นานิเห็นดาราสาวชุดฟ้าอึ้งไป ก็หัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ ดาราสาวชุดฟ้าก็ยิ่งรู้สึกอับอาย แทบอยากจะมุดรูหนี
“หลินจือ เธอนี่จริงๆเลย ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า——”นานิหัวเราะไม่หยุด“การตอบสนองของเธอนี้เยี่ยมมาก ปลอมคำนี้ พอใช้กับยัยนั่นแล้วเลิศมาก”
“ฉันแค่เห็นหน้ายัยนั่นแล้วก็นึกขึ้นได้น่ะ”หลินจือพูดจบก็เตือนนานิอีกครั้ง“เธอขำเบาๆหน่อยสิ”
“ฉันก็อยากหัวเราะเสียงเบานะ แต่ฉันควบคุมตัวเองไม่อยู่”นานิพูดจบก็หัวเราะออกมาอีกครั้ง หลินจือได้แต่เอาแชมเปญแก้วหนึ่งมาจากบ๋อยแล้วยื่นให้นานิ ให้การดื่มปิดกั้นการขำของเธอแทน
แต่ว่าในใจหลินจือก็รู้สึกสะใจที่ได้ระบายความโกรธออกไป เห็นได้ชัดว่าดาราสาวชุดฟ้าคนนั้นถูกซูซียุยงให้มาทำให้เธออับอาย หลังจากที่ขโมยไก่ไม่ได้ยังต้องเสียข้าวสารอีกกำมือแล้วจะต้องไปฟ้องซูซีแน่
แผนการซูซีที่ทำให้เธออับอายไม่สำเร็จ และยังต้องมารู้ว่าตัวตนของเธอไม่ธรรมดานี้อีก ต้องโกรธตายแน่
“เกิดอะไรขึ้นทำไมหัวเราะอย่างมีความสุขขนาดนี้?”ไม่รู้ว่าเทาเท่มาตรงหน้าพวกเธอเมื่อไหร่
คืนนี้เขาสวมสูทสีดำ ดูเคร่งขรึมและสง่างาม
ในงานเลี้ยงกลางคืนนี้มีนักแสดงสูงอายุกลางคนและวัยรุ่นจำนวนมาก และยังมีไอดอลวัยรุ่นที่แสนจะหล่อเหลาใหม่ๆเพียบ แต่เขาก็ยังเป็นคนที่เปล่งประกายท่ามกลางผู้คน
หลินจืออยากดึงนานิให้เธออย่าบอกเทาเท่ว่าเมื่อกี๊เกิดอะไรขึ้น แต่ช้าไปแล้ว นานิที่ปากไวก็ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี๊กับเทาเท่ไป
พูดจบนานิก็ชมหลินจือ:“นายว่าหลินจือตอกกลับได้เยี่ยมมากเลยใช่ไหม?”
หลินจือยกมือขึ้นมาอุดหน้าไว้อย่างอับอาย สายตาของเทาเท่มองไปที่ใบหน้าซีดขาวของเธอ พูดสนับสนุนไปว่า:“รับมือกับคนที่มาสร้างปัญหาแบบนี้ ก็ควรตอกกลับไปแรงๆ”
เทาเท่พูดจบก็ถามหลินจือกับนานิ:“เธอแสดงเรื่อง “The Legend of Concubine Rong “ด้วยใช่ไหม?”
นานิพยักหน้าพูดว่า:“เหมือนจะใช่”
ก่อนหน้านี้บริษัทเนมารับผิดชอบเลือกนักแสดง ผู้ช่วยผู้กำกับคนนั้นลามกมาก ดาราสาวชุดฟ้าจะต้องไปอ่อยผู้ช่วยผู้กำกับสำเร็จแน่ ภายใต้คำเตือนของเทาเท่นานิกับหลินจือก็คิดออก เหมือนจะมีตัวละครที่เธอเล่นจริงๆ
เจเทาวน์รับมาต่อก็ไม่ได้ตัดเธอทิ้ง เพราะคิดว่าไม่ใช่ตัวละครสำคัญอะไร ไม่ส่งผลกระทบมาก
แต่คิดไม่ถึงว่าเธอที่เป็นคนไปยั่วยวนหลินจือเอง เทาเท่จะมาเดือดร้อนแทน
เทาเท่ขมวดคิ้วพูดอย่างเยือกเย็นว่า:“ผมจะให้ควีนแจ้งเธอไปว่า บทของเธอถูกยกเลิกแล้ว”
นานิปรบมือให้เทาเท่อย่างดีใจ:“ว้าว เผด็จการ”
หลินจือจ้องไปที่นานิ นี่เธอทำอะไรเนี่ย ทำไมต้องชมเทาเท่ขนาดนี้?เหมือนว่าเทาเท่กำลังปกป้องเธออย่างนั้น
เทาเท่มองความคิดของเธอออก เลยพูดไปเองว่า:“คุณจะจ้องนานิทำไม?”
ตอนที่หลินจือมองมาเขาก็พูดอีกว่า:“นี่ผมกำลังปกป้องคุณอยู่นะ”
หลินจือ:“……”
นานิทนไม่ไหว ก็ปิดปากหัวเราะขึ้นมาอีกครั้ง
หลินจือสูดหายใจลึกๆแล้วเบือนหน้าหนี ไม่อยากสนเขาอีก
เขาก็น่ารังเกียจมาก เดาความคิดเธอออกแล้วยังจงใจพูดออกมาอีก
เหอะเหอะ
ใครให้เขามาปกป้องกัน?
เมื่อกี๊เธอสู้กลับอย่างสวยงาม
เทาเท่ไม่พูดอะไรอีก ก้มลงโทรหาควีน
ไม่นานนัก ก็เห็นดาราสาวสวมชุดสีฟ้าที่อยู่กับซูซีไม่ไกลนั้นถือโทรศัพท์วิ่งออกไปด้วยตาแดงก่ำ
จะต้องถูกแจ้งว่าโดนยกเลิกบทบาทนี้ไปแน่ เสียใจจนคิดหาวิธี
นานิจิบแชมเปญอย่างสง่างาม:“สมองเป็นสิ่งที่ดีจริงๆ รู้สึกได้ระบายความโกรธออกไป”
สมองเป็นสิ่งที่ดี แต่น่าเสียดายที่ดาราสาวชุดฟ้าไม่มี ถูกซูซียุยงให้มาหาเรื่องหลินจือง่ายๆ คิดไม่ถึงว่าจะซวยไปถึงตัว
เธอไม่ถามตัวตนและการงานของหลินจือแล้ว ไม่ถามแล้วว่าซูซีมีความคับข้องใจอะไรกับหลินจือกันแน่ ตอนนี้ดูสิ ได้ไม่คุ้มเสีย
ห้องนั้น หลังจากซูซีเห็นดาราสาวชุดสีฟ้าคนนั้นวิ่งออกไป ก็กัดฟันแน่นจ้องไปที่หลินจือกับเทาเท่
ดาราสาวชุดสีฟ้าเมื่อกี๊ก็กลับมาถามเธออย่างโกรธจัดว่า:“ผู้หญิงที่อยู่ข้างนานิ เป็นใครกันแน่?”
เธอจงใจถามไปนิ่งๆ:“ทำไมเหรอ?”
“ที่จริงฉันอยากเยาะเย้ยเสื้อผ้าที่เธอใส่กับสร้อยที่เธอสวม แต่ใครจะไปรู้ว่ากี่เพ้าตัวนั้นเป็นของ M และสร้อยคอนั่น——”ดาราสาวชุดฟ้าพูดถึงตรงนี้สายตาก็สั่นคลอน พูดไม่ออก
“สร้อยของเธอทำไม?”ซูซียังคงนิ่ง
ตั้งแต่เด็กเธอก็ถูกเบลซเลี้ยงมาอย่างอยู่ดีกินดี ไม่มีเครื่องประดับอะไรที่เธอไม่เคยผ่านตา
“สร้อยของเธอปรากฏบนเว็บประมูลของพัวร่า และราคาที่โชว์ออกมานั้น”ดาราสาวคนนั้นสูดหายใจลึกๆอีกครั้งแล้วพูดไปว่า“แพงจนน่าตกใจ!สูงเทียมฟ้า!”
“อะไรนะ?”ซูซีเซถอยหลังไปหลายก้าวอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“สูงเทียมฟ้า?”ลีวายที่อยู่ด้านข้างก็ดูไม่ค่อยจะเชื่อ หลินจือสวมสร้อยคอราคาแพงแบบนี้ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
คงไม่ใช่เจเทาวน์หรือว่าเทาเท่ให้เธอหรอกใช่ไหม?
พอคิดแบบนี้ ลีวายก็กัดริมฝีปากตัวเองแน่น ไม่งั้นเธอก็กลัวว่าไฟแห่งความริษยาในใจนั้นจะแผดเผาตัวเองได้
ดาราสาวชุดฟ้าหยิบโทรศัพท์ตัวเองออกมาแล้วพูด:“ฉันหาให้พวกเธอดู”
แป๊บเดียวเธอก็ค้นหาสร้อยของหลินจือเส้นนั้นได้:“ฉันดูใกล้ๆแล้ว เหมือนกันเลย”
หลังจากซูซีเห็นราคาบนนั้นชัดเจนแล้ว ทุกคนก็นิ่งอยู่ตรงนั้น
เธออยู่ดีกินดีมาตั้งแต่เด็กจริงๆ สัมผัสเครื่องประดับหรูหราเหล่านั้นตั้งแต่ยังเป็นเด็กด้วย แต่บนโลกนี้ก็มีชีวิตอีกประเภทหนึ่งจริงๆ ชีวิตแบบนั้นหรูหรากว่าสิ่งแวดล้อมที่เธอมีเป็นหมื่นเท่า
เธอคิดว่าสิ่งที่ตัวเองมีตอนนี้ดีที่สุดแล้ว แต่นั่นเป็นเพียงวิธีหลอกตัวเองของเธอเท่านั้น ตอนนี้สร้อยคอเส้นนี้ของหลินจือ ทำลายความเย่อหยิ่งและภาคภูมิใจของเธอไปหมดแล้ว
เธอนิ่งไปอยู่ตรงนั้น ไม่มีการตอบสนองคืนมาสักพัก
ริษยา หมดหวัง โกรธ โมโห อาการต่างๆผุดอยู่ในใจเธอ
ลีวายพูดด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็นอยู่ด้านข้าง:“เธอรู้ได้ไงว่ายัยนั่นใส่ของแท้?”
ดาราสาวชุดฟ้าคนนั้นนึกถึงตอนที่ตัวเองพูดแล้วโดนตอกกลับไป แล้วมานึกถึงท่าทางสุขุมของหลินจืออีกครั้ง ก็ส่ายหน้าพูดไปว่า:“ต้องเป็นของจริงแน่”
ถ้าใส่ของปลอม หลินจือไม่สุขุมอย่างนั้นแน่ และเธอก็ไม่ใช่นักแสดงด้วย ยังไงก็แสดงอย่างหนักแน่นแบบนั้นไม่ได้แน่
ลีวายพูดอีกว่า:“ยิ่งเธอใส่สร้อยคอราคาแพง ก็หมายความว่าพฤติกรรมเบื้องหลังเธอสกปรกมากเท่านั้น มีอะไรให้อิจฉาริษยาล่ะ”
แต่ถึงพูดแบบนี้ ลีวายก็ยังอดไม่ได้ที่จะกำมือสองข้างของตัวเองไว้แน่น
เพราะว่าถึงเธออยากคนที่ใหญ่โตแบบพวกเจ้าพ่อ ก็ปีนขึ้นไปไม่ได้
ดาราสาวชุดฟ้าคนนั้นไม่พูดอะไรอีก เพราะว่าโทรศัพท์เธอดังขึ้นมา
เธอรับสายเสร็จไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไร สีหน้าเธอก็เปลี่ยนไปทันที จากนั้นเธอพูดไปอย่างตื่นตระหนกว่า:“นี่คุณผู้ช่วย ทำไมจู่ๆก็มายกเลิกตัวละครฉันล่ะ?สัญญาก็เซ็นไปแล้วไม่ใช่เหรอ?”
แต่คนที่ปลายสายไม่พูดอะไรมาก ก็วางสายไปเลย เธอได้แต่ร้องไห้ไปหาผู้จัดการเพื่อหาทางออก