ตอนที่ 965 ความบ้าคลั่งครั้งสุดท้าย

Elixir Supplier

965 ความบ้าคลั่งครั้งสุดท้าย

สิ่งที่เมี่ยวชิงชานอยากกินมากที่สุดในเวลานี้ก็คือ อาหารจากหุบเขา

“อะไรก็ได้ ฉันไม่ค่อยอยากกินอะไรเท่าไหร่” เดี่ยวชิงชานตอบด้วยรอยยิ้มที่ดูขมขื่น คิดไปก็ไร้ประโยชน์

เมี่ยวเทียนชวนหัวเราะเล็กน้อย ก่อนที่เขาจะจุดบุหรี่สูบ

“ฉันจะไปหาของมาให้พวกเราได้กินกัน” เขาพูด “ถึงยังไงนี่ก็ตรุษจีน”

ไม่นาน เขาก็กลับมาพร้อมกับอาหารดีดีมากมาย

ทั้งสองช่วยกันเก็บกวาดภายในบ้านร้างเล็กน้อย ถึงมันจะดูรกน้อยลง แต่มันก็ยังดูไม่เหมือนบ้านอยู่ดี

มันทั้งทรุดโทรมและว่างเปล่า

“ฉันว่า เราน่าจะพออยู่กันได้แล้ว” เมี้ยวเทียนชวนพูด

“อืม ไม่มีปัญหา” เมี่ยวชิงชานพูด

ถึงเขาจะพูดออกไปแบบนั้น แต่ในใจของเขากลับคิดไปอีกแบบหนึ่ง

ฉันจะใช้ชีวิตต่อไปแบบนี้เรื่อยๆอย่างนั้นเหรอ?

ไม่มีใครอยากเป็นหนูที่หนีหัวซุกหัวซุน เอาแต่หาที่ซ่อนตัว และไม่มีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง พวกเขาเริ่มกินอาหารที่มีอยู่

ลมเย็นพัดเข้ามาผ่านทางรอยแยกของกําแพงบ้านร้าง ทําให้ภายในตัวบ้านหนาวเย็นพอพอกับด้านนอก

เมี่ยวชิงชานท่าที่นอนชั่วคราว แต่เขาก็นอนไม่หลับ เมี่ยวเทียนชวนที่อยู่ไม่ไกลจากเขาก็นอนไม่หลับเช่นกัน

ทั้งสองต่างก็คิดไปคนละเรื่อง

ค่าคืนผ่านพ้นไปอย่างช้าๆ

“ฉันจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”

ตอนเช้า หลังตะวันขึ้นได้ไม่นาน เที่ยวเทียนชวนก็ออกไปจากที่พักชั่วคราวของพวกเขา

เขตเหอเต็มไปด้วยบรรยากาศของความรื่นเริงและสนุกสนาน

กิจการร้านค้าและโรงงานส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่ปิดในวันหยุดเทศกาล คนที่ทํางานหรือไปทําธุรกิจที่อื่นต่างพากันกลับบ้านเพื่อมาพบหน้าครอบครัว ทั่วทุกที่จึงเต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวาและความสุข

คึกคักจริงๆ!

เมี้ยวเทียนชวนเดินอยู่บนถนนในตัวเมืองเล็กๆของเขตเหอ เขารับรู้ได้ถึงบรรยากาศของความรื่นเริงรอบตัวเขา

ผู้คนรอบตัวเขาต่างกําลังวุ่นวาย อยู่ในความอบอุ่นและมีความสุข

ฉันไม่อยากทําลายบรรยากาศนี้เลย

เขาเดินเข้าไปที่ตึกเก่า มันเป็นตึกสํานักงานประจําเขตเหอ เหล่าเจ้าหน้าที่รัฐและหน่วยงานบริหารเขตต่างกําลังทํางานอยู่ด้านใน

“ที่นี่สินะ?”

เขายืนอยู่ด้านนอกและจ้องมองตัวตึกครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินจากไป

มันเป็นเวลาอาหารกลางวัน

หลายคนกลับไปกินข้าวกลางวันที่บ้าน และบางคนก็เลือกที่กินอยู่ที่ตึกสํานักงาน ที่นี่มีโรงอาหารอยู่ รสชาติค่อนข้างดีและราคาถูก

หลังจากจบมื้อเที่ยง ภายในโรงอาหารก็ไร้ผู้คน

กลางวันเปลี่ยนเป็นกลางคืนอย่างรวดเร็ว

ภายในเขตเหอได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้น

เจ้าหน้าที่รัฐหลายคนถูกส่งเข้าไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล พวกเขาอาเจียนหรือไม่ก็ท้องเสีย ถั่วเจิ้งเหอก็เป็นหนึ่งในนั้น

ทั่วทั้งเมืองต่างตื่นตระหนก

มันเป็นคดีร้ายแรงและเป็นการท้าทาย

กฎหมาย มันเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

หลังจากที่ได้รับข่าว เจ้าหน้าที่สืบสวนพิเศษได้เร่งเดินทางเข้าไปตรวจสอบในเขต พวกเขาทิ้งงานทุกอย่างที่อยู่ในมือ และหันมาให้ความสําคัญไปที่คดีนี้เพียงคดีเดียว

มีหลายสิบคนที่ป่วยด้วยอาการกาหารเป็นพิษ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาทั้งหมดยังเป็นเจ้าหน้าที่รัฐด้วย บางคนมีตําแหน่งหน้าที่สูง เรื่องจึงร้ายแรงยิ่งขึ้น ที่ร้ายไปกว่านั้น ผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของเขตอย่างผู้ว่าเขตกั่ว ยังถูกพิษอีกด้วย ตอนนี้เขาอยู่ในสภาพที่เลวร้ายมาก

“เขาบ้าไปแล้วเหรอ?”

หยางกวนเฟิงกับหลู่ซิ่วเฟิงรีบมายังสถานที่เกิดเหตุ หลังจากเห็นสภาพของเหยื่อแต่ละคนแล้ว พวกเขาก็ต่างก็ตกตะลึง

“นี่มันเป็นการประกาศสงครามชัดๆ!”

“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว เรารีบมาหาวิธีจัดการกับเรื่องตรงหน้ากันก่อนดีกว่า”

“หมอที่นี่คงทําอะไรได้ไม่มาก พวกเขาไม่มีฝีมือมากพอ เราคงต้องให้คนจากหุบเขาพันโอสถมาช่วย”

“เราไม่ต้องไปหาพวกเขาด้วยตัวเองหรอก” หยางกวนเฟิงพูด “แค่โทรเรียกพวกเขามาก็พอ” เมี่ยวซีเหอไม่แสดงสีหน้าใดๆหลังจากที่ได้รู้ข่าว

“ผู้นํา”

“เกิดเรื่องขึ้นที่เขตเหออีกแล้วครับ คราวนี้เกิดกับเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นอาการอาหารเป็นพิษ มีหลายสิบคนที่โดน แล้วหนึ่งในนั้นยังมีผู้ว่าเขตกั่วรวมอยู่ด้วย”

“อะไรนะ? เมี่ยวเทียนชวนบ้าไปแล้วเหรอ!?” เมี่ยวชิงเฟิงประหลาดใจที่ได้ยินข่าวนี้ “เขาเสียสติไปแล้ว รีบออกไปเถอะ เธอต้องช่วยพวกเขาทุกคนให้ได้ โดยเฉพาะผู้ว่าเขตกั่ว” “ได้ครับ”

เมี่ยวฉางชิงรวบรวมผู้คน พวกเขาเร่งออกเดินทางเพื่อมุ่งหน้าไปเขตเหอ พวกเขารีบเร่งด้วยความเร็วเท่าที่จะทําได้

“ระวัง!”

บูม!

เกิดการระเบิดขึ้นบนถนนระหว่างทางออกจากหุบเขา มีสองคนที่โดนเต็มๆและเสียชีวิตในทันที ที่เหลืออีกสองและเมี่ยวฉางชิงต่างก็ได้รับบาดเจ็บ
“อะไรนะ?”

“ตายสอง เจ็บสอง”

“ไปกัน!”

เมี่ยวซีเหอรีบพุ่งตัวออกไป เขาตัดสินใจที่จะออกไปเอง

เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว

“ในที่สุด แกก็ออกมาได้สักที!”

เดี่ยวเทียนชวนหมอบอยู่บนโขดหินในป่าลึกพร้อมกับปืนสไนเปอร์ในมือ เขาสามารถมองเห็นผ่านกล้องเล็งปืน ว่าพวกเขามากันทั้งหมดห้าคน คนที่อยู่ตรงกลางก็คือศัตรูคู่อาฆาตของเขาเดี่ยวซีเหอ

“ไร้เทียมทานสินะ? ลองมาดูกันว่าตาของแกจะรับกระสุนได้ไหม”

เขาปรับลมหายใจและเล็งเป้าไปที่เมี่ยวซีเหอ

สายลมพัด ใบไม้ไหว

ปัง เสียงปืนดังขึ้นภายในป่า

เมี่ยวซีเหอที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยเมตรล้มลงไปกองกับพื้น

“ผู้น่า!”

คนอื่นที่อยู่รอบๆตกตะลึง พวกเขารีบเข้าไปรุมล้อมเขาเอาไว้

“ตายแล้วเหรอ?”

เดี่ยวเทียนชวนอยากเข้าไปดูให้เห็นกับตา แต่อีกฝ่ายรีบถอยร่นเข้าไปหลบหลังต้นไม้ในเวลาอันรวดเร็ว

ได้เวลาต้องถอนตัวแล้ว

เขาตัดสินใจโดยไม่ลังเล เขาหยิบปืนและรีบถอนตัวออกไปแย่แล้ว!

เขาเพิ่งก้าวขาไปได้แค่ไม่กี่ก้าวก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันมหาศาลมาจากด้านหลัง

เขายิงออกไปโดยไม่หันหลังกลับไปมอง

ปัง ปัง ปัง

เขารู้สึกถึงพลังมหาศาลพุ่งเข้าใส่ตัวเขา แล้วเขาก็ลอยไปกระแทกกับต้นไม้
เมี่ยวซีเหอ!

เขาลุกขึ้น รู้สึกเจ็บที่หน้าอก เขาไม่รู้ว่ากระดูกของเขาหักไปกี่ท่อน แต่เขาก็ไม่กล้าที่จะหันกลับไปมอง ทันทีที่ลุกขึ้นยืนได้ เขาก็รีบออกวิ่งทันที จากนั้นเขาก็โยนระเบิดไปด้านหลังหลายลูกบูม!

เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นสนั่นหวั่นไหว

วูช ลมพัดรุนแรง

เขารีบกระโดดหลบ แต่ก็ยังช้าเกินไปอยู่ดี

แกร๊ก เกิดความเจ็บปวดขึ้นอย่างรุนแรง แขนของเขาหัก

เขายังคงวิ่งต่อไป

แกร๊ก กระดูกขาของเขาหักเป็นมุม 90 องศา

เขาสูญเสียความสามารถในการเคลื่อนไหว เขาไม่สามารถวิ่งหนีได้อีกต่อไป ทางเลือกเดียวของเขาก็คือรอคอยความตายที่ใกล้เข้ามา

เขาจึงหยุดและหันกลับไปมองด้านหลัง เขาจ้องมองชายที่อยู่ห่างจากเขาไปไม่กี่เมตร นั่นคือชายที่เขาฝันว่าจะได้ฆ่าในสักวันหนึ่ง

“เมี่ยวซีเหอ” ในเวลานี้ การขบเขี้ยวเคี้ยวฟันก็ช่วยอะไรไม่ได้

“นี่เป็นผลลัพธ์ที่แกต้องการสินะ?” ชายชราจ้องมองเมี่ยวเทียนชวนและพูดด้วยน้ําเสียงเย็นเยียบ

“ฮาฮา ใช่ ชนะเป็นราชาแพ้เป็นโจร แม้แต่ตอนหลับฉันก็ยังฝันว่าได้ฆ่าแก ฉันจะไม่ยอมหยุดจนกว่าจะตาย!”

“แกท่าถึงขนาดนี้ เพื่อเอาปืนมายิงฉันเท่านั้นเหรอ?”

เดี่ยวเทียนชวนรับรู้ถึงความผิดปกติได้ในทันที “ฮาฮา เมี่ยวซีเหอ ฉันไม่คิดเลยว่าแกจะหาตัวตายตัวแทน โดยเฉพาะคนที่เหมือนแกอย่างกับแกะ”

“คงมีแค่ไม่กี่คนในหุบเขาที่รู้เรื่องนี้สินะ?”

“7 คน”

“แกซ่อนเอาไว้ลึกจริงๆ” เดี่ยวเทียนชวนพูด ร่างกายที่บาดเจ็บของเขาบิดเบี้ยวไม่เป็นรูป เลือดไหลออกจากมุมปากของเขา

“แกเป็นคนมีความสามารถมากนะ เดี่ยวเทียนชวน น่าเสียดายจริงๆ”

“หรือตอนนี้ต้องให้ฉันร้องขอชีวิตกับแก?” เดี่ยวเทียนชวนถาม

“มันไม่สําคัญหรอก ฉันต้องไปเขตเหอเพื่อจัดการความวุ่นวายที่แกทิ้งเอาไว้ วันนี้พอแค่นี้ก่อน”

“อ๊าก!”

บูม!

เกิดเสียงระเบิดขึ้น เปลวไฟลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

หลังจากที่ได้ยินเสียงระเบิด มีหลายคนรีบวิ่งเข้ามาดู พวกเขาเห็นหลุมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 10 เมตร

“เกิดอะไรขึ้น?” “ไม่สําคัญหรอก ไปกันได้แล้ว”

เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้นข้างๆพวกเขา

“ผู้ ผู้น่ายังไม่ตาย?”

พวกเขาต่างประหลาดใจ

“ไปเถอะ เราต้องรีบแล้ว”

“ครับ ผู้นํา” พวกเขาไม่ได้ถามอะไรอีกและติดตามเขาไปเงียบ

พวกเขามาถึงเขตเหอในคืนนั้น จากนั้น พวกเขาก็ให้การรักษาผู้ป่วยด้วยอาการอาหารเป็นพิษทั้งหมด

เดี่ยวเทียนชวนเป็นนักฆ่ามืออาชีพ แต่การใช้พิษไม่ใช่สิ่งที่เขาเชี่ยวชาญมากที่สุด แต่พิษที่เขาใช้ก็ยังสามารถทําให้หมอในโรงพยาบาลหลายคนต้องปวดหัว หากพวกเขามีเวลาหลายเดือน

พวกเขาก็คงจะสามารถหาทางแก้ไข้เรื่องนี้ได้ แต่พวกเขาไม่ได้มีเวลามากขนาดนั้น ในความเป็นจริง แค่สองสามวันก็รอไม่ได้แล้ว เพราะตอนนั้นอาจมีคนเสียชีวิตได้

เป็นเรื่องดีที่เมี่ยวซีเหอกับคนของเขามาถึงทันเวลา และนํายารักษามามากพอ อาการของผู้ป่วยแต่ละคนเริ่มดีขึ้น รวมไปถึงกั๋วเจิ้งเหอด้วย

“รู้สึกยังไงบ้างครับ ผู้ว่าเขตกั่ว?”

“ผมดีขึ้นแล้ว” ถั่วเจิ้งเหอได้ตื่นแล้ว นอกจากปวดตามเนื้อตัวและอ่อนเพลีย รวมถึงหิวน้ําแล้ว เขาก็ไม่มีอาการอย่างอื่นอีก

“คนอื่นเป็นยังไงบ้าง?” เขาถาม

“ทุกคนพ้นอันตรายแล้ว มีคนหนึ่งที่เสียชีวิตเพราะโรคประจําตัวครับ”

“ใครเหรอ?”

“เป็นคนแซ่หลีที่อยู่ฝ่ายเทคโนโลยีครับ”

หลังจากได้ยินแบบนั้นกั๋วเจิ้งเหอก็พยักหน้า เขายังคงเงียบ

“ผู้ว่าเขตกั๋วหิวรึยังครับ? ผมจะได้ไปเอาอาหารมาให้

“อืม ขอบใจมาก”

“ไม่เป็นไรครับ”

ชายหนุ่มเดินออกไปเอาอาหาร เหลือเพียงกั๋วเจิ้งเหอที่นอนอยู่ในห้องคนไข้

ถั่วเจิ้งเหอลุกขึ้นนั่งบนเตียงและนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากทานอาหารกลางวันไปแล้ว เขาก็รู้สึกไม่ค่อยสบาย เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับอาหารเป็นพิษที่เกิดขึ้นกับใครหลายคน โรงอาหารจึงเป็นต้นตอของปัญหา หลังจากการสืบสวนเสร็จสิ้นก็ได้รับการยืนยันในเรื่องนี้ แต่ก็ยังมีอีกปัญหาหนึ่งตามมา ใครกันที่กล้าใช้วิธีการนี้เพื่อท้าทายพวกเขาในเวลาแบบนี้?

อาชญากรเมี่ยวเทียนชวน?

เขาคิดเรื่องนี้มาได้สักพักแล้ว และไม่สามารถคิดถึงใครได้อีก มีเพียงเขาเท่านั้นที่กล้าทําทุกอย่างอย่างหน้ามืดตามัว เพียงเพื่อการแก้แค้นของตัวเอง

“เมี่ยวซีเหออยู่ที่ไหน?”

“อยู่ในโรงพยาบาลครับ รองผู้ว่าหลินกําลังคุยกับเขาอยู่”

“จับตาดูเขาเอาไว้ ถ้าเขาว่างเมื่อไหร่ก็บอกให้เขามาหาผม

“ได้ครับ เชิญทานอาหารได้ครับ ถ้าต้องการอะไรก็เรียกผมได้” ชายหนุ่มวางอาหารลงและเดินออกไป “อืม”

ถั่วเจิ้งเหอยังไม่รีบทานอาหาร เขาได้โทรไปบอกกับครอบครัวว่าเขาปลอดภัยดี ครอบครัวของเขาได้รับข่าวทันทีที่เขาเข้าโรงพยาบาล พวกเขาเป็นห่วงเขามาก โดยเฉพาะแม่ของเขาที่ยืนยันจะมาที่เขตเหอให้ได้ กว่าจะหยุดเธอไว้ได้ก็ต้องใช้เวลาอยู่นาน หลังจากที่ได้ยินว่าเขาปลอดภัยและได้พูดคุยกับเขาแล้ว เธอก็ยืนกรานให้เขาย้ายไปทํางานที่อื่น เธอพูดว่า เขตเหอเป็นที่ที่อันตรายเกินไป

“ไว้ผมจะคิดเรื่องนี้ดูนะครับแม่ ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ” เขาต้องใช้เวลาพูดปลอบแม่เขาอยู่นาน หลังจากที่เขาวางสาย ก็มีเสียงเคาประตูดังขึ้น