บทที่ 541 ความปรารถนาของหลิวเฉียงเหว่ย
บทที่ 541 ความปรารถนาของหลิวเฉียงเหว่ย
[ยินดีด้วย เลเวลของท่าน…]
สนามรบที่กว้างใหญ่นี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็มีแต่ความโกลาหลเต็มไปหมด แม้ว่าการเฝ้ามองจากบนฟากฟ้าเช่นนี้จะทำให้สามารถมองเห็นสนามรบได้เป็นวงกว้าง แต่ก็ยังยากที่จะกวาดสายตามองให้หมดอยู่ดี เทวทูตสังหารยังคงถูกอัญเชิญออกมาจากประตูสวรรค์เรื่อย ๆ จนตอนนี้พวกเขาปะปนอยู่กับเหล่าผู้เล่นจนแยกกันไม่ออกเสียแล้ว เหล่าเทวทูตจำนวนมากมาย ที่โถมกันลงมาราวกับสายฝนที่กระหน่ำในฤดูฝนจนเกิดเป็นน้ำท่วมขึ้นมา
ไม่ว่าจะเป็นผู้เฝ้ามองหรือผู้ที่ต้องรับมือต่างก็คิดเห็นไปในทางเดียวกัน นั่นคือ…สกิลระดับตำนานนี่มันจะสุดยอดเกินไปแล้ว!
เพียง 3 นาทีเท่านั้น…ร่างของหลิวเฉียงเหว่ยก็เปล่งแสงสีขาวออกมาอันเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเธอเลเวลอัป!
โลคดีที่หลิวเฉียงเหว่ยมองสิ่งที่เกิดขึ้นจากบนฟากฟ้า ทำให้ได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่ด้านล่าง ควบคู่กับที่เธอรู้ว่าเซียวเฟิงนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน
ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นตัวเธอนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร
“ด้วยขนาดของมังกรทองคำ ทำให้ฉันไม่สามารถใช้แท่นเทเลพอร์ตส่งมันมาที่นี่ได้ในทันที เพราะงั้นฉันเลยส่งหน่วยที่จะไปพามังกรทองคำให้บินมาที่นี่แล้ว แต่อิงจากระยะทางระหว่างเมืองแห่งความโศกเศร้ากับเส้นทางข้ามผ่านเขตแดนจุดนี้แล้ว อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะต้องใช้เวลาอีกหนึ่งวันหนึ่งคืนเลยกว่าจะมาถึง”
เรือนร่างที่สมบูรณ์แบบของหลิวเฉียงเหว่ยค่อย ๆ ขยับแนบชิดเข้าไปกับเซียวเฟิงก่อนจะพูดขึ้นมา
“ค่อย ๆ บินมาก็ไม่เป็นไร มังกรทองคำน่ะตัวใหญ่กว่าม้ามาก ยังไงซะกางเขนเหล็กก็น่าจะยืนหยัดป้องกันเส้นทางข้ามผ่านเขตแดนตรงนี้ได้อย่างน้อยสองสามวัน เพราะงั้นไม่มีปัญหาหรอก” เซียวเฟิงเหลียวมองลงไปยังสนามรบเบื้องล่างก่อนจะพูดขึ้นมา
ชายหนุ่มเองก็ไม่มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้เช่นกันในการที่จะส่งตัวมังกรทองคำที่มีขนาดมหึมามายังที่นี่ให้เร็วกว่าการที่มันบินมาเอง เขาไม่สามารถติดตั้งแหวนอวกาศให้มันได้
เพราะงั้น…ยังไงตอนนี้ก็ต้องรอไปก่อน
อันที่จริง ความเร็วในการบินของมังกรทองคำนั้นก็ไม่ได้ถือว่าช้าเลย ไม่งั้นแล้วการบินมาจากเมืองแห่งความโศกเศร้ามายังเส้นทางข้ามผ่านเขตแดนตรงนี้คงต้องใช้เวลามากกว่านี้แน่ เขตฮัวเซียถือเป็นเขตแดนที่มีขนาดใหญ่ ดังนั้นเมื่อข้อมูลภูมิประเทศของเขตนี้ถูกแพร่กระจายออกไป เขตอื่น ๆ จึงต้องร่วมมือกันเพื่อจัดการกับเขตฮัวเซียเพียงเขตเดียว
“นอกจากนี้ ฉันเองก็ยังอยู่ที่นี่ด้วย เพราะงั้นมันจะไม่มีปัญหาอะไรใหญ่ ๆ เกิดขึ้นมาก่อนที่มังกรทองคำจะบินมาถึงแน่นอน” เซียวเฟิงพูดเสริม
“ฉันไม่สามารถผูกบุคคลอันดับ 1 ของเซิร์ฟเวอร์อย่างนายไว้ที่สนามรบจุดนี้ได้ตลอดหรอกนะ” หลิวเฉียงเหว่ยพูดเชิงหยอกล้อที่ซึ่งพบเจอได้ยากออกมา นั่นเพราะเวลาที่อยู่กับเซียวเฟิงนั้น เธอจะรู้สึกผ่อนคลายที่สุด
“นั่นสินะ ขอบเขตของอีเวนต์นี้นับว่ากว้างขวางมาก ๆ และฉันเองก็คงจะหยุดอยู่ที่ใดที่หนึ่งไม่ได้เหมือนกัน” เซียวเฟิงส่ายหน้า แต่ที่เขาพูดออกมานี่คือเรื่องจริง
ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น ต่อให้เป็นผู้เล่นระดับเทพจากทั่วทุกเซิร์ฟเวอร์มารวมตัวกัน พวกเขาก็ไม่สามารถจัดการกับสงครามที่เกิดขึ้นในแต่ละเส้นทางข้ามเขตแดนได้เหมือนกัน นั่นเพราะจำนวนผู้เล่นที่โถมเข้าโจมตีนั้นมีจำนวนมากมายมหาศาลนัก!
ผู้เล่นจำนวนมหาศาลเหล่านี้ ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถรับมือได้ง่าย ๆ
“นี่คือสกิลอัญเชิญเหรอ? แล้วระยะเวลาล่ะ นานขนาดไหน?”
หลิวเฉียงเหว่ยถามขึ้นอีกหลังจากที่เหลือบมองขึ้นไปยังประตูสวรรค์บนฟากฟ้าที่ซึ่งตอนนี้ก็ยังมีเทวทูตสังหารคอยบินลงมาเรื่อย ๆ อย่างไม่ขาดสาย
“ตอนนี้มากสุดก็ราว ๆ 5 ชั่วโมง แล้วก็มีโอกาสที่บอสระดับตำนานจะโผล่ออกมาด้วย” เซียวเฟิงตอบ
“บอสระดับตำนาน!? แสดงว่า…” หลิวเฉียงเหว่ยตาเป็นประกายลุกวาว นั่นเพราะความจริงเรื่องความแข็งแกร่งและสกิลระดับสุดยอดของเหล่าบอสระดับตำนานนั้น เป็นที่เลื่องลือกันไปทั่วเซิร์ฟเวอร์อยู่แล้ว
“น่าเสียดายที่ฉันควบคุมเทวทูตพวกนี้ไม่ได้ เพราะงั้นพวกนี้จะใช้สกิลตามสัญชาตญาณของตนเอง หรือดีไม่ดีก็ไม่ใช้สกิลเลยจนกระทั่งระยะเวลาประตูสวรรค์หมดลง”
แน่นอนว่าเซียวเฟิงย่อมรู้ความคิดของหลิวเฉียงเหว่ยดีอยู่แล้ว เพราะงั้นเขาจึงส่ายหน้าและดับฝันของเธอเอาไว้ก่อน
มันคงจะเป็นเรื่องที่ดีไม่ใช่น้อยหากเซียวเฟิงสามารถควบคุมเทวทูตเหล่านี้ได้อย่างสมบูรณ์ พลังของบอสระดับสูงจำนวนหลักพันตนนั้น เพียงแค่คิดก็รู้สึกถึงพลังอันไร้ขีดจำกัดแล้ว มันช่างน่าเสียดายที่เซียวเฟิงทำได้เพียงออกคำสั่งง่าย ๆ กับเทวทูตที่ออกมาจากประตูสวรรค์เหล่านี้เท่านั้น และคำสั่งง่าย ๆ ที่ว่านั่น ก็มีเพียงคำสั่งจำพวก โจมตี หยุด อะไรทำนองนี้
“แต่ถึงอย่างนั้น การใช้สกิลได้นานถึง 5 ชั่วโมงก็ถือว่าวิเศษมากแล้วล่ะ ยิ่งใช้กับสมรภูมิที่แออัดแบบนี้แล้ว ภายใน 5 ชั่วโมงก็น่าจะได้ผลลัพธ์ดีเลยทีเดียว สมแล้วที่เป็นสกิลระดับตำนาน ถือเป็นไม้ตายได้เลยนะ” หลิวเฉียงเหว่ยพูดต่อ “ว่ากันว่าในเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีผู้เล่นระดับเทพเจ้าเกิดขึ้นมาใหม่คนนึง เป็นคลาสลับของเนโครแมนเซอร์ สกิลพื้นที่ของเขาก็เป็นการอัญเชิญกองทัพอันเดดเหมือน ๆ กับของนาย แค่ระยะเวลายังห่างไกลจากนายมาก ๆ เท่านั้น”
“บนโลกนี้ไม่มีใครนานเท่าฉันอีกแล้ว” เซียวเฟิงลูบคางพลางพูดไปคนละเรื่องกับที่หลิวเฉียงเหว่ยกำลังพูดอยู่ และมันส่อแววเป็นเรื่องลามกด้วย
“จริงจังหน่อยสิ!” หลิวเฉียงเหว่ยหยิกเอวเซียวเฟิงเบา ๆ
“โอเค ๆ จะจริงจังแล้ว ฉันรู้สึกว่าเธอกำลังคิดจะทำการใหญ่อยู่ พอจะบอกได้ไหวว่าวางแผนอะไรไว้?” เมื่อโดนหยิกเอวไป เซียวเฟิงก็ใช้น้ำเสียงจริงจังที่หาฟังได้ยากถามเธอกลับพร้อม ๆ กับหันกลับไปมองเธอด้วย
“…ท่านป้าจางจิ่วจิ่วเปิดเผยอะไรบางอย่างให้ฉันรับรู้ไว้ก่อนที่ท่านจะจากไป” หญิงสาวเงียบไปครู่หนึ่งก่อนที่จะเริ่มตอบคำถาม
“อะไรบางอย่างงั้นเหรอ?” เซียวเฟิงขมวดคิ้ว
“เธอบอกฉันว่า โลกของมิธไม่ง่ายเหมือนกับโลกของเกมอื่น ๆ เมื่อไหร่ที่ได้ก้าวเข้ามาแล้ว หลาย ๆ อย่างจะไม่ใช่สิ่งที่พวกเราสามารถควบคุมได้อีกต่อไป วิธีเดียวที่จะทำให้หลุดออกจากการควบคุมของโลกใบนี้ได้ นั่นคือเราต้องพัฒนาฐานเสียงของเราเองในโลกนี้”
หลิวเฉียงเหว่ยพูดเสียงเบา แต่สิ่งที่เธอไม่ได้พูดออกมา ก็คือส่วนที่เกี่ยวของกับเซียวเฟิง
คิ้วของเซียวเฟิงขมวดแน่นขึ้นจนเกิดเป็นร่องระหว่างคิ้ว เขาค่อนข้างจะคิดมากเรื่องนี้เป็นทุนอยู่แล้ว ในแง่ของการดำเนินเนื้อเรื่องภายในเกม เขาไม่เป็นสองรองใครในบรรดาผู้เล่นอย่างแน่นอน แต่ก็เพราะแบบนั้นมันเลยทำให้เขาค้นพบเรื่องอีกมากมายที่ต้องทำความเข้าใจมากขึ้น
“ได้ยินมาว่านายไปเขตฮันกึลมา?” หลิวเฉียงเหว่ยถามขึ้นอีกครั้งหลังเห็นว่าเซียวเฟิงไม่ได้พูดอะไรต่อ
“อ่าฮะ” เซียวเฟิงพยักหน้าเงียบ ๆ ในหัวเขายังคงคิดเรื่องอื่นอยู่
“ผู้หญิงที่สวยเป็นอันดับ 1 ของเขตฮันกึลสวยมากเลยหรือเปล่า?” หลิวเฉียงเหว่ยถามต่อ
“แค่หางตาเธอก็ชนะขาดแล้ว” คราวนี้สิ่งที่คิดอยู่ภายในหัวของเซียวเฟิงถูกพับเก็บกลับไปก่อน เขาหันกลับมามองหน้าเธออีกครั้งและตอบกลับไป
“เป้าหมายของฉันน่ะ ไม่ได้อยู่แค่ในเขตฮัวเซียหรอกนะ เพราะในโลกของมิธ พลังเท่านั้นที่จะควบคุมทุกอย่างได้ ฉันเชื่อว่าหลังจากสงครามระหว่างเขตแดนจบลงแล้ว การเปิดเส้นทางระหว่างเขตแดนแบบถาวรก็คงอยู่ไม่ไกลแล้ว”
แววตาที่งดงามของหลิวเฉียงเหว่ยก้มลงมองไปยังสนามรบเบื้องล่าง ในขณะที่น้ำเสียงที่เธอใช้พูดประโยคเมื่อครู่นั้นแสดงออกให้เห็นถึงความปรารถนาอันแรงกล้าซึ่งยากที่จะได้ยินบ่อย ๆ
“ดูเหมือนว่าฉันจะประเมินเธอต่ำไปสินะเนี่ย” ได้ยินเช่นนั้นเซียวเฟิงก็หรี่ตาและมองหลิวเฉียงเหว่ยให้ชัดเจนมากขึ้น
มันเป็นครั้งแรกเลยที่เขารู้สึกว่าตนกำลังเข้าถึงจิตใจของเธอผู้นี้ได้ บางทางอาจจะเป็นเพราะปกติเขามักจะชินชากับการกลั่นแกล้งหลิวเฉียงเหว่ยมาตลอด
ในขณะที่หลิวเฉียงเหว่ยก็ไม่ได้มีท่าทีหรือความสามารถระดับที่จะต่อต้านเขาได้ มันเลยทำให้เขาเผลอมองข้ามตัวตนที่แท้จริงของหญิงสาวผู้นี้ไปเสียสนิท
เธอคนนี้ คือประธานแห่งมิดซัมเมอร์กรุ๊ปมาตั้งแต่ต้น ไม่เพียงแต่เป็นคนที่กล้าทุ่มเงินหนึ่งพันล้านในการประมูลโทเคนกิลด์ แต่ยังมีความกล้าที่จะสละตนเองให้เขาอย่างไม่ลังเล
นอกจากนี้ เธอยังถือยังถือเป็นสตรีที่มีความสวยงามเป็นอาวุธจนขึ้นชื่อว่าเป็นเทพธิดาอันดับ 1 แห่งอันดับเทพธิดาเขตฮัวเซียอีก!
และตอนนี้ เธอก็ถูกนับหน้าถือตาในฐานะของผู้ปกครองแห่งฮัวเซียฟากใต้และประธานกิลด์มิดซัมเมอร์ กิลด์ที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ในฮัวเซีย! เซียวเฟิงกล้าพูดได้อย่างเต็มปากเต็มคำเลยว่า ในโลกแห่งมิธ เธอคือบุคคลที่มีอิทธิพลสูงเป็นอันดับ 2 เหนือผู้เล่นนับพันล้านคน! มีเพียงคราวน์ปรินซ์เท่านั้นที่จะสามารถทัดทานเธอได้!
แต่ก็แค่ตอนนี้เท่านั้น เพราะหลิวเฉียงเหว่ยยังคงพัฒนาตนเองอยู่ตลอดเวลา ไม่แน่ว่าสักวันหนึ่ง เธอเองก็อาจจะทิ้งห่างคราวน์ปรินซ์ไปเลยก็ได้!
เพราะงั้นเมื่อเซียวเฟิงมองเรือนร่างอันไร้ที่ติของหลิวเฉียงเหว่ยตั้งแต่หัวจรดเท้าแล้วก็เริ่มตระหนักได้ว่า เขาไม่ควรจะมองข้ามเธอคนนี้ไปจริง ๆ
“ไม่ต้องกังวล ฉันเป็นของนายเสมอ จะเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่จะอยู่ข้างหลังนายตลอดไป”
ราวกับรู้ความคิดเซียวเฟิง หลิวเฉียงเหว่ยพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะเป็นฝ่ายเปิดผ้าที่คลุมหน้าอยู่ออก เผยให้เห็นใบหน้าที่งดงามภายใต้ผ้าบางแล้วขยับเข้าไปจูบบริเวณท้ายใบหูของเซียวเฟิงอย่างแผ่วเบา
เนื่องจากเซียวเฟิงนั้นสวมหน้ากากแฟชั่นอยู่ มันทำให้จุดเดียวที่เป็นเนื้อหนังปรากฏให้เห็น คือบริเวณหลังหูเท่านั้น
“หวังให้เป็นแบบนั้นนะ” เซียวเฟิงละสายตากลับมาพร้อม ๆ กับหันหน้ากลับไปทิศทางเดิม
“สกิลนี้จำเป็นต้องมีนายคอยอยู่ใกล้ ๆ เพื่อให้มันยังทำงานอยู่ตลอดหรือเปล่า? ถ้านายไปที่อื่นต่อ สกิลจะหยุดทันทีเลยไหม?” หลังจากที่สวมผ้าบางปกปิดใบหน้าเหมือนเดิมแล้ว หลิวเฉียงเหว่ยก็หันไปมองรอยแยกบนท้องฟ้าแทน
“ไม่จำเป็น ต่อให้ฉันไม่อยู่ตรงนี้ สกิลก็จะทำงานต่อจนกระทั่งหมดเวลาของมันเอง พวกเทวทูตสังหารจะออกมากำจัดศัตรูเรื่อย ๆ จนกว่าจะไม่มีอะไรให้กำจัดอีก” เซียวเฟิงส่ายหน้า เป็นสกิลที่ใช้งานง่ายดีจริง ๆ
“ถ้างั้นนายไปทำอะไรที่ต้องทำเถอะ ไม่ต้องอยู่ช่วยฉันเก็บเลเวลก็ได้ เทวทูตพวกนี้แข็งแกร่งพอสำหรับสนามรบแห่งนี้ แถมยังมีจำนวนมากอีก พวกเขาไร้เทียมทาน เพราะงั้น 5 ชั่วโมงต่อจากนี้ ที่นี่จะปลอดภัย แล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรจนกว่ามังกรทองคำจะมาถึงด้วย” หลิวเฉียงเหว่ยพูดต่อ
“โอเค ถ้างั้นจะให้ฉันส่งเธอลงที่พื้นเพื่อไปหาหานเฟิงหรือว่าเธอยังอยากจะดูสถานการณ์อยู่บนท้องฟ้า?” เซียวเฟิงถาม อันที่จริงเขาก็แอบเบื่อที่จะต้องลอยเท้งเต้งอยู่บนท้องฟ้าแล้วดูค่าประสบการณ์เพิ่มเช่นนี้แล้วเหมือนกัน
“ข้างล่างก็แล้วกัน ฉันมีเรื่องจำเป็นที่จะต้องหาเขาน่ะ” หญิงสาวตอบหลังคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“เข้าใจแล้ว”
เซียวเฟิงพยักหน้ารับก่อนจะเปิดรายชื่อเพื่อนและส่งคำเชิญเข้าปาร์ตี้ให้หานเฟิง เขาตั้งใจจะใช้ระบบนี้เพื่อตามหาตัวว่าหานเฟิงอยู่ที่ไหน เพราะด้วยสภาพที่โกลาหลของสนามรบตอนนี้ ไม่มีทางที่เซียวเฟิงจะสามารถไล่หาเอาจากชื่อตัวละครได้เลย
และอย่างที่คาดเดาไว้แล้ว เซียวเฟิงไม่ได้อยู่ในสนามรบเบื้องล่างนี้แต่อย่างใด เขาอยู่ในฐานที่มั่นใหม่ที่อยู่ข้าง ๆ ทางข้ามเขตแดนจุดนี้ ที่นั่นเป็นฐานที่ตั้งชั่วคราวที่กำลังอยู่ในช่วงก่อสร้าง
“นายท่าน! ท่านประธานเฉียงเหว่ย!”
หากไม่ใช่ว่าเซียวเฟิงตาฝาดไป หานเฟิงดูแก่ขึ้นกว่าแต่ก่อนเล็กน้อยจริง ๆ แถมยังไม่ดูเป็นคนชอบทำตัวไร้สาระเหมือนแต่ก่อนด้วย เมื่อเขาเห็นเซียวเฟิงและหลิวเฉียงเหว่ยพุ่งลงมาจากท้องฟ้า หานเฟิงก็รีบเข้ามาทักทายทันที
“พี่เซียว!”
ไม่คาดคิดเลยว่า สองพี่น้องนิโคลัสผู้ที่ไม่ได้พบเจอหน้ากันมานานก็อยู่ที่นี่ด้วย พวกเขาอยู่ในกิลด์ชาติชาย ดูเหมือนว่าคนเหล่านี้กำลังเข้ามาเติมยาและซ่อมแซมอาวุธอุปกรณ์กันอยู่ เช่นเดียวกันกับหานเฟิง เมื่อพวกเขาเห็นเซียวเฟิง ทั้งสองก็แสดงท่าทีตื่นเต้นออกมา
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
เซียวเฟิงพยักหน้ารับการทักทายเหล่านั้น ในขณะที่หลิวเฉียงเหว่ยหันไปถามไถ่กับทางหานเฟิง
“พูดกันตามตรงก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ ศักยภาพของกางเขนเหล็กนั้นจะอยู่ในระดับสุดยอดก็ต่อเมื่อเป็นการต่อสู้แบบเข้าเร็วออกเร็ว และศัตรูไม่ได้มีจำนวนมากขนาดนี้ การต่อสู้ยืดเยื้อเช่นนี้ค่อนข้างจะเป็นอะไรที่ตึงมือมาก ๆ อีกอย่างหนึ่งก็เพราะกางเขนเหล็กเพิ่งจะฟื้นตัวด้วย สถานการณ์ตอนนี้เลยไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้สักเท่าไหร่” หานเฟิงยิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก “แต่ในเมื่อนายท่านอยู่ที่นี่แล้ว มันคงไม่มีปัญหาอะไร”
“นายคิดว่าเขาจะอยู่ที่นี่เหรอ?” หลิวเฉียงเหว่ยรีบถามกลับในเรื่องที่ทุกคนน่าจะเดาคำตอบได้อยู่แล้ว
“นั่น…นั่นสินะครับ ฉันก็ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอก ถ้าอย่างงั้น ฉันเลยจะขอความช่วยเหลือจากประธานเฉียงเหว่ยแทน…” หานเฟิงเกาหัวระหว่างที่พูดสลับกับยิ้มแห้ง ๆ
“การสนับสนุนจะมาในไม่ช้านี้ แต่ก่อนหน้านั้น นายต้องไปจ้าง NPC การ์ดซักนิดซักหน่อยมากันค่ายตรงนี้ก่อน” หลิวเฉียงเหว่ยพูด
“การ์ด…ทหารยามเหรอครับ? ที่นี่อยู่ไกลจากสนามรบจะตาย ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแบบนั้นหรอกมั้งครับ? พวกนั้นไม่น่าจะเข้าทางแนวหลังได้…” หานเฟิงอยากจะถามต่อ แต่สายตาเขาที่มองไปยังหลิวเฉียงเหว่ยก็เปลี่ยนไปก่อน “เข้าใจแล้วครับ!”
“นายจำเป็นต้องไปที่เมืองจักรวรรดิ เพราะดูทรงแล้วค่ายนี้น่าจะยังไม่มีระบบจ้างทหารยาม นายต้องไปจ้างพวกเขาจากเมืองจักรวรรดิ และฉันก็เตรียมวัตถุดิบไว้ให้แล้ว” นักบวชสาวพูดรวบรัดและแสดงให้เห็นว่าเธอคิดเรื่องนี้มาอย่างดีแล้ว
“รับทราบครับ!” หานเฟิงพยักหน้า