“มันเป็นยังไงบ้าง? คิดว่าไง?” หลิวยู่ติงตื่นเต้นและพยายามกระตุ้นให้ชูฮันตอบรับ “หัวหน้า เห็นทิศทางของบทลงโทษทั้งหมดนี้มั้ย?”

 

ชูฮันพยักหน้าและมองหลิวยู่ติงด้วยสายตาที่แฝงไปด้วยความต่อต้าน เขาถือได้ว่าเขาโชคดีมากที่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดในที่นี้ และตราบใดที่เขายังอยู่ที่ค่ายของเขาก็จะไม่มีใครลงโทษเขาได้ แต่เขาไม่คิดเลยว่าหลิวยู่ติงจะได้รับแรงบันดาลใจจนทำให้เขาหลอนได้ขนาดนี้

 

ดูที่รายการที่หลิวยู่ติงเขียนมาทั้งหมดนี้สิ ถ้าไม่ทำให้คนตายขึ้นมาจริงๆก็กัดลิ้นตายอยู่ในอก!

 

“เฮ้ โอ๊ะ!” หลิวยู่ติงดูเหมือนได้เจอกับความสนุก “ฉันยังมีไอเดียอีกมากมายให้เขียน พอเวลา—-“

 

“ก่อนอื่น มันพอแล้ว พอแล้ว” ชูฮันเริ่มกลัวอยู่ในใจ “ตอนนี้เริ่มเขียนบทลงโทษของอีกสองระดับได้แล้ว ระดับ 4 ก็ให้รุนแรงขึ้น ระดับ 5 อย่าให้ถึงตาย”

 

“เข้าใจแล้วครับ!” หลิวยู่ติงกลับไปทำงานต่อ

 

หลังจากหลิวยู่ติงจากไป ชูฮันก็เริ่มเกิดความรู้สึกลึกๆว่าหลิวยู่ติงจะทำกับกฏหมายทหารนี่อย่างเกินความคาดหมายที่เขาคาดไว้ แต่ถึงอย่างนั้นตั้งแต่การลงโทษระดับ 1 และ 2 แน่นอนว่ามันเป็นไปตามคำขอของเขาเองแต่ว่ามันเลวร้ายเกินกว่าที่เขาคิด

 

ชูฮันต้องการที่จะขยายกองทัพของเขา เขาจำเป็นต้องเกณฑ์คนแต่เขาไม่สามารถรับประกันได้ว่าทุกคนจะจงรักภักดีต่อเขา ซึ่งมันคือความเป็นจริง เพราะฉะนั้นการมีอยู่กฏหมายทหารของหลิวยู่ติงจะเป็นเครื่องที่ยืนยันผลลัพธ์ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมายทหารอย่างเคร่งครัด ถ้าใครไม่ทำตามกฏระเบียบ คนคนนั้นจะถูกส่งมอบให้หลิวยู่ติงนำไปลงโทษ

 

และในตอนนี้ไม่มีใครสามารถคาดเดาได้เลยเพราะหลิวยู่ติงพึ่งสร้างสิ่งที่ไม่ต่างจากปีศาจขึ้นมาตามคำสอนชูฮันที่ให้หลิวยู่ติงไป มันได้กลายเป็นฝันร้ายสำหรับทั้งกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่เป็นกองทัพนักรบเหนือกองทัพใดๆ ทุกคนที่ได้เห็นกองทัพเขี้ยวหมาป่าต่างหวาดกลัวแม้จะได้ยินแค่เพียงเสียงร่ำลือจากข่าวลือก็ตาม

 

กฏหมายปีศาจของหลิวยู่ติง ชื่อนี้จะกลายเป็นที่รู้จักไปทั่วทั้งจีนด้วยชื่อเสียงของกองทัพเขี้ยวหมาป่าที่ดังก้องไปทั่วทั้งประเทศ

 

“ท่านชูฮัน! ผมกลับมาแล้ว!” จู่ๆเสียงของซูเฟิงก็ดังขึ้นตามมาด้วยร่างที่ปรากฏตัวต่อหน้าชูฮันด้วยท่าทางตื่นเต้นไม่ต่างจากหลิวยู่ติงเมื่อครู่

 

ชูฮันมองกลับไปด้วยแววตาลึกลับ “นายตื่นเต้นอะไร?” “ผมจะเล่าให้ฟัง…” แววตาของซูเฟิงเป็นประกาย มันฉายทุกอย่างอย่างชัดเจนให้คนที่สบตา

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการได้ดูทั้งสี่กลุ่มทำลายล้างฝูงซอมบี้สองพันกว่าตัวโดยไม่ต้องมีคำสั่งของชูฮัน มันยิ่งทำให้ความชื่นชมของซูเฟิงที่มีต่อชูฮันเพิ่มขึ้นไปอีก กลุ่มของเด็กใหม่ที่ยังไม่เข้าใจเรื่องกลยุทธ์ในการต่อสู้เมื่อเดือนก่อน แต่ภายในระยะเวลาสั้นๆเพียงแค่เดือนเดียว พวกเขากลับสามารถประสบความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ท่ามกลางสถานกาณณ์สำคัญและวิกฤต มันคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ แถมยังไม่มีใครได้รับบาดเจ็บอีก!

 

เฉินช่าวเย่เป็นผู้นำเพียงคนเดียวและสมาชิกทั้งหมดต่างร่วมด้วยช่วยกัน การพลิกกลับราวกับมีมนต์ขลังนี้แท้จริงแล้วคือผลจากการได้รับการฝึกฝนจากชูฮันภายในเวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น

 

หลังจากได้ฟังการรายงานของซูเฟิง มันก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของชูฮัน เขาห้ามใจไม่ให้ตัวเองดีใจไม่ได้ ตื่นเต้นใช่มั้ยล่ะ? นี่แหละคือกองทัพที่เขาฝึกมาเอง!

 

หวังไคอึ้งไปแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อเทียบกับรายงานผลการฝึกทีละขั้นของซูเฟิง หวังไคยิ่งตกใจเข้าอีกกับสิ่งที่ชูฮันวิเคราะห์ไว้ไม่กี่นาทีก่อนหน้านี้ การพัฒนาของเรื่องๆต่างนั้นเป็นไปตามที่ซูเฟิงอธิบายอย่างพอดิบพอดี ทุกอย่างเป็นไปตามที่ชูฮันคาดไว้ทั้งหมด

 

“ท่านชูฮัน ค่อก แค่ก ท่านชูฮัน?” หวังไคกอดขาชูฮันพร้อมกับอ้อนวอน “นายน้อยคือเทพมาจุติชัดๆ!”

 

———–

 

เช้าวันถัดมา แสงเริ่มสาดส่อง มันเป็นวันที่สองสำหรับทั้งสิบหกกลุ่มที่เข้ามาในสุสานแห่งนี้ แต่ละกลุ่มมีความก้าวหน้ากันทั้งหมด ทั้งสี่กลุ่มที่ร่วมมือกันทำลายล้างฝูงซอมบี้เมื่อคืนนี้ได้แยกย้ายกันไปคนละทิศทางของตัวเองแล้วเรียบร้อยตามแผนการของชูฮันที่วางไว้แต่แรก

 

เมืองหลิงเฉิงเองก็ได้มอบแสงอาทิตย์ยามเช้าที่อบอุ่นให้แก่ทุกคน แต่มันมีซากศพซอมบี้กองอยู่ที่พื้นมากเกินไป ศพเหล่านี้คือผลงานของทั้งสิบหกกลุ่มที่ตั้งแต่เข้าเมืองมาเมื่อวันก่อน

 

ชูฮันยังคงอยู่กับหลิวยู่ติงบนหลังคาตึกใจกลางเมือง หลิวยู่ติงนั่งเขียนกฏหมยทหารข้ามคืนไม่หลับไม่นอน

 

ซูเฟิงเองก็ไปจากหลังคาและทำหน้าที่เดิมของตัวเองต่อไป นั่นก็คือช่วยชูฮันติดตามเฝ้าดูทั้งสิบหกกลุ่ม ซูเฟิงจึงได้แต่วิ่งไปรอบๆเมืองไม่หยุดอย่างวุ่นวาย

 

หลิงหลิงซวนที่หนีฝูงซอมบี้มา ในตอนนี้เองก็กำลังมุ่งหน้าไปทางกลางเมืองเช่นกัน แต่แล้วจู่ๆเขาก็ต้องหยุดชะงักกลางถนนพลางนิ่วหน้าใส่กลุ่มคนที่ยืนตั้งมั่นอยู่ตรหน้าเขา

 

ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่สุสานนี้ถึงมีคนโผล่มาเต็มไปหมด?

 

ไหนจะคนที่เขาเห็นเมื่อวานหรือกลุ่มคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้อีก หลิงหลิงซวนใช้สัมผัสของเขาสัมผัสได้ว่าคนพวกนี้เป็นแค่คนธรรมดา

 

กลุ่มที่สี่ซึ่งนำโดยกูเหลียงเฉินยืนมองหาร่องรอยเบาะแสของซุปเปอร์ซอมบี้กันอยู่ตามคำแนะนำของชูฮัน และในตอนน้ีจู่ๆหลิงหลิงซวนก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าพวกเขาโดยไร้สัญญาณเตือนใดๆและแน่นอนว่าพลังผันผวนของหลิงหลิงซวนทำให้ทุกคนรู้สึกอึดอัด

 

พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับคนแปลกหน้าหรือปรมาจารย์อยู่!

 

หลี่ชวนยืนอยู่ข้างๆกูเหลียงเฉิน ทันทีที่ได้เห็นคนแปลกหน้าปรากฏตัวขึ้นต่อหน้า หลี่ชวนก็อ้าปากค้างและยืนจ้องไปที่คนแปลกหน้าทันที

 

กูเหลียงเฉินหรี่ตา หลังจากเผชิญหน้ากับหลิงหลิงซวนอยู่ครู่หนึ่ง เสียงฝีเท้าที่เขยิบเข้ามาหาพวกเขาก็ทำให้กูเหลียงเฉินและหลี่ชวนต้องยอมหลบให้ เหล่าทหารผ่านศึกหลายคนเข้าใจความหมายของกูเหลียงเฉินทันทีว่า…พลังการต่อสู้ของของคนแปลกหน้าของนี้ไม่ธรรมดา ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะต่อกรได้

 

หลังจากความลังเลเล็กน้อย สมาชิกที่เหลือทั้งหมดก็ถอยหนีไปยืนชิดถนนทั้งสองฝั่ง เพื่อเปิดทางให้คนแปลกหน้า ทำให้หลิงหลิงซวนมีที่พื้นที่เพิ่มเป็นถนนทั้งเส้น

 

คิ้วของหลิงหลิงซวนเลิกขึ้น ช่างเป็นระเบียบวินัยและแบบแผน? แต่พวกเขาไม่ใช่ทหาร?

 

ความคิดแล่นผ่านเข้ามาในหัว หลิงหลิงซวนยกเท้าขึ้นและก้าวเดินไปด้านหน้า แต่ในใจของนั้นกำลังยิ้มเยาะ…พวกทหารก็มักเป็นแบบนี้ ทำให้ตัวเองไม่มีคุณค่าของความเป็นทหารเลยสักนิด

 

กูเหลียงเฉินผู้เย็นชาไม่ได้พูดอะไร เขามองคนแปลกหน้าที่ก้าวเดินผ่านกลุ่มพวกเขาไปจนร่างของคนคนนั้นหายไปจากระยะสายตา

 

ทั้งหลี่ชวนและกูเหลียงเฉินไม่มีการพูดคุยกันใดๆจนกระทั่งคนแปลกหน้าหายเดินทิ้งห่างไปไกล

 

“พี่กู คนคนนั้นแข็งแกร่งมากเลยเหรอ?” หลี่ชวนที่ไม่ใช่มนุษย์สายพันธุ์ใหม่ถามพร้อมกับขมวดคิ้ว

 

ในขณะที่กูเหลียงเฉินกำลังจะอ้าปากตอบ—–

 

“ถามอะไรไร้สาระ? ไม่เห็นเหรอไงว่าหัวหน้ากลุ่มยอมหลบให้ขนาดนั้น?” น้ำเสียงเยาะเย้ยดังมาจากกลุ่มของคนมาใหม่…ผู้หญิงคนเดียวในกลุ่ม…เจิ้งเย้าพูดอย่างเหยียดหยาม “พอเห็นคนเก่งกว่าก็รีบหดหัวทันที เนี่ยนะเหรอกองทัพ! ที่บอกว่าฆ่าซอมบี้ได้มากมายและได้ชัยชนะมาหลายสงครามนั่นก็เรื่องโกหกไว้โอ้อวดทั้งนั้นใช่มั้ยล่ะ?!”