บทที่ 199 คืนนี้สวยมาก

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

หลินจือหัวเราะอย่างผ่อนคลายให้กับนานิ “เธอคิดว่าสภาพฉันตอนนี้เหมือนคนที่จะถูกเขารังแกได้หรอ?”

“ซูซีรังแกฉันต้องคิดถึงข้อพวกนี้ก่อน”

“ข้อหนึ่ง เทาเท่ไม่รักฉัน แต่ว่าตอนนี้จุดนี้ เห็นได้ชัดว่าคนที่แพ้เป็นซูซี”

“ข้อที่สอง ซูซีชอบเยาะเย้ยวงศ์ตระกูลของฉัน ตอนนี้ฉันมีตระกูลแม็กซิมัสสนับสนุน ซูซีต่างหากที่ต้องพูดขอโทษกับฉัน”

“ข้อที่สาม ส่วนใหญ่ซูซียังจะเยาะเย้ยการแต่งกายของฉันนั้นเชยสวมเครื่องประดับก็คงไม่ขึ้น คืนนี้ไม่ว่าจะชุดหรือสร้อยคอก็เพียงพอที่จะบีบซูซีได้แล้วหรือเปล่า”

หลินจือวิเคราะห์อย่างคมเฉียบ นานิให้ตะลึง

เธอมองหลินจือแล้วพูดว่า “หลินจือทำไมตอนนี้เธอถึงได้เปลี่ยนเป็นคนที่มีเหตุผลและมีความมั่นใจอย่างนี้?”

หลินจือตอบออกมาอย่างนี้ว่า “การงานที่ประสบความสำเร็จ มักนำความเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือให้กับผู้หญิง”

เธอในตอนนี้ แม้ว่ายังคงอ่อนโยนมีเมตตา แต่กลับไม่ขาดความสามารถ

ได้เผชิญหน้าพวกซูซีทำไม่ดีต่อเธอ การปะทะโต้ตอบที่ดี การรักษาศักดิ์ศรีและความทะนงของตัวเองได้ดีนั้น หลินจือรู้สึกว่านี่เป็นสภาพที่ดีที่สุดของเธอ

หลังจากที่คนทั้งสองเดินเข้ามาถึงงานเลี้ยงพอนานิลงจากรถก็ถูกนักข่าวรุมล้อมเพื่อถ่ายรูปและสัมภาษณ์ต่างๆ

หลินจือในฐานะที่ทำงานอยู่เบื้องหลัง มีช่องว่างที่นานิกำลังให้สัมภาษณ์อยู่เธอค่อยๆเดินปลีกตัวออกมารอนานิในงาน

ซูซีก็มาเข้าร่วมงานเลี้ยงคืนนี้จริงๆ เธอมากับลีวาย

ขณะที่หลินจือก้าวเข้าไปในฮอลล์ ซูซีกับลีวายกำลังพูดคุยอย่างออกรสออกชาติกับคนอื่นอยู่

หลินจือรู้เรื่องที่ซูซีไปหาลีวายเพื่อเริ่มละครย้อนยุค เธอก็รู้ว่าเจเทาวน์อาจจะเป็นเพราะเรื่องนี้เลยตัดสินใจทำการเปิดกล้องก่อน

ดูตามนิสัยของซูซีและลีวายแล้ว ละครย้อนยุคนั้นของพวกเขาอาจจะตั้งใจโจมตี The Legend of Concubine Rong

แม้ว่าลีวายอาจจะไม่ต้องแต่งบทที่ไม่คุณภาพอะไรมาก แต่พอถึงเวลาละครทั้งสองเรื่องมาชนกัน ก็ยากที่จะถูกคนภายนอกเปรียบเทียบ ทำให้เกิดความไม่ชอบใจเอาได้

แต่สำหรับซูซีและลีวายแล้วเป็นความสะใจ เป้าหมายของพวกเธอก็เพื่อที่จะสร้างความกลัดกลุ้มใจให้กับพวกเขา

หลังจากที่ได้เห็นหลินจือเดินเข้ามา สีหน้าของซูซีและลีวายต่างก็มีความขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ คนทั้งสองตะลึงในการแต่งตัวของหลินจือในค่ำคืนนี้

หลินจือสวมชุดกี่เพ้าสีดำที่ดูสง่า เต็มไปด้วยความสไตล์แบบจีนๆ แต่หน้าตาและออร่าของเธอต่างก็มีความเป็นสาวตะวันตกที่ดูสวยสง่า ขับให้ดูเด่นกับชุดที่ใส่ที่สุด

อีกอย่าง ช่วงคอของหลินจือในค่ำคืนนี้ยังใส่สร้อยมรกต สีเขียวหยกกับชุดสีดำของกี่เพ้ามาผสมกันแล้วก็ให้ดูสง่าและไม่ขาดความถือดี

ส่วนหลินจือเม้มาปรากฏตัวในงานเลี้ยงแบบเรียบๆก็ยังดึงดูดสายตาแก่ผู้มอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกผู้ชาย

ลีวายเอ่ยปากพูดอย่างเย้าหยอกว่า “ทำไมท่านประธานเทาเท่ถึงได้ชอบลูกเป็ดขี้เหร่นี้ล่ะ?”

คลิปที่เทาเท่จูบแล้วถูกตบแพร่สะพัดทั่วเว็บ ลีวายได้เห็นและเธอก็จำได้ว่าคนที่ตบเทาเท่นั้นเป็นหลินจือ

ตอนนั้นหลังจากที่เธอได้เห็นข่าวนี้ก็ให้ตะลึงลุกขึ้นจากโซฟา

เจเทาวน์ยอมรับโดยนัยแล้วว่าหลินจือเป็นแฟนของเขาเรื่องนี้ก็ทำให้เธอสิ้นสินหวังมากพอแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเทาเท่จะชอบหลินจือด้วย ทำให้เธอเหนือความคาดหมาย

เทาเท่เป็นใครน่ะหรอ?

นั่นเป็นบุคคลสำคัญที่ลึกลับของวงการธุรกิจเมืองเจสเวิร์ด ถ้าเปรียบกับเจเทาวน์ที่เป็นไอดอลน่าเข้าหาแล้วล่ะก็ เทาเท่นั่นมีภาพลักษณ์ที่ดูเย็นชาไม่น่าเข้าใกล้เลย

อย่าว่าแต่จะตบหน้าเทาเท่เลย แค่ปกติยืนด้วยกันกับเทาเท่สำหรับคนพวกนั้นแล้วก็เป็นเรื่องยากแล้ว หลินจือกลับไม่สนเทาเท่อย่างนี้

คิดมาถึงตรงนี้ลีวายก็พูดอีกว่า “มันนี่มีความสามารถจริงๆนะ แต่ไหนแต่ไรเจเทาวน์เป็นคนที่ไม่มีข่าวฉาวแต่กลับประกาศข่าวว่าเธอเป็นแฟน ท่านประธานเทาเท่บุคคลที่สำคัญและดูสูงส่ง ทำไมยังหลงเสน่ห์มัน?”

ลีวายไม่ได้บอกกับซูซีเรื่องที่ตัวเองชอบเจเทาวน์ ซูซีก็ไม่ได้บอกกับลีวายว่าหลินจือเป็นอดีตภรรยาของเทาเท่

ฟังมาถึงตอนที่ลีวายพูดแขวะหลินจือ ซูซีก็แสยะยิ้มแล้วพูดว่า “ผู้หญิงบางคนเก่งเรื่องแบบนั้น ทำให้ผู้ชายหลงหัวปักหัวปำ จอร์แดนที่อยู่ในวงการเขียนบทก็พ่ายแพ้ความสาวของมันไม่ใช่หรอ?”

ถ้าเทาเท่รู้ว่าซูซีพูดวิจารณ์หลินจืออย่างนี้ คงคัดค้านเป็นแน่

หลินจืออยู่บนเตียง นอกจากความเร่าร้อนของเธอที่เกิดขึ้นกะทันหันในครั้งนั้นก่อนที่พวกเขาจะหย่ากัน ช่วงเวลาอื่นก็เป็นเขานำ อย่าว่าแต่เก่งเรื่องอย่างว่านั้นเลย เธอไม่รู้เรื่องอะไรเลยจริงๆ

ได้ยินซูซีพูดถึงจอร์แดนขึ้นมา ลีวายก็ให้อิจฉากัดฟันกรอดๆ

จอร์แดนกับครูสเหมือนกันเป็นคนแคสบทในวงการบทละคร เป็นไอดอลที่อยู่ในใจของผู้เขียนบททุกท่าน เรื่องที่ลีวายจะร่วมมือกันกับจอร์แดนนี้ก็เป็นสิ่งที่ใจเธอใฝ่ฝันไว้อยู่แล้ว

แต่ก่อนบทละครหนังสือเล่มใหม่ออกมาให้ทดลองบท ลีวายก็เข้าร่วมแต่ถูกเจเทาวน์ปฏิเสธ

เจเทาวน์บอกว่าเบลดิ้งได้ให้หลินจือไปและมั่นใจว่าหลินจือจะต้องทำสำเร็จ ไม่ต้องการคนอื่นอีก

ความหมายที่แฝงไว้ก็คือ ระดับความสามารถของลีวายมีไม่พอที่จะไปทดลองบท ลีวายเกือบโมโหจนบ้า

ซูซีและลีวายกวาดสายตามองอย่างไม่เป็นมิตร หลินจือสัมผัสได้แต่เธอไม่ได้สนใจพวกเธอ ยังคงยืนรอนานิอยู่อีกด้านนึง

ในขณะนั้นเองเทาเท่กับจอร์แดนเดินเข้ามา การเข้ามาของคนทั้งสองต่างดึงดูดให้คนตะลึง

ขณะที่หนังสือใหม่ของเขาได้ออกตลาดและกำลังขายดี แต่สิทธิ์ในการแก้ไขบทก่อนหน้านี้ก็ได้แพร่สะพัดไป ทุกคนต่างก็อยากรู้ว่าสิทธิ์ในการแก้ไขบทไปตกอยู่ที่ใคร

ตอนนี้เทาเท่กับจอร์แดนเข้างานมาด้วยกัน ไม่ต้องพูดก็รู้คำตอบว่าต้องเป็นฟอเรนาเอนเตอร์เทนเมนต์ของเทาเท่ที่ได้รับสิทธิ์ในการแก้บทไป

หลังจากที่จอร์แดนเห็นหลินจือก็เดินเข้ามาหาถามเสียงเบาว่า “ทำไมมาอยู่ที่นี่คนเดียวล่ะ?”

หลินจือตอบตามจริงว่า “กำลังรอนานิค่ะ”

เพราะเทาเท่อยู่ข้างกายจอร์แดน สายตาก็ยังอยู่ที่เธอตลอดเวลา หลินจือทำได้แค่เงยหน้ามองทักทายกับเขาว่า “ท่านประธานเทาเท่”

หลังจากที่เทาเท่เห็นหลินจือในค่ำคืนนี้แล้วก็ให้ตะลึง เลยอดไม่ได้ที่จะพูดชมเสียงเบาว่า “คืนนี้สวยมาก”

สร้อยคอหยกนั้นดูก็ว่าราคาแพง จอร์แดนคงไม่ได้มอบให้หรอกนะ?

เทาเท่คิดมาถึงตรงนี้ก็ให้รู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันใด

ได้ยินคำชมที่เหนือความคาดหมายของเทาเท่ หลินจือพูดตอบกลับว่า “ขอบคุณค่ะ”

จอร์แดนมองปราดมาที่เทาเท่อย่างไม่สบอารมณ์ คืนนี้หลินจือสวยไม่สวยทุกคนก็เห็นกันแล้วหรือเปล่า ยังต้องให้เขาพูดอีกหรอ?

จอร์แดนยังอยากที่จะพูดอะไรกับหลินจืออีก แต่มีผู้ทรงคุณวุฒิด้านภาพยนตร์และโทรทัศน์เดินเข้ามาทักทายคนทั้งสอง แล้วก็ถามว่า “ท่านประธานเทาเท่ คุณจอร์แดน ผู้เขียนบทละครได้แต่งตั้งหรือยังครับ?”

ก็พอดีจอร์แดนแนะนำหลินจือที่อยู่ด้านข้าง “พอดีผู้เขียนบทของเราอยู่ตรงนี้แล้วครับ”

เห็นได้ชัดว่าคนนั้นไม่รู้จักหลินจือเลย เทาเท่พูดนิ่งๆว่า “ผู้เขียนบทนามปากกาฟิลคูล”

หลินจือเห็นสีหน้าของคนนั้นได้ชัดว่ายังคงไม่รู้ว่าเธอคือใคร ก็ให้รีบพูดแนะนำตัวเองอย่างละเอียดด้วยความนอบน้อม “หนูเป็นนักเรียนของอาจารย์ครูสค่ะ แต่ก่อนทำงานเขียนบทละครกับอาจารย์ครูส ปีนี้เพิ่งจะเป็นผู้เขียนบทอิสระค่ะ”