สีหน้าดาราสาวซีดขาวไป ถามนานิอย่างอกสั่นขวัญหาย:“คงไม่ใช่ประธานเทาเท่โทรศัพท์ไปใช่ไหม?ทำไมเขาต้องทำกับฉันแบบนี้ด้วย?”
ดาราสาวคนนั้นไม่รู้ความสัมพันธ์ของหลินจือกับเทาเท่ คิดว่าตัวเองไม่เคยไปทำอะไรขัดใจเทาเท่ ดังนั้นเลยไม่เข้าใจว่าทำไมเทาเท่ต้องเล่นงานเธอ
“ทำไมเขาต้องทำกับเธอแบบนี้?”นานิพูดด้วยสภาพพูดไม่ออก“เธอไม่รู้เหรอ?ผู้ชายคนหนึ่งออกโรงเพื่อผู้หญิงคนหนึ่ง จะเพราะอะไรได้ล่ะ?”
นานิก็เป็นคนฉลาด ไม่บอกความสัมพันธ์ของหลินจือกับเทาเท่ไปตรงๆ แต่แอบใบ้ว่าเทาเท่รู้สึกดีต่อหลินจือ
ดาราสาวพึมพำ:“เธอจะบอกว่า ประธานเทาเท่ชอบเพื่อนเธอคนนั้นเหรอ?”
นานิส่งเสียงฮึดฮัด จากนั้นเลิกคิ้วขึ้น:“ทำไม?เธอคิดว่าเพื่อนฉันไม่คู่ควรเหรอ?”
ดาราสาวนึกถึงชุดและสร้อยเส้นนั้นที่ราคาสูงเทียมฟ้าของหลินจือแล้ว ก็รีบพูด:“เปล่าๆ พวกเขาเข้ากันมาก”
นานิพอใจกับการตอบสนองของเธออย่างมาก จึงพูดไปอีกว่า:“แต่ฉันบอกให้นะ ซูซีจงใจไม่บอกเธอว่าเพื่อนฉันเป็นนักเขียนบทของ”The Legend of Concubine Rong “นี่มันอยากหลอกใช้เธอชัดๆ”
ดาราสาวคิด แล้วก็คิดแบบนี้จริงๆ
เธอโกรธจนกัดฟันแน่น:“ซูซียัยแพศยานี่ เมื่อก่อนตอนเธอแสดงหนังฉันก็รู้สึกขัดหูขัดตาเธอสุดๆ วันๆทำตัวเป็นคุณหนูผู้สูงส่ง เห็นพวกเราเป็นคนใช้”
“ถ้าไม่ได้เห็นแก่ว่าตอนนี้ในมือเธอมีทรัพยากรล่ะก็ คืนนี้ฉันก็ไม่สนเธอหรอก ตอนนี้เธอทำให้ฉันเสียบทบาทนี้ไป ฉันไม่ปล่อยเธอไปแน่!”
ดาราสาวคนนั้นพูดจบก็พุ่งไปในห้องงานเลี้ยงอย่างโกรธจัด ยังไงซะเธอก็เสียบทบาทนี้ไปแล้ว ไม่ได้แสดงละครของซูซีก็ช่างมันแล้ว
อีกอย่าง คนเจ้าเล่ห์อย่างยัยซูซีนี่ จะให้เธอแสดงจริงๆหรือไม่ก็ยังไม่รู้
สภาพนานิรอดูฉากเด็ดอยู่ เหยียบรองเท้าส้นสูงเดินส่ายไปมาอย่างสบายๆเข้าไปในห้องจัดงานเลี้ยง
ซูซีชอบยุให้รำตำให้รั่วเป็นคนเดียวหรือไง?เธอก็ทำเป็นเหมือนกัน
ดาราสาวเข้าไปในห้องจัดงานเลี้ยงแล้ว พอหาซูซีเจอก็ยกมือขึ้นมาสาดไวน์แดงไปที่หน้าซูซี ซูซีถอยหลังไปสองสามก้าวด้วยใบหน้าซีดเซียว ถึงเธอจะเอียงหน้าหนี แต่ชุดราตรีแสนแพงนั่นก็โดนไปเต็มๆ
ทั้งๆที่เธอสวมชุดราตรีสีขาว ช่วงหน้าอกก็เปื้อนคราบไวน์สีแดงทันที ทำให้สภาพเธอดูอนาถสุดๆ
ซูซีโกรธแทบตาย ตะคอกไปที่ดาราสาวอย่างกราดเกรี้ยว:“เธอทำอะไรน่ะ?ประสาท!”
ซูซีคิดว่าดาราสาวคนนี้ประสาทจริงๆ เมื่อกี๊เธอเพิ่งยั่วยุให้ดาราสาวเกลียดหลินจือได้สำเร็จ แต่ทำไมตอนนี้กลับมาอาละวาดใส่เธอได้
ดาราสาวกัดฟันพูด:“เธอยังมีหน้ามาถามฉันว่าทำอะไรเหรอ?ฉันจะฆ่าแกยัยผู้หญิงแพศยา!”
เธอพูดจบก็ยกมือขึ้นจับไปที่หน้าซูซี ซูซีถอยหลังไปอย่างตื่นตระหนก
เพราะว่าร่วมงานเลี้ยงเลยสวมรองเท้าส้นสูงอย่างมาก กระโปรงชุดราตรีก็แนบเนื้ออ้าขามากไม่ได้ ทำให้ซูซีที่เพิ่งถอยหลังไปก็เซ
เธอพยายามให้ล้มลงไปทางโต๊ะด้านข้าง หวังว่าจะสามารถยันโต๊ะไม่ให้ตัวเองล้มลงไปได้
แต่ใครจะไปรู้ว่าโต๊ะนั้นเป็นโต๊ะยาวที่วางแอลกอฮอล์ในงานเลี้ยง ตรงกลางโต๊ะยาวยังมีแก้วไวน์ที่วางซ้อนกันอย่างสวยงามและสูงมาก ซูซีพุ่งไปแบบนี้ ชั้นไวน์นั้นก็ล้มลงไป ไวน์เป็นสิบแก้วก็ล้มไปที่ตัวซูซี ทำเอาซูซีเปียกโชกไปทั้งตัว
การเคลื่อนไหวใหญ่โตแบบนี้คนทั้งงานเลี้ยงต่างได้ยิน สายตาทุกคนต่างมองไปที่ซูซี
ซูซีก้มลงมองตัวเองที่เปียกปอนไปทั้งตัว แล้วจึงมองผู้คนที่อยู่รอบๆที่สายตาดูเหมือนมองเรื่องตลกในความประหลาดใจ เธอกรีดร้องออกมาตรงนั้นอย่างใจสลาย จากนั้นตรงหน้าก็มืดสนิทหมดสติไป
โกรธจนหมดสติไป
นิสัยของซูซีนั้นรักษาภาพลักษณ์และหยิ่งทะนงสุดๆ แต่ตอนนี้ดูน่าเกลียดต่อหน้าผู้คน และยังเป็นคนจำนวนมากขนาดนี้อีก เธอไม่โกรธจนหมดสติไปก็คงแปลก
ลีวายที่อยู่ข้างๆได้แต่รีบเข้าไปประคองเธอ แขกที่อยู่รอบๆได้สติคืนมาก็ช่วยเรียกรถพยาบาล ซูซีจึงออกไปจากงานเลี้ยงคืนนี้ด้วยสภาพที่ดูอนาถ
ตอนซูซีมานั้นมาด้วยสภาพที่ดูกระฉับกระเฉงและมีชีวิตชีวา ตอนที่พาลีวายเดินพรมแดงก็มาเหมือนดั่งราชินี
คืนนี้เธอก็คิดจะพยายามผลักดันละครย้อนยุคที่ลีวายเขียนบท เพราะที่หลินจือเขียนบทชื่อว่า”The Legend of Concubine Rong “ใช่ไหม ดังนั้นเธอกับลีวายจึงเพิ่งตัดสินใจชื่อไปซึ่งก็คือตำนานจันทรา
จันทราคือนางเอกในหนังสือ พูดถึงเรื่องราวชีวิตเธอตั้งแต่เป็นจัณฑาลที่ไม่เป็นที่รู้จักจนเป็นองค์ราชินีแสนฉลาดแยบยลที่สวยสง่างาม ชัดเจนว่าสู้กับ”The Legend of Concubine Rong “
กระทั่งว่าซูซียังตั้งใจให้นักแสดงนำหญิงชื่อว่าจันทรา เอาตัวอักษรในชื่อของตัวเองไปใส่ เอาความคับข้องใจทั้งหมดที่ตัวเองมีต่อหลินจือไปไว้ที่นังแสดงนำหญิงคนนี้
ก็แค่เรทติ้งการรับชมของตำนานจันทรานั้นแพ้ให้กับ”The Legend of Concubine Rong “ซึ่งก็หมายความว่าเธอแพ้หลินจือ
แค่คิดไม่ถึงว่า เธอจะก้าวเท้าผิด เพิ่งจะเริ่มงานเลี้ยงก็ทำขายหน้าไปเสียแล้ว
หลังจากซูซีถูกส่งไปที่รถพยาบาลแล้วออกไป ดาราสาวชุดฟ้าคนนั้นก็ถูกยามพาออกไปจากห้องงานเลี้ยง
เธอดิ้นรนไปด่าซูซีว่า:“ซูซียัยคนแพศยา!”
“พวกคุณอย่าโดนสภาพใสซื่อบริสุทธิ์ของเธอหลอกเอาล่ะ ที่จริงลับหลังเธอนั้นร้ายกาจและฉลาดแกมโกงมาก!”
ไม่ว่าที่เธอด่าคำพวกนี้จะส่งผลต่อการตัดสินซูซีของคนที่ร่วมงานนี้หรือไม่นั้น แต่คืนนี้เธอ“การกระทำอันยิ่งใหญ่”ในคืนนี้ของเธอก็ทำให้ซูซีขายขี้หน้าผู้คน
หลังจากความวุ่นวายผ่านไป นานิที่อยู่หลังฝูงชนก็ไปหาหลินจืออย่างอารมณ์ดี
ซูซีมีจุดจบที่น่าอนาถใจนี้ ทั้งถูกไวน์สาดใส่จนเปียกเป็นลูกหมาตกน้ำ และยังโกรธจนหมดสติต้องหามไปโรงพยาบาลอีก เป็นสิ่งที่นานิคาดไม่ถึงเลย
เธอคิดว่าดาราสาวคนนั้นจะด่าซูซี คิดไม่ถึงว่าจะทำเรื่องให้โหวกเหวกแบบนี้
ระบายความโกรธได้เยี่ยมมาก
อยากเล่นงานคนอื่นก่อนเองสุดท้ายตัวเองก็โดนกลับ
ใครให้คืนนี้ซูซีมาเล่นงานหลินจือกันล่ะ สุดท้ายตัวเองก็ขายขี้หน้า กรรมตามสนอง
หลินจือก็เห็นสิ่งที่ซูซีประสบพบเจอเช่นกัน เธอเพิ่งไปหาครูสและคุยกับครูสได้ไม่กี่ประโยค ก็ถูกตัดบทด้วยแก้วไวน์ที่วางเรียงกันตกลงมาและเสียงกรีดร้องของผู้คน
หลินจือหานานิเจอจากฝูงชนได้ในทันที ตอนที่เห็นรอยยิ้มอันสะใจทั่วใบหน้านานิ เธอก็รู้ว่าต้องเป็นนานิที่ลงมือทำอะไรลับหลังแน่ ไม่งั้นดาราสาวชุดฟ้าก็คงไม่ทำแบบนี้กับซูซี
แต่ว่าหลินจือไม่เห็นใจซูซีเลยสักนิด แต่ยังคิดสมน้ำหน้าซูซีด้วยซ้ำ
ตอนที่หลินจือไปหานานิก็เห็นเทาเท่ เขาในฐานะแฟนเก่าของซูซี และยังเป็นคู่กรณีที่มีข่าวฉาวกับซูซีมาหลายปีด้วยนั้น เทาเท่ยืนอยู่ในฝูงชนมองดูซูซีที่ตกอยู่ในสถานการณ์อันน่าอับอายอย่างเฉยเมย
หลินจือไม่รู้ว่าควรเห็นใจซูซีหรือว่าหัวเราะเยาะซูซีดี ซูซีพยายามแย่งเทาเท่ไปอยู่หลายปี แต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรเลย คุ้มค่าเหรอ?
ครูสก็ถอนหายใจอยู่ข้างๆ:“ดาราสาวพวกนี้พออยู่ด้วยกันก็ปากหวานก้นเปรี้ยว พวกเราที่เป็นนักเขียนบทสิทอยู่อย่างสงบที่สุดแล้ว”
หลินจือยิ้มอย่างน่าอึดอัดเล็กน้อย เธอบอกได้ไหมว่าเหตุการณ์ตรงหน้านี้เป็นเพราะเธอหมด?
เป็นนักเขียนบท ไม่สงบสักนิดตรงนี้