บทที่ 182 ทำไมต้องยอมให

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ตอนที่เย่เทียนกับฉินโล่หยินสนทนากันเสียงเบาๆ ที่ตำแหน่งห่างไปจากพวกเขาสักห้าเมตรได้ ดวงตาที่เปล่งประกายของหญิงวัยกลางคนหนึ่งที่รูปร่างอ้วน และดูล่ำสันมากกำลังจ้องมองเย่เทียน

พูดให้ถูกต้อง น่าจะจ้องสูทที่ยังไม่ได้ถอดป้ายราคาออกชุดนั้นบนตัวเขาอยู่ต่างหาก

“สูทของผู้ชายทางนั้นไม่เลวมากเลยล่ะ”

หญิงวัยกลางคนกวาดตามองพนักงานขายที่ข้างกายแล้ว ยื่นนิ้วมือสั้นๆ นั้นชี้ไปทางเย่เทียน “ในร้านพวกเธอยังมีอีกรึเปล่า? เอาเข้ามาให้ฉันชุดหนึ่ง”

“เอ่อ?” พนักงานขายมองสูทบนตัวของเย่เทียนแวบหนึ่ง ชั่วขณะนั้นสีหน้ากระอักกระอ่วนขึ้นมา

“คุณลูกค้าคะ ต้องขอโทษจริงๆ นะคะ สูทบนตัวของคุณผู้ชายท่านนั้นเป็นแบบใหม่ล่าสุดที่พวกเราเพิ่งนำกลับมาเมื่อวานนี้ ตอนนี้ในร้านมีเพียงชุดนั้นค่ะ”

“ถ้าไม่อย่างนั้น ท่านทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ อีกสองวันของมาส่งแล้วทางเราจะติดต่อท่านไปอีกทีนะคะ?”

หญิงวัยกลางคนรีบขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “เอาของมาก็เอามาแค่ชุดเดียว ไม่รู้จริงๆ ว่าร้านพวกเธอทำมาค้าขายกันยังไง”

พนักงานขายรีบกล่าวขอโทษ “ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ ถ้าไม่อย่างนั้นคุณผู้หญิงลองดูแบบอื่นดูหน่อยไหมคะ?”

“เชอะ!” หญิงวัยกลางคนทำเสียงฮึดฮัด ขี้เกียจพัวพันกับพนักงานขายอีก เดินตรงไปยังพวกของเย่เทียน

เย่เทียนในเวลานี้ยังกำลังโน้มน้าวฉินโล่หยินอยู่ มีเงินนี้มาซื้อเสื้อผ้า ยังไม่สู้เอาเงินสดให้เขาไปซื้อตัวยาเสียดีกว่าล่ะ!

“นี่นายคนนั้น ฉันสนใจสูทบนตัวของนายแล้ว รีบถอดออกมาเถอะ!”

คำพูดนี้ออกไป เย่เทียนและฉินโล่หยินอดมึนงงไม่ได้เลย

นี่ค่อนข้างไร้เหตุผลเกินไปมั้ง?

หลังจากตกตะลึงเล็กน้อย เย่เทียนได้สติกลับมา ยักคิ้วขึ้นนิดหน่อย “คุณน้า ผมไม่ค่อยเข้าใจคุณหมายความว่าคืออะไร”

“นี่นายหูหนวกแล้วรึไง? ฉันสนใจสูทชุดนั้นบนตัวของนายแล้ว รีบถอดออกมาให้ฉัน!”

หญิงวัยกลางคนหัวเราะเยาะเหยียดหยาม เอามือกอดหน้าอกไว้ มีท่าทีหยิ่งผยอง

ได้รับคำตอบยืนยันอีกรอบ นี่ทำให้เย่เทียนไม่พอใจขึ้นมาในชั่วขณะนั้น นัยน์ตาลึกที่ดำมืดแอบเผยความโกรธเคืองแบบไม่พอใจนิดๆ ขึ้น

เดิมทีเขาอยากโน้มน้าวฉินโล่หยินว่าไม่จำเป็นต้องส่งเสื้อผ้าราคาแพงขนาดนี้ให้เขา ถ้าหญิงวัยกลางคนผู้นี้เข้ามาหารือด้วยท่าทีสุภาพอ่อนโยน เขาไม่ใช่ว่าจะไม่สามารถถือโอกาสแสดงน้ำใจได้

แต่ หญิงวัยกลางคนเหิมเกริมอย่างรุนแรงเช่นนี้ ทำให้เย่เทียนรังเกียจสุดๆ แบบไม่ต้องสงสัย

เพียงแต่ ไม่รอให้เย่เทียนเอ่ยปาก ฉินโล่หยินที่อยู่ข้างกายก็พูดขึ้นก่อนแล้ว

“มีสิทธิ์อะไร?”

ฉินโล่หยินหัวเราะเยาะ พูดอย่างหงุดหงิด “ทุกอย่างล้วนให้ความสำคัญกับมาก่อนได้ก่อนมาทีหลังต้องรอ เสื้อผ้าชุดนี้เป็นพวกเราถูกใจก่อน แม้กระทั่งใส่ไปแล้ว ทำไมคุณอยากซื้อแล้วพวกเราต้องยอมให้ด้วย?”

“เธอคิดว่านี่คือมากินข้าวรึไง? แถมยังพูดว่าให้ความสำคัญกับการมาก่อนได้ก่อนมาทีหลังต้องรอ?”

หญิงวัยกลางคนทำหน้าสบประมาท ใช้สายตาหยิ่งยโสกวาดมองเสื้อผ้าของสองคนรอบหนึ่ง ก่อนจะพูดจาเสียดสี “ยิ่งไปกว่านั้น ยี่ห้อนี้เป็นของแบรนด์เนมมีชื่อเสียงนานาชาติ ต่อให้พวกเธอมีเงินนิดหน่อย กลัวว่าคงตัดใจซื้อไม่ลงล่ะมั้ง?”

โดยพื้นฐานเสื้อผ้าของฉินโล่หยินสั่งตัดโดยเฉพาะ น้อยมากที่จะมีสัญลักษณ์หลงเหลืออยู่ หากไม่ใช่คนในแวดวงชั้นสูง น้อยนักที่จะมองออกว่านั่นคือสินค้าระดับสูงโดยแท้จริง

สำหรับเย่เทียน ถึงจะบอกว่าเสื้อผ้าบนตัวเป็นของมียี่ห้อ แต่ล้วนเป็นยี่ห้อทั่วไป ยังมีระยะห่างจากของหรูหราที่แท้จริงอยู่ไม่น้อยพอควร

เพราะเหตุนี้เอง ภายใต้ความคิดที่ตัดสินจากสิ่งแรกที่เห็นของหญิงวัยกลางคน จะเห็นพวกเย่เทียนอยู่ในสายตาได้อย่างไรกันล่ะ?

“ขอโทษนะคะ เกรงว่าต้องทำให้คุณผิดหวังแล้ว สูทชุดนี้พวกเรายังอยากซื้อแล้ว!”

ฉินโล่หยินได้ยิน กลับไม่โกรธแต่หัวเราะแทน

ถึงแม้ว่าที่นี่คือเมืองเอก แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร เธอก็เป็นถึงแก้วตาดวงใจของตระกูลฉินตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเจียงหนัน จะเป็นบุคคลขาดเงินได้อย่างไรล่ะ?

แม้กระทั่งว่า นี่ยังโชคดีที่อยู่เมืองเอก ถ้าอยู่เจียงหนัน อยู่ในอาณาจักรที่ตระกูลฉินมีอำนาจ เธอคงตอบเข้าไปทีหนึ่งตั้งแต่แรกแล้ว จะมาพูดไร้สาระมากขนาดนี้ที่ไหน

พอพูดคำนี้ออกมา สีหน้าของหญิงวัยกลางคนอึมครึมลงมาในชั่วพริบตา ถลึงตาเคียดแค้นใส่ฉินโล่หยิน

ฉินโล่หยินอ่อนแอที่ไหนกัน เบิกดวงตาโตขึ้นเช่นกัน ถลึงตาใส่อีกฝ่ายกลับไป

เส้นสายตาของทั้งสองชนกันอยู่กลางอากาศ ราวกับปะทะจนเกินประกายไฟลุกไหม้ออกมา

เวลานี้ ในที่สุดพนักงานที่รับผิดชอบต้อนรับพวกเย่เทียนคนนั้นก็เดินกลับมาแล้ว สัมผัสได้ถึงบรรยากาศความขัดแย้งที่เข้มข้นระดับหนึ่ง จึงรีบปลอบประโลมอารมณ์ของทั้งสองฝ่ายทันที

“ลูกค้าทั้งสองคะ อย่าเพิ่งวู่วามเลยค่ะ ทุกคนล้วนเป็นผู้มีเหตุผล มีเรื่องอะไรพวกเราปรึกษาหารือเอา ไม่จำเป็นต้องทำลายความรู้สึกกันน่าจะดีกว่านะคะ”

เห็นพนักงานร้านเข้ามา ฉินโล่หยินจึงรีบพูดแบบไม่พอใจ “เธอมาก็ดีเลย เสื้อผ้าชุดนี้เป็นเธอเอามาให้พวกฉันก่อน แต่ผู้หญิงคนนี้วิ่งเข้ามาอยากให้พวกฉันถอดออก คือไร้เหตุผลสิ้นดี!”

“คุณคนสวยคะ ฉันพอเข้าใจสถานการณ์คร่าวๆ ขอให้คุณรอสักครู่นะคะ”

โดยเฉพาะพนักงานขายที่ถูกเรียกว่าเสี่ยวมู่เป็นคนต้อนรับพวกของเย่เทียนด้วยตนเอง จะไม่เข้าใจว่าหญิงวัยกลางคนเป็นคนที่เข้ามาทีหลังได้ที่ไหนกัน

ในความเป็นจริง เรื่องราวนี้เดิมทีเป็นปัญหาที่ตัวหญิงวัยกลางคน

ทุกเรื่องมักจะมีหลักการ มาก่อนได้ก่อนมาทีหลังต้องรอนี่คือกฎที่สืบทอดมาจากสมัยโบราณ

โดยเฉพาะสูทชุดนี้เป็นพวกของเย่เทียนเข้ามาดูก่อน ต่อให้หญิงวัยกลางจะชื่นชอบอย่างไรก็ตาม นั่นก็ต้องรอเย่เทียนพวกเขาไม่ซื้อจริงๆ แล้วถึงสามารถซื้อได้ การกระทำแบบนี้ของหญิงวัยกลางคนไม่มีเหตุผลอยู่บ้างเสียจริง

พิจารณามาถึงตรงนี้ เสี่ยวมู่พกรอยยิ้มของมืออาชีพเดินไปด้านข้างหญิงวัยกลางคน แล้วพูดอย่างจำใจ “คุณผู้หญิงคะ สูทชุดนั้นเป็นลูกค้าสองท่านนี้มาดูก่อนจริงๆ ถ้าไม่อย่างนั้นคุณเปลี่ยนชุดอื่นดีไหมคะ?”

“หรือว่า ฉันช่วยคุณทำการจองแบบไม่เสียเงินให้คุณแทนคะ คุณทิ้งเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ อีกสองวันของมาส่งแล้วพวกเราจะติดต่อคุณอีกทีหนึ่ง?”

“ฉันไม่มีเวลาขนาดนั้น คืนนี้ลูกชายฉันต้องไปร่วมงานเลี้ยงที่สำคัญมากงานหนึ่ง อีกสองวันงานเลี้ยงก็จบไปแล้ว ฉันยังจะซื้อมาทำอะไร?”

หญิงวัยกลางคนปัดมือ ทำหน้าหยิ่งยโสพูดว่า “ตอนนี้ฉันจะเอาสูทชุดนั้น ขอเพียงเธอขายให้ฉันได้ ฉันสามารถเพิ่มทิปพิเศษให้เธอสองพัน!”

เสี่ยวมู่ได้ยิน ยากที่จะไม่หวั่นไหวอยู่บ้าง

ทิปสองพัน นั่นใกล้ถึงหนึ่งในสามของเงินเดือนหล่อนเลยนะ!

คนเรามักจะมีความโลภมาก ภายใต้ความเย้ายวนของเงินทอง เสี่ยวมู่ตัดสินใจอย่างหนึ่งลงไปเรียบร้อยแล้ว

“คุณผู้หญิงคะ งั้นคุณรอสักครู่นะคะ ฉันจะดูว่าสามารถโน้มน้าวลูกค้าสองท่านนั้นได้หรือเปล่า”

เสี่ยวมู่ปลอบโยนหญิงวัยกลางคนอย่างเรียบง่าย ถึงเดินกลับไปด้านหน้าเย่เทียนสองคนนั้น กล่าวขอโทษด้วยความสุภาพ จากนั้นก็เริ่มพูดโน้มน้าวขึ้นมา

“ลูกค้าทั้งสองคะ สูทชุดนี้เป็นแบบใหม่ล่าสุดของแบรนด์พวกเรา พวกคุณอยากซื้อจริงหรือเปล่าคะ?”

“ไม่อย่างนั้นล่ะ? ถ้าไม่อยากนั้นฉันก็คงไม่ต้องไปทะเลาะกับหล่อนแล้ว!” ฉินโล่หยินเบ้ปาก

เสี่ยวมู่แอบถอนหายใจทีหนึ่ง เดิมทีหล่อนยังหวังว่าราคาที่แพงลิ่วจะสามารถทำให้เย่เทียนพวกเขาทั้งสองสละสิทธิ์ได้ ตอนนี้ดูแล้ว คงได้เพียงหาวิธีอื่นเอา

คุณคนสวยคะ สถานการณ์ตอนนี้เป็นแบบนี้ค่ะ ลูกชายของลูกค้าท่านนั้นคืนนี้ต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงที่สำคัญมากงานหนึ่ง ดังนั้นเลยไม่มีทางรอการสั่งจองได้ค่ะ”

“ไม่ทราบว่าสองท่านยอมถอยให้หน่อยได้หรือเปล่า ทิ้งเบอร์โทรศัพท์จองของเอาไว้ อีกสองวันพอสินค้ามาถึงฉันจะรีบติดต่อพวกคุณเลยค่ะ”

ไม่รอเย่เทียนพวกเขาสองคนตอบรับ เสี่ยวมู่เหมือนกลัวว่าพวกเขาปฏิเสธ จึงเอ่ยปากอีกว่า “ถ้าทั้งสองท่านสามารถเห็นชอบได้ ฉันจะให้สิทธิพิเศษของลูกค้าเก่ากับทั้งสองท่านได้ สูทชุดนี้สามารถลดไปได้สิบเปอร์เซ็นต์เลยค่ะ แทบจะถูกลงไปสองหมื่นกว่าเลยนะคะ”

เพียงแต่ ผลสุดท้ายลิขิตมาให้หล่อนผิดหวัง ฉินโล่หยินพูดจาเยาะเย้ย “ลูกชายของหล่อนจะเข้าร่วมงานเลี้ยงอะไรนั่นเป็นเรื่องของบ้านพวกหล่อน เกี่ยวอะไรกับพวกฉันด้วย! มีสิทธิ์อะไรต้องเป็นพวกฉันยอมให้ด้วย!”