ตอนที่ 497 ลอบสังหาร
“ได้”
มิว่าเป็นภารกิจใดอันหลิงเกอก็มิใจอ่อนและเพื่อให้ตนได้มีชีวิตรอดก็ต้องทำให้สำเร็จ
นี่คือครั้งแรกที่นางได้ออกจากหุบเขากู่ ระหว่างเดินผ่านถนนเส้นเล็กของหอพิษกู่แล้วสายตาของคนรอบข้างดูเหมือนจับจ้องมาที่นางเป็นตาเดียว
สายตาของอันหลิงเกอหยุดอยู่ที่แม่เฒ่าซึ่งยืนอยู่ตรงหัวมุมถนนผู้นั้น ครั้งแรกนางซาบซึ้งใจที่แม่เฒ่าช่วยไว้ แต่ตอนนี้รู้ว่าอาโผมิใช่แม่เฒ่าธธรมดาทั่วไปแล้วในใจมิมีความรู้สึกใดนอกจากความเย็นชาเท่านั้น
ในตอนนั้นนางเห็นอาโผเป็นผู้อาวุโส เห็นว่าเป็นคนใจกว้างที่ยอมปล่อยตนไป แต่คาดมิถึงว่าอีกฝ่ายจักส่งนางมาให้ฟางหลิงซู่ บัดนี้ความไร้น้ำใจที่สัมผัสได้จากหอพิษกู่แห่งนี้ทำให้อันหลิงเกอแปรเปลี่ยนเป็นคนใจแข็ง
ทว่า ณ หุบเขากู่ นางมิใช่ผู้แข็งแกร่งแล้วได้รับความสนใจมากมายเยี่ยงนี้ได้อย่างไร ?
หลังเดินผ่านอาโผไปแล้ว อันหลิงเกอก็มิหันมามองนางอีก ทว่าเดินตรงไปยังหอพิษกู่
ผู้ใดบอกว่าออกจากหอพิษกู่มิได้ ?
“เราจักไปที่ใดหรือ ? ”
อันหลิงเกอเห็นว่าม้าวิ่งมาไกลเยี่ยงนี้แล้ว อาโผยังไร้ทีท่าว่าจะหยุด พวกนางจักไปที่ใดกันแน่ ?
“ภารกิจในครานี้มีประโยชน์ต่อตัวท่านเอง มิต้องถามให้มากความหรอก”
ต่อนางเองหรือ ? อันหลิงเกอเกิดความสงสัยขึ้นในใจ หากกล่าวถึงคนที่สามารถทำให้หอพิษกู่แห่งนี้รับรู้ถึงความเคียดแค้นของนางได้ก็คงมีแต่จ้าวหลานหยู่กระมัง หรือกำลังไปสังหารจ้าวหลานหยู่ ?
เกรงว่าเป็นไปมิได้เพราะการเกี่ยวพันถึงเชื้อพระวงศ์ แม้แต่หอสดับพิรุณก็ทำอันใดมิได้ คนกลุ่มเล็กเยี่ยงหอพิษกู่จากแคว้นชิงเยว่จักบังอาจได้อย่างไร ?
ยิ่งไปกว่านั้นคือจ้าวหลานหยู่ก็มิมีทางปรากฎตัวในเมืองทางตอนใต้ แต่ทิศทางนั้นเป็น…
ดูเหมือนอันหลิงเกอตระหนักได้บางอย่างจึงเบิกตากว้าง
“นี่เป็นภารกิจภายใต้คำสั่งของผู้ใด ? ”
อันหลิงเกอมิอยากเชื่อ หรือมีคนที่จิตใจเหี้ยมโหดเฉกเช่นจ้าวหลานหยู่ที่คิดสังหารคนโดนเนรเทศไปทางตอนใต้ ?
“มิใช่แบบที่ท่านคิดหรอก ครานี้เป็นการสังหารอวี๋เฉิงกู้พี่ชายของอวี๋หมิงหลันเท่านั้น”
พี่ชายหรือ ?
อาโผเห็นสีหน้าสงสัยของอันหลิงเกอจึงอธิบายต่อ “บรรดาพี่น้องในครอบครัวของอวี๋หมิงหลัน นางเป็นคนเดียวที่ได้รับการช่วยเหลือจากฮ่องเต้ แต่พี่ชายของนางกลับได้รับความช่วยเหลือจากเผ่าหมานอี๋”
มิน่าถึงได้อาศัยอยู่ในเขตเนรเทศทางตอนใต้ เพียงแต่สังหารเขาตอนนี้จักมีความหมายใด ?
เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีท่าทางสบาย แต่อันหลิงเกอรู้สึกว่ามันมิใช่เรื่องง่ายเพราะการสังหารพี่ชายของอวี๋หมิงหลันในช่วงเวลาสำคัญเยี่ยงนี้เป็นเรื่องอันตราย
ดูท่าแล้วเป้าหมายของคนผู้นั้นคงต้องการสั่นคลอนความสัมพันธ์ระหว่างอวี๋หมิงหลันและจ้าวหลานหยู่ ทั้งพยายามทำลายผลประโยชน์ของจ้าวหลานหยู่จากการแต่งงานครานี้
แล้วคนผู้นี้ก็มีความแค้นต่อจ้าวหลานหยู่ด้วยหรือ ?
แท้จริงจนถึงตอนนี้อันหลิงเกอก็ยังมิรู้ว่าจ้าวหลานหยู่แต่งงานกับอวี๋หมิงหลันด้วยผลประโยชน์อันใด
อวี๋หมิงหลันเป็นเด็กกำพร้า แม้ตอนนี้รู้ว่าพี่ชายยังมีชีวิตอยู่แล้วยังมีความหมายใด
คนแรกที่อันหลิงเกอคิดได้ก็คือฮ่องเต้ เพียงแต่ตอนนี้พระองค์คงมิได้บัญชา
เช่นนั้นยังมีผู้ใดอีก ?
“ไปกันเถิด”
กล่าวจบ อาโผก็หยุดม้าแล้วมองมาซึ่งอันหลิงเกอก็มิเข้าใจ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็พบว่ามีคนผู้หนึ่งกำลังถือคันธนูอยู่บนยอดเขาและกำลังเล็งเป้าไปบนท้องฟ้าสีคราม
คนผู้นั้นก็คืออวี๋เฉิงกู้หรือ ?
“จงไปสังหารเขา”
น้ำเสียงของอาโผเย็นเยือกแต่อันหลิงเกอยังมิทันได้ตอบสนองอันใดอีกฝ่ายก็ควบม้าพุ่งตรงไปยังยอดเขาแล้ว
หลังขี่ม้ามาหนึ่งวันเต็ม เวลานี้ดวงอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าแล้วแสงสลัวสาดส่องมาบนยอดเขา บุรุษตรงหน้าคาดมิถึงว่าความตายกำลังย่างกรายเข้ามา
เวลานี้มือที่ถือกระบี่เคลือบยาพิษของอันหลิงเกอเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ นางกำลังคิดว่าตนจักหนีรอดออกมาได้อย่างไรอยู่ตลอดเวลา
แต่นางก็รู้ดีว่ารอบภูเขาแห่งนี้ล้วนมีคนของอาโผทั้งสิ้น หากอยากรอดออกไปก็เกรงว่ายาก
นางมิรู้ว่าหากพลาดครั้งนี้แล้วยังมีโอกาสอีกหรือไม่
สังหารอวี๋เฉิงกู้แล้วก็…
“ผู้ใด ! ”
ในตอนที่นางกำลังปรากฏตัวทางด้านหลัง อวี๋เฉิงกู้ก็หมุนตัวกลับมาพอดี
ในชั่วพริบตาเดียวที่เห็นอันหลิงเกอ เขาได้ปล่อยวางความระมัดระวังตัวลงบางส่วนเพราะอย่างไรก็เป็นสตรี มิได้ทำให้เขาหวาดหวั่นเพียงนั้น
อันหลิงเกอรู้ดีว่าหากสังหารอวี๋เฉิงกู้ในเวลานี้แล้วย่อมเป็นเรื่องดีต่อมู่จวินฮานที่กำลังรอนางอย่างแน่นอน
หากอวี๋เฉิงกู้ตายไป อวี๋หมิงหลันต้องสงสัยในตัวจ้าวหลานหยู่เป็นแน่ แม้อวี๋หมิงหลันไร้อำนาจแต่ก็เป็นคนของฮ่องเต้ หากเป็นเช่นนี้ก็อาจทำให้จ้าวหลานหยู่ปวดศีรษะไปชั่วขณะหนึ่งก็ได้
“เจ้าคือใคร ? ”
เมื่อเห็นอันหลิงเกอเดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ อวี๋เฉิงกู้ก็มิได้ระวังตัวมากขึ้นเช่นกัน เขาเป็นพี่ชายของอวี๋หมิงหลันและเป็นคนจงหยวนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ของเผ่าหมานอี๋ สตรีที่อยากเข้าใกล้เขาจึงมีมากมาย อันหลิงเกอมาตัวคนเดียวและเขาจึงมิได้คิดว่านางเป็นนักฆ่า
“เป็นคนที่มาช่วยเจ้า”
สิ้นสุดเสียง อันหลิงเกอก็พุ่งเข้าใส่อวี๋เฉิงกู้ทันที อาโผจึงรีบสั่งให้ยิงห่าธนูตามไป แต่มันกลับร่วงลงพื้นด้านหลังที่ห่างจากทั้งสองมิไกล
“เจ้า…” เขาต้องการกล่าวบางอย่าง แต่อันหลิงเกอลากตัวเขาแล้ววิ่งลงไปอีกด้านของเนินเขา
“ลงไป ! ”
เมื่อเห็นทางลาดชันแล้วอันหลิงเกอจึงรีบตะโกนออกมา แต่ทำให้อวี๋เฉิงกู้ชะงักเพราะทางลาดชันนี้ถ้าลงไปก็เกรงว่าต้องตายอย่างมิต้องสงสัย
ทันทีที่เห็นเขาลังเล อันหลิงเกอก็ยกขาและเตะเขาลงไป ทว่านางก็ได้รับบาดเจ็บบริเวณไหล่โดยมิทันตั้งตัว
บัดซบ !
เมื่อครู่นางรู้ดีว่าอาโผมิปล่อยนางไปแน่ คาดมิถึงว่าอีกฝ่ายใช้ห่าธนูเหล่านั้นมาหยั่งเชิงนาง
แต่น่าเสียดายที่ในชั่วพริบตานั้นนางเปลี่ยนความคิดทัน
อันหลิงเกอมิมีทางทำร้ายผู้บริสุทธิ์อย่างแน่นอน
ถ้าสังหารอวี๋เฉิงกู้เพื่อลดทอนกำลังทหารของเผ่าหมานอี๋ มิสู้ให้เขาสร้างประโยชน์ให้แก่มู่จวินฮานดีกว่า !
ตอนเห็นธนูในมือของอวี๋เฉิงกู้ นางก็รู้ทันทีว่าตอนนี้เขามีสถานะมิต่ำเลยสำหรับเผ่าหมานอี๋
สติปัญญาของคนเหล่านี้เทียบมิได้กับพวกจงหยวน ด้วยเหตุนี้อวี๋เฉิงกู้จึงอยู่ในสถานะของ*จวินซือ
เมื่อเห็นอวี๋เฉิงกู้กลิ้งตัวไปบนทางลาดชัน อันหลิงเกอก็รีบย่อตัวลงและไถลตามเขาไปอย่างรวดเร็ว
ทางลาดนี้ค่อนข้างชันมากทีเดียว บาดแผลบนไหล่ของนางเสียดสีกับพื้นดินอย่างต่อเนื่อง โลหิตจึงแปดเปื้อนไปตลอดทาง
ตั้งแต่ต้นจนจบนางมิได้หยุดแต่อย่างใด ในตอนอยู่บนภูเขากับอาโผเมื่อครู่ นางได้ยินเสียงน้ำไหล แม่น้ำสายนี้นางคุ้ยเคยเป็นอย่างดีเมื่อครั้งมาทำการรักษาโรคระบาดเพราะมันไปบรรจบกับเมืองทิศตะวันตก ถึงตอนนั้นก็อยู่ห่างจากจวนอ๋องมู่มิไกลแล้ว
นางรู้ดีแก่ใจว่าต้องมีแม่น้ำใหญ่ บัดนี้จึงกล้าเดิมพันแล้วมิพลาดด้วย เพียงแต่น่าเสียดายที่พวกนางมิรู้ว่าสามารถกลับขึ้นบกได้อีกหรือไม่
เมื่ออาโผเห็นคนลื่นไถลไปบนทางลาดชันแล้วก็มิไล่ตามอีก ได้แต่ยืนอยู่บนยอดเขาโดยมิทำอันใด
“เรียนคุณชาย คนตกไปแล้วเจ้าค่ะ”
“อืม”
ฟางหลิงซู่ที่กำลังพักอยู่ในศาลาก็ลืมตาขึ้นมาเล็กน้อย สีหน้ายังสงบราวกับเรื่องทั้งหมดอยู่ในการควบคุมของเขาแล้ว
“อวี๋เฉิงกู้เล่า ? ”
“ยังสังหารมิได้เจ้าค่ะ” อาโผก้มหน้าลง เส้นผมสีดำขลับปรกลงมาในเวลาเดียวกัน
“ช่างเถิด ภารกิจของเจ้าเสร็จสิ้นแล้ว นี่ถือเป็นของขวัญแต่งงานย้อนหลังที่ข้าตั้งใจมอบให้อ๋องมู่และพระชายา ! ”
…
*จวินซือ หมายถึงที่ปรึกษาทางทหาร