แม่นมไม่รู้ว่าตอนนี้ซูจิ่นซีต้องการช้อนเพื่ออันใด นางรีบออกไปหา ผ่านไปไม่นาน ก็นำช้อนมาหนึ่งคันตามความต้องการของซูจิ่นซี
ซูจิ่นซีล้างช้อนด้วยน้ำร้อนรอบหนึ่ง ก่อนจะหยิบถ้วยบนโต๊ะขึ้นมาหนึ่งใบ
“ช่วยข้าพยุงท่านอ๋องขึ้นมา”
แม่นมรีบเดินมาพยุงเยี่ยโยวเหยาขึ้นนั่ง
ซูจิ่นซีเปิดปากเยี่ยโยวเหยา สอดหางช้อนเข้าไปในคอของเยี่ยโยวเหยาจนถึงตำแหน่งของคอหอย จากนั้นจึงแบ่งยาในชามใหญ่ใส่ถ้วยใบเล็กและเทลงช้อนอย่างระมัดระวัง ยาน้ำค่อยๆ ไหลลงไปตามร่องช้อนลงสู่ลำคอของเยี่ยโยวเหยา ผ่านไปไม่นานก็เทยาลงไปจนหมดถ้วย
คาดไม่ถึงว่ายังสามารถใช้วิธีนี้ได้อีก แม่นมมองด้วยแววตาชื่นชมเล็กน้อย นอกจากนั้น ใบหน้าของสัตว์เทพกิเลนยังเต็มไปด้วยความนับถือและชื่นชมยินดี
แม่นมช่วยซูจิ่นซีประคองเยี่ยโยวเหยานอนลงบนเตียง และห่มผ้าให้เขา ก่อนจะเดินออกจากประตูไป
ก่อนหน้านี้ ซูจิ่นซีใช้พลังจิตเข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้น โดยไม่ได้สนใจเรื่องอื่น นึกไม่ถึงว่าตอนนี้เป็นเวลาหัวค่ำแล้ว
ซูจิ่นซียืนอยู่กลางเรือน นางเปิดความถี่ของอาคมกำไลปี่อั้นจนถึงระดับสูงสุด พลางหลับตาลงอย่างแผ่วเบา
นอกจากได้ยินเสียงความถี่ของอาคมกำไลปี่อั้นที่อยู่ข้างหูแล้ว ซูจิ่นซียังได้กลิ่นดอกเหมยฤดูหนาวที่สวนนอกกำแพง ทั้งยังได้กลิ่นเนื้อหมูตงพอที่เรือนด้านข้าง กลิ่นของสำรับอาหารต่างๆ อาทิ หน่อไม้เนื้อสับ เป็ดแปดสมบัติ ซุปหยกขาวรวมไข่มุก ยังมีกลิ่นซาลาเปาโก่วปู้หลี่ที่อยู่ข้างทางไม่ไกลนัก กลิ่นหอมกรุ่นของชานานาชนิดในร้านชาที่ห่างจากร้านซาลาเปาไปไม่ไกล ชาดหลายชนิดในร้านขายชาด ดูเหมือนจะมีร้านขายยาอยู่ร้านหนึ่ง ยาสมุนไพรในร้านขึ้นราเกือบหมดแล้ว ไม่คิดว่าเถ้าแก่ยังเอาออกมาขายอีก
นางสามารถรับสัญญาณเสียงโดยรอบบริเวณได้ประมาณหนึ่ง
ซูจิ่นซีค่อยๆ ลืมตาขึ้น ดวงตาแจ่มชัด ใบหน้าแสดงออกถึงความพึงพอใจ
อาคมกำไลปี่อั้นเลื่อนระดับติดต่อกันสองครั้ง ทั้งยังเพิ่มระดับความสามารถในการรับกลิ่นของนาง
การเลื่อนระดับของอาคมกำไลปี่อั้นในครั้งนี้ เพิ่มความแข็งแรงให้แก่ประสาทสัมผัสทั้งห้าของนาง หูไว จมูกไว การเลื่อนระดับขั้นต่อไปจะทำให้นางมีตาทิพย์หรือตาอัคคีหรือไม่???
ซูจิ่นซีนึกแล้ว ก็รู้สึกคาดหวังโดยไม่รู้ตัว
ทันใดนั้น ที่ข้างหูพลันมีเสียงตะโกนดังขึ้น เหมือนคนกำลังถูกตามล่า จำนวนคน… ดูเหมือนจะมีสามคน
จากความสามารถในการรับกลิ่นของซูจิ่นซี นางสามารถแยกกลิ่นยาที่อยู่บนร่างของทั้งสามคนได้ กลิ่นบนร่างของสองในสามคล้ายกับจิ่วหรงอยู่บางส่วน เหมือนจะเป็นคนของสำนักแพทย์เทียนอี มีบุรุษหนึ่งสตรีหนึ่ง หากซูจิ่นซีเดาไม่ผิด น่าจะเป็นหนานกงหว่านเอ๋อร์และศิษย์พี่ใหญ่ของนาง จงจิงเฉิน
นอกจากนั้น อีกหนึ่งคนคือผู้ที่ถูกหนานกงหว่านเอ๋อร์และจงจิงเฉินไล่ล่า… จากกลิ่นหอมบนร่าง นางคงเป็นสตรี กลิ่นบนร่างนั้นดูสับสนปนเป ทว่าน้ำเสียงดูคุ้นเคยอยู่บ้าง แต่ซูจิ่นซีไม่แน่ใจว่าเป็นผู้ใด
พวกเขามุ่งหน้ามาทางคฤหาสน์ที่ซูจิ่นซีอยู่
“องครักษ์! ”
ซูจิ่นซีตะโกนเสียงดัง องครักษ์เงาสองนายร่อนลงมาด้านหน้าซูจิ่นซี “พระชายา มีรับสั่งอันใดพ่ะย่ะค่ะ? ”
เยี่ยโยวเหยาหมดสติยังไม่ฟื้น เวลานี้องครักษ์เงาจึงฟังคำสั่งของซูจิ่นซีชั่วคราว
“ไปดูด้านนอก ออกจากประตูแล้วเลี้ยวซ้าย ในซอยที่สาม วิ่งไปจนสุดซอยแล้วเลี้ยวขวา เดินอีกสามสิบก้าว มีคนกำลังถูกไล่ล่า เป็นสตรี ไปช่วยเหลือนางและพาตัวนางกลับมาให้ข้า”
ทันทีที่ซูจิ่นซีเอ่ยออกไป องครักษ์เงาสองนายที่อยู่ข้างนางพลันตกตะลึง กระทั่งเหล่าองครักษ์ที่แอบอยู่ด้านนอก เมื่อได้ยินเสียงของซูจิ่นซีก็พากันตกตะลึง
ต้องรู้ว่า พวกเขาเป็นองครักษ์เงาที่ได้รับการฝึกฝนประสาทสัมผัสการรับรู้เป็นพิเศษ ผู้ที่มีวรยุทธ์สูงส่ง ประสาทสัมผัสการรับรู้ยิ่งสูงตามไปด้วย
แม้แต่องครักษ์เงาผู้มีวรยุทธ์สูงส่งยังไม่ได้ยินเสียงนั้น พระชายาที่ไม่มีวรยุทธ์สามารถได้ยินเสียงเหล่านั้นได้อย่างไร?
ภายใต้ความแปลกใจ เหล่าองครักษ์ต่างอดหันไปมองยังหัวหน้าองครักษ์เงาของพวกเขาไม่ได้
ผู้ที่สามารถดำรงตำแหน่งหัวหน้าองครักษ์เงาได้ แน่นอนว่าต้องเป็นผู้ที่มีวรยุทธ์สูงที่สุดในหมู่พวกเขา
หัวหน้าองครักษ์เงาฟังอยู่ครู่หนึ่ง ทว่าไม่ได้ยินสิ่งใด เขาขมวดคิ้วมุ่น ก่อนจะมองไปมองเหล่าองครักษ์เงา “มองทำอันใด? ใบหน้าของข้าหาได้มีสิ่งใด ไม่ได้ยินคำสั่งของพระชายาหรือ รีบไป! ”
“รับทราบ! ”
ทันใดนั้น องครักษ์เงาจำนวนครึ่งหนึ่งก็มุ่งหน้าไปยังตำแหน่งที่ซูจิ่นซีกล่าว
แท้จริงแล้ว องครักษ์ส่วนใหญ่ไม่ได้ไปเพื่อช่วยเหลือคน แต่ไปดูว่าสิ่งที่ซูจิ่นซีพูดมาทั้งหมดนั้นจริงหรือไม่ มีคนถูกไล่ล่าสังหารจริงหรือไม่?
ผ่านไปไม่นานนัก องครักษ์เงาก็ช่วยผู้ที่ถูกหนานกงหว่านเอ๋อร์และจงจิงเฉินไล่ล่าสังหารกลับมา
เมื่อเห็นคนผู้นั้น คิ้วของซูจิ่นซีพลันขมวดมุ่น
“ฮองเฮา! ”
นึกไม่ถึงว่าหลังจากเรื่องที่ตำบลผูหลิว นางออกตามหาข่าวคราวของฮองเฮาอยู่นาน ทว่าไม่พบอันใด
“เป็นท่านได้อย่างไร? เหตุใดท่านจึงถูกหนานกงหว่านเอ๋อร์และจงจิงเฉินไล่สังหารเล่า? ”
“เจ้ารู้จักพวกเขาหรือ? ”
จงเหมยจวงมีท่าทีเหนื่อยล้า ผมเผ้ายุ่งเหยิง นางรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อได้ยินคำถามของซูจิ่นซี นางได้รับความช่วยเหลือจากองครักษ์เงา ตามความเข้าใจของนาง ซูจิ่นซีคงอยู่ที่นี่มาตลอด ไม่ได้ออกไปที่ใด เช่นนั้นซูจิ่นซีรู้ได้อย่างไรว่า ผู้ที่ไล่ล่าสังหารนางคือหนานกงหว่านเอ๋อร์และจงจิงเฉิน?
ซูจิ่นซีไม่ได้อธิบายให้จงเหมยจวงคลายความสงสัย
“หลังจากเหตุการณ์ที่ตำบลผูหลิววันนั้น ท่านไปที่ใดกันแน่? เกิดอันใดขึ้นกับท่านหลังจากนั้น? ”
ความจริงแล้ว ซูจิ่นซีต้องการรู้ความจริงเรื่องเมืองเจียงหลิงจากปากของจงเหมยจวงมากกว่า ทว่าอย่างไรเสีย ที่แห่งนี้ไม่เหมาะสมที่จะพูดคุยกันเรื่องนี้
“พระชายาโยวอ๋อง ให้ข้าดื่มน้ำสักถ้วยได้หรือไม่? ”
“ตามข้ามา! ”
ซูจิ่นซีหันหลังเดินเข้าไปในห้อง จงเหมยจวงจึงเดินตามหลังซูจิ่นซีเข้าไป
เหล่าองครักษ์เงาที่อยู่ด้านหลังของซูจิ่นซีกับจงเหมยจวง ยังอดรู้สึกตกตะลึงไม่ได้ ผ่านไปครู่หนึ่ง ต่างคนต่างมองหน้ากัน ไม่รู้ว่าควรพูดอันใด ภายในใจรู้สึกสับสน
พระชายาทำได้อย่างไร?
สัมผัสการรับรู้ของนางยอดเยี่ยมยิ่งนัก หากต่อไปพระชายาฝึกฝนวรยุทธ์สำเร็จ องครักษ์เงาอย่างพวกเขาจะตกงานหรือไม่?
นึกมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของแต่ละคนก็ปรากฏความร้อนรนไร้ชีวิตชีวา
ซูจิ่นซีเข้าไปในห้องพร้อมกับจงเหมยจวง นางสั่งให้สาวใช้ที่ปรนนิบัติในห้องทั้งหมดออกไป กระทั่งสัตว์เทพกิเลน ซูจิ่นซีก็แอบเก็บเข้าไปในอาคมกำไลปี่อั้น จากนั้นจึงรินน้ำให้จงเหมยจวงหนึ่งถ้วย
จงเหมยจวงที่ถูกไล่ล่าสังหารและหนีตายมาตลอดทาง รู้สึกกระหายน้ำยิ่งนัก นางดื่มน้ำไปสามถ้วยใหญ่
หลังจากซูจิ่นซีเติมน้ำถ้วยที่สี่แล้ว ก็นั่งอยู่ด้านหน้าจงเหมยจวงด้วยท่าทีใจเย็น “ฮองเฮา ดื่มน้ำเรียบร้อยแล้วหรือ?หากดื่มเรียบร้อยแล้วก็ควรตอบคำถามข้า”
“อวิ๋นเกออยู่ที่ใด? ” จงเหมยจวงถามกลับ “หากข้ายังไม่ได้พบอวิ๋นเกอ ข้าจะไม่ตอบคำถามอันใดของเจ้า”
“รวมถึง ที่ตำบลผูหลิววันนั้นท่านไปอยู่ที่ใด และเหตุใดท่านจึงถูกหนานกงหว่านเอ๋อร์กับจงจิงเฉินไล่สังหาร? ”
จงเหมยจวงไม่ได้พูดอันใด เห็นได้ชัดว่าคำตอบของซูจิ่นซีนั้นชัดเจนอยู่แล้ว
ซูจิ่นซียกยิ้มมุมปากเย็นชา “ข้าไม่เคยกลับคำพูด เดิมทีรับปากท่านว่าจะช่วยเหลือหลวงจีนทุศีล อย่างไรก็ต้องช่วย วันนั้นข้าพาท่านไปยังตำบลผูหลิวก็เพื่อให้ท่านได้พบกับเขา ทว่าวันนั้นเหตุการณ์เกิดเปลี่ยนแปลงกะทันหัน ข้าถูกกูสือซานจับตัวไป หลังจากหลวงจีนทุศีลได้รับการช่วยเหลือจากหลี่ซื่อผู้ช่วยของข้า ทั้งสองก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ฮองเฮาลองคิดดูดีๆ เถิด เรื่องที่เกิดขึ้น ผู้ที่ปรากฏตัวในวันนั้นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของหลวงจีนทุศีล”
มีความเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของมู่หรงอวิ๋นเกอหรือ???
จงเหมยจวงอดหันไปมองเยี่ยโยวเหยาที่นอนอยู่บนเตียงไม่ได้