221 : เพื่อนร่วมชั้น เจียงเฉินซึ่งยอดเยี่ยม?

เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ

ตอนที่ 221 : เพื่อนร่วมชั้น เจียงเฉินซึ่งยอดเยี่ยม?

ภายใต้การนําของหนิวต้าเย่

 

เหล่าพ่อๆของซุนฮ่าว หยางอี้และเฉียนเทียนอี้ก็พร้อมใจกันเดินเข้าไปที่ลูกชายของตัวเองจนใบหน้าฟกช้ําและจมูกบวม

 

หลังจากที่พวกเขาทุบตีลูกตัวเองกันเสร็จพวกเขาก็พาซุนฮ่าวหยางอี้และเฉียนเทียนอี้มาคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเจียงเฉิน!

“คุณเจียง!”

พ่อของซุนฮายิ้มออกมาอย่างขมขื่น “ผมต้องขอโทษจริงๆที่ลูกชายของผมมีพฤติกรรมที่หยิ่งยโสและน่ารังเกียจขนาดนี้!ผมพาเขามาที่นี่เพื่อให้เขามาขอโทษคุณ!”

 

พ่อของเฉียนเทียนอี้ก็พูดออกมาด้วยความอับอาย “เป็นเพราะผมอบรมเขาไม่เข้มงวดและปล่อยให้เจ้าสารเลวนี้ออกมาก่อเรื่องและมาสร้างปัญหาให้กับคุณผมต้องขอโทษจริงๆ!”

หยางอี้ที่ถูกทุบจนใบหน้าบวมไม่ต่างจากหมูก็พยักหน้าให้กับพ่อของตัวเองก่อนจะโค้งตัวให้กับเจียงเฉิน “คุณเจียงผมขอโทษจริงๆครับถ้าคุณต้องการที่จะทุบตีหรือดุด่าผมก็ลงมือได้เลยครับ”

 

เจียงเฉินหันไปมองที่ซุนฮ่าว หยางอี้และเฉียนเทียนอี้ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ “ลูกๆของพวกคุณ พวกคุณก็สั่งสอนเอาเองสิ”

เหล่าพ่อของซุนฮ่าว หยางอี้และเฉียนเทียนอี้ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกพร้อมๆกันก่อนจะหันไปมองเจียงเฉินและกําลังจะพูดขอบคุณออกมา

 

อย่างไรก็ตามเจียงเฉินก็ได้พูดออกมาก่อน แต่พวกเขาก็ยังคงเด็กเกินไป หากไม่ได้รับการอบรมที่เข้มข้นกว่านี้ในอนาคตพวกเขาคงไม่มีวันประสบความสําเร็จะ”

 

คําพูดที่แฝงไปด้วยความบ้าคลั่งถูกส่งออกมาจากปากของเจียง

เฉิน

ซุนฮ่าว หยางอี้และเฉียนเทียนอี้กลอกตาไปมาและแทบจะเป็นลมไปในทันที (แม่งเอ้ย!)

 

เขาจะโหดร้ายเกินไปแล้ว!

 

พวกพ่อๆของซุนฮ่าว หยางอี้และเฉียนเทียนอี้เข้าใจคําพูดของเจียงเฉินได้ภายในไม่กี่วินาที!

พวกเขาหันไปมองหน้ากันและกันก่อนจะพยักหน้าและวิ่งเข้าหาลูกตัวเองอย่างดุเดือดอีกครั้ง!

เพียะ เพียะ เพียะ–

 

“หยุดเถอะครับพ่อ!”

“ พ่อเมตตาผมหน่อยเถอะ! ผมจะตายอยู่แล้ว!”

“หยุดทุบตีผมได้แล้ว ผมจะตายอยู่แล้ว”

 

เจียงเฉินยักไหล่ก่อนจะถอนหายใจออกมาแล้วหันไปพูดกับหลันหน่วนหยาน “ไปกันเถอะ ไม่ต้องไปดูแล้ว”

 

เมื่อมองไปที่ซุนฮ่าว หยางอี้และเฉียนเทียนอี้ที่ถูกล้อมหลันหน่วนหยานก็แสดงสีหน้ารังเกียจออกมาก่อนจะแลบลิ้นเยาะเย้ยใส่

 

นี่แหละจุดจบของคนที่กล้ามาอวดดีต่อหน้าเจียงเฉิน!

ในเวลานี้เองทีมงานในกองถ่ายของ “ท่านประธานเผด็จการได้โปรดอย่ามายุ่งกับฉัน” ก็ได้ทําเริ่มทําการถ่ายทํา

ตบต่อไป!

ผู้กํากับจางรู้สึกสะใจเป็นอย่างมาก “ใช่แล้ว อย่างนั้นแหละ!ฉากนี้สุดยอดมาก! ฮ่าฮ่าฮ่า พวกคนใหญ่คนโตในประเทศก็ยังต้องคุกเข่าให้เจียงเฉินและยังต้องสั่งสอนลูกชายตัวเองอีก! ถ่ายไปเลย ฉากนี้ถ้าเอาไปใส่ในเรื่องมันจะต้องดีมากแน่ๆ!”

รองผู้กํากับพูดเสริม “จริงด้วย พวกคนใหญ่คนโตกลุ่มนี้แสดงด้วยความเต็มใจพวกเขาคงไม่ต้องการเงินค่าจ้างหรอกจริงไหม?!”

 

ตบต่อ!

 

หานซูหยาน “!!!”

 

เธอนั้นยิ่งรู้สึกอยากรู้อยากเห็นเรื่องของเจียงเฉินมากกว่าเดิม

 

บนเรือยอทชอีกฝั่งเหล่าคนใหญ่คนโตต่างก็พากันไปสั่งสอนลูกของตัวเองเพื่อหวังว่าเจียงเฉินนั้นจะสงบลง!

 

หลังจากเดินทางมาเมืองซานย่าหลายวันก็ถึงเวลาที่เจียงเฉินกับหลันหน่วนหยานต้องเดินทางกลับเมืองหลวง

 

เมื่อคืนที่ผ่านมาหนิวต้าเยู่และพ่อของซุนฮ่าว หยางอี้และเฉียนเทียนอี้ก็จัดงานเลี้ยงให้กับเจียงเฉินเพื่อเป็นการไถ่โทษลุกคนในตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น “คุณเจียง ทําไมไม่อยู่ต่ออีกสักสองสามวันล่ะครับ?ที่นี่ไม่ดีงั้นหรอ?”

เจียงเฉินตอบกลับ “แน่นอนว่าต้องดีมาก!”

“แล้วทําไมถึงต้องรีบกลับด้วยล่ะครับ?”

 

“ก็เพราะ….”

เจียงเฉินถอนหายใจออกมา “ผมอยากจะกลับไปขับตีตี้เพราะยังไงซะการเป็นคนขับก็เป็นงานที่สําคัญมากสําหรับผมการที่ได้เดินทางนั้นก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่ทําให้ผมรู้สึกสบายใจ”

พรุด-

กลุ่มคนใหญ่คนโตพากันล้มลงกับพื้น

 

พวกเขานั้นไม่ทันตั้งตัวกับคําตอบที่พวกเขานั้นไม่อาจคาดถึง!

 

เจียงเฉินกับหลันหน่วนหยานเก็บของและเตรียมตัวออกจากโรงแรมระหว่างทางพวกเขาก็เดินผ่านล้อบบี้

 

และในเวลานี้เองหลันหน่วนหยานก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ํา

 

เจียงเฉินก็รออยู่ที่ล็อบบี้ก่อนจะสังเกตเห็น–

สุภาพบุรุษคนหนึ่งที่อยู่ในล็อบบี้เขาดูมีความเป็นผู้ใหญ่และมั่นคงแถมยังมีเสน่ห์ของคนที่ประสบความสําเร็จในชีวิตอยู่เล็กน้อย

เจียงเฉินนั้นเห็นเขามาตั้งแต่ตอนที่เขานั้นเดินลงมาทานอาหารเช้าจนกระทั่งตอนนี้ผู้ชายคนนั้นก็ยังอยู่ที่เดิม

 

เจียงเฉินที่กําลังรู้สึกเบื่อก็มองดูอีกฝ่ายและพยายามดูว่าอีกฝ่ายกําลังทําอะไร?

เจียงเฉินที่มองอีกฝ่ายก็มีความรู้สึกคุ้นเคยขึ้นมา

 

แต่ก็ไม่อาจจําได้ว่าเคยพบกับอีกฝ่ายที่ไหนมาก่อน

 

ผู้ชายคนนี้เป็นคนที่ประสบความสําเร็จในชีวิตอย่างแน่นอนแต่เขานั้นนั่งอยู่ที่เดิมมาตั้งแต่เช้าโดยที่ไม่ได้สั่งอะไรเลยแม้แต่เครื่องดี มก็ยังไม่มีโทรศัพท์ของเขาก็ดังไม่หยุด เขานั้นพูดสลับไปมาระหว่างภาษาฝรั่งเศษและภาษาษอังกฤษทันทีที่วางสายเขาก็หยิบปากกามงต์บลองขึ้นมาและเขียนลงบนสมุดจากหลุยส์วิตตองของเขา ด้วยความตื่นเต้น

 

เมื่อมองดูเขาแล้วจะบอกว่าการทํางานของเขานั้นไม่ต่างจากเครื่องจักรมันก็ไม่ใช่เรื่องเกินจริงแม้แต่น้อย เพราะแม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่สามารถบอกได้ว่าผู้ชายคนนั้นเจรจากับคนในสายมากน้อยแค่ไหน

 

เหล่านักแขกสาวโสดที่เข้ามาพักในโรงแรมต่างก็ต้องให้ความสนใจเขา เมื่อเห็นผู้ชายที่ทุ่มเทกับการทํางานและดูยอดเยี่ยมขนาดนี้พวกเธอต่างก็ต้องคิดในใจว่า “ผู้ชายคนนี้ไม่มีแฟนสาวอยู่ข้างกายเขาน่าจะเป็นหนุ่มโสดใช่ไหม?”

ทุกคนแสดงสีหน้าลังเลออกมาพวกเธอนั้นต่างก็อยากจะเข้าไปขอวีแชทกับเขากันทั้งนั้น

เมื่อได้เห็นชายที่ดูประสบความสําเรญ่ในชีวิตมากขนาดนี้เจียงเฉินที่เห็นก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมออกมา

เพียงแค่เขามองแว็บแรกเขานั้นก็บอกได้ทันทีว่าชายคนนี้นั้นเป็นคนที่มีความสามารถมากแน่ๆ!

 

แถมยังให้ความรู้สึกราวกับคนที่ “ต่อสู้ดิ้นรนกับชีวิตมาหลาย สิบปีจนกระทั่งตัวเองได้ปืนปายขึ้นมาอยู่บนจุดสูงสุดของชีวิต”

 

ล็อบบี้เลาจน์นั้นเป็นสถานที่ที่เหมาะที่สุดสําหรับการรอรับแขกหรือนัดพบกับคนในเวลาสั้นๆ แต่ชายคนนั้นใช้ที่นี่จนไม่ต่างกับออฟฟิศของตัวเอง

และดูแล้วเขานั้นคงจะใช้เวลาทั้งวันอยู่ที่นี่โดยที่ไม่สั่งแม้แต่กาแฟสักแก้วแน่ๆ!

และในเวลานี้เองเจียงเฉินนั้นก็นึกขึ้นมาได้

คนๆนี้ดูเหมือนเพื่อนร่วมชั้นสมัยมัธยมต้นของเขาถังหยาง?!

ตอนแรกเจียงเฉินนั้นคิดอยากจะเข้าไปทักทายแต่เขานั้นก็คิดว่าตัวเองไม่เข้าไปรบกวนอีกฝ่ายจะดีกว่า

 

แต่ในเวลานี้เองยังหยางนั้นก็หันมาเห็นเจียงเฉินโดยบังเอิญ

 

ใบหน้าของเขาดูสดใสขึ้นมาทันที!

 

เจียงเฉิน?!

 

กลับกลายเป็นว่าเป็นเพื่อนร่วมชั้นนี่เอง? อย่างนี้ต้องเข้าไปโอ้อวดหน่อยแล้ว!

 

ถังหยางยิ้มและเดินเข้ามาหาเจียงเฉินทันที

 

“บังเอิญจริงๆเลย นายคือเจียงเฉินใช่ไหม?”

 

เจียงเฉินที่ไม่สามารถหลบเลี่ยงได้อีกก็ได้แต่ยิ้มออกมา

บ้าเอ้ย! ครั้งหน้าต้องวิ่งให้เร็วกว่านี้

ไม่งั้นคงต้องมาเจอเรื่องการโอ้อวดตลอดแน่!

จากนั้นยังหยางก็เข้ามาจับเจียงเฉินไว้

“ตอนนี้นายทําอาชีพอะไรหรอ?”

 

เจียงเฉินตอบอย่างตรงไปตรงมา “ฉันกําลังขับที่อยู่น่ะ”

 

“โอ้”

ในตาของถังหยางนั้นเต็มไปด้วยความโล่งใจ

ปรากฏว่าเขาเป็นแค่คนขับ

แค่นี้ฉันก็โล่งใจแล้วที่เขาไม่ได้มีชีวิตที่ดี!

 

“แล้วนายล่ะ?”

เจียงเฉินถามกลับ

“ฉันเปิดบริษัทนําเข้าสุราน่ะ”

 

ถังหยางยิ้มออกมาก่อนจะแกล้งทําเป็นโอ้อวดอย่างไม่ได้ตั้งใจและเผยให้เห็นนาฬิกาบนข้อมือของเขา

 

เจียงเฉินมองดูและพบว่ามันเป็นนาฬิกาลองชิ้นส์ที่มีมูลค่ากว่า10,000 หยวน!

“เยี่ยมไปเลย”

เจียงเฉินพยักหน้าและยิ้ม

 

เพื่อนร่วมชั้นของเขาจากเหลียงเฉิงคนนี้คนที่เคยมีสถานภาพครอบครัวอยู่กลางๆ แต่กลับสามารถเข้ามาตั้งหลักในเมืองใหญ่ได้แถมยังสามารถซื้อนาฬิกาแบบนี้ได้ก็แสดงว่าช่วงชีวิตที่ผ่านมาของเขานั้นไม่เลวเลย

 

เจียงเฉินนั้นไม่ได้ต้องการแสดงความแข็งแกร่งใดๆออกมาและเขาเองก็ไม่ได้ตระหนี่ที่จะเอ่ยคําชมให้กับความพยายามของเพื่อนของเขา

“ฮ่าๆ มันก็แค่เรื่องปกติ

 

ถังหยางโอ้อวดออกมาอีกครั้ง เพราะฉันต้องเจรจากับคนรัสเซียแล้วก็คนอเมริกันฉันก็เลยพูดทั้งสองภาษษนี้ได้อย่างคล่องแคล่ว”

 

“ใช่ฉันเองก็ได้ยิน”

 

คําชมของเจียงเฉินดังออกมา “นายก็พูดได้ลื่นไหลมากเลยนะ!”

 

“ก็ใช่มันเป็นสิ่งที่จําเป็นสําหรับการเปิดบริษัทนําเข้าสุราเลย

ถังหยางพูดต่อ “ฉันเจรจาธุรกิจมาตั้งหนึ่งเดือน และแล้วฉันก็เพิ่งได้รับคําสั่งซื้อมา ถ้าผ่านไปได้ด้วยดีและตลาดยังดีอยู่ฉันก็จะสามารถมีรายได้หลายแสนต่อเดือน หากตลาดไม่ดีรายได้ขั้นต่ําของฉันก็จะอยู่ที่ 10,000 ถึง 20,000 เท่านั้นเอง แต่มันก็ยังมีดีไม่เท่ากับของนาย นายน่ะสามารถทํางานไปเก็บเงินไปได้เรื่อยๆโดยไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรเลย”

เจียงเฉินแทบจะสําลักน้ําลายตัวเอง

 

วิธีการโอ้อวดของนายมันไม่หน้าด้านไปหน่อยหรอ

 

ชับตี้ตี้โดยที่ไม่ต้องกังวลอะไรเลยเนี่ยนะ?

รู้ไหมว่าฉันกังวลมากแต่ไหนกว่าจะหาลูกค้ามาได้แล้วจะได้ไปพักสักสองชั่วโมง!

“แล้วนายมาซานย่าเพื่อท่องเที่ยวหรอ?”

ถังหยางยังคงโอ้อวดกับเจียงเฉินต่อไปอย่างมีความสุข

“ใช่”

 

เจียงเฉินตอบอย่างซื่อสัตย์

“แล้วนายมาแอตแลนติสกี่ครั้งแล้วล่ะ?”

ถังหยางถามออกมา

“ครั้งนี้ครั้งแรก”

เจียงเฉินตอบทําความจริง

 

งั้นหรอ ฉันมาที่นี่สามครั้งแล้ว”

 

ถังหยางพูดออกมา “ทุกครั้งที่ฉันมาแอตแลนติสฉันไม่เคยใช้เงินต่ํากว่า 30,000 หยวนเลยบางทีอาจจะมากถึง 50,000 หยวนเลยด้วยซ้ําแฟนของฉันนั้นชอบความสวยความงามเธอเลยต้องใช้เงินกับเรื่องนี้เป็นจํานวนมากดังนั้นนะฉันขอแนะนํานายเลยว่าอย่าได้หาผู้หญิงที่สวยเกินไปมาเป็นแฟนเชียวถึงพวกเธอจะดูสวยแต่เงินที่พวกเธอต้องใช้นั้นก็เยอะมาก…”

 

และในเวลานี้เองแฟนสาวของเขาที่มีความสวยประมาณ 80 คะแนนก็เดินเข้ามา

 

ถังหยางชี้ก่อนจะแนะนําเธอให้เจียงเฉิน “นี่คือแฟนของฉัน”

 

จากนั้นเขาก็เริ่มโอ้อวดแฟนของเขาว่า…

 

เขานั้นใช้เงินของเขาเป็นจํานวนมากและยังต้องไล่ตามจีบเธอมาเป็นเวลานาน

แฟนสาวของเขาพูดออกมา “นายพูดอะไรของนาย? นายกล้าพูดเรื่องไม่ดีของฉันต่อหน้าคนนอกอีกแล้วหรอ? งั้นครั้งหน้าฉันจะไม่มากับนายอีกแล้ว”

 

เจียงเฉินมองดูสุนัขคู่นี้ทะเลาะกันอยู่ข้างๆอย่างเงียบๆ

 

และในเวลานี้เองหลันหน่วนหยานก็ไปทําธุระในห้องน้ําเสร็จเธอนั้นก็เดินกลับมาอยู่ข้างๆเจียงเฉินทันที

“สามี- รอนานไหม เราไปกันเถอะ”

“อ่าหะ ไม่นานหรอก”

“ห์นี้ ไม่ว่าจะนานแค่ไหนฉันก็รอได้!”

หลันหน่วนหยานฉีกยิ้มกว้างและจับมือของเจียงเฉินอย่างนุ่มน

 

ถังหยาง “…”

แฟนสาวของถังหยาง “…”

เมื่อเขาเห้นหลันหน่วนหยานเขาก็ถึงกับอึ้ง!

 

ความสวยของใบหน้า 99.99 คะแนน!

 

รูปร่าง 99.99 คะแนน!

 

บุคลิกที่สูงส่งและสง่างาม!

 

เสื้อผ้าทั้งหมดของเธอก็เป็นเสื้อผ้าที่ถูกสั่งตัดจากแบรนด์กุชชี่ถ้าไม่มีเงินหลายแสนก็คงไม่สามารถซื้อได้

 

บนข้อมือของเธอก็ยังมีกําไรหยกเขียวจักรพรรดิ์ราคาอย่างน้อยหลายสิบล้าน….

 

รองเท้าก็เป็นรุ่นลิมิเต็ดจากแบรนด์เบอเบอรี่ของปีนี้ราคาขั้นต่ําของมันอย่างน้อยก็มี 100,000!

ทันที่ที่แฟนสาวของถังหยางได้เห็นเธอก็ร้องอุทานออกมา!

“โอ้พระเจ้า สร้อยคอของเธอเป็นสร้อง [หัวใจแห่งท้องทะเล!] ที่ถูกจัดทําอย่างพิเศษจากแบรนด์คาร์เทียร์

 

“นี่!! ราคาของมันอยู่ที่ 20 ล้านดอลลาร์!”

 

“คุณพูดถึงสร้อยเส้นนี้หรอคะ นี่เป็นของขวัญจากสามีของฉันเองค่ะ”หลันหน่วนหยานยิ้มหวานและจับแขนของเจียงเฉิน”

 

ถังหยางตกตะลึง–

 

เจียงเฉินยิ้มและโบกมือลา “ฉันต้องออกจากซานย่าแล้วกลับไปที่เมืองหลวงแล้ว หวังว่านายจะเที่ยวอย่างมีความสุขนะ…ลาก่อน”

ถังหยางและแฟนสาวโบกมือลา“บาบ–

 

เจียงเฉินและหลันหน่วนหยานเดินมาถึงหน้าประตูโรงแรมและผู้จัดการซอสก็เดินเข้ามาพร้อมกับพนักงานก่อนจะโค้งคํานับ

 

“น้อมส่งคุณเจียง”

เสียงดังฟังชัดและพร้อมเพรียง!

เจียงเฉินพยักหน้าและเดินออกไปกับหลันหน่วนหยาน

ถังหยางไม่อยากจะเชื่อเขานั้นรู้สึกอิจฉาเป็นอย่างมากที่เจียงเฉินได้รับการบริการแบบนี้

เขาเลยรีบวิ่งเข้าไปถามพนักงานทันที “ฉันก็มาที่โรงแรมนี้ตั้งสามครั้งแล้ว ทําไมฉันถึงไม่เคยได้รับการบริการแบบนี้เลย!”

พนักงาน “…”

 

เธอนั้นเคยเห็นเขามาก่อน เขาก็คือคนที่ไม่แม้แต่จะควักเงินใช้จ่ายที่ล็อบบี้ด้วยซ้ํา แต่กลับทําตัวโอ้อวดอยู่ที่นั่นทุกวัน!

“คุณเข้ามาใช้บริการพื้นที่ล็อบบี้ของเราแต่คุณกลับไม่เคยแม้แต่จะซื้อชาสักแก้ว แล้วคุณยังจะต้องการบริการแบบนี้อยู่อีกหรอ?

“แล้วทําไมเขาถึงได้?”

“ก็เพราะความแข็งแกร่งของเขาค่ะ…”

ถังหยางและแฟนสาวรู้สึกกระอักกระอ่วน เขานั้นคิดไม่ถึงเลยว่าจะมีคนรู้ว่าเขานั้นแกล้งทําตัวโอ้อวดและจะถูกเปิดโปงออกมาแบบ

 

ปิดหน้าของตัวเอง!

หนี

 

ในเวลานี้เองถังหยางก็มองเห็นรถโรลส์รอยซ์แฟนธอมค่อยๆขับเข้ามาในโรงแรม

คนขับเปิดประตูและเชิญเจียงเฉินเข้าไป

เจียงเฉินกับหลันหน่วนหยานเข้าไปนั่งด้านหลัง

มีรถมอเตอร์ไซค์ขํานําหน้าขบวนออกไป

ด้านหลังก็มีรถหรูจํานวนมากขับตาม

ขบวนรถหรูจํานวนมากค่อยๆออกจากโรงแรมแอตแลนติสและตรงไปที่สนามบิน

ถังหยาง “…”

 

แฟนสาวของถังหยาง “…”

 

ตกตะลึง!

นี่มันเกิดอะไรขึ้น?

 

เพื่อนร่วมชั้นของฉันยอดเยี่ยมขนาดนั้นเลยหรอ?!

นี่เขาโอ้อวดต่อหน้าเพื่อร่วมชั้นที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ไปได้ยังไงกัน?

ถังหยางรู้สึกถึงความร้อนที่แผ่ออกมาจากใบหน้าของเขาและรู้สึกกระอักกระอ่วนในใจ!

 

สนามบินปักกิ่ง

 

เครื่องบินกัลฟ์สตรีมส่วนตัวสุดหรูลงจอดที่สนามบิน

“ลาก่อนค่ะ!”

 

เจียงเฉินกับหลันหน่วนหยานเดินลงมาจากเครื่องบินพร้อมกับการโค้งคํานับจากสาวสวยจํานวนหนึ่ง

ซูดะ

 

เจียงเฉินสูดอากาศในเมืองหลวงเข้าปอด แม้ว่าจะเป็นอากาศที่เขาคิดถึงแต่เขาก็ต้องกลับมาใช้หน้ากาก!

“กลับบ้านกันเถอะ!”

เจียงเฉินสวมหน้ากากและเดินออกจากสนามบินพร้อมหลันหน่วนหยาน

ข้างหลังเขาตามมาด้วยแอร์โฮสเตสสาว 12 คน

“ฉันก็คงต้องใส่หน้ากากเหมือนกันล่ะมั้ง!”

หลันหน่วนหยานยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนจะหยิบหน้ากากจากที่ไหนสักแห่งบนตัวของเธอออกมาใส่

 

เมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน เที่ยวบินจากประเทศเกาหลีบินเข้ามาในน่านฟ้าของเมืองหลวงก่อนจะเริ่มทําการลงจอดที่สนามบิน

คนที่มาพร้อมกับเครื่องบินลํานั้นไม่ใช่คนธรรมดาแต่เขาคือดา

ราดัง!

 

ซงเซจิ!

 

เมื่อเร็วนี้ได้มีซีรีย์เรื่องหนึ่งที่ชื่อ “ทนายจากดวงจันทร์” ซึ่งมีซงเซจิเป็นนักแสดงออกมาฉายและมันก็ได้รับความนิยมมากในประเทศจีนดังนั้นในช่วงเวลาไม่กี่เดือนมานี้ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาของเขานั้นก็ได้สร้างเสียงกรี๊ดจากแฟนๆที่นับไม่ถ้วนของเขา

และกลุ่มผู้ติดตามของซงเซจินั้นก็มีขนาดใหญ่มากมีผู้ช่วย 4-5 คนช่างแต่งหน้าและลูกมือรวน 7-8 คนและผู้ค้ทกันอีกหลายสิบ

คน!

ถ้าจะถามว่าทําไมต้องมีคนคุ้มกันเยอะขนาดนี้?

อย่าถามเลยดีกว่าเพราะการถามคือการไม่รู้

ก้เพราะว่าเขานั้นดังมากหากเขาไม่พาคนคุ้มกันมาด้วยเยอะๆแล้วเขาจะออกจากสนามบินได้ยังไงกัน?

 

และถ้าไม่มีบอดี้การ์ดคนจะรู้ได้ยังไงกันว่าเขาดัง?

ยิ่งบอดี้การ์ดเยอะมากเท่าไหร่คนก็จะรู้ว่าตัวเองดังมากแค่ไหน!

 

ซงเซจิอยู่บนที่นั่งชั้นหนึ่ง เขาแกว่งแก้วไวน์ไปมาและมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อดูวิวของเมืองหลวงจากบนเครื่องบิน

“ห์ ดูๆแล้วก็ยังพัฒนาได้ไม่เท่าเกาหลี!”

มุมปากของซงเซจิยกยิ้มออกมาด้วยความรังเกียจ

แอร์โฮสเตสที่เป็นคนจีนก็อดไม่ได้ที่จะต่อว่ากลับในใจ –

 

ในเวลานี้เองผู้ช่วยคนหนึ่งก็ยิ้มให้ซงเซจิแล้วพูดออกมา “เซจินายมีแฟนๆจํานวนมากอยู่ที่จีนนะ พวกเขาน่าจะมารอต้อนรับ นายกันเยอะมากแน่ๆเพราะฉะนั้นนายก็ต้องทําตัวให้ดูสุภาพและ กระตือรือร้นสักหน่อย…และหลังจากนั้นนายก็ยังมีสัมภาษณ์…และหลังจากนั้นฉันก็จะเจรจาเรื่องเงินให้หีหีหี ”

ซงเซจิยิ้มออกมา “วางใจเถอะ เรื่องแสดงฉันเก่งอยู่แล้ว”

เขานั้นจินตนาการถึงฉากที่เขานั้นจะได้เก็บเกี่ยวรายได้จากแฟนๆในประเทศจีนที่มีอยู่นับไม่ถ้วน และเขาก็จะได้นั่งนับเงิน อย่างเมามัน

เมื่อคิดแล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

แต่จู่ๆ เครื่องบินก็สั่นสะเทือน

 

ไวน์แดงในแก้วของเขาก็กระฉอกใส่เสื้อผ้าและใบหน้าของเขาเต็มๆ!

เครื่องสําอางบนใบหน้าของเขาก็ละลายหายไปทันที เผยให้เห็นใบหน้าที่ดูซีดเซียวจากการที่ดื่ม เที่ยวคลับ นอนดึกและเล่นเกมมากเกินไป

“ไอ้พวกบ้า! — บ้าที่สุด!”

ซงเซจิพนคําหยาบออกมา!

 

เขาลุกขึ้นก่อนจะถอดเสื้อออกมาแล้วเช็ดหน้าของตัวเอง!

 

แต่ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครื่องสําอางยิ่งเช็ดก็ยิ่งเลอะมากกว่าเดิม!

ช่างแต่งหน้าตกตะลึง คําด่าทอจากภาษาของพวกเขาอยู่ในใจกว่า 10,000 คํา! “นี่จะลงจากเครื่องบินแล้ว เราจะทํายังไงกันดี?”

“ยังไม่รีบเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วก็แต่งหน้าให้ฉันใหม่อีกหรอ?!”

 

ซงเซจิตะโกนออกมาอย่างโกรธจัด

 

เป็นผลให้เหล่าช่างแต่งหน้าและช่างแต่งตัวเข้ามาจัดการลงมือทันทีแต่แอร์โฮสเตสก็หยุดพวกเขาไว้ก่อน “ผู้โดยสารตะ เครื่องบินของพวกเรากําลังลงจอดแล้วโปรดกลับไปนั่งที่ที่นั่งของ พวกคุณและรัดเข็มคัดนิรภัยก่อนค่ะ”

ซ่งเซจิด่าทอออกมา “อย่าเพิ่งลงจอด! ให้ฉันแต่งหน้าให้เสร็จก่อนค่อยลง!!”

แอร์โฮสเตส “…”

แอร์โฮสเตสได้แต่ด่าออกมาในใจ “บ้าเอ๊ย!เขาโง่มาจากไหนกัน?มันมีแต่ต้องไปตามเส้นทางการบินเท่านั้นนะ! เส้นทางการบินทุกเส้นทางล้วนผ่านการจัดการจากศูนย์ควบคุมการบินมาอย่างแม่นยําไม่ใช่ว่าอยากจะจอดตอนไหนก็จอดได้สักหน่อย!”

 

เครื่องบินยังคงบินไปลงจอดตามกําหนดเดิมอยู่ดี

ซงเซจิโมโหมากเขานั้นเป็นถึงดาราดังแต่กลับไม่เชื่อฟังเขา?!

เครื่องบินสั่นอีกครั้ง

ซงเซจิล้มลงกับพื้น

 

“โอ๊ย- ฉันจะรายงานเรื่องนี้แน่!”

โกรธจัด!

ภายใต้การโน้มน้าวจากผู้ช่วยของเขาในที่สุดเขาก็ยอมกลับไปนั่งและคาดเข็มขัดอย่างเชื่อฟัง–

เครื่องลงจอด-

แต่งหน้า

เปลี่ยนเสื้อผ้า

 

เขาใช้เวลาไปกว่าหนึ่งชั่วโมงกว่าจะแต่งหน้าเสร็จ

 

หนุ่มหล่อกลับมาอีกครั้ง!

ซงเซจิเงยหน้าขึ้นและพูดออกมา “ไปกันเถอะ ไปดูแฟนๆที่น่ารักของฉันกัน!”

ด้วยผู้ติดตามจํานวนมากของเขาเดินลงมาจากเครื่องบินพร้อมๆกันทําให้คนที่เห็นต่างก็ต้องตกตะลึง

“เขาคือใครกัน?”

 

“ฉันก็ไม่รู้เ”

“ผมหลากสี ใส่ต่างหู น่าจะเป็นดาราจากประเทศเกาหลีล่ะ

มั้ง?”

“ทําไมเขาต้องพาบอดี้การ์ดมาเยอะขนาดนี้?”

“เพื่อดึงดูดความสนใจรึเปล่า?”