กูซอนพูดซ้ำคำด้วยท่าทีสับสน “ผ่านจักรวรรดิชาชราน?”
ลูเซียนหยุดเดินเข้าไปใกล้กูซอน และยืนอยู่ที่ขั้นบันได ซึ่งยังมีพวกองครักษ์นอนกองอยู่บนพื้น ขณะที่มือสองข้างของเขายังล่วงอยู่ในกระเป๋า แขกคนอื่นๆ ที่มาซื้อหาข่าวสารข้อมูลต่างซ่อนตัวอยู่ในซุ้มด้วยความรู้สึกขวัญหนีดีฝ่อ
“ใช่ ข้าต้องการเดินทางผ่านดินแดนของจักรวรรดิ และไปยังประเทศต่างๆ ตามรอยพระเจ้าองค์อื่นๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเทือกเขาแห่งความมืด” ลูเซียนพยักหน้า “ข้ามั่นใจว่าท่านรู้ว่าข้าเป็นนักเวท ท่านกูซอน ข้าต้องการคนนำทางที่รู้ลึกถึงภูมิศาสตร์ของประเทศ วัฒนธรรม และมีพลังพอที่จะช่วยให้ข้าไปถึงจุดหมายปลายทางโดยไม่ถูกไล่ล่าจากศาสนจักรฝ่ายเหนือ”
จากข้อมูลของแกสตัน ลูเซียนรู้ว่าศาสนจักรเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมช่องแคบสตอร์ม ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจขึ้นรถไฟเวทมนตร์ไปยังเมืองอันโด่งดังทางตอนเหนือที่ชื่อว่า ‘ดีปซีพอร์ต’ ผ่านอาณาจักรโฮล์มและโคเล็ตต์ หลังจากนั้น ลูเซียนใช้เวลาอีกสองเดือนเดินทางผ่านป่าซึ่งเป็นถิ่นของพวกโทรลและออร์ค จนมาถึง ‘อีสต์เฮเวน ’ ในที่สุด ซึ่งป่าบรรพกาลของเมืองตั้งอยู่ใกล้กับ ‘ป้อมปราการอัคคี’ ของจักรวรรดิ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเซกรู
ระหว่างนั้น ลูเซียนได้สร้างเวทมนตร์ระดับสามที่สำคัญมากบนหนึ่งขึ้นมา ‘เวทลบล้างเวทมนตร์’
เหตุผลที่ลูเซียนต้องการเดินทางผ่านทางนี้ก็เพราะจักรวรรดิชาชรานมีอาณาเขตติดกับ ‘ราชภัฏไวโอเล็ต’ ทางตะวันตกเฉียงใต้
หลังจากลูเซียนอธิบายด้วยความจริงเพียงครึ่งหนึ่ง กูซอนก็เข้าใจถึงความต้องการของลูเซียนคร่าวๆ เขาสูดลมหายใจลึกสองสามรอบและพยายามเรียกท่าทางความเป็นผู้นำกลับมา “ท่านขอรับ ก็เพราะศาสนจักร ท่านจึงไม่อาจบินข้ามจักรวรรดิได้ แต่ต้องการเดินทางทางบกด้วยความช่วยเหลือจากคนนำทางท้องถิ่น ถูกต้องไหมขอรับ?”
“ถูกต้อง ท่านกูซอน” แม้ว่าลูเซียนกำลังยิ้ม จริงๆ แล้วเขาก็อยากบินจากที่นี่ไปยังจุดหมายเสียเลย ซึ่งเขาจะใช้เวลาเพียงสามถึงสี่วันเท่านั้น และจะเร็วกว่าการเดินทางทางบกมากนัก
กูซอนเห็นว่าลูเซียนไม่ใช่พวกจอมเวทที่ชั่วร้าย หลังจากหยุดคิดพักหนึ่ง เขาก็ตอบออกมา “ท่านขอรับ ข้าขอแนะนำ ลีโอ เขาเคยเป็นผู้ช่วยคณะลักลอบขนสินค้าเจ้าใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิชาชราน ซึ่งกิจการของพวกเขากินพื้นที่ไกลไปถึงประเทศต่างๆ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเทือกเขา นั่นรวมถึงราชรัฐไวโอเล็ต แต่ตอนหลังเขามีปัญหากับพวกลักลอบขนสินค้า จนพวกนั้นสังหารครอบครัวของลีโอ ลีโอเป็นคนเดียวที่รอดตายและหนีมาที่นี่ เมืองเซกรู พร้อมกับตำราเวทมนตร์อันมีค่าของเขา ความต้องการแก้แค้นอันแรงกล้าและพลังที่ใกล้เคียงกับระดับอัศวินตัวจริงทำให้เขาอยู่รอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าจะยากเย็นเพียงไรก็ตาม ตอนนี้ เขารับงานทั้งหมดเพื่อเก็บเงินไว้ซื้อน้ำยาวิเศษโดยหวังว่าจะแข็งแรงขึ้นและแก้แค้นให้สำเร็จ อีกอย่างนะขอรับ ลีโอเชี่ยวชาญในการช่วยปลอมตัวโดยไม่ต้องใช้เวทมนตร์ แล้วเขารู้จักจักรวรรดิแห่งนี้เป็นอย่างดี”
ลูเซียนตอบโดยยังมีรอยยิ้มบนใบหน้า “เขาอาจไม่ใช่คนที่ข้าต้องการตัว ถ้าเราไปถึงจักรวรรดิ แล้วเขาไปเจอกับพวกลักลอบขนสินค้า เขาอาจคุมตัวเองไม่อยู่”
“ไม่ต้องห่วงขอรับ ลีโอถือสัตย์ตามธรรมเนียมอัศวิน ตราบใดที่ท่านทั้งสองทำสัญญากัน ข้ามั่นใจว่าเขาจะไม่ผิดคำพูดและจะทำภารกิจอย่างดีที่สุด” กูซอนยืนยัน “นี่อาจเป็นสาเหตุที่เขามีเรื่องกับพวกขนของเถื่อน ท่านขอรับ ลีโอเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของท่าน”
ลูเซียนหยุดคิดอยู่พักใหญ่ก่อนจะพยักหน้า “ข้าขอเจอกับเขาก่อน”
“ท่านจะไม่ผิดหวัง” กูซอนพูดต่อ “อีกอย่างหนึ่งคือเขาไม่ค่อยออกมาให้ใครเห็นมากนัก เรารู้แค่ว่า ช่วงนี้ มีคนเห็นเขาบ่อยๆ ที่บาร์เหล้าชื่อ ทารัน”
ตอนนั้นเอง กูซอนสังเกตว่าดวงตาของชายหนุ่มทั้งสองข้าง ข้างหนึ่งอยู่ภายใต้แว่นตาข้างเดียวและตาเปล่าอีกข้างหนึ่ง มีน้ำวนหมุนอย่างรวดเร็วอยู่ภายใน แล้วเขาก็ขาดสติสัมปชัญญะ
ลูเซียนร่าย ‘เวทลวงใจคน’ ใส่กูซอนและตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลทั้งหมดที่ได้รับมา หลังจากนั้นเขายังร่าย ‘เวทสะกดจิต’ ใส่กูซอน เพื่อลบความทรงจำส่วนที่สำคัญเกี่ยวกับตัวเขา แม้ว่าลูเซียนจะไม่สามารถเขียนความทรงจำของเป้าหมายขึ้นมาใหม่ และไม่สามารถลบความทรงจำทั้งหมด แต่การลบข้อมูลสำคัญก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพื่อให้กูซอนไม่สามารถให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับตัวลูเซียนได้ หากมีใครมาไล่ล่าเขา
นอกจากนี้ แม้กระทั่งความทรงจำเกี่ยวกับรูปร่างลักษณะของลูเซียนก็จะไม่ถูกต้อง เนื่องจากลูเซียนปลอมตัวมาอย่างดีก่อนที่จะออกเดินทาง
ในฐานะเจ้าของรางวัล ‘มงกุฎแห่งโฮล์ม’ ลูเซียนเองก็ไม่มั่นใจว่าศาสนจักร ไม่ว่าจะฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ รู้จักหน้าตาเขาหรือไม่ เนื่องจากพระคาร์ดินัลและผู้พิทักษ์ราตรีจะสามารถตรวจเจอเวทมนตร์ระดับหนึ่ง ‘เวทแปลงกาย’ ได้ไม่ยาก และเพราะลูเซียนไม่เชี่ยวชาญใน ‘สำนักแปลงกาย’ เขาจึงใช้การเปลี่ยนแปลงทางกายภาพเพื่อปลอมตัว ไม่ว่าพื้นรองเท้าเพิ่มความสูง กระจกตาสีน้ำตาลที่ทำมาจากลูกตาดำของสัตว์เวทเพื่อเปลี่ยนสีตา และแม้กระทั่งหนวดเคราที่ตัดเล็มอย่างดี ประกอบกับแว่นตาข้างเดียว ด้วยเครื่องแต่งกายพวกนี้ ลูเซียนก็ดูโก้หรูทีเดียว
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ กูซอนก็ค่อยๆ ได้สติกลับมา ราวกับเพิ่งตื่นจากฝันร้าย
“พวกอัศวินไปไหน?” กูซอนพยายามนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ทันทีที่เขาพยายามคิด เขาก็ปวดศีรษะอย่างรุนแรง ในฐานะผู้นำของกลุ่มขายข่าวกรอง เขาก็ตระหนักได้ถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น มีชายส่งพลังมาที่นี่ และชายผู้นั้นลบความทรงจำของเขา เขาจึงเลิกคิดถึงเรื่องนั้นในทันที
เมื่อมองไปยังลูกสมุนที่นอนกองอยู่บนพื้นอย่างหมดสภาพ กูซอนก็รู้สึกโมโหขึ้นมา “ให้ตายเถอะ เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ! ลุกขึ้นไปเปลี่ยนกางเกงเหม็นฉี่ของพวกเจ้า! ตามอัศวินพวกนั้นกลับมาด้วย!”
…
แผ่นป้ายด้านหน้าบาร์เหล้าเขียนว่า ‘บาร์ทารัน ทารันแห่งอีสต์เฮเวน ’
ลูเซียนผลักเปิดประตูและเดินเข้าไปภายในบาร์ ทันทีที่เขาก้าวเท้าเข้ามา สายตาทุกคู่ในบาร์ก็จับจ้องมาที่เขา แต่เพียงชั่วอึดใจ ในวินาทีต่อมา สายตาเหล่านั้นก็หันกลับไป แล้วเสียงหัวเราะ เสียงสนทนา และสิ่งตะโกนก็ดำเนินต่อไปราวกับไม่เคยหยุด
ตอนที่ลูเซียนใช้พลังควบคุมจิตใจของโทนี่ องครักษ์เฝ้ากระท่อมไม้ ต่อหน้าคนอื่นๆ เขาตั้งใจแสดงให้คนอื่นๆ ในอีสต์เฮเวน ได้เห็นถึงพลังของเขา ลูกค้าบางคนในบาร์เหล้าก็รู้ว่าลูเซียนมีพลังแบบไหน ดังนั้น พวกเขาจึงพยายามอยู่ให้ห่างจากลูเซียน เมื่อเห็นดังนั้น คนอื่นที่ไม่รู้จักพลังของลูเซียนต่างก็ต้องระวังตัวเป็นพิเศษไว้ก่อน
นี่เป็นวิธีเอาชีวิตรอดในอีสต์เฮเวน แห่งนี้! ผู้มาจากต่างเมืองโดยไม่มีพลังหรือรู้จักคนใหญ่คนโตในเมืองนี้จะมีจุดจบอย่างเดียว คือความตาย
ผู้คนส่วนใหญ่ที่นี่ไม่มีใครอยากอยู่ในเมืองนี้ไปตลอดชีวิต พวกเขาหวังเพียงมากอบโกยเงินก่อนจะย้ายออกไป แน่นอน บางคนก็มีความสุขเปี่ยมล้นในเมืองแห่งนี้ พวกเขาชอบความตื่นเต้นและอิสรภาพที่มีในเมืองนี้เป็นอย่างมาก
อากัปกิริยาสุขุมและสง่าผ่าเผยของลูเซียนเป็นหลักฐานที่เห็นได้ชัดว่าเขาไม่เหมาะกับที่นี่ ขณะเดินผ่านเก้าอี้ที่ตั้งขวางอยู่ ลูเซียนเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์หน้าบาร์ “สวัสดี ข้ามาตามหาคน” บาร์เทนเดอร์ผมทองตอบโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามอง ขณะกำลังเช็ดแก้วอยู่ “ท่านต้องสั่งอะไรเสียก่อน”
“ขอเลสเซอแก้วหนึ่ง” นี่เป็นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ชนิดแรกที่ลูเซียนรู้จักในโลกใบนี้
ในที่สุด ชายหนุ่มผมทองก็เงยหน้าขึ้นมา เขาเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี แต่มีลักษณะท่าทางเอาเรื่องอยู่ที่บ่มเพาะมาจากสถานที่ป่าเถื่อนแห่งนี้
หลังจากส่งเครื่องดื่มสีทองแก้วหนึ่งให้กับลูเซียน เขาก็ถามออกมา “ตามหาใคร?”
“ลีโอ” ลูเซียนจ้องไปที่สุราสีทองเหมือนกำลังดื่มด่ำกับงานศิลปะ “ข้ากำลังตามหาลีโอ”
“ไม่ใช่ท่านคนเดียวที่ตามหาเขา” บาร์เทนเดอร์ตอบคำถามลูเซียนอย่างกำกวม
“ข้าอยากจ้างงานเขา” ลูเซียนจองหน้าบาร์เทนเดอร์
“พวกนั้นก็เหมือนกัน” บาร์เทนเดอร์ตอบด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสองคน กลุ่มชายสวมเสื้อเกราะท่าทางแข็งแรงหลายคนผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ เสียงเกราะโลหะกระทบกันดังเกรียวกราว
หัวหน้าของกลุ่มเป็นชายที่มีอายุอยู่ในช่วงระหว่างสามสิบ เขาไม่มีลูกตาซ้าย
ลากดาบขนาดใหญ่มาตามพื้น เกราะเท้าของเขากระทบพื้นเสียงดัง ชายร่างใหญ่ตัวสูงยาวเดินมาอยู่ตรงหน้าลูเซียน เขาโน้มตัวลงมาใกล้และพูดด้วยน้ำเสียงคุกคาม “ทำไมเจ้าถึงรู้จักลีโอ? เจ้าเจอมันครั้งสุดท้ายเมื่อไร? ข้ากำลังตามหามันให้กับคนใหญ่คนโตในอีสต์เฮเวน นี้ รู้อะไรก็บอกมาให้หมด ถ้าเจ้ายังอยากเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นวันพรุ่งนี้”
“ข้าไม่รู้จัก ลีโอ ข้าแค่อยากจ้างเขามาคุ้มครองข้า” ลูเซียนตอบอย่างใจเย็น ในหัวของเขาตอนนี้ เริ่มรู้สึกว่าการตามหาลีโออาจไม่ใช่ความคิดที่ดี เพราะเห็นชัดๆ ว่าลีโอกำลังมีปัญหาบางอย่าง
ชายผู้ไม่มีตาซ้ายคนนี้ยังไม่ยอมรามือจากลูเซียน แต่ยังคุกคามเขาต่อ “ใครแนะนำลีโอให้เจ้า! คุ้มครองเจ้าจากอะไร?”
ทันทีที่เขาพูดคำสุดท้ายจบ มือซ้ายที่สวมถุงมือของลูเซียนก็ผละออกจากถ้วยเหล้าและคว้าเข้าที่คอหอยของชายคนนี้
เหตุการณ์เกิดขึ้นเร็ว เร็วมาก ชายคนนี้เห็นเพียงเงา
ลูเซียนยิ้ม “แม่ของเจ้าคงไม่เคยสอนสินะ ว่าอย่าแส่เรื่องชาวบ้าน?”
“เจ้า… ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้ ถ้าเจ้ายังอยากมีชีวิตรอดออกจากเมือง!! เจ้านายของข้า…” ชายคนนี้ยังไม่หยุดข่มขู่ลูเซียน อย่างไรก็ตาม ในวินาทีต่อมา เขาก็แทบหายใจไม่ออกเพราะลูเซียนออกแรงบีบคอเขามากขึ้น
“เจ้ารู้ไหม? ข้าไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดจากเมืองนี้หรือไม่ แต่ถ้าเจ้ายังไม่หยุดพล่าม ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะไม่มีชีวิตรอดจากบาร์นี้ ข้าจะบอกความลับเจ้าอย่างหนึ่ง ข้าก็ใหญ่เหมือนกัน”
หน้าของชายคนแดงจัดด้วยความโกรธ แต่เขาก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ เมื่อลูกน้องของเขารู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น และกำลังจะชักดาบออกมาเพื่อช่วยลูกพี่ ชายคนหนึ่งในเกราะดำเหมือนกันก็ตะโกนบอกพวกเขามาจากประตูด้านหลังของบาร์
“ลีโออยู่ที่นี่! ในห้องใต้ดินของบาร์!”
หน้าของบาร์เทนเดอร์ซีดเผือด ทันทีที่เขากำลังจะวิ่งออกจากด้านหลังเคาน์เตอร์ ก็มีนักดาบคนหนึ่งหยุดเขาไว้ พวกลูกสมุนคนอื่นๆ ต่างวิ่งกรูไปยังด้านหลังบาร์ ราวกับว่าพวกเขาลืมว่าลูกพี่กำลังเจอปัญหาอะไร
อีกฝั่งหนึ่งของโถงกลางบาร์ ชายสองคนซึ่งระดับใกล้เคียงกับอัศวินตัวจริงก็กระโดดขึ้นมาจากเก้าอี้และวิ่งไปยังประตูหลัง
ลูเซียนรู้สึกขบขัน ปล่อยมือจากคอหอยของชายคนนั้น และส่ายหน้าด้วยความสงสาร “แย่จัง… คนใหญ่คนโตที่เจ้าว่าดูเหมือนจะไม่สนใจเจ้าเลย ถึงข้าจะฆ่าเจ้า เขาก็คงไม่สน ขุนนางคนไหนส่งเจ้ามาที่นี่?”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นขุนนาง?” ชายร่างใหญ่ตัวสูงยาวถามด้วยความประหลาดใจ
ลูเซียนตบเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทางเบาๆ แล้วยืนขึ้นจากเก้าอี้
………………………