DC บทที่ 222: ข้าเรียกท่านว่าป๋าได้ไหม

 

“ว้าว ศิษย์น้องหญิงอวี้สามารถอยู่ได้นานกว่าศิษย์พี่หญิงซวน…”

 

หญิงสาวทั้งเจ็ดที่ยังเหลืออยู่ต่างพากันร่วมแปลกใจอยู่ในบ้านพักของซูหยางเมื่ออวี้เยียนยังคงอยู่ในห้องนานกว่าครึ่งชั่วโมง

 

กล่าวไปแล้วไม่มีทางที่พวกเธอจะรู้ว่าที่อวี้เยียนอยู่ได้นานกว่าก็เพียงเพราะว่าซวนจิงหลินได้เข้าไปแบ่งเบาภาระด้วยการเข้าไปร่วมกับพวกเขา

 

สองสามนาทีหลังจากนั้น ประตูก็เปิดขึ้นมาอีกครั้ง และซูหยางก็ปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าหญิงสาวทั้งเจ็ด

 

“ข-ข้าคนต่อไป” ซางเหวินจี หญิงสาวคนที่สาม ตรงเข้าไปหาเขาด้วยความสมัครใจ

 

ซูหยางพยักหน้าและกลับไปภายในห้อง

 

เมื่อซางเหวินจีได้เข้าไปในห้องและเห็นซวนจิงหลินและอวี้เยียนนั่งอยู่ที่มุมห้อง เธอรู้สึกเหมือนเดจาวู(เกิดเหตุการณ์เดิมซ้ำอีกครั้ง) เนื่องเพราะเธอเคยอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน

 

“พวกท่านทั้งคู่ออกไปก่อนได้หรือไม่ ข้าต้องการอยู่ลำพัง” ซางเหวินจีกล่าวกับอีกฝ่าย ในเมื่อเธอไม่ต้องการให้อีกฝ่ายเห็นด้านน่าอายของเธอไปมากกว่านี้เหมือนครั้งที่แล้ว

 

“ไม่”

 

“ม่าย”

 

อย่างไรก็ตามซวนจิงหลินและอวี้เยียนปฏิเสธคำคำขอของเธอในทันใด ในเมื่อพวกเธอต้องการร่วมแบ่งปันความอายที่ตนเองได้กล้ำกลืน

 

“ไม่รึ ข้ามิได้ขอร้องพวกท่านตั้งแต่แรก นี่เป็นเรื่องแปลกสำหรับพวกท่านทั้งคู่ที่จะอยู่ที่นี่ขณะที่ข้ารับการนวด ถ้าพวกท่านมิอาจขยับเขยื้อนได้ด้วยตนเอง เช่นนั้นข้าจักช่วยพาพวกท่านเดิน” ซางเหวินจีตัดสินใจที่จะให้คนทั้งสองออกไป

 

“ฮ้าาา..”

 

เมื่อเห็นว่าซางเหวินจีไม่มีเจตนาที่จะให้พวกเธอดูอีกต่อไปเหมือนครั้งที่แล้ว ซวนจิงหลินและอวี้เยียนก็ถอนใจแล้วออกจากห้องไปอย่างไม่เต็มใจ ด้วยความช่วยเหลือของซางเหวินจี

 

ยามเมื่อพวกเธอถูกเตะออกจากห้องแล้ว ซางเหวินจีก็นอนบนเตียงอย่างกระตือรือล้นโดยไม่ต้องรอให้ซูหยางพูดอะไร

 

แม้ว่าท่าทางเธอไม่ได้สื่ออะไรทั้งสิ้น แต่จากพวกเธอทั้งเก้าคน ซางเหวินจีเป็นหนึ่งในคนที่คาดหวังต่อวันนี้มากที่สุด มากเสียจนกระทั่งเธอแยกทางกับคู่ของเธอหลังจากนั้นไม่กี่วันนับตั้งแต่เธอพบกับซูหยางเป็นครั้งแรก

 

“อืมม..ก่อนที่เราจะเริ่ม ข้ามีข้อขอร้อง…” ซางเหวินจีพลันกล่าวด้วยท่าทางลังเล

 

“มีอะไรรึ” เขาถาม

 

“อ-อาจจะแปลกไปสักหน่อย…แต่..ข้าขออนุญาตเรียกท่านว่า “ป๋า” ได้ไหม น-นั่นจักเพียงกระทั่งข้าพ้นจากห้องนี้เท่านั้น…” ซางเหวินจีใบหน้าขึ้นสีแดงจากความอายหลังจากที่พูดถ้อยคำเหล่านั้น รู้สึกละอายใจกับความยึดมั่นภายในใจของตนเอง

 

ซูหยางมองดูเธอพร้อมกับเลิกคิ้ว เห็นชัดว่าประหลาดใจกับคำร้องขอที่เฉพาะตัวของเธอ

 

อย่างไรก็ตามในเมื่อเขาเป็นสุภาพบุรุษ ซูหยางก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า ตกลงกับข้อร้องขอที่ไม่เหมือนใครของเธอ

 

“ถ้านั่นทำให้เจ้ามีความสุข” เขากล่าวด้วยเสียงราบเรียบ

 

หลังจากหลับนอนกับหญิงมานับไม่ถ้วนจากพื้นเพและฐานะแทบทุกอย่างในช่วงชีวิตก่อนหน้านี้ ซูหยางได้มีโอกาสได้รับคำขอร้องแปลกประหลาดไม่ใช่แค่เพียงไม่กี่คนจากคู่ร่วมฝึก กระทั่งเรียนรู้ถึงความเชื่อถือมากมายที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน สำหรับความเชื่อเรื่องป๋าของซางเหวินจีนั้นซูหยางถือว่ามันเป็นเรื่องที่ประหลาดน้อยที่สุดแล้วในบรรดาพวกนั้น

 

ซางเหวินจีดวงตาสดใสขึ้นมาเมื่อได้รับคำอนุญาตจากซูหยาง แม้ว่าเธอไม่ต้องการที่จะร้องขอเช่นนั้นในตอนแรก เธอก็มีความรู้สึกว่าซูหยางคงไม่เยาะเย้ยเธอในเรื่องนั้น

 

“ขอบคุณ ป๋า” ซางเหวินจีกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มเป็นประกาย

 

ซูหยางก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มของตัวเขาเอง แต่เขายังคงคิดสงสัยในใจว่าชิวเยวี่ยจะพูดคำเหล่านี้หรือไม่ถ้าเธอได้รับรู้ถึงการละเล่นเล็กๆนี้

 

สองสามอึดใจหลังจากนั้นซูหยางก็เริ่มนวดซางเหวินจีในที่สุด

 

“อาา…”

 

“โอ…”

 

ซางเหวินจีซึ่งกระหายความรู้สึกนี้มานับตั้งแต่เธอได้ประสบกับมันครั้งแรก ครวญครางตามความต้องการของใจเธอ และเมื่อปราศจากผู้คนคอยมองดูเธอ เธอจึงไม่รู้สึกว่าต้องยับยั้งความปรารถนาในใจ

 

“ศิษย์พี่–ป๋า…ข้าต้องการฝึกร่วมกับท่าน…” ซางเหวินจีปลดเปลื้องเสื้อผ้าของเธอก่อนที่การนวดจะสิ้นสุดลง รู้สึกถึงความต้องการฝึกร่วมกับซูหยางก่อนที่เธอจะได้รับการนวดด้วยน้ำมัน

 

“เจ้าเอาจริงรึ” ซูหยางถามเธอพร้อมรอยยิ้มหยอกเย้า

 

ซางเหวินจีคลายชุดคลุมของเธอจนหมดและปล่อยให้มันลื่นไหลออกไปจากร่าง เปิดเผยให้ซูหยางเห็นผิวประดุจหยกและเย้ายวน

 

“ดูสิ…เป็นเพราะท่าน มันจึงแฉะไปหมดแล้ว…” ซางเหวินจีเปิดเผยให้เขาเห็นน้องสาวของเธอซึ่งกำลังฉ่ำชื้นไปด้วยน้ำรัก

 

“โอ…เช่นนั้นทำไมเจ้ามิปล่อยให้ข้ารับผิดชอบล่ะ” ซูหยางกล่าวขณะที่เขานำเอาแท่งแกร่งออกมา

 

“เทพยดา…” ซางเหวินจีปิดปากของเธอจากความตระหนกหลังจากที่เห็นความเป็นชายของซูหยางอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก เธอไม่คิดว่าสิ่งที่น่าหวาดหวั่นเช่นนี้จะปรากฏขึ้นทั้งสวยงามและสง่าผ่าเผยในเวลาเดียวกัน มันเป็นการค้นพบที่น่าตระหนกประเภทที่สามารถพบเจอได้เพียงครั้งเดียวในชีวิตเท่านั้น

 

หลังจากใช้เวลาชั่วขณะเพื่อชื่นชมน้องชายของซูหยางแล้ว ซางเหวินจีก็กางขาเธอออกกว้างต้อนรับน้องชายของซูหยางให้พบกับน้องสาวของเธอ

 

อย่างไรก็ตามก่อนที่เขาจะทะลวงร่างของซางเหวินจี ซูหยางก็ได้นำเอาน้ำมันพิเศษของเขาออกมาและเทบางส่วนลงไปบนแก่นกายของเขา เพื่อที่เขาจะได้ประโยชน์สูงสุดที่จะเป็นได้จากปราณหยินของซางเหวินจี

 

“นั่นคืออะไร” ซางเหวินจีไม่เข้าใจการกระทำของเขาและไต่ถาม

 

“นี่เป็นสิ่งที่ข้าทำซึ่งจักเพิ่มพูนความแข็งแกร่งของปราณหยินของเจ้าและทำให้ร่างกายของเจ้ายิ่งไวต่อการเสพสม ทำให้ร่างของเจ้ายิ่งรู้สึกพึงพอใจมากขึ้น”

 

“ช่างเป็นสารที่ลึกล้ำ ทำไมข้าจึงมิเคยได้ยินสิ่งมหัศจรรย์เช่นนี้มาก่อน” เธอคิดในใจ รู้สึกหวั่นกับประสิทธิภาพของน้ำมันที่จะเปิดเผยออกมา

 

“แต่ในเมื่อมันสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับปราณหยิน นั่นต้องมีค่าเฉกเช่นโอสถหยินพ้นพิสัยหรือมิฉะนั้นก็หายากยิ่งกว่า…” ซางเหวินจีค่อนข้างกังวลเล็กน้อย แม้ว่าเธอจะสุขใจกับความคิดของซูหยางในความปรารถนาที่จะใช้สิ่งที่ล้ำค่านั้นกับตัวเธอเอง เธอยังรู้สึกผิดที่ทำให้เขาใช้มันกับคนเช่นเธอ เพราะสุดท้ายเธอก็เป็นเพียงแค่ศิษย์นอก

 

อย่างไรก็ตาม ราวกับว่าเขาสามารถอ่านใจ ซูหยางกล่าวว่า “อย่ากังวล เจ้าคู่ควรกับมันแน่นอน”

 

“ศิษย์พี่ชายซู…” ซางเหวินจีลืมเรื่องความยึดมั่นภายในใจของเธอไปในเวลานั้นและมองดูเขาด้วยดวงตาน่าทนุถนอม

 

หลังจากนั้นไม่นาน ยามเมื่อน้องชายของซูหยางชุ่มโชกไปด้วยน้ำมันพิเศษ เขาก็ดันมันเข้าไปในถ้ำแฉะชื้นของซางเหวินจี จนเธอกรีดร้องดังลั่น “โอ ป๋า”