ไม่ใช่แค่นี้ นานิยังแนบรูปภาพของเธอกับเพื่อนสนิทตัวเองสองสามใบไปด้วย แน่นอนว่าหน้าของหลินจือถูกเบลอหมด
ตั้งแต่ยังสวมชุดนักเรียนมัธยมปลาย จนมหาวิทยาลัย และเข้าสู่วงการ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนใกล้ชิดสนิทกันมาเสมอ
หลังจากนานิเผชิญหน้าเรื่องเมื่อกี๊ไป ก็ไม่มีใครเอาเรื่องนี้มาแอนตี้เธออีก
และเพราะว่านานิมีนิสัยแข็งแกร่งแบบนี้ แฟนคลับของนานิเลยตั้งชื่อเล่นให้เธอ ว่า“สุดยอดคนประเมินกะหรี่แห่งวงการบันเทิง”
เพราะโดยทั่วไปแล้วดาราสาวที่ชื่อเสียงและนิสัยไม่ดีเหล่านั้น แต่พยายามตีสนิทกับนานิ ก็จะถูกนานิปฏิบัติด้วยอย่างเกลียดชังและดูถูก เมื่อเวลาผ่านไป ทุกคนก็จะเริ่มรู้ว่า แค่ดาราสาวคนไหนที่นานิทำไม่ดีใส่ แสดงว่านิสัยคนนั้นก็ไม่ดีเท่าไหร่นัก
และดาราสาวชุดสีฟ้าคนนี้ก็รู้จักตัวเองดีมาก รู้ว่านิสัยตัวเองแย่หากมาพูดทักทายนานิก็จะถูกนานิทำไม่พอใจใส่ได้ แต่เธอก็คิดไม่ถึงว่านานิจะยิ้มให้เธอก่อน ดังนั้นจึงแปลกใจมาก
พอเห็นท่าทีนานิดีแบบนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะภูมิใจขึ้นมาเล็กน้อย
เธอเหลือบมองหลินจือที่อยู่ด้านข้างนานิ จึงถามด้วยน้ำเสียงดูถูกว่า:“นี่เพื่อนเธอเหรอ?”
เมื่อกี๊ตอนที่เธอคุยกับซูซี ซูซีบอกว่าผู้หญิงข้างๆนานิ หน้าด้านมาก หน้าตาดูเหมือนเป็นคนนิ่งๆ แต่ที่จริงแล้ววิธีการอ่อยผู้ชายนั้นไม่ธรรมดาเลย
และช่วงนี้เพื่อให้เป้าหมายตัวเองสำเร็จ ก็ถึงกับปีนขึ้นเตียงชายแก่โดยไม่คำนึงใดๆ
เธอจงใจมาดูหมิ่นผู้หญิงคนนี้ อย่างแรกมาดูหมิ่นนานิทางอ้อม เพราะพวกเธอรู้สึกขัดหูขัดตานานินานแล้ว
จากนั้นเธอดูหมิ่นผู้หญิงคนนี้ ก็สามารถเอาใจซูซีได้ด้วย
พวกเธอเป็นประเภทที่ว่าไม่มีใครมาให้พวกเธอแสดงหากไม่ใช้วิธีการ ช่วงนี้ซูซีก่อตั้งบริษัทภาพยนตร์และโทรทัศน์ของตัวเอง ได้ยินว่ากำลังทำละครย้อนยุคผู้หญิงเป็นตัวเอก แค่เชิญพวกเธอมาเล่นได้ นั่นคงแจ๋วสุดๆ
นานิยังคงตอบดาราสาวชุดฟ้าด้วยรอยยิ้ม:“ใช่ เธอคือเพื่อนที่ดีที่สุดคนนั้นของฉันเอง เพื่อนสนิทน่ะ”
ดาราสาวพูดอย่างตกใจ:“ไม่ใช่มั้ง?”
เธอพูดไปก็สำรวจหลินจืออย่างกำเริบเสิบสานไปด้วย สุดท้ายจึงพูดไปอย่างรังเกียจว่า:“เพื่อนสนิทเธอนี่ ดูสิเธอแต่งตัวซะเรียบหรูสวยงาม ทำไมเสื้อผ้าเครื่องประดับยัยนี่ถึงดูราคาถูกแบบนี้ล่ะ?ทำให้เธอขายหน้าเสียจริง?”
หลินจือในตอนนี้เพื่อให้ความร่วมมือกับเหตุการณ์ตาลปัตรที่จะตามมาทีหลัง เลยจงใจทำหน้าตาน้อยเนื้อต่ำใจ สะอึกสะอื้นเหมือนจะร้องไห้ออกมา
ถึงเธอไม่ใช่นักแสดงมืออาชีพ แต่ยังไงก็เคยเห็นนักแสดงแสดงละครมาหลายครั้ง ตัวเองเลยพอจะมีเทคนิคบ้าง
นานิพูดด้วยสีหน้าเสียใจ:“ราคาถูก?”
ดาราสาวส่งเสียงฮึดฮัด:“ใช่ เธอดูกี่เพ้านี่สิ คุณภาพของสร้อยมรกตเส้นนี้ สินค้าแผงลอยราคาถูกเห็นๆ”
หลังจากดาราสาวพูดจบ เพื่อนที่อยู่ข้างเธอก็หัวเราะเยาะเย้ยออกมาอย่างให้ความร่วมมือ
นานิถอนหายใจ โบกมือให้สองคนนั้นแล้วพูดว่า:“พวกเธอเข้ามาใกล้หน่อย ฉันจะให้พวกเธอดูอะไร”
สองคนนั้นเดินเข้ามาอย่างไม่เข้าใจ นานิยกมือขึ้นพลิกหลังคอเสื้อกี่เพ้าหลินจือเบาๆ ด้านในมีตัวอักษร“M”ที่ดูคลาสสิก ปรากฏขึ้นตรงหน้าสองคนนั้น
เพราะว่านี่คือแบนด์หรูที่ดำเนินกิจการโดยคนตระกูลแม็กซิมัส LOGOก็ตั้งมาจากตัวอักษรแรกของแม็กซิมัสคือ M และออกแบบให้ตัวอักษรนี้เป็นแบบคลาสสิก โดยตัวโลโก้ใช้วิธีปักไปที่คอปกหลังของกี่เพ้า
ดาราสาวสองคนนั้นแสวงหาชื่อเสียงและผลประโยชน์ในวงการบันเทิง เลยรู้จัก LOGO ที่ลึกลับและหรูหรานี้
และพวกเธอยังรู้ด้วยว่าเสื้อผ้าสไตล์กิลีของยี่ห้อ M นี้ ไม่ใช่ว่ารวยก็ซื้อได้
นักแสดงตัวเล็กๆอย่างพวกเธอไม่เคยแม้แต่จะกล้าคิด แม้แต่ดาราเบอร์ต้นๆที่กำลังดัง ก็ต้องเข้าคิวถึงจะนัดซื้อมาได้สักตัว
แต่ตอนนี้ บนตัวเพื่อนของนานิกลับสวมอยู่ตัวหนึ่ง
ดาราสาวชุดฟ้านึกได้ว่าตัวเองเพิ่งพูดไปว่ากี่เพ้าตัวนี้ราคาถูก พอมองชุดสีฟ้าบนตัวของตัวเองอีกที ทันใดนั้นสีหน้าก็รู้สึกร้อนผ่าวขึ้นมา
“มาๆๆ ดูสร้อยคอนี้อีก”นานิไม่ปกปิดการดูถูกที่ตัวเองมีต่อทั้งสองสาวเลย“สร้อยเส้นนี้ฉันรับประกันว่าเธอปีนขึ้นเตียงของผู้กำกับสิบคนก็ยังไม่อาจซื้อได้”
นานิปากคอเราะรายมาตลอด เธอรู้ชื่อเสียงด้านลบของดาราสาวชุดฟ้าคนนั้น ตอนนี้นักแสดงหญิงคนนั้นเสียหายอย่างกะทันหัน ก็โกรธจนตัวเธอสั่น สีหน้าก็ดูเหยเกขึ้นมา
ตัวละครที่เธอได้มา ส่วนมากก็ใช้วิธีเพื่อได้มาทั้งนั้น ทำข้อตกลงกับผู้กำกับที่คัดเลือกนักแสดงหรือผู้ช่วยผู้กำกับและผู้กำกับคนอื่นๆ จนแทบจะกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเธอเสียแล้ว
เธอหายใจอย่างอึดอัดแทบจะตาย จ้องนานิแล้วกัดฟันตะโกนออกไป:“เธอ——”
“ทำไม?ไม่พอใจ?”นานิพูดไปก็หยิบโทรศัพท์ออกมา“ฉันให้พวกเธอดูบันทึกการประมูลของสร้อยเส้นนี้ละกัน”
นานิพูดจบก็พูดขำๆไปว่า:“ฉันรอเห็นพวกเธอโดนดูถูกที่แส่หาเรื่องแบบนี้อยู่นะเนี่ย”
คำพูดของนานินี้เกือบทำให้สองคนนั้นโกรธแทบตาย พวกเธอยืนรออยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าแย่ๆ อยากดูว่านานิจะทำอะไร
นานิเข้าระบบไปที่เว็บประมูลที่เป็นที่รู้จักเว็บหนึ่ง แล้วรีบค้นหาข้อมูลประมูลสร้อยหยกเส้นนี้ จากนั้นเอาโทรศัพท์ยื่นไปตรงหน้าสองคนนั้น พูดอย่างเย้ยหยันไปว่า:“เบิกตาโตๆที่สวยงามของพวกเธอสองคนที่ไม่รู้ว่ากรีดมากี่รอบแล้วให้โตซะนะ แล้วดูดีๆ”
สองคนนั้นมาตรงหน้าโทรศัพท์ของนานิ มองจำนวนเงินที่เว็บประมูลนั้นโชว์ขึ้นมา แล้วเปลี่ยนเป็นค่าเงินของประเทศทั้งสองก็ตกใจจนถอยหลังไปสองสามก้าว
ศูนย์ด้านหลังนั้น พวกเธอนับไม่ไหว
มองสร้อยเส้นนั้นอย่างละเอียด แล้วก็มองเทียบสร้อยบนคอหลินจืออีกที ดาราสาวเสื้อฟ้าก็ตกตะลึงอย่างมาก
ถ้าเธอจำไม่ผิดล่ะก็ ตอนนั้นการประมูลสร้อยเส้นนี้ได้ดึงดูดความสนใจจากผู้คนเป็นจำนวนมาก ตอนนั้นพวกสื่อและสิ่งพิมพ์ ใช้คำว่าราคาสูงเทียมฟ้า
เพื่อนที่นานิเรียกนี้ เป็นใครกันแน่?
สวมเสื้อผ้าของ M ได้ และยังสวมสร้อยหยกราคาสูงเทียมฟ้าอีก ทำให้พวกเธอกลายเป็นสวะทันที
แต่ตกตะลึงและอิจฉาอย่างบ้าคลั่งมากแค่ไหน เธอก็ยังยืนกรานออกไปว่า:“ที่เพื่อนเธอใส่ คงไม่ใช่ของปลอมหรอกนะ?”
ตอนนี้หลินจือเลยพูดขึ้นมา เธอมองดาราสาวชุดสีฟ้าแล้วพูดเสียงดังมีน้ำหนักไปว่า:“ฉันว่าเธอน่ะสิที่ปลอม”
หลินจือพูดจบก็ดึงนานิออกไป ดาราสาวชุดฟ้าตอนแรกยังตอบสนองความหมายของหลินจือไม่ได้ แต่ต่อมาพอได้สติ นี่ไม่ได้กำลังด่าเธอว่าศัลยกรรมหรอกเหรอ?
เรื่องที่เธอศัลยกรรมตามดาราเกาหลี คนในวงการหลายๆคนต่างรู้
แต่ถูกคนด่าว่าปลอมอ้อมๆแบบนี้ เป็นครั้งแรกที่เธอเจอ
ปลอมคำนี้ เจ็บยิ่งกว่าพูดว่าเธอศัลยกรรมไปตรงๆเสียอีก
ที่เจ็บที่สุดคือ เมื่อกี๊หลินจือยืนทำท่าน้อยเนื้อต่ำใจไม่พูดจาอยู่ข้างๆตลอด เธอก็คิดว่าเธอจะเป็นคนหัวอ่อนที่รังแกได้ง่าย ใครจะไปรู้ว่าคำพูดหลินจือจะทำให้เธอแทบจุกตาย
ทำให้เธอรู้สึกว่าที่ตัวเองก่อเรื่องเมื่อกี๊ เหมือนกับคนเลวที่ก่อความวุ่นวาย
ดาราสาวคนนั้นโกรธจะตายอยู่แล้ว ย่ำเท้าเดินไปหาซูซี