ภาคแคว้นติ้ง บทที่ 21 เหตุการณ์อันตรายที่ท่าเรือ (4)

กำเนิดใหม่ชายาผู้ล่วงลับ

หลางฉ่างหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย มือที่ซ่อนอยู่ใต้แขนเสื้อกำแน่นโดยไม่รู้ตัว

ซูหลีพลันกระจ่าง พวกเขาต้องการยืนยันตัวตน ความสงสัยพลันบังเกิดอีกครั้ง สามคนนี้เคยเจอเซี่ยหมิงหยางจริงหรือ?

เซี่ยหมิงหยางเงียบไปครู่หนึ่ง เขาเปิดหมวกที่ปิดบังใบหน้าออกตามคำสั่ง ท่ามกลางแสงสว่างที่มีไม่มากนัก ยังคงไม่อาจมองเห็นใบหน้าเขาได้อย่างชัดเจน

แววเจ้าเล่ห์พาดผ่านดวงตาชายชุดเทา เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ชูคบเพลิงขึ้นสูงหน่อย”

หลิงอวิ๋นจนใจ ชูคบเพลิงขึ้นตามที่เขาสั่ง แสงไฟส่องสว่าง ใบหน้าของเซี่ยหมิงหยางปรากฏชัดเจน คิ้วเข้มตาโต นัยน์ตาหลุบต่ำ คล้ายมีแววเคียดแค้นผสมอยู่รางๆ

ชายชุดเทาจ้องหน้าเซี่ยหมิงหยางนิ่งๆ ไม่พูดอะไร สายตาสะท้อนแววสงสัย เขาหันหน้าไปด้านหนึ่งคล้ายไม่ได้ตั้งใจ สายตาพลันสะดุด ครั้นหันกลับมามองตรงไปข้างหน้าอีกครั้ง สายตาของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นคมปลาบ

ซูหลียืนอยู่ด้านหลังเขาพอดี จึงสังเกตเห็นทุกการเคลื่อนไหวอย่างละเอียด รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี ได้ยินเสียงชายชุดเทาตะโกนเสียงเกรี้ยว “เจ้าไม่ใช่เซี่ยหมิงหยาง!”

หลิงอวิ๋นกับเซี่ยหมิงหยางตัวปลอมหน้าถอดสีทันที รีบชักอาวุธออกมา และพุ่งตัวไปหาซูหลีด้วยความเร็วดุจสายฟ้า! องครักษ์ที่อยู่ด้านหลังหลางฉ่างก็ทำท่าจะพุ่งตัวเข้ามาด้วยเช่นกัน!

สายตาของชายชุดเทาแปรเปลี่ยน ที่แท้หลางฉ่างก็มีจุดประสงค์เช่นนี้เอง! เขารีบเหาะเหินขึ้นกลางอากาศโดยไม่ลังเล แล้วพุ่งตัวไปข้างหน้า! ถือดาบปะทะเข้ามา ขณะเดียวกันก็ตะโกนเสียงดัง “ถอย!”

คนผู้นี้มีวิชาดาบที่ยอดเยี่ยม กระบวนท่าดุดัน เขาโจมตีเหมือนพายุฝนอันรุนแรง แทบไม่คิดชีวิต ชั่วขณะหนึ่ง หลิงอวิ๋นกับเซี่ยหมิงหยางตัวปลอมกลับไม่อาจเข้าใกล้เขาได้แม้แต่น้อย

ซูหลีตกตะลึง เดิมทีนางคิดว่าชายชุดเทาเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง แต่การกระทำของเขาในตอนนี้กลับทำให้นางตระหนักได้ ว่า คนคนนี้ก็ทำตามคำสั่งเช่นกัน ผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริงอยู่ใกล้ๆ บริเวณนี้ แต่กลับไม่ยอมปรากฏตัว!

ขณะครุ่นคิด ชายตัวสูงและตัวเล็กดึงเชือกเส้นหนึ่งมาเกี่ยวเชือกที่มัดมือซูหลี และกระชากพร้อมกันอย่างรวดเร็ว ร่างของซูหลีถูกเสากระโดงเรือดึงขึ้นกลางอากาศทันที! และด้านล่างของนาง ก็เต็มไปด้วยกองกล่องสินค้า! หากคลายเชือกเมื่อใด คนทั่วไปหากตกลงไป จะต้องกลายสภาพเป็นกองเนื้อเละๆ แน่นอน!

หลางฉ่างหน้าเปลี่ยนสี รีบตวาดห้ามทหารที่หมายจะล้อมวงเข้าไปทันที ทุกคนทำได้เพียงยั้งมือ มองดูเงาร่างสีขาวขององค์หญิงฉางเล่อที่ลอยอยู่กลางอากาศ ไม่รู้จะทำเช่นไรดี

ชายชุดเทาโจมตีอย่างดุดัน บีบให้หลิงอวิ๋นและเซี่ยหมิงหยางตัวปลอมถอยหลัง ก่อนจะกระโดดขึ้นไปบนกองสินค้า แล้วตวาดเสียงเกรี้ยว “หลางฉ่าง! ถอยไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะฆ่านางเสีย!”

หลางฉ่างทำได้เพียงโบกมือ และค่อยๆ ก้าวถอยหลังไปนอกท่าเรือพร้อมกับเหล่าทหาร

ลมหายใจของซูหลีถี่กระชั้นขึ้นหลายส่วน นางเริ่มร้อนใจ คิดไม่ออกว่าผู้อยู่เบื้องหลังคนนั้นส่งสัญญาณให้ชายชุดเทาด้วยวิธีใด เขาจึงรู้ว่าเซี่ยหมิงหยางคนนั้นเป็นตัวปลอม? นางหันมองไปยังทิศที่ชายชุดเทาหันไปก่อนหน้านั้น ท่ามกลางความมืดสลัว เรือน้อยใหญ่ที่จอดเทียบอยู่ที่ท่าเรือราวกับเป็นเพียงภาพเงาสีดำท่ามกลางท้องฟ้าอันมืดมิด ผิวน้ำกระเพื่อมไหวเบาๆ ทุกอย่างราวกับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ซูหลีลอบคิดในใจ ผู้อยู่เบื้องหลังเจ้าเล่ห์ดังคาด เขาซ่อนตัวอยู่ในความมืดไม่ยอมปรากฏตัว วันนี้หากไม่จับตัวเขา ภายหน้าไม่รู้เขาจะทำให้เกิดคลื่นลมลูกใหญ่อีกเพียงใด! เพียงแต่จะตามหาคนผู้นี้เจอได้อย่างไรนั้น ยังคงเป็นปัญหายากสำหรับนางในยามนี้ หลางฉ่างอยู่ในที่แจ้ง ทุกการกระทำของเขาอยู่ในสายตาพวกเขา นอกเสียจากจะมีใครคนหนึ่งคอยมองหาจังหวะลงมือ อาจยังมีโอกาสชนะอยู่บ้าง ใช่แล้ว ตอนนี้ตงฟางเจ๋ออยู่ที่ใดกันนะ?

นึกไม่ถึงว่านางเพิ่งคิดถึงเขา กระบี่ดุจสายน้ำที่อยู่ตรงเอวนาง ก็พลันสั่นไหวเบาๆ เสียงขับขานใสๆ ของกระบี่ดังสะท้อนข้างหู ซูหลีพลันดีใจ เป็นตงฟางเจ๋อ! เขามาแล้ว! หัวใจของนางเต้นเร็วอย่างไม่อาจควบคุม นางหันไปรอบๆ พยายามมองหาเงาร่างอันคุ้นเคย แต่กลับมองเห็นเพียงไอหมอกที่ลอยปกคลุมอยู่ท่ามกลางเงาเรือสีดำ

หลางฉ่างกล่าวเสียงเคียดแค้น “อย่าทำร้ายนาง!”

ชายชุดเทาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่ต้องพูดมาก หากรับปากว่าจะปล่อยให้พวกข้าไปจากที่นี่อย่างปลอดภัย น้องสาวเจ้าก็จะมีชีวิตรอด มิเช่นนั้น…”

ใบหน้าของหลางฉ่างแปรเปลี่ยนเป็นขึ้งเคียดสุดขีด หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลง เขาจ้องมองซูหลีที่ห้อยตัวอยู่กลางอากาศ ลังเลยากจะตัดสินใจ แต่กลับได้ยินเสียงซูหลีดังมาจากที่ไกลๆ “เสด็จพี่ ปล่อยพวกเขาไปเถิด ฉางเล่อ…จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอนเพคะ” วาจาที่ลอยมาพร้อมสายลมแฝงแววสะอื้นไว้เล็กน้อย

‘ยอดฝีมือแห่งยุคที่แม้แต่ข้าก็ยังไม่อาจพาตัวนางไปได้อย่างราบรื่น ยามนี้กลับตามโจรลักพาตัวไปอย่างสมัครใจเสียแล้ว…’ วาจาที่ตงฟางเจ๋อกล่าวก่อนหน้านี้ผุดขึ้นมาในสมอง หลางฉ่างสะดุดใจ เขาเคยเห็นนางใช้วรยุทธ์กับตาตนเอง ถึงแม้จะไม่ร้ายกาจเช่นที่ตงฟางเจ๋อบรรยาย แต่ไม่มีทางเป็นคนขี้ขลาดอย่างเช่นในตอนนี้แน่นอน

ชั่วขณะหนึ่งที่เขากำลังครุ่นคิด คล้ายมองเห็นนางพยักหน้าให้เขา เป็นสัญญาณบอกให้ปล่อยพวกเขาไป ในที่สุดหลางฉ่างก็พยักหน้า แล้วตะโกนสั่งเสียงดัง “ปล่อยพวกเขาไป!”

ชายชุดเทาส่งสายตา ชายชุดดำสองคนมองตากันแล้วพยักหน้า จากนั้นก็พลันดึงเชือก เสียงเสากระโดงเรือเหนือศีรษะส่งเสียงดังครืดคราด ร่างของซูหลีไถลไปตามเชือกเส้นยาว ตรงไปยังเรือสินค้าที่จอดเทียบไว้ด้านนอกสุด! ชายชุดเทาถือดาบยืนอยู่บนกองสินค้า คุ้มกันชายชุดดำทั้งสองหลบหนีโดยไถลตัวไปตามเชือกก่อน สุดท้ายจึงกระโดดตามไป เงาร่างสีดำของเขาหายลับไปยังสุดสายเชือกอย่างรวดเร็ว

เงาร่างของชายชุดเทาไถลลงมาบนพื้นเรือ จากนั้นก็หันหลังไปตัดเชือก แล้วตะโกนสั่งเสียงเกรี้ยว “ออกเรือ!”

ชายตัวสูงรีบถาม “พี่ใหญ่ ตอนนี้พวกเราจะทำอย่างไรดี?”

ชายชุดเทาหันกลับไปมองท่าเรือ กล่าวเร่งด้วยความร้อนใจ “เร่งความเร็วเต็มกำลัง แค่มุ่งหน้าไปยังช่องเขาหู่เที่ยวก็พอ นายท่านย่อมมีแผนการอยู่แล้ว!”

ผ้าใบเรือถูกยกสูง เรือสินค้าแล่นออกจากท่าเรืออย่างรวดเร็ว

หลางฉ่างรีบวิ่งนำเหล่าทหารขึ้นเรือลำหนึ่ง หมายจะออกเรือ แต่กลับพบว่าหางเสือของเรือถูกทำลาย จนไม่อาจใช้การได้แล้ว เหล่าทหารออกตามหาเรือลำใหม่ แต่นึกไม่ถึงว่าเรือสิบกว่าลำที่จอดเทียบท่าเรือล้วนเสียหายพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย! หลางฉ่างทั้งร้อนใจทั้งโกรธแค้น เรือสินค้าที่ซูหลีถูกจับตัวไว้ค่อยๆ ห่างจากครรลองสายตา และหายลับไปในความมืดยามค่ำคืน

ครั้นแล่นเรือออกมาจากท่าเรือ ทัศนียภาพบนผิวน้ำก็กว้างไกลขึ้นมาก เสียงลมดังหวีดหวิวข้างหู ผิวน้ำกระเพื่อมไหวรุนแรง

ซูหลีเอนหลังพิงเสากระโดงเรือ เห็นชายตัวสูงยืนอยู่บนหัวเรือ ควบคุมหางเสือ พลางกล่าวว่า “พี่ใหญ่ฉลาดนัก พวกนั้นไม่ตามมาเลย!”

สายตาของคนชุดเทาจับจ้องตรงไปเบื้องหน้า คล้ายโล่งอก “พอถึงช่องเขาหู่เที่ยว พวกเราก็จะปลอดภัยแล้ว”

ชายตัวเล็กกล่าวอย่างประจบประแจง “นายท่านมองการณ์ไกล ความคิดรอบคอบดังคาด”

ชายชุดเทาจ้องหน้าเขาตาขวาง ชายตัวเล็กรีบหุบปากไม่กล้าพูดอะไรอีก

จู่ๆ ชายตัวสูงก็หยุดหางเสือ ตะโกนด้วยความตกใจ “ข้างหน้ามีเรือ!”

ชายชุดเทาตื่นตกใจระคนสงสัย รีบยกมือส่งสัญญาณ “หยุด!”

ท่ามกลางความมืดมิด เรือลำหนึ่งจอดนิ่งสนิทอยู่บนผิวน้ำ เงียบงันไร้เสียง และไม่มีแสงไฟแม้แต่น้อย ราวกับวิญญาณในความมืด

หัวใจของซูหลีเต้นรัว นางก้มมองกระบี่ดุจสายน้ำที่เอวตนเองโดยสัญชาตญาณ ไม่นานเสียงกระบี่ขับขานก็ดังขึ้นรางๆ กลีบปากงามเผยอยิ้มเล็กน้อย

“ซูซู” เสียงทุ้มต่ำอันคุ้นเคย ราวกับดังขึ้นที่ข้างหู “ผู้อยู่เบื้องหลังน่าจะอยู่บนเรือ เมื่อครู่ผ้าใบเรือที่ถูกดึงขึ้น คือสัญญาณลับที่เขาส่งให้คนที่จับตัวเจ้า ข้าจะคิดหาทางดึงดูดความสนใจของพวกเขา เจ้าสังเกตรอบๆ ให้ดี ทันทีที่พบคนน่าสงสัย ก็รีบจับตัวเขาได้เลย!”

…………….