วันรุ่งขึ้น
และตอนนี้หลินฟานก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาทีละนิด
จากนั้นเขาก็เหลือบไปมองโทรศัพท์มือถือของเขาเหมือนกับทุกที
ซึ่งก็จะมีข้อความแบบนี้ปรากฏให้เห็นเหมือนกับทุกวัน
” เงินเข้าบัญชี 1,720,000 หยวน ”
แต่นี้…
หลินฟานไม่ได้รู้สึกสนใจเลย เขาวางโทรศัพท์มือถือของเขาลงและลุกไปอาบน้ำล้างหน้าก่อนที่จะเตรียมตัวเดินออกจากห้อง
หลินฟานขับรถเคอนิกเส็กก์ ซีซีอาร์ไปที่ร้านอาหารแถวนี้ และเขาก็ได้สั่งเกี๊ยวคริสตัลหิมะ อุด้งปลิงทะเล โจ๊กรังนก…มากินเป็นอาหารเช้า ซึ่งราคาทั้งหมดก็คือ 900 หยวน
และหลังจากที่หลินฟานเดินออกมาจากร้านอาหาร เขาก็เดินไปซื้อกระดาษทิชชู่มาหนึ่งห่อในซูเปอร์มาร์เก็ตเล็กๆที่อยู่ไกล้ๆนี้
[ต้องการใช้บัตรคริติคอล 1 หยวนใช่หรือไม่ 】
“ใช่”
หลังจากที่เขาตอบในใจไปได้ไม่นาน โทรศัพท์มือถือของเขาก็สั่นขึ้นมาทันที
[ ยอดเงินเข้าบัญชี 100 ล้านหยวน 】
หลินฟานอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา
เพราะตอนนี้ในบัญชีเขามีเงินถึง 450 ล้านหยวนแล้ว!
…………
ณ มหาวิทยาลัยเจียงเป่ย
เช้านี้เป็นคาบเรียนของครูเทียนเถียน
ทั้งห้องเรียนนักันอย่างแออัดมาก แต่ซ่งหยี่กับเพื่อนๆได้จองที่นั่งเอาไว้ให้หลินฟานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งเมื่อเป็นคาบเรียนของครูเทียนเถียนทีไร เวลาก็ดูเหมือนว่าจะเดินไวกว่าปกติ
จากนั้นก็ผ่านไปได้ไม่นาน เสียงกริ่งหลังเลิกเรียนก็ได้ดังขึ้นมา
ครูเทียนเถียนวางชอล์คลงแล้วพูดว่า “วันนี้พอแค่นี้ก่อน เลิกเรียนได้”
และหลังจากที่หยุดพูดไปชั่วคราว เธอก็พูดต่อ “นักศึกษาหลินฟาน มาพบฉันหน่อย”
คำพูดนี้เป็นผลให้สายตาของนักศึกษาทุกคนจ้องมองหลินฟานด้วยความหึงหวง
มาพบฉันหน่อยอีกแล้ว!
หลินฟานกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ให้ผมไปพบที่ห้องพักของอาจารย์ หรือว่าที่ไหนดีครับ”
ซึ่งคำตอบของหลินฟานก็ได้ทำให้หูเทียนคิดถึงอะไรบางอย่าง และใบหน้าอันสวยของเธอก็แดงขึ้นมาในทันที เธอพูดว่า “คณบดีหูอยากพบกับนาย เขาบอกว่าจะรออยู่ที่ห้องทำงาน”
“เอ่อ…งั้นหรอ” หลินฟานตอบอย่างไม่ใส่ใจ
หูเทียนกระซิบ “หลังจากเสร็จแล้ว นายมาหาฉันที่บ้านด้วยนะ”
หลินฟานยิ้มและพูด “ได้เลย!”
…………..
ณ เวลานี้ ในห้องสำนักงาน
หูชวนกำลังดื่มชาอย่างสบายๆ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความผ่อนคลายอย่างมาก
“ฟึบ!”
ซึ่งเมื่อประตูของห้องได้ถูกเปิดเข้ามา หูชวนก็รีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
เขาพูดด้วยความตื่นเต้นดีใจ “หลินฟาน นายมาแล้วหรอ นั่งได้ตามสบายเลยนะ! ดื่มชาไหม นี่คือชาอู่หลงจากภูเขาอู่หยี นายลองดื่มและบอกให้ฉันฟังหน่อยสิว่ารสชาติของมันเป็นอย่างไร”
จากนั้นหลินฟานก็หยิบถ้วยชาขึ้นมาและค่อยๆเทลงไปในปากของเขา
ซึ่งรสชาติของมันหวานละมุนอย่างมาก และยังลื่นคือเป็นอย่างดี ถือว่าเป็นสุดยอดชาชั้นเลิศ
“คณบดีหู คุณเรียกผมมาเพื่อที่จะพูดเรื่องอะไรหรอ” หลินฟานถาม
หูชวนรีบอธิบาย: “อ้อ เรื่องนั้น เครื่องแผ่นดินไหวที่นายประดิษฐ์ขึ้นมาได้รับใบรับรอง R&Dระดับชาติและยังให้เงินรางวัลมาอีก 10 ล้านหยวน…”
“นายช่วยลงชื่อตรงนี้หน่อย ส่วนโบนัสเงินจะส่งเข้าไปในบัญชีของนายภายในสองวัน”
ขณะที่หูชวนพูด เขาก็ยื่นใบรับรองและเอกสารออกไป
ซึ่งการที่จะได้รับรางวัลถึง 10 ล้านหยวนนั้นเป็นเรื่องหายากอย่างมาก
และปกติแล้วทางมหาวิทยาลัยกับทางเจ้าหน้าต่างๆจะต้องเผยแพร่เรื่องนี้อย่างยิ่งใหญ่ด้วย
แต่ทางมหาวิทยาลัยกับเจ้าหน้าที่นั้นรู้ดีว่าหลินฟานไม่ชอบการถูกสัมภาษณ์
ดังนั้นขั้นตอนนี้จึงถูกละเว้นเอาไว้
“อ่อ” หลินฟานตอบเรียบๆ “แค่เซ็นใช่ไหมครับ”
หูชวนตกตะลึง
นี่คือใบรับรอง R&D ระดับชาติและเงินรางวัลอีก 10 ล้านหยวนเลยนะ!
ซึ่งหากใครได้รับใบรับรอง R&D ระดับชาตินั้นจะต้องรู้สึกเป็นเกียรติและดีใจเป็นอย่างมากแน่!
ส่วนเงินรางวัล 10 ล้านหยวน หากเป็นคนทั่วไปก็จะต้องดีใจอย่างแน่นอนที่พวกเขาได้เงินมากมายขนาดนี้
แต่ทำไมหลินฟานถึงนิ่งสงบได้ขนาดนี้ล่ะ?
หูชวนไม่รู้ว่าหลินฟานได้รับเงินมากกว่า 1 ล้านหยวนในทุกวันๆ…
แค่ 10 ล้านหยวน เขาใช้เวลาเพียงไม่กี่วันก็หามันมาได้แล้ว
และยิ่งไปกว่านั้น เขาเพิ่งจะได้รับเงินมา 100 ล้านหยวนในตอนเช้าอีก
เขาจึงไม่ได้ตื่นเต้นกับเงินจำนวน 10 ล้านหยวนในตอนนี้มากขนาดนั้น
หลังจากนั้นไม่นาน หูชวนก็ค่อยๆได้สติกลับมาและพูดชื่นชม: “นายเป็นคนที่มีพรสวรรค์สูงจริงๆ นายสามารถแก้ไขปริศนาของโจวกับการคาดการณ์จำนวนเฉพาะคู่ได้ เท่านั้นยังไม่พอ นายยังสามารถสร้างเครื่องทำนายแผ่นดินไหวขึ้นมาได้อีก…”
ซึ่งในขณะที่หูชวนกำลังชมอยู่ โทรศัพท์ในกระเป๋าของหลินฟานก็ได้สั่นเล็กน้อย
ซองแดงปรากฏ!
หลินฟานจึงหยุดลงนามและเอานิ้วจิ้มลงบนซองแดงอย่างรวดเร็ว
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 5 หยวน”
“ติ๊ง! ยินดีด้วย คุณได้รับเงิน 3 หยวน”
…………
เมื่อหูชวนเห็นว่าหลินฟานกำลังจดจ่ออยู่กับการเล่นโทรศัพท์มือถือของเขา หูชวนก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองด้วยความสงสัย และเขาก็บังเอิญเห็นฉากที่หลินฟานได้รับเงิน 3 หยวนจากซองแดงเข้าพอดี ซึ่งสิ่งนี้ทำให้มุมปากของเขากระตุกในทันที
เขาไม่สนใจเงิน 10 ล้านหยวน!
แต่เขากับจ้องมองซองแดงพวกนี้อย่างจริงจัง
หูชวนไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี
หลังจากที่ผ่านไป 1 นาที หลินฟานก็วางโทรศัพท์ของเขาลงและหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นชื่อของเขาอีกครั้ง
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ผมขอไปก่อนนะครับ”
เมื่อพูดจบเขาก็รับใบรับรองและเดินออกไปทันที
“พี่ฟาน สรุปแล้วอาจารย์เทียนเถียนเรียกพี่ไปพบเรื่องอะไร?” ซงหยี่ถามทันทีที่เขากลับมาถึงยังหอพัก
เจิ้งจินเป่ากับหม่าจงเหลือบมองด้วยความสงสัย
หลินฟานพูดตอบ “อ้อ เธอเรียกให้ฉันไปหาคณบดีหู เขาพูดเรื่องใบรับรอง R&D ระดับชาติกับรางวัล 10 ล้านหยวนที่ฉันจะได้น่ะ”
เงินรางวัลโบนัส 10 ล้านหยวน!
ช็อก
ทั้งห้องพักตกอยู่ในความเงียบทันที
และจากนั้นไม่นาน เจิ้งจินเป่าก็บ่นออกมาว่า “ฉันเรียนหนักตอนนี้จะทันไหมนะ?”
“ฟึบ ฟึบ ฟึบ ฟึบ!”
ซงหยี่กับหม่าจงไม่พูดอะไรทั้งนั้น พวกเขารีบหยิบหนังสือขึ้นมาเและเปิดอ่านอย่างรวดเร็ว
…………
ช่วงบ่ายวันนี้เป็นชั้นเรียนของอาจารย์เฒ่า
ซึ่งถึงแม้ว่าเมื่อวานนี้หลินฟานจะได้พักผ่อนมามากแล้วก็ตาม
แต่หลังจากที่อาจารย์เฒ่าเริ่มพูดได้ไม่นาน เขาก็ผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
และเมื่อหลินฟานได้ลืมตาขึ้นมา คาบเรียนนี้ก็จบลงพอดี
“กริ๊ง!”
ตอนนั้นเอง เสียงโทรเข้าจากโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋าของหลินฟานได้ดังขึ้นมา
หลินฟานจึงเหลือบมองไปยังสายที่โทรเข้ามา ซึ่งคนที่โทรเขามาก็คือเจียวหยางผู้ว่าของจังหวัดเจียงเป่ย
“น้องหลิน ขอแสดงความยินดีด้วยนะที่ได้รับรางวัล R&D ทีมงานในเจียงเป่ยของฉันอยากจะเชิญนายให้มาทานอาหารเย็นและทำการเฉลิมฉลองให้กับนาย ไม่ทราบว่าน้องหลินพอจะว่างหรือเปล่า”
เสียงอันอบอุ่นของเจียวหยางดังขึ้นมาทันทีที่เขากดรับ
ครั้งที่แล้วเจียวหยางก็ได้เชิญหลินฟานให้มาทานอาหารค่ำกับเขา แต่ในเวลานั้น เพื่อนรักของเขาอย่างจี้เจิ้งยี่ได้เปิดร้านบาร์บีคิวขึ้นพอดี
เจียวหยางจึงขอนำกลุ่มเจ้าหน้าที่ไปร่วมงานที่นั่นด้วย
และเจียวหยางก็ถูกตบหน้าโดยพวกอันธพาลแถวนั้นอีก
แต่เรื่องนี้จบได้ด้วยดี และร้านบาร์บีคิวของจี้เจิ้งยี่ก็ขายดีเป็นอย่างมากตั้งแต่ตอนนั้น
จากมุมมองนี้ เขาจึงรู้สึกอยากจะขอบคุณเจียวหยาง
ดังนั้นหลินฟานเลยตอบว่า “ฉันว่างพอดีพี่ชาย เจอกันนะพี่”
ซึ่งเมื่อเจียวหยางได้ยินคำตอบของหลินฟาน เขาก็พูดอย่างมีความสุข: “นายไม่ต้องสุภาพกับฉันขนาดนี้ก็ได้น้องชาย แล้วเจอกันที่โรงแรมเจียงเป่ยนะ !”
และหลังจากพูดคุยกันอีกนิด หลินฟานก็กดวางสายไป
โรงแรมเจียงเป่ย
มีรถออดี้จอดเรียงกันอยู่ที่หน้าประตูอย่างเรียบร้อย
“ยินดีต้อนรับค่ะ” สาวงามทั้งสองในชุดกี่เพ้าที่ยืนอยู่หน้าประตูพูดออกมาด้วยเสียงที่ไพเราะ
หลินฟานพยักหน้าเล็กน้อยและกล่าวสวัสดี
จากนั้น สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่หญิงสาววัยกลางคนที่สวมชุดสีฟ้าอ่อน ซึ่งมีชายหนุ่มยืนหลังตรงอยู่ใกล้ๆด้วย
“ป้าชิง? พี่หยง?” หลินฟ่านตะโกน
ซึ่งเมื่อพวกเขาได้ยินเสียงเรียก ป้าชิงกับพี่หยงก็ค่อยๆหันกลับมา “เสี่ยวฟานงั้นหรอ?!
ป้าชิง หรือชื่อเต็มก็คือ จงเทียนชิง
ส่วนพี่หยงเป็นลูกชายของเธอ มีชื่อว่าเจิ้งหยง
พวกเขาเคยอาศัยอยู่ที่ถนนซือเตียวในชิงซี และเป็นเพื่อนบ้านที่ดีกับครอบครัวของหลินฟาน ซึ่งในเวลานั้น ความสัมพันธ์ระหว่างของทั้งสองครอบครัวก็มีความกลมเกลียวกันอย่างมาก และทั้งคู่ก็ยังเคยดูแลหลินฟานเป็นอย่างดี
แต่หลังจากที่พวกเขาย้ายออกไป หลินฟานก็ไม่เคยได้พบกับพวกเขาอีกเลย
บังเอิญเหลือเกิน