หลังจากเจอกันโดยบังเอิญ ทุกคนดูมีความสุขมาก
จงเทียนชิงเป็นฝ่ายถามขึ้นมาก่อน”เสี่ยวฟาน เธอมาเที่ยวที่เจียงเป่ยหรอ?”
หลินฟานตอบ “ผมกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเจียงเป่ยครับ”
“มหาวิทยาลัยเจียงเป่ย? นั่นเป็นมหาวิทยาลัยที่ดีมากเลยนะนั่น! ฉันเองก็เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่าเธอจะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีได้แน่นอน และมันก็กลายเป็นจริงด้วย! ทำได้ดีมากเสี่ยวฟาน!” จงเทียนชิงชื่นชม
ความจริง หลินฟานเขาได้สอบเข้ามหาวิทยาลัยเจียงเป่ยซะที่ไหนกัน?
เขาไม่ได้สอบเข้าวิทยาลัยเลย
เหตุผลที่เขาสามารถเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยเจียงเป่ยได้ ก็เป็นเพราะเขาแก้ไขปริศนาของโจวได้ เขาจึงได้รับการยอมรับจากมหาวิทยาลัยเจียงเป่ย
อย่างไรก็ตาม หลินฟานไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ออกไป
หลินฟานถาม “พี่หยงออกจากกรมทหารแล้วหรอ?”
เจิ้งหยงพยักหน้าและพูด“ใช่แล้ว”
เจิ้งหยงเป็นคนพูดน้อยอยู่แล้ว ยิ่งลหลังจากตอนที่เขาไปเป็นทหารแล้ว เจิ้งหยงก็ยิ่งไม่พูดเข้าไปใหญ่ หลินฟานไม่แปลกใจในเรื่องนี้มากนัก
หลินฟานพูด “พี่ชายก็เป็นทหารมานานแล้วหนิ ทำไมจู่ๆถึงได้ออกมาจากกรมล่ะ”
หลังจากได้ยินคำพูดของหลินฟาน ใบหน้าของเจิ้งหยงเองก็เริ่มนึกถึงความหลังตอนที่เขายังอยู่ในกรมทหารอยู่
จงเทียนชิงพูด “พี่ของเธอก็อายุเข้า 30 ปีแล้ว เขาเป็นทหารไปตลอดชีวิตไม่ได้หรอก เขาจะต้องกลับมาสร้างครอบครัวเป็นของตัวเอง…”
หลังจากหยุดซะงักไปชั่วคราว เธอก็เริ่มพูดต่ออีกครั้ง “บังเอิญพอดีที่ลูกพี่ลูกน้องของเจิ้งหยงรู้จักกับหัวหน้าแผนเอกสารในกรมตำรวจน่ะ วันนี้ก็เลยวานให้เธอชวนเขากินข้าวและหาตำแหน่งงานให้เจิ้งหยงด้วย”
ตอนนั้นเอง ผู้หญิงในชุดสีเหลืองและชายรูปร่างอ้วนท้วนก็เดินเข้ามา
“คุณป้า ทำไมป้าถึงมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะ หัวหน้าแผนกเหลียงและฉันมารออยู่สักพักแล้วนะ” หญิงชุดเหลืองกล่าวโทษ
จงเทียนชิงพูดขอโทษ “บังเอิญฉันเจอกับลูกชายของเพื่อนบ้านเก่าเข้าพอดี เราเลยยืนคุยกันสักสองสามคำ”
จากนั้น จงเทียนชิงเริ่มพูดแนะนำ “เสี่ยวฟาน นี่คือจงหรู่ เธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของเจิ่งหยง ส่วนนี่ก็คือหัวหน้าแผนกเหลียง”
หลินฟานพยักหน้าเป็นการทักทาย
ท้ายที่สุดแล้ว หลินฟานไม่ได้รู้จักกับพวกเขา
หลินฟานไม่ชอบเสแสร้งแกล้งอ่อนน้อมต่อคนอื่น
แต่อย่างไรก็ตาม ท่าทางแบบนี้ของหลินฟานทำให้หัวหน้าแผนกเหลียงขมวดคิ้วเป็นปม
หลินฟานถามเจิ้งหยง “พี่หยง พี่อยากทำงานแบบไหน?”
เจิ้งหยงพูดตามความจริง “ท่าดีที่สุดก็อยากจะทำงานเกี่ยวกับการสอบสวนนะ”
เมื่อหัวหน้าแผนกเหลียงที่อยู่ข้างๆได้ยินคำพูดของเจิ้งหยง เขาก็พูดตอบกลับด้วยน้ำเสียงและท่าทางอันสูงส่งทันที “ที่นี่ไม่ใช่หน่วยทหาร และนายก็ไม่สามารถเลือกตำแหน่งงานได้ ทั้งหมดมันขึ้นอยู่กับว่าตำแหน่งไหนว่างอยู่ต่างหาก”
สุดท้ายแล้ว เขานั้นเป็นเพียงหัวหน้าแผนกเหลียงตัวเล็กๆในบริษัท เขาไม่มีความสามารถจัดการให้เจิ้งหยงทำงานในตำแหน่งที่ต้องการได้
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะมีความสามารถเช่นนี้ก็ตาม เขาก็จะไม่เห็นเจิ้งหยงเลือกตำแหน่งงานอยู่ดี
หัวหน้าแผนกเหลียงไม่ต้องการใช้ความพยายามกับคนเช่นนี้
เมื่อหลินฟานเห็นท่าทางและคำพูดของหัวหน้าแผนกเหลียงแล้ว เขาจึงมีความคิดที่จะช่วยเจิ้งหยงในการหางาน
ดังนั้นเขาจึงเริ่มพูด “ถ้าพี่หยงต้องการเข้าทีมสอบสวน ผมสามารถช่วยหาทางให้ได้”
หัวหน้าแผนกเหลียงขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม
พอเขาพูดไปว่าจะไม่ให้เจิ้งหยงเลือกงาน ชายหนุ่มก็พูดแทรกเข้ามาว่าหาทางช่วยได้
นี่ไม่ได้หมายความว่าหลินฟานจงใจตบหน้าเขาอย่างนั้นหรอ?
ตบหน้ากันชัดๆ!
หัวหน้าแผนกเหลียงพูดอย่างเย็นชา“ในเมื่อไอหนุ่มคนนี้ มีวิธีช่วยนายไปยังแผนกที่ต้องการแล้ว นายก็ขอความช่วยเหลือจากเขาแทนแล้วกัน”
หลังจากพูดเสร็จ หัวหน้าแผนกเหลียงก็หันหลังเดินจากไปทันที
จ่างหรูพูดอย่างเร่งรีบ “หัวหน้าเหลียง อย่าพึ่งโกรธนะคะ เขาเป็นแค่เด็ก อย่าไปสนใจเลย”
หัวหน้าแหนกเหลียงพ่นลมออกจากจมูกอย่างไม่พอใจก่อนจะพูด “เด็กๆเดี๋ยวนี้ชอบพูดไร้สาระ! ทำเป็นเก่ง!”
ซึ่งหลังจากที่ได้ยินคำพูดของหัวหน้าเหลียง หลินฟานก็อารมณ์ขึ้นทันที
“แต่ผมว่าผมเก่งกว่าคุณนะ!”
ใบหน้าของจ่างหรูเปลี่ยนไปอย่างมาก เธอหันมาพูดกับหลินฟานเบาๆ “นายพูดอย่างนี้ได้ยังไง? ขอโทษหัวหน้าเหลียงเร็วๆเข้า!”
หลินฟานพูด “จะขอโทษทำไม ในเมื่อผมแค่พูดเรื่องจริง!”
ใบหน้าของจงเทียนชิงเผยให้เห็นถึงความลำบากใจ
ด้านหนึ่งก็เป็นหลานชายของเธอ
อีกด้านหนึ่งก็เกี่ยวข้องกับหน้าที่การงานของลูกชาย
หลินฟานเองก็สังเกตุเห็ยังเห็นความลำบากใจของเธอเช่นกัน เขาพูด “ป้าชิง ไม่ต้องกังวลไป ปล่อยให้เรื่องของพี่หยง เป็นหน้าที่ของผมเอง”
“เอาล่ะ! หากเป็นอย่างนี้ ก็ดูเหมือนว่าพวกคุณจะไม่ต้องการฉันอีกต่อไป!” สีหน้าของหัวหน้าแผนกเหลียงดูน่าเกลียดมาก เขาหันหลังกลับพร้อมกับเดินจากไป
จ่างหรูพูดอย่างโกรธเคือง “คุณป้า ฉันขอให้หัวหน้าเหลียงช่วยหางานให้พี่หยง แต่พวกคุณกลับมาทำอย่างนี้กับฉันได้อย่างไร?”
เธอไม่ได้รอให้จงเทียนชิงตอบกลับ แต่รีบวิ่งไล่ตามหัวหน้าเหลียงพร้อมกับพูด “หัวหน้าแผนกเหลียง ฉันขอโทษ ฉันไม่ควรขอให้คุณช่วยญาติของฉัน นี่…”
“ฉันจะดื่มไวน์แก้วใหญ่สามแก้วเป็นการขอโทษคุณ…”
เมื่อได้ยินสิ่งที่จ่างหยูพูด ความโกรธของหัวหน้าเหลียงก็เริ่มลดลง จากนั้นการเดินของเขาก็ค่อยๆช้าลง
ในเวลานั้น เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นมาจากระยะไกล
ชายหญิงกลุ่มใหญ่เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
หลังจากที่หัวหน้าแผนกเหลียงเห็นกลุ่มคนที่กำลังเดินมา ดวงตาของเขาก็มองตรวจสอบไปทีละคน
ไชโป๋ หัวหน้าทีมเอกสารซึ่งเป็นหัวหน้าในหน่วยของเขา!
เติ้งจี้หู หัวหน้าทีมสืบสวน!
ป่านหัว หัวหน้าทีมจราจร!
…………
และคนที่สำคัญที่สุด เจียวหยาง ผู้ว่าการจังหวัดเจียงเป่ย!
พวกเขา… มาที่โรงแรมเจียงเป่ยกันหมดเลยหรอ?
หัวหน้าเหลียงค่อยๆ พบว่าพวกเขากำลังเดินมาทางของตนเองอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนั้น หัวใจของหัวหน้าเหลียงก็ตื่นเต้นอย่างมาก
แม้ว่าเขาจะเข้าใจว่าผู้นำเหล่านี้ไม่ได้ตั้งใจจะเดินมาหาเขา
แต่ถึงอย่างนั้น แค่เขาได้กล่าวคำทักทายสักคำก็เป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว
ในที่สุดเจียวหยางและคนอื่นๆก็เดินมาถึงเบื้องหน้าของหัวหน้าแผนกเหลียง
หัวหน้าเหลียงรีบก้มลงและพูดด้วยรอยยิ้มที่สดใสที่สุดในชีวิตของเขา “สวัสดีครับท่านผู้ว่า”
อย่างไรก็ตาม เหมือนกับเจียวหยางและคนอื่นๆไม่ได้ยินเสียงของเขา คนกลุ่มใหญ่เดินผ่านหน้าเขาไป
ในที่สุด ทุกคนก็เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าหลินฟาน
เจียวหยางเป็นคนแรกที่ยื่นมือออกมาแล้วพูดว่า “น้องหลิน ทางเราเป็นฝ่ายเชิญนายมาทานอาหารเย็นแท้ๆ แต่กลับต้องปล่อยให้นายมายืนรอ ต้องขอโทษจริงๆ”
หลินฟานยิ้มอย่างผ่อนคลาย “ผมก็เพิ่งมาถึงที่นี่เอง”
ฉากทั้งหมดนี้อยู่ในสายตาของหัวหน้าเหลียงทุกฉาก
เขาตกตะลึงอย่างสมบูรณ์!
สถานการณ์ในตอนนี้คืออะไร?!
ผู้ว่าการเจียวหยางเป็นคนเริ่มยืนมือออกไปจับมือกับชายหนุ่ม แถมยังบอกว่าเขาเป็นคนเชิญชายหนุ่มมาทานอาหารเย็นอีกด้วย?
หัวหน้าทีมสืบสวน หัวหน้าทีมจราจร… รวมถึงผู้ใต้บังคับบัญชาที่อยู่ใกล้ชิด ต่างก็ปฏิบัติต่อหลินฟานด้วยความเคารพอย่างนั้นเหรอ?
นี่……
นี่มันหมายความว่ายังไง?!
ทันใดนั้น หลินฟานก็จ้องมองไปที่หัวหน้าเหลียงและพูดด้วยรอยยิ้ม “ยิ่งไปกว่านั้น ก่อนที่พี่จะมา หัวหน้าเหลียงก็ได้ทักทายฉันแล้วด้วย”
“โอ้?”
ทันใดนั้น เจียวหยางและคนทั้งหมดก็เพ่งสายตาไปที่หัวหน้าแผนกเหลียง
“ฮะ!”
ในชั่วพริบตา ใบหน้าของหัวหน้าเหลียงก็ซีดขาว และเหงื่อจำนวนมากก็ได้ไหลออกมาจากบนหน้าผากของเขา
เขาพูดอย่างตะกุกตะกัก “ใช่แล้ว…ฉันขอโทษ…หลิน…คุณหลิน ฉันโง่เองที่ไม่เห็นภูเขาไท่ซานที่ตั้งอยู่ตรงหน้า จนไปมีเรื่องกับคุณ…ฉันขอโทษ…”