964 เลิกเพ้อฝัน
“ดี ตอนนี้นายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว” เสวี่ยซินหยวนพูด “พักผ่อนให้มากและขอให้มีความสุขใน วันปีใหม่นะ”
“ขอบคุณครับ” เมี่ยวเฉิงถางขอบคุณอีกฝ่ายจากใจจริง
ถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากเสวี่ยซินหยวน เขาก็ไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขาบ้าง หรือ จุดจบของเขาจะน่าอนาถสักแค่ไหน ไม่เพียงแค่แนะนําหมอให้เขาเท่านั้น แต่อีกฝ่ายยังให้เงิน ก่อนที่เขาจะเดินทางไปรักษาตัวอีกด้วย
“คุณยังอยู่ที่เทียนจินรึเปล่าครับ?” เมี่ยวเฉิงถางถาม
“ใช่ แต่พรุ่งนี้ฉันก็จะไปแล้ว” เสวี่ยซินหยวนพูด “ฉันว่าจะเข้าไปปักกิ่งสักหน่อย” “ผมขอเจอคุณได้ไหมครับ?” ในที่สุด เมี่ยวเฉิงถางก็ตัดสินใจได้ เขาคิดจะบอกเรื่องสําคัญที่ เกี่ยวกับหุบเขาพันโอสถกับเสวี่ยซินหยวน
“ได้สิ” เสวี่ยซินหยวนที่อยู่ปลายสายตอบตกลงในทันที
หวังว่าฉันจะได้ข้อมูลสําคัญจากเขา เสวี่ยซินหยวนคิด
ตอนนี้ เขาไม่ได้มีเรื่องสําคัญอะไรให้ต้องจัดการ เรื่องที่เกิดขึ้นในเขตเหอก็เงียบไปได้สักพัก แล้ว และเจ้าหน้าที่สืบสวนที่อยู่ในเขตต่างก็แยกย้ายกันกลับเมืองของตัวเองกันหมด เขาจึงคิดที่
จะหันมาให้ความสําคัญกับคนที่เขาติดต่อด้วย และเมี่ยวเฉิงถางก็คือหนึ่งในนั้น
โดยทั่วไปแล้ว เขาไม่จําเป็นต้องใส่ใจและใช้จ่ายเงินจํานวนมากกับคนที่เขา “ซื้อ” มามากนัก แต่เสวี่ยซินหยวนรู้สึกว่า อีกฝ่ายเก็บซ่อนความลับเอาไว้หลายอย่าง และทําให้เขามีค่าขึ้นมาใน สายตาของเสวี่ยซินหยวน และนั่นก็เป็นสาเหตุที่เขาให้ความช่วยเหลืออีกฝ่ายอย่างสุดความ สามารถ เสวี่ยซินหยวนรู้สึกอยู่เสมอว่า ไม่ช้าก็เร็วเขาจะต้องได้เข้าไปพัวพันกับคนในหุบเขาพัน โอสถอีกครั้ง
คืนนั้น เดี่ยวเฉิงถางนอนหลับสนิท
ความหวาดกลัวและความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ทําให้เขาเหนื่อยล้าทั้งกายใจ ตอนนี้ เขารอดพ้นจากอันตรายและโซ่ตรวนเหล่านั้นก็พังลงไป ถึงจะแค่ชั่วคราวก็ตามที แต่เขาก็ สามารถวางใจได้บ้าง ความเจ็บปวดและความกดดันทางจิตใจได้หายไป มันเป็นเรื่องยากที่เขา
สามารถหลับยาวไปจนถึงเช้าได้แบบนี้
ตอนเช้า เขาตื่นนอนและล้างหน้าล้างตา เขารู้สึกว่าใบหน้าของเขายังคงซีดอยู่ “เมี่ยวซีเหอ!” สีหน้าของเขาดูมุ่งร้าย
ช่วงสาย ชายสองคนได้นัดพบกันที่ร้านน้ําชา
หลังจากได้นอนหลับสนิททั้งคืน เมี่ยวเฉิงถางก็มีแรงขึ้นมาก และคิดอะไรได้หลายอย่าง สิ่งแรกที่เมี่ยวเฉิงถางทําตอนที่พวกเขาเจอหน้ากันก็คือ การขอบคุณเสวี่ยซินหยวน “ขอบคุณ
สําหรับความช่วยเหลือในครั้งนี้นะครับ”
“ไม่ต้องเกรงใจกันขนาดนั้นก็ได้” เสวี่ยซินหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม
“ที่ผมนัดคุณมาวันนี้ ก็เพื่อจะพูดเรื่องหุบเขาพันโอสถ มันเป็นความลับที่น้อยคนจะรู้” เมี่ยวเฉิง
ถางไม่คิดอ้อมค้อม และเข้าประเด็นในทันที
“อืม ดี” เสวี่ยซินหยวนพูด “พูดมาได้เลย ฉันฟังอยู่”
เมี่ยวเฉิงถางพูดถึงสมุนไพรวิเศษของเขตเมี่ยว และตํานวนความเป็นอมตะ ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ตํานานเรื่องเล่าสําหรับคนส่วนใหญ่ แต่เสวี่ยซินหยวนรู้ว่า มันอาจมี
ความจริงซุกซ่อนอยู่ในนั้นด้วย
ถาม
“มันเป็นไปได้ด้วยเหรอ ที่จะสามารถกลายเป็นอมตะและไม่เจ็บไปป่วยน่ะ?” เสวี่ยซินหยวน
“เรื่องความเป็นอมตะนั้นพูดยากครับ แต่ผมรู้ว่า มีบางคนในหมู่บ้านของเราที่มีภูมิต้านทานโรค ได้ทุกชนิดอยู่” เมี่ยวเฉิงถางพูด “มีมากกว่าหนึ่งคนที่มีชีวิตนานหลายทศวรรษ แต่พวกเขาก็ยังมี สุขภาพแข็งแรงและมีอายุมากกว่า 90 ปีขึ้นไป พวกเขาไม่มีทีท่าว่าจะป่วยเลยสักครั้ง” “มันอัศจรรย์ขนาดนั้นเลยเหรอ?” เสวี่ยซินหยวนถาม
“ใช่ครับ” เหี่ยวเฉิงถางตอบ
“แล้วเรื่องกล้วยไม้สีเลือดที่นายบอกล่ะ?” เสวี่ยซินหยวนถาม
“มันใช้ได้ผลกับคนธรรมดาครับ” เมี่ยวเฉิงถางพูด “นั่นเป็นหนึ่งในสมุนไพรวิเศษของเขตเดี่ยว เดิมทีเมี่ยวเทียนชวนนั้นกําลังจะตาย มันเป็นความปรารถนาสุดท้ายที่ทําให้เขากลับมาที่หุบเขา
เพื่อที่เขาจะได้มาเห็นบ้านเกิดเป็นครั้งสุดท้ายก่อนตาย แต่โชคชะตากลับนําพาให้เขาได้ไปพบ กับกล้วยไม้สีเลือด มันได้รักษาพิษในร่างและช่วยเขาเอาไว้ อีกทั้งยังทําให้เขาแข็งแกร่งขึ้นด้วย” เสวี่ยซินหยวนพยักหน้า
เขาไม่ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องความเป็นอมตะมากนัก เมื่อมีคนพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา มันก็ ไม่ต่างจากเรื่องตลกขบขันสําหรับเขา เขาไม่คิดว่า จะมีคนที่กลายเป็นอมตะอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ
แต่เรื่องของกล้วยไม้สีเลือดกลับเป็นเรื่องที่น่าสนใจอย่างมาก
“แล้วนายรู้รึเปล่า ว่ากล้วยไม้สีเลือดอยู่ที่ไหน?” เสวี่ยซินหยวนถาม
“ที่นั่นถูกเก็บซ่อนเอาไว้เป็นความลับ” เมี่ยวเฉิงถางตอบ “มีแค่ไม่กี่คนในหมู่บ้านที่รู้เรื่องนี้ ผม พอจะรู้ที่อยู่แค่คร่าวๆเท่านั้น แต่ที่นั่นอาจจะมีคนของเมี่ยวซีเหอคอยคุ้มกันอยู่ก็ได้ การจะเข้าไป ที่นั่นคงเป็นเรื่องที่ยากมาก”
“แค่ที่อยู่คร่าวๆก็ถือว่าดีมากแล้วล่ะ” เสวี่ยซินหยวนพูด
พวกเขาพูดคุยอยู่ในร้านน้ําชานานเกือบสองชั่วโมง เมี่ยวเฉิงถางเปิดเผยความลับเกือบ
ทั้งหมดให้เสวี่ยซินหยวนได้รู้ และความลับส่วนใหญ่ล้วนเกี่ยวข้องกับเมี่ยวซีเหอ
“เมี่ยวซีเหอคนนี้มีของอยู่ในมือหลายอย่างจริงๆ” เสวี่ยซินหยวนพูด
แม้ภายนอกของเขาจะดูสงบนิ่ง แต่ลึกๆในใจของเขากลับสั่นไหว จากที่เมี่ยวเฉิงถางพูดมา เมี่ยวซีเหอที่อายุอย่างน้อย 80 ปี แต่หน้าตาของเขากลับเหมือนคนอายุ 40 ปี ยิ่งไปกว่านั้น ร่างกายของเขายังแข็งแรงราวกับเสือดาว ไม่เพียงแต่จะสามารถหลบกระสุนได้ แม้แต่ระเบิดก็ยัง
หาอะไรเขาไม่ได้
ร่างกายของเขาไม่เจ็บไม่ป่วย เขาแทบจะเรียกได้ว่าไร้เทียมทานและยังมีภูมิคุ้มกันพิษทุก
ชนิด นั่นเป็นเพียงคนที่อยู่ในนิยายหรือเห็นในหนังเท่านั้น
“เรื่องที่ผมรู้ อาจจะเป็นแค่ยอดภูเขาเท่านั้น” เมี่ยวเฉิงถางพูด “ตอนอยู่ที่หุบเขา มีหลายอย่าง ที่ผมไม่รู้ ยังมีอีกหลายอย่างที่ผมไม่มีโอกาสได้เข้าไปสัมผัส”
“คนที่รู้ความลับพวกนั้นคงจะเป็นคนที่เขาไว้ใจเท่านั้นสินะ?”
“เมี่ยวซีเหอ…” หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวต่างๆแล้ว เขาก็เริ่มเกิดมุมมองใหม่ๆเกี่ยวกับผู้นํา หุบเขาคนนี้
“ขอบคุณที่บอกเรื่องทั้งหมดนี้กับฉันนะ” เขาพูด
“อย่างน้อยก็เป็นเรื่องที่ผมพอจะช่วยได้” เมี่ยวเฉิงถางพูด “ก่อนหน้านี้ ที่ผมไม่ได้บอกเรื่อง พวกนี้ออกไป ก็เพราะคิดใช้มันเรียกเงินสักก้อน แต่หลังจากเกิดเรื่องขึ้น ผมก็ไม่สนใจอะไรอีก แล้ว” เมี่ยวเฉิงถางโบกมือ
“ผมเลิกคิดเพ้อฝันแล้ว”
เขาไม่คิดว่า เมี่ยวซีเหอจะหาเขาเจอ อย่างน้อยก็ต้องไม่ใช่ช่วงก่อนปีใหม่แบบนี้ คนของเมี่ยว ซีเหอพยายามตามหาเขาจนเจอ และทําให้เขาตกอยู่ในสภาพที่ย่ําแย่ ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือ พวก เขาเกือบทําสําเร็จแล้ว ความคิดที่จะมีชีวิตอยู่อย่างมั่นคงและสงบสุข กลายเป็นเพียงแค่ความฝัน ลมๆแล้งๆ ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่า ระหว่างเขากับเมี่ยวซีเหอ พวกเขาไม่คนใดก็คนหนึ่งที่ต้องตาย กันไปข้างหนึ่ง ในเรื่องนี้ เขาก็ไม่ต่างจากเคี่ยวเทียนชวน
“ถ้าคุณติดต่อกับผม คุณอาจจะตกอยู่ในอันตรายได๋” เมี่ยวเฉิงถางพูดกับเสวี่ยซินหยวน เขาไม่รู้เลยว่า คนจากหุบเขาจะยังอยู่ที่นี่เพื่อคอยจับตาดูเขาและหาว่าเขาติดต่อกับใครบ้าง
หรือไม่
พูด
“ถ้านายกังวลเรื่องนั้น ฉันบอกได้เลยว่า ตอนนี้ไม่มีใครคอยจับตาดูพวกเราอยู่” เสวี่ยซินหยวน
ในเรื่องของการรักษา พิษ หรือกู่ เขานั้นเทียบกับเมี่ยวเฉิงถางไม่ได้ก็จริง แต่ถ้าเป็นเรื่องการ สะกดรอย, การสืบสวน, และการลอบสังหาร เขานั้นเชี่ยวชาญเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะมีคนคอย จับตาดูพวกเขาอยู่หรือไม่นั้น ตอนนี้เขาสามารถบอกได้เลยว่าไม่มี และเขาก็มั่นใจมากด้วย “ครับ” เมี่ยวเฉิงถางพยักหน้า แต่เขาก็ยังคงกังวลอยู่ดี หนึ่งคือ เขาไม่ได้สนิทสนมกับเสวี่ยซิน หยวน เขาไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเคยทําอะไรหรือมีความสามารถอะไรบ้าง สองคือ เขารู้ความสามารถของ คนจากหุบเขาดี เขารู้ดีว่าพวกเขาน่ากลัวแค่ไหน เขากังวลเกี่ยวกับตนเอง และกังวลเกี่ยวกับ ครอบครัวของเดี่ยวชิงหยวน
“นายยังมีเรื่องอะไรที่อยากบอกอีกไหม?” เสวี่ยซินหยวนถาม
“ไม่มีแล้วครับ” เมี่ยวเฉิงถางพูด “ขอบคุณนะครับ”
“ดี ถ้าอย่างนั้นก็ได้เวลาที่ฉันต้องไปแล้ว ขอให้มีความสุขในวันตรุษจีน”
“ขอบคุณครับ ขอให้คุณกับครอบครัวมีความสุขในวัตรุษจีนเช่นกันครับ”
หลังออกมาจากร้านนําชาแล้ว เสวี่ยซินหยวนก็กลับไปที่ที่พักของเขาในเทียนจิน เขาเรียบ
เรียงข้อมูลทั้งหมดที่ได้มาจากเมี่ยวเฉิงถาง ก่อนที่จะโทรไปรายงานให้กั๋วเจิ้งเหอที่อยู่ในเขตเหอ
ฟังเกี่ยวกับเรื่องที่เขาได้รู้มา
“ลุงเสวี่ยคิดว่า เราจะเชื่อคําพูดของเขาได้เหรอครับ?” กั๋วเจิ้งเหอพูด
“ก่อนหน้านี้ผมยังสงสัยอยู่ แต่ตอนนี้ ผมเชื่อไปแล้ว 80%” เสวี่ยซินหยวนพูด เห็นได้ชัดว่า เขาไม่ได้เชื่ออีกฝ่ายทั้งหมด
“อืม ผมเข้าใจแล้ว” กั๋วเจิ้งเหอพูด “ตรุษจีนใกล้เข้ามาแล้ว ลุงจะกลับไปปักกิ่งเมื่อไหร่ครับ?” “ผมตั้งใจจะไปวันนี้ครับ” เสวี่ยซินหยวนพูด “แล้วคุณชายล่ะครับ? จะฉลองวันตรุษจีนอยู่ที่เขต
เหอเหรอครับ?”
“ผมยังคงไปไหนไม่ได้หรอก เกิดเรื่องขึ้นเยอะขนาดนี้ ถ้าผมไปที่อื่นคงดูไม่ดี” กั๋วเจิ้งเหอถอน หายใจ เขารู้สึกขุ่นเคืองกับเรื่องนี้มาก เขาอยากกลับไปปักกิ่งและใช้เวลากับพ่อแม่ของเขา แต่ ตอนนี้เขากลับทําไม่ได้ เขายังคงเป็นผู้ที่รับผิดชอบดูแลเขตเหออยู่ ยิ่งไปกว่านั้น มันยังเป็นปีแรก ของการทํางานอยู่ที่นี่ด้วย ถึงจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแล้ว แต่เขาก็ยังจําเป็นต้องอยู่ที่นี่ต่อ โดย
เฉพาะก่อนหน้านี้ที่เกิดเรื่องหลายอย่างขึ้นที่นี่ ถ้าเขากลับไปตอนนี้ เบื้องบนคงมองเขาไปในทาง
ที่ไม่ดี แล้วพ่อของเขาก็ต้องอยู่ที่จังหวัดฉีในระหว่างตรุษจีนนี้ด้วยเช่นกัน
“ให้ผมไปอยู่เป็นเพื่อนคุณชายที่นั่นดีไหมครับ” เสวี่ยซินหยวนถาม
“อย่ามาเลยครับ” กั่วเจิ้งเหอรีบพูด “กลับไปอยู่กับครอบครัวของลุงที่ปักกิ่งเถอะ” ช่วงเทศกาล ควรเป็นช่วงเวลาที่ได้เฉลิมฉลองร่วมกับคนในครอบครัว ยิ่งไปกว่านั้น การที่ชาย
มีอายุอย่างเสวี่ยซินหยวนมาอยู่เป็นเพื่อนเขาก็ออกจะแปลกอยู่สักหน่อย
“ผมอยู่ที่นี่คนเดียวได้ครับ” กั๋วเจิ้งเหอพูด
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ ขอให้มีความสุขในวันตรุษจีนครับ”
“ผมก็ขอให้ลุงกับครอบครัวมีความสุขในวันตรุษจีนเช่นกันครับ” กั่วเจิ้งเหอพูดด้วรอยยิ้ม
เสวี่ยซินหยวนเป็นคนที่มีความสามารถและมีพรสวรรค์อย่างหาตัวจับได้ยาก ถั่วเจิ้งเหอจึง
ตั้งใจเก็บเขาไว้ข้างกาย
ถั่วเจิ้งเหอมองออกไปด้านนอกและพูดว่า “ดูเหมือนว่า ฉันจะต้องฉลองตรุษจีนอยู่ที่นี่คน
เดียว”
“ทุกอย่างมีครั้งแรกเสมอ”
เขาจุดบุหรี่สูบและมองดูเขตเล็กๆที่เงียบสงบ เขานึกไปถึงเรื่องที่เขาได้คุยกับเสวี่ยซินหยวน
ไปเมื่อครู่
ที่นั่นเป็นที่ที่น่าสนใจจริงๆ
หุบเขาพันโอสถได้สร้างความประทับใจให้กับเขา และเป็นไปในทางที่ค่อนข้างเลวร้าย ไม่ว่า ยังไง เมี่ยวเทียนชวนก็มาจากที่นั่น และคนนอกต้องถูกดึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของพวก เขา เพียงเพราะพวกเขาไม่สามารถจัดการเรื่องภายในของตัวเองได้ดีพอ การต่อสู้ของพวกเขา
เป็นสาเหตุที่ทําให้เกิดเรื่องร้ายมากมายขึ้นในเขตเหอ ทั้งหมดล้วนเกี่ยวข้องกับหุบเขาพันโอสถ พวกเขาทําให้ความสมบูรณ์แบบของเขาลดน้อยลง และมันก็ทําให้เขาไม่พอใจอย่างมาก “หวังว่าตรุษจีนนี้จะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้น” ถั่วเจิ้งเหอพูด
เมื่อมีครั้งแรก ก็มักจะมีครั้งที่สอง สาม และครั้งต่อๆไปตามมาหลังจากนั้น
มันมักจะมีคนที่ทําได้ทุกอย่างโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้นอยู่
ชายสองคนอยู่ภายในบ้านร้างหลังหนึ่งในเขตเหอ
“ถึงวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว” เมี่ยวชิงชานถอนหายใจ
“ใช่”
มันเป็นเทศกาลที่สําคัญที่สุดของประเทศ หลังจากทํางานตรากตรํามาตลอดทั้งปี เทศกาลนี้ก็
คือวันสิ้นสุดของปีเก่าและเป็นการเริ่มต้นของปีใหม่
ครอบครัวพร้อมหน้า ความรื่นเริงและความสุขมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง
“นายอยากกินอะไรไหม?”
“กิน?” เคี่ยวชิงชานมึนงง
“ฮาฮา อะไรก็ได้” เขาหัวเราะ
ในช่วงเวลาแบบนี้ สิ่งที่เขาอยากกินมากที่สุดคืออาหารในหุบเขา เพราะมันคือสิ่งที่เขากินมา
ตั้งแต่เด็กจนโต