคนจำนวนหนึ่งมาดูแลนายท่าน”

“ไม่จำเป็น ข้าคนเดียวก็พอ คนมากมายกลับกันจะเกะกะ”

คำสั่งของกู้ชูหน่วน สีชิ่นไม่กล้าต่อต้าน แต่นางก็ไม่กล้าที่จะให้นางเข้าไปเสี่ยงชีวิตเอง จึงทำได้เพียงรีบออกไป เพื่อปรึกษาหารือกับผู้อาวุโสจำนวนหนึ่ง

หมอหนิวเข้ามา กู้ชูทอดถอนหายใจออกมา และทำได้เพียงปล่อยให้เขาทำแผลให้ แล้วออกจากห้องส่วนตัวไป

เพิ่งจะออกไป เสี่ยวลู่ก็รีบเข้ามารายงาน

“นายท่าน มีข่าวใหญ่ รองหัวหน้าเผ่าซือคงของเผ่าเพลิงฟ้าวันนี้เขาจะไปที่เมืองฉางซิ่ง อีกทั้งเอาอารักขาไปเพียงสองคน”

“เมืองฉางซิ่ง?ดึกดื่นขนาดนั้นเขาไปทำอะไรที่เมืองฉางซิ่ง?”

“สิ่งนี้ข้าน้อยยังไม่สามารถตรวจสอบได้”

“ข่าวเป็นตามความจริงหรือไม่?”

“น่าจะไม่มีปัญหาผิดพลาด ข้าน้อยมั่นใจแล้ว ถึงได้มารายงานแก่นายท่าน”

สีหน้าของเสี่ยวลู่ค่อนข้างตื่นเต้น กล่าวว่า“รองหัวหน้าเผ่าซือคงทำเรื่องไม่ดีเวรกรรมตามสนองนั้นมีจริง ยากที่เขาจะไม่มีผู้ติดตาม พวกเราต้องการที่จะส่งคน จัดการเขาให้….”

เมื่อเทียบท่าทางนางกับการนักสังหารคนหนึ่ง ความหมายชัดเจนกว่านี้ไม่ได้แล้ว

“รองหัวหน้าเผ่าซือคงแผนการแยบยล โหดเหี้ยมอำมหิต อีกทั้งพลังแข็งแกร่ง และมีวิชาคาถาเวทมนต์ อยากจะสังหารเขาในระยะเวลาอันสั้น ไม่ได้เตรียมการอย่างละเอียดแม่นยำ เกรงว่ายาก”

นอกจากนั้น มีคนหนึ่งที่สามารถรับมือกับเขาได้

กู้ชูหน่วนนึกถึงได้คือเยี่ยจิ่งหาน

น่าเสียดายเยี่ยจิ่งหานได้รับบาดเจ็บ บวกกับความสัมพันธ์ของเขากับนางที่ตอนนี้ซับซ้อนมาก กู้ชูหน่วนเลยไม่อยากรบกวนเยี่ยจิ่งหาน

“ซือม่อเฟย…..”กู้ชูหน่วนแววตาแพรวพราว

เสี่ยวลู่ชะงักงัน จากนั้นกล่าวว่า“จอมมาร?ความหมายของนายท่านคืออยากจะให้จอมมารรับมือกับรองหัวหน้าเผ่าซือคง?”

กู้ชูหน่วนกระตุกริมฝีปากขึ้น สาวเท้าออกไป และมุ่งตรงไปที่หุบเขาพิศวิญญาณ

หุบเขาพิศวิญญาณเป็นสำนักใหญ่ของจอมมาร คนปกติไม่มีสิทธิที่จะก้าวเท้าเข้าไป

แต่กู้ชูหน่วนมีตราคำสั่งของจอมมาร อีกทั้งก่อนหน้านี้ได้วางอำนาจบาตรใหญ่อยู่ที่เผ่าปีศาจเป็นเวลานาน คนของเผ่าปีศาจจำนวนไม่น้อยล้วนรู้จักนาง

กู้ชูหน่วนเพิ่งจะเข้าไปที่เผ่าปีศาจ ก็มีคนเร่งรีบไปกราบรายงานจอมมารแล้ว

จอมมารซึ่งกำลังอาบน้ำอยู่ ได้รับทราบข่าวนี้แม้แต่เสื้อผ้ายังแทบไม่สนใจสวมใส่ รีบวิ่งลงเขาไป

คนยังไม่ถึง เสียงของเขาก็ดังทั่วภูเขาแล้ว

“ท่านพี่หญิง ทำไมตอนนี้เพิ่งจะมาหาอาม่อ อาม่อรอท่านจนผมหงอกหลายเส้นแล้ว”

คนของเผ่าปีศาจต่างทยอยโซเซ

น้ำเสียงออดอ้อนนี้…..

เป็นจอมมารที่ความสามารถล้ำเลิศของพวกเขาจริงๆหรือ?