บทที่ 203 ไม่งั้นพยายามอีกหน่อยไหม

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

หลังจากดาราสาวคนนั้นวิ่งออกไป ซูซีจึงได้สติคืนมา จากนั้นเงยหน้าขึ้นและก็เห็นเทาเท่ไปอยู่ข้างๆหลินจืออีกครั้ง

ซูซีนึกถึงคลิปนั้นเมื่อก่อนหน้านี้ ภาพที่เทาเท่บีบหลินจือไปชิดมุมกำแพง กอดเธอไว้พยายามจะจูบ

ตอนนั้นที่เธอเห็นวิดีโอนั้น ก็โกรธแทบบ้า

นับดูแล้วเธอกับเทาเท่ก็รู้จักกันมาหลายปีแล้ว ช่วงนี้พวกเขาห่างเหินกันไม่พอ ถึงแม้ตอนที่พวกเขาเป็นแฟนกัน เทาเท่ก็ไม่ได้กอดเธอจูบเธออย่างเร่าร้อนแบบนั้น

ในสายตาเธอ เทาเท่เป็นคนเย็นชาอย่างมาก น้อยมากที่จะรุกก่อน

เขาไปแนบชิดหลินจืออย่างไม่มีศักดิ์ศรีแบบนั้นได้ไง?

ซูซีก็นึกถึงที่หลินจือพูดครั้งที่แล้วอีกครั้ง แค่เทาเท่ไม่ไปทำงานต่างที่ แค่เธอไม่อยู่ในช่วงประจำเดือน ทุกคืนพวกเขาก็คงใช้ชีวิตแบบสามีภรรยา ……

ตอนนี้เทาเท่เดินเข้าไปใกล้หลินจือเองอีกแล้ว มองไปที่หลินจือที่ดูระมัดระวังและมุ่งมั่น ซูซีก็เกือบจะกัดฟันแตก

ลีวายที่เกลียดหลินจือเหมือนกับซูซี ตอนนี้ก็พูดอย่างโกรธๆว่า:“ประธานเทาเท่ถูกใส่ของหรือเปล่า ปล่อยคนขาวสวยรวยอย่างคุณไป แล้วมาชอบผู้หญิงอย่างหลินจือเนี่ยะ?”

ซูซีหัวเราะอย่างเยือกเย็น:“ผู้ชายก็ระยำแบบนี้ ไม่ได้ของที่ดีที่สุดมาหรอก แต่พอได้แล้วกลับไม่รู้จักรักษา”

คิดถึงตอนนั้นที่เทาเท่เป็นสามีภรรยากับหลินจือ เทาเท่ไม่แลหลินจือสักนิด เย็นชากับหลินจือมาก

ตอนนี้หลินจือหย่ากับเขาแล้ว เขากลับเป็นศัตรูกับทั้งบ้านเพื่อหลินจือ

ไม่สิ จากที่หลินจือพูด พวกเขาสามีภรรยาใช้ชีวิตด้วยกันสั้นๆขนาดนั้น เธอสงสัยว่าเทาเท่ปฏิบัติต่อหลินจือใช่ความเย็นชาจริงๆหรือไม่

ว่ากันตามเหตุผลแล้วผู้ชายคนหนึ่งไม่ชอบผู้หญิงคนหนึ่ง ก็น่าจะไม่แลเธอเลย ทำไมถึงได้ต้องการเธอบ่อยๆกัน?

ลีวายไม่รู้ความสัมพันธ์ในเมื่อก่อนของหลินจือกับเทาเท่ เธอคิดว่าที่ซูซีบอกว่าได้มาแล้วแต่ไม่รักษานั้นหมายถึงตัวซูซีเอง หมายถึงเทาเท่เคยได้ซูซีมาเลยไม่รักษาซูซี

ดังนั้นเธอจึงเสนอไปว่า:“ประธานซูซี คุณจะลองพยายามดูอีกหน่อยไหม?พยายามได้ประธานเทาเท่มา”

ซูซีกัดฟัน:“พยายามอย่างไร?ในสายตาเขาตอนนี้มีแต่หลินจือ”

ลีวายพูดเสียงเบา:“ใช้วิธีการเล็กน้อยไง เรื่องราวของคุณกับประธานเทาเท่เลยจุดที่จะเข้าไปแก้ไขหรือเปลี่ยนได้อีกแล้ว แต่จากอิทธิพลของพ่อคุณแล้ว เขาก็ต้องแต่งกับคุณสิใช่ไหม?”

ซูซีตะลึง

ใช้วิธีการเล็กน้อย?

เหมือนกับหลินจือตอนนั้น?

ซูซียอมรับ ถึงเธอดูถูกพฤติกรรมหลินจือตอนนั้น แต่เธอก็ใจเต้นมากจริงๆกับข้อเสนอของลีวาย

ตอนนั้นเทาเท่แต่งงานกับหลินจือได้เพราะนอนกับเธอ ตอนนี้ถ้าเธอมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเทาเท่ล่ะก็ เทาเท่ ก็ต้องแต่งกับเธอถูกไหม?

ลีวายพูดอีกว่า:“ที่จริงเรื่องแบบนี้ทำได้ง่ายมาก ประธานเทาเท่เข้าร่วมงานสังคมมากมายทั้งวัน คุณแค่จ้างพนักงานสักคนก็ได้แล้วนี่ ถึงตอนนั้นคุณค่อยให้นักข่าวหรือให้พ่อแม่คุณไปสกัดกั้นเขาไว้ ทำให้ทุกคนรู้เขาไม่อยากแต่งงานก็ต้องแต่งใช่ไหมล่ะ?”

ที่ลีวายพยายามสุดชีวิตให้ซูซีคบกับเทาเท่ ก็เพราะไม่อยากให้เทาเท่ไปจีบหลินจืออีก

หลินจือมีสิทธิ์อะไรที่ได้ดื่มด่ำความชอบและการตามจีบของผู้ชายตั้งมากมายขนาดนั้น?เอาเทาเท่ไปให้ซูซี แล้วเธอค่อยคิดหาทางทำลายความรู้สึกดีที่เจเทาวน์มีต่อหลินจือ สุดท้ายก็ให้คนที่ตามจีบไม่เหลืออยู่ข้างกายหลินจือสักคน

ถ้าได้ล่ะก็ เธอต้องทำให้หลินจือมีเรื่องอื้อฉาวไปทั่วทั้งวงการ และออกไปจากวงการเขียนบทโดยสิ้นเชิง

คิดถึงตรงนี้ ลีวายก็มักจะรู้สึกไม่สบายหน้าอก

ถึงแม้แผนของเธอยังไม่สำเร็จลุล่วง แต่พอนึกถึงความน่าเวทนาของหลินจือที่จะมาถึง เธอก็รู้สึกดีสุดๆ

ซูซีจ้องไปทางเทาเท่กับหลินจือเขม็ง เม้มริมฝีปากไม่พูดไม่จา แต่ในใจเธอพิจารณาถึงข้อเสนอของลีวายในแผนการต่างๆแล้ว

เธอไม่แคร์ว่าหลังแต่งงานไปเทาเท่จะยังดีกับเธอหรือไม่ เพราะว่าเปรียบเทียบกับเทาเท่แล้ว เธอรักอำนาจอิทธิพลเหล่านั้นที่เทาเท่และตระกูลฟอเรนามีต่างหาก

ที่สำคัญก็คือ แค่แต่งกับเทาเท่ เธอก็สามารถเรียกคืนชื่อเสียงของตัวเองกลับคืนมาได้เป็นอย่างดี และยังสามารถเหยียบย่ำหลินจือยัยผู้หญิงม่ายนั่นไว้ใต้เท้าได้แรงๆแล้ว

เทาเท่โทรสั่งควีนเสร็จก็ยังไม่ไป เขายังไม่ออกไปก็พอแล้ว นี่สายตาของเขายังมองมาที่หน้าเธออย่างกำเริบเสิบสานอีก หลินจือรู้สึกอายและหงุดหงิด

นานิเห็นเทาเท่ยังไม่คิดจะออกไป ก็คิดอะไรในใจ แล้วหาข้ออ้างออกไป

หลินจือไม่ได้ห้ามนานิจึงออกไป เหลือเธอเผชิญหน้ากับเทาเท่สองต่อสอง

ด้วยความที่ทำอะไรไม่ได้เธอเลยมองไปที่เทาเท่แล้วตอบโต้ไปว่า:“คุณจ้องฉันทำไม?หน้าฉันมีอะไรเหรอ?”

เทาเท่ตอบไปตรงๆ:“ก็คุณสวย”

หลินจือ:“……”

หน้าของเธอแดงอย่างควบคุมไม่อยู่ เพราะว่านิสัยเก็บตัวของเธอฟังคำชมตรงไปตรงมาแบบนี้ไม่ไหว

และก็ เทาเท่กลายเป็นคนหน้าด้านแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ถึงได้พูดคำพูดเลี่ยนๆแบบนี้ได้

เธอพูดอย่างเซ็งๆ:“มองไปตั้งสามปีแล้ว สวยแค่ไหนก็เบื่อได้เหมือนกัน”

เทาเท่จ้องเธอแล้วพูดว่า:“มีคำนี้ไม่ใช่เหรอ?มองเท่าไหร่ๆก็ไม่เบื่อ”

หมายความว่า เขารู้สึกกับเธอเช่นนี้

หลินจือหงุดหงิดแปลกๆ

ตอนนี้เขามาพูดจาหวานๆใส่ มักจะทำให้เธอนึกถึงวันเวลาที่ถูกเขาเฉยเมยใส่ มักจะทำให้เธอหดหู่ใจ

ดังนั้น เธอจึงก้มหน้าพูดว่า:“ฉันเห็นอาจารย์ครูสมาแล้ว ไปคุยกับเธอหน่อยนะ”

หลินจือพูดจบก็หันกลับออกไป เทาเท่ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขารู้สึกถึงความเยือกเย็นที่กะทันหันของเธอ แต่กลับไม่รู้ว่าเพราะอะไร

โซเมนบอกว่า จะจีบผู้หญิงคนหนึ่ง จะต้องพูดจาด้วยถ้อยคำหวานๆ และให้ของขวัญโดยไม่ลังเล ไม่ว่าจะใช้วิธีไหน ก็ต้องให้เธอรู้สึกถึงความใส่ใจที่เขามีแต่เธอ

เขาทำตามแล้ว ทำไมเธอไม่ได้ดีใจเท่าไหร่นักเลยล่ะ?

นานิออกไปเพื่อไปหยุดดาราสาวชุดฟ้าคนนั้น เดินเข้าไปตรงทางเดินของห้องจัดงานเลี้ยงกอดอกรออย่างนิ่งๆ

ดาราสาวคนนั้นคุยโทรศัพท์ข้างนอกอยู่นาน เหมือนว่าสุดท้ายแล้วจะทำอะไรไม่ได้ ตอนกลับมาห้องงานเลี้ยงนี้อีกครั้ง ก็ตาแดงก่ำ

พอเห็นนานิเธอก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า:“เพื่อนเธอคนนั้นเป็นใครกันแน่?ทำไมตัวละครใน”The Legend of Concubine Rong “ที่ฉันได้มาอย่างยากเย็นถึงถูกยกเลิกไป?”

นานิพิงไปที่กำแพง มองเล็กอันสวยงามของตัวเองแล้วพูดอย่างสบายๆ:“ซูซีกับลีวายไม่ได้บอกเอเหรอ?เธอคือนักเขียนบทฟิลคูล”นักเขียนบทหลักของThe Legend of Concubine Rong “”

“อะไรนะ?”ดาราสาวถอยหลังไปหลายก้าวอย่างตกใจ

ไม่น่าล่ะเธอถึงร่วมงานเลี้ยงวงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ในคืนนี้ได้ ที่แท้เธอก็คือนักเขียนบท และยังเป็นนักเขียนบทของ”The Legend of Concubine Rong “อีก

เธอซวยมาก ถึงได้ไปขัดใจคนใหญ่โตแบบนี้ได้

แต่พอได้สติคืนมาเธอก็พูดอย่างไม่พอใจไปว่า:“แต่ว่า เพราะความคับข้องใจส่วนตัวของเธอแล้วมายกเลิกบทบาทของฉันแบบนี้ มาแก้แค้นเพราะปัญหาส่วนตัวแบบนี้ใช้ได้เหรอ?”

นานิส่งเสียงอย่างเยือกเย็น:“ตาข้างไหนของเธอเห็นว่าเธอโทรให้คนยกเลิกบทบาทของเธอ?”

ดาราสาวคิดอย่างละเอียด เธอเพิ่งกลับไปอยู่ด้านข้างซูซีก็จ้องมาทางพวกนานิอย่างโกรธจัดตลอด ไม่เห็นเพื่อนคนนั้นของนานิโทรศัพท์จริงๆ

แต่ เหมือนเธอจะเห็นว่าเทาเท่โทรศัพท์ไป……