หลังจากถังซีกับเฉียวเหลียงเดินไปได้สักพักหนึ่ง จู่ๆ เฉียวเหลียงก็อุ้มเธอขึ้น เธอยกแขนโอบรอบคอเขาและมองหน้าเขาโดยไม่รู้ตัว เฉียวเหลียงก้มลงมองเธอ จากนั้นก็มองที่เท้าเธอซึ่งมีเลือดไหลโชก ดวงตาเขาค่อยๆ เข้มขึ้นด้วยความโกรธ “คุณควรดูแลตัวเองให้ดีกว่านี้” 

 

 

ถังซีทำตัวว่าง่ายอยู่ในอ้อมแขนเขา และหัวเราะเบาๆ “ฉันไม่เคยกล้าดูแลตัวเองไม่ดีเวลามีคุณอยู่ใกล้ๆ” 

 

 

เฉียวเหลียงจ้องหน้าเธออีกครั้ง หากเธอทำตัวดี เธอคงไม่ได้รับบาดเจ็บ! 

 

 

เฉียวเหลียงเตือนว่า “ถังซี ผมขอบอกคุณเป็นครั้งสุดท้ายนะ อย่าให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บอีกไม่อย่างนั้นผมไม่รู้ว่าผมจะทำอะไรบ้าๆ หรือเปล่า!” เขากอดถังซีที่ตัวเปียกโชก โดยไม่สนใจว่าเสื้อผ้าเขาจะเปียกไปด้วยหรือไม่ และกล่าวต่อไปด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ถ้าคุณอยากแก้แค้น และสืบหาว่าใครฆ่าคุณ ผมสามารถช่วยคุณได้ แต่คุณทำร้ายตัวเองไม่ได้ เข้าใจไหม” 

 

 

ถังซีนิ่งขึง เลิกคิ้วขึ้น ก่อนจะมองหน้าเฉียวเหลียง จากนั้นเธอก็ยิ้ม แต่สายตาเธอเยือกเย็นขณะจ้องหน้าเฉียวเหลียง และกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน “เฉียวเหลียง เราคบกัน อยู่ด้วยกันเพราะฉันรักคุณ แต่ฉันต้องการแก้ปัญหาของฉันด้วยตัวฉันเอง คุณไม่สามารถตัดสินใจแทนฉันได้ ถ้าคุณทำไม่ได้ ฉันจะไปจากคุณ!” 

 

 

เฉียวเหลียงหยุดเดิน บรรยากาศรอบตัวเขาเย็นยะเยือกขึ้นมาทันที ราวกับถูกรายล้อมด้วยพายุ เฉียวเหลียงมองถังซีด้วยสายตาโกรธจัด และกล่าวอย่างจริงจัง “พูดอีกครั้งสิ!” 

 

 

ถังซีเชิดคางขึ้น ส่งสายตาเยือกเย็นและเด็ดเดี่ยวให้เฉียวเหลียง ราวกับว่าผู้ชายที่เธอกำลังเผชิญหน้าไม่ใช่คนที่เธอรัก แต่เป็นศัตรูทางธุรกิจ เธอกล่าวอย่างเย็นชา “ฉันบอกว่า ถ้าคุณต้องการให้ฉันเป็นนกในกรงทอง ฉันจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อหลบหนีไปจากคุณ แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตก็ตาม!” 

 

 

คำพูดของเธอทำให้เฉียวเหลียงโกรธจัดจนถึงที่สุด อารมณ์เขาพลุ่งพล่านราวกับพายุ เขาหยุดยืนอยู่กับที่ กอดถังซีแน่น ขณะก้มมองดูเธอเขาคำรามอย่างเจ็บปวด “ผมต้องเป็นบ้า…” 

 

 

คำพูดของเขาถูกกลืนหายลงไปในลำคอด้วยจูบอย่างฉับพลันของถังซี ความโกรธของเขาลดลงทันที ถูกแทนที่ด้วยความประหลาดใจและตกใจ ถังซียังคงโอบแขนรอบคอเขา แต่สีหน้าเธอไม่ดุดันและเยือกเย็นเหมือนเมื่อกี้ เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนกล่าวว่า “อาเหลียง ฉันก็อยากยืนอยู่บนยอดปิรามิด แล้วมองลงมาดูผู้คนกับคุณ แทนที่จะยืนอยู่ข้างล่างแหงนหน้าขึ้นไปมองดูคุณ คุณเข้าใจฉันไหม” 

 

 

เฉียวเหลียงรู้สึกว่าหัวใจเขากระตุกอย่างแรง “เพราะเหตุนี้หรือ” 

 

 

ถังซีพยักหน้า “ใช่ คุณรู้ไหมว่าตัวตนในอดีตของฉันแตกต่างจากตัวตนในปัจจุบันอย่างสิ้นเชิง ในอดีตคนใหญ่คนโตทุกคนในโลกโค้งคำนับให้ฉัน แม้ว่าฉันจะนอนเล่นอยู่บ้าน แต่ตอนนี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ฉันกลายเป็นคนที่ทีมงานตัวเล็กๆ ก็ยังกล้ารังแก ถ้าฉันเอาแต่หลบอยู่ข้างหลังคุณ ฉันคงจะกลายเป็นเศษขยะไปสักวันหนึ่ง” 

 

 

เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีด้วยสายตาใช้ความคิดหนัก แต่ไม่พูดอะไร สุดท้ายเขาก็พาถังซีไปที่ห้องนั่งเล่นในเรือนรับรอง วางเธอลงบนโซฟา จากนั้นก็ไปหาเสื้อผ้ามาให้เธอเปลี่ยน หลังจากถังซีออกมาจากห้องแต่งตัว เขาก็หยิบชุดปฐมพยาบาลมาเริ่มทำแผลที่เท้าให้เธอ 

 

 

เมื่อคิดถึงว่าเฉียวเหลียงไม่ได้โยนเธอลงบนพื้น แต่ยังคงอุ้มเธอไว้ในอ้อมกอดอย่างแน่นหนา แม้แต่ในช่วงเวลาที่โกรธจัด ถังซีก็อดยิ้มไม่ได้ เธอเอื้อมมือไปสัมผัสใบหน้าเขาด้วยรอยยิ้มแสนหวาน “อาเหลียง ฉันรู้ว่าคุณงานยุ่งมาก ไม่ต้องมาอยู่เคียงข้างฉันทุกวันก็ได้ ฉันโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันจะไม่หลงทางหายไปไหน…” 

 

 

“ไม่ คุณเคยหายไป” หลังจากจบคำพูดเฉียวเหลียงก็ก้มลงทำแผลให้เธอต่อไป 

 

 

ถังซีอึ้งไปกับคำพูดของเขา… เขาหมายความว่าเขาเคยเสียเธอไปแล้วครั้งหนึ่ง เพราะฉะนั้นเขาจะไม่ยอมเสียเธอไปอีกแล้วใช่ไหม 

 

 

ถังซีรู้สึกเศร้าขึ้นมาอย่างฉับพลัน… 

 

 

ในขณะนั้นประตูห้องนั่งเล่นก็เปิดออก ถังซีเงยหน้าขึ้นมอง เห็นหนิงเหยี่ยน เฮ่อหว่านหนิง และพี่น้อง ตระกูลเซียวเดินเข้ามา ถังซีเลิกคิ้ว ขณะที่เฉียวเหลียงยังคงทำแผลให้เธอต่อไปราวกับว่าไม่มีใครกำลังมองดู เซียวจิ่งมองหน้าถังซีซึ่งพยักหน้าให้เขาด้วยรอยยิ้ม แล้วกล่าวว่า “เราเจอตัวการแล้ว เซียวจิ้นหนิงจ้างพนักงานชายในบริษัทของหนิงเหยี่ยน เพื่อทำร้ายนางแบบที่ทำให้เธอถูกยกเลิกสัญญา โดยที่เธอไม่รู้ว่านางแบบคนใหม่คือโหรวโหรว” 

 

 

“เธอเองเหรอ” ถังซีรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เธอไม่ได้เจอเซียวจิ้นหนิงมานานแล้ว หลังจากเรื่องลูกสาวตัวจริงตัวปลอมถูกเปิดเผย เธอก็ไม่ได้พบเซียวจิ้นหนิงอีกเลย เธอจึงประหลาดใจที่เซียวจิ้นหนิงมาปรากฏตัวอีกครั้ง โดยเป็นผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ 

 

 

หนิงเหยี่ยนยกมือขึ้นปิดปากกระแอมอย่างละอายใจ ก่อนส่งสายตาขอโทษไปให้ถังซี “เป็นความผิดของฉันเอง ถ้าฉันรอบคอบกว่านี้จะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พนักงานคนนั้นถูกไล่ออกแล้ว และสำหรับเซียวจิ้นหนิง ฉันจะแจ้งความจับเธอ ด้วยหลักฐานจากคำสารภาพของพนักงาน และบันทึกการโอนเงิน” 

 

 

ถังซียิ้มและพยักหน้า “ตกลงค่ะ ขอโทษด้วยนะคะที่สร้างความยุ่งยากให้คุณ” 

 

 

หนิงเหยี่ยนโบกมือไปมา “เป็นความผิดของฉัน เพราะฉะนั้นฉันมีหน้าที่ต้องจัดการ” เมื่อมองดูบาดแผลที่เฉียวเหลียงใช้ผ้าพันแผลพันไว้เขาก็เลิกคิ้วขึ้น “แต่ฉันอยากเตือนให้เธอรู้ว่า เซียวจิ้นหนิงเป็นคนอันตราย เธอควรกำจัดผู้หญิงคนนี้ให้เร็วที่สุด” 

 

 

ถังซีพยักหน้า กำลังจะพูดอะไรบางอย่างเมื่อหยางจิ้งเสียนโทรมาหาเธอ ถังซีรับโทรศัพท์ ขณะฟังคำพูดของหยางจิ้งเสียนทางโทรศัพท์ เธอหน้าบึ้งทันทีและผลุดลุกขึ้น “หนูเข้าใจแล้วค่ะ หนูจะไปเดี๋ยวนี้” 

 

 

เซียวส่ากับเซียวจิ่งมองหน้าเธอพร้อมกัน “มีอะไร” 

 

 

ถังซีขมวดคิ้ว ตอบอย่างเคร่งเครียดว่า “คุณป้าได้รับบาดเจ็บ แม่ของคุณป้าผลักเธอตกบันได” 

 

 

“อะไรนะ!” เซียวจิ่งกับเซียวส่าก็ตกใจเช่นกัน “ผลักคุณป้าตกบันได!” 

 

 

เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม กล่าวว่า “ผมจะไปส่งคุณที่นั่น” จากนั้นเขาก็ก้มลงประคองถังซี พาเธอเดินออกไปข้างนอก 

 

 

ถังซีตรวจดูโทรศัพท์มือถือ พบว่ามีสายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับจำนวนมากจากหยางจิ้งเสียน อุบัติเหตุน่าจะเกิดขึ้นนานแล้ว 

 

 

เซียวจิ่งกับเซียวส่าก็อยากกลับเดี๋ยวนี้เช่นกัน พวกเขาบอกเฮ่อหว่านหนิงว่าให้โทรหาพวกเขาถ้ามีปัญหาอะไร แล้วรีบออกไป 

 

 

เมื่อเห็นพวกเขากลับกันไปอย่างเร่งรีบ หนิงเหยี่ยนก็ถอนหายใจแล้วส่ายศีรษะ “คิดไม่ถึงเลยว่าตระกูลเซียวจะมีเรื่องยุ่งเหยิงขนาดนี้” เขาเดาะลิ้นแล้วพูดต่อว่า “แล้วที่ทำให้ฉันประหลาดใจมากกว่านั้นคือ เฉียวเหลียงเต็มใจที่จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับครอบครัวที่ยุ่งเหยิงนี้” 

 

 

เขาเคยคิดว่าเฉียวเหลียงเป็นคนประเภทที่ไม่สนใจใยดีผู้หญิง แต่ภาพที่เห็นจากช่วงเวลาที่เซียวโหรวตกลงไปในน้ำ เขารู้ทันทีเลยว่า เฉียวเหลียงตกหลุมรักสาวน้อยผู้ขโมยหัวใจเขาไปคนนี้เข้าให้แล้ว 

 

 

หลังจากเฉียวเหลียงให้ถังซีขี่หลังลงจากภูเขา ทั้งสี่ก็ขึ้นรถ เซียวส่าเป็นคนขับรถตรงไปที่โรงพยาบาล 

 

 

ไม่นานพวกเขาก็มาถึงโรงพยาบาล เพราะเซียวส่าแล่นตะบึงมาราวกับขับรถแข่ง ทันทีที่ทั้งหมดเข้าไปในโรงพยาบาล จู่ๆ ถังซีก็คิดอะไรขึ้นมาได้บางอย่าง เธอจึงหยุดเดิน