พาณิชย์พลาซ่าเจียงหวยที่เมืองเอก
ทั้งลานกว้างครอบครองพื้นที่เกินกว่าสามหมื่นตารางเมตร ครอบคลุมถนนคนเดิน ศูนย์การค้าระดับสูง เป็นที่ตั้งใจกลางที่สุดของทั้งเมืองเอก การคมนาคมสะดวกมาก เป็นย่านการค้านานาชาติที่รวมเอาการค้า การทำงาน ความบันเทิง และที่พักอาศัยไว้อย่างครบครัน
พูดอย่างไม่อวดเกินไปสักนิด พาณิชย์พลาซ่าเจียงหวยเป็นพื้นที่เศรษฐกิจในการจัดเก็บภาษีที่สำคัญสุดของเมืองเอก ขาดที่แห่งนี้ไปแล้ว การจัดเก็บภาษีของเมืองต้องลดลงอย่างน้อยจำนวนสิบเปอร์เซ็นต์
ในเวลานี้ เย่เทียนตามอยู่ด้านหลังของฉินโล่หยินอย่างค่อนข้างจำใจระดับหนึ่ง เดินเรื่อยเปื่อยบนถนนคนเดินย่านการค้าที่เจริญรุ่งเรือง และผู้คนเดินขวักไขว่รถก็แน่นแห่งนี้
ถึงจะบอกว่าเรื่องที่เกิดในโรงฝึกศิลปะการต่อสู้แซ่ฉินนั้นทำให้ฉินโล่หยินคับแค้นใจอยู่พอสมควร แต่เธอยังชวนเย่เทียนมาทานอาหารกลางวันที่ร้านปิ้งย่างสไตล์เกาหลีแห่งหนึ่งทางนี้แล้ว
เพียงแต่ เมื่อเทียบกับตอนเข้ามา ตอนออกไปไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้นแล้ว
“เย่เทียน เสื้อผ้าร้านนั้นเหมือนว่าไม่เลวเลยทีเดียวนะ พวกเราไปดูกันหน่อยเถอะ!”
“ได้!”
“เย่เทียน นายว่ารองเท้าที่ร้านนั้นวางโชว์เอาไว้เป็นยังไงบ้าง? ฉันอยากเข้าไปลองหน่อย”
“ได้!”
“……”
ราวกับว่าจงใจแก้แค้นเย่เทียนอย่างนั้น ฉินโล่หยินเจอร้านไหนก็เข้าร้านนั้น เหมือนทำให้เขาสัมผัสถึงความทุกข์ทรมานที่มาเดินซื้อของเป็นเพื่อนหญิงสาว
แต่ ถึงแม้ร้านค้าที่เข้าไปจะมากมาย และถึงแม้จะเดินมาชั่วโมงหนึ่งเต็มๆ ฉินโล่หยินเพียงแค่ซื้อรองเท้าส้นสูงมาคู่เดียว
เย่เทียนโดนทรมานจนชีวิตไร้ความหมายไปตั้งแต่แรกแล้ว ด้วยความสามารถของเขา เดินซื้อของการออกกำลังกายแบบนี้ยังไม่ถือว่าหนักหนาอะไรจริงๆ
แต่ประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ ปากที่แทบจะไม่ได้หยุดพูดลงมานั้นของฉินโล่หยิน ทรมานคนอื่นเสียเหลือเกิน!
ต่อให้เป็นคู่รักทั่วไปเดินซื้อของ เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดหนึ่งนั้น มากที่สุดก็แค่ถามคู่รักว่าดูดีหรือไม่
แต่ฉินโล่หยินไม่เหมือนกัน ดูดีนั้นต้องบอกออกว่าดูดีอย่างไร ไม่สวยก็ต้องบอกว่าทำไมถึงไม่สวย
ประเด็นหลักคือ ฉินโล่หยินยังไม่อยากได้ยินคำอธิบายเดิมซ้ำ!
ถึงแม้ว่าจะเป็นเย่เทียนที่กลับมาเกิดใหม่แต่พูดได้ว่าคิดจนหัวแทบแตกแล้ว ยังเกือบโดนทำพังทลายลงหมด นี่เป็นการทรมานคนเสียยิ่งเสียกว่าการแก้ปริศนาเสียอีก!
ถ้าไม่ใช่พิจารณาถึงว่านี่คือครั้งแรกในชาตินี้ที่จากเจียงหนันมา จากเฉินหวั่นชิงมา ถ้าไม่ได้อะไรกลับไปเลยจริงๆ นั่นคงจะขาดความสนุกไปมากทีเดียว?
แน่นอนว่า เย่เทียนรู้ดีเช่นกัน ด้วยสถานะของเฉินหวั่นชิง ย่อมไม่สนใจว่าเขาจะเอาของอะไรกลับไปหรือไม่ แต่มีน้ำใจหรือเปล่าเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
“เย่เทียน ข้างหน้าร้านนั้นดูขึ้นมาไม่เลวเลย พวกเราเข้าไปดูหน่อยเถอะ?”
“ได้!” เย่เทียนที่หัวสมองทำงานหนักเกินไปจนเกือบจะล้มเหลวพยักหน้าโดยจิตใต้สำนึก
นี่คือร้านเสื้อผ้าที่ตั้งอยู่ในเนื้อที่สามร้านเต็มๆ แห่งหนึ่ง ที่ถนนคนเดินเจริญรุ่งเรืองราคาแพงมากแบบนี้ ค่าเช่ารายเดือนอย่างน้อยต้องสักสองหมื่น!
เห็นได้ชัดว่าร้านค้าไม่เสียดายแม้จะลงทุนไปมาก ไม่เพียงแค่ด้านค่าเช่า แม้แต่ด้านการตกแต่งล้วนทำได้อย่างค่อนข้างงดงามมีระดับ ตกแต่งได้สง่างามอย่างมาก
ทั้งสองเพิ่งเดินเข้าในร้าน พนักงานขายหญิงคนหนึ่งรีบเดินเข้ามาต้อนรับทันที
“ทั้งสองท่าน ยินดีต้อนรับค่ะ ไม่ทราบว่ามีอะไรที่สามารถช่วยท่านได้บ้างคะ?”
“ชุดผู้ชายแบบใหม่ล่าสุดของร้านพวกเธออยู่ทางไหนเหรอ?”
ฉินโล่หยินกวาดตามองดูรอบหนึ่ง อดเอ่ยปากสอบถามไม่ได้
“เป็นทางนั้นค่ะ เชิญตามฉันมาเลยค่ะ” พนักงานขายหญิงชี้ทางด้านซ้ายแล้ว เผยรอยยิ้มมืออาชีพออกมา
“ชุดผู้ชาย?”
กลับเป็นเย่เทียนค่อนข้างงุนงงระดับหนึ่ง ถามไปว่า “เธออยากซื้อชุดผู้ชายทำไม?”
“ไม่ว่ายังไงวันนี้นายก็ช่วยฉันเอาไว้ครั้งใหญ่ แถมยังมาเดินซื้อของเป็นเพื่อนฉันอีก ซื้อเสื้อผ้าชุดหนึ่งเป็นการตอบแทนไม่ได้เหรอ?”
ดวงตาของฉินโล่หยินชำเลืองมองเขาแล้ว
เรื่องในวันนี้บางทีไม่ค่อยน่าพอใจอยู่บ้าง แต่เรื่องของคุณปู่ก่อนหน้านั้น ฉินโล่หยินรู้สึกซาบซึ้งใจต่อเย่เทียนเป็นอย่างยิ่ง
ตั้งแต่นั้นเรื่อยมา เธอคิดมาตลอดว่าจะตอบแทนเย่เทียนดีๆ อย่างไร พาไปเลี้ยงข้าวก็ดูธรรมดาเกินไป ให้เงินนั่นก็ค่อนข้างหยาบคายอยู่บ้าง
วันนี้บังเอิญมาทานข้าวทางนี้พอดี งั้นให้เสื้อผ้าคงเป็นตัวเลือกที่ดีสุดแบบไม่ต้องสงสัย ทั้งจะไม่ดูมีเลศนัยแจ่มชัด และก็ไม่ดูสนใจแต่ประโยชน์เกินไปด้วย
เย่เทียนไม่ได้ปฏิเสธ พยักหน้ายิ้มตอบ “ได้ เธอพูดอะไรก็ถูกทั้งหมด”
เขาไม่โง่ คำพูดของหญิงสาวเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจอยู่บ้าง เขาไม่อยากโดนโชคร้ายใหญ่นี้เข้า
ยิ่งไปกว่านั้น สำหรับฉินโล่หยินแล้ว เธอคงไม่ขาดเงินเพราะค่าเสื้อผ้าชุดหนึ่งหรอกมั้ง?
ได้รับความเห็นด้วยของเย่เทียน ใบหน้าฉินโล่หยินจึงเผยรอยยิ้มที่ดีใจออกมาเล็กน้อย แก้มทั้งสองข้างปรากฏลักยิ้มน้อยๆ ขึ้น ทำให้เย่เทียนหัวใจเต้นผิดจังหวะ ทนไม่ไหวอยากจะกัดแรงๆ
คนเรานะ มักจะชอบของที่งดงามกันทั้งสิ้น
ภายใต้การแนะนำของพนักงานขายหญิง เย่เทียนถือสูทลำลองแบบใหม่ล่าสุดชุดหนึ่งเข้าไปในห้องลองเสื้อแล้ว
ตอนที่เปลี่ยนเสื้อผ้าเย่เทียนกวาดตามองดูราคาคร่าวๆ แล้ว อดรู้สึกสะดุ้งอยู่บ้างไม่ได้
โอ้แม่เจ้า สูทตัวนี้รวมขึ้นมาราคาสูงถึงหนึ่งแสนแปดหมื่นRMB! เพียงแค่เสื้อสูทตัวนอกอย่างเดียวก็เก้าหมื่นกว่า ไม่ใช่แพงธรรมดาเสียจริง!
ก่อนหน้านี้เสื้อผ้าของเย่เทียนเป็นเฉินหวั่นชิงซื้อเองกับมือมาตลอด แต่ไหนแต่ไรเขาไม่รู้ราคาแน่ชัด คิดว่าคงไม่ได้ถูกไปถึงไหนได้มากนักหรอกมั้ง?
ทันใดนั้น เย่เทียนอดนึกถึงเฉินหวั่นชิงอยู่บ้างไม่ได้
แม้จะพูดว่าเธอไม่อยากมีพิรุธต่อหน้านายท่านเฉินถึงทำด้วยตนเอง แต่เงินนี้ยังคงใช้จ่ายที่ตัวตนเองไม่ใช่เหรอ?
แต่ ต้องพูดว่า ที่แท้จ่ายเงินแค่ไหนก็ได้สินค้าแบบนั้น
วัสดุของเสื้อผ้านี้พอสัมผัสแล้วนุ่มลื่นอย่างยิ่ง ทำงานได้ละเอียดอย่างมากด้วย การออกแบบโดยรวมมีความทันสมัย
สรุปโดยรวม ตอนที่เย่เทียนเปลี่ยนชุดสูทเดินออกมา ฉินโล่หยินที่รออยู่ด้านนอกก็ดวงตาเป็นประกาย
สุภาษิตว่าเอาไว้ถูก ไก่งามเพราะขน คนงามเพราะแต่ง
ถึงแม้ว่าเย่เทียนไม่เข้าใกล้ความหล่อเท่าไร แต่เป็นประเภทที่ใส่เสื้อผ้าแล้วดูรูปร่างไม่ออก ทว่าพอถอดออกถึงได้รู้โดยแบบฉบับของจริง บวกกับบุคลิกที่เป็นเอกลักษณ์ของเขานั้น อยากควบคุมสูทชุดนี้ย่อมไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น
ไม่ต้องพูดถึงฉินโล่หยิน แม้แต่ผู้หญิงคนอื่นในร้านต่างถูกเสน่ห์ที่เย่เทียนปล่อยออกมาดึงดูดความสนใจเอาไว้แล้วอย่างช่วยไม่ได้
สัญชาตญาณผู้ชายมองเห็นสาวสวยย่อมย้ายสายตาเข้าไปเป็นธรรมดา ตอนที่ผู้หญิงเห็นหนุ่มหล่อก็จะมองมากหน่อยเหมือนกัน
พนักงานขายหญิงทอดถอนใจ “คุณผู้หญิงคะ สูทชุดนี้ราวกับวัดตัวตัดมาเพื่อแฟนของคุณเลยทีเดียวค่ะ ใส่ขึ้นมาแล้วหล่อจริงๆ!”
“เขา……”
ฉินโล่หยินได้ยิน อยากจะอธิบายสักหน่อยโดยจิตใต้สำนึก
“เสี่ยวมู่ เธอเข้ามาหน่อยสิ”
เวลานี้ พนักงานขายคนอื่นในร้านกลับตะโกนเรียกพนักงานขายหญิงแล้ว ทำให้คำอธิบายของฉินโล่หยินสะดุดถึงที่สุด
“คุณผู้หญิงคะ ขอโทษนะคะ เดี๋ยวฉันรีบกลับมาค่ะ”
พนักงานขายหญิงที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวมู่แสดงท่าทางรู้สึกผิด จากนั้นไปจัดการที่เพื่อนร่วมงานเรียกก่อนแล้ว
ภายใต้ความจำใจ ฉินโล่หยินได้เพียงย้ายสายตากลับมาบนตัวเย่เทียนแล้ว ยิ้มอ่อนบอกว่า “ใส่สบายรึเปล่า? ถ้าสบายเดี๋ยวให้พวกหล่อนใส่ถุงให้”
“สบายมันก็สบาย แค่ว่า……”
เย่เทียนส่ายหน้าเล็กน้อย อดกดเสียงต่ำลงระดับหนึ่งไม่ได้ “ถ้าไม่อย่างนั้นก็ช่างเถอะ? เมื่อกี้ในห้องลองเสื้อฉันดูราคานิดหน่อย ชุดนี้รวมกันตั้งหนึ่งแสนแปดหมื่นนะ หรือว่า……”
“หนึ่งแสนแปดหมื่นก็หนึ่งแสนแปดหมื่น ไม่ได้ใช้ให้นายควักเงิน”
ฉินโล่หยินเดิมทียังคงหนักแน่น “ฉันว่าสูทตัวนี้เหมาะกับนายดี เมื่อกี้พนักงานขายเขายังบอกว่าสูทนี้วัดตัวตัดมาเพื่อนายโดยเฉพาะจริงๆ”
เวลานี้ ข้างหูกลับมีคำพูดที่มีความหมายเยาะเย้ยมากลอยมา
“โอ๊ย สูทชุดนี้ดีมากเลย! นายบ้านนอกคนนั้น ถอดสูทออกมาซะ!”