โคตรพยัคฆ์โลกาวินาศ Ep.470 – ผลลัพอันน่าอัศจรรย์ 

 

 

 

 

 

“เกิดอะไรขึ้น? ทำไมจู่ๆถึงเริ่มยิงใส่พวกเดียวกัน” 

 

 

 

 

 

“ใครเป็นคนควบคุมปืนใหญ่? นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!” 

 

 

 

 

 

“ไปเร็ว! รีบไปตรวจสอบดู” 

 

 

 

 

 

เผ่ากริมบนเมืองลอยฟ้า เริ่มวิ่งตรงไปยังห้องควบคุมอย่างบ้าคลั่ง 

 

 

 

 

 

ทว่าระหว่างทาง พวกมันต้องเผชิญกับการโจมตีโดยปืนจักรกลนับไม่ถ้วน! 

 

 

 

 

 

ในอดีต จักรกลเหล่านี้คือสิ่งที่ติดตั้งไว้ใช้กำจัดศัตรู แต่ปัจจุบัน มันกลับวกมาทำร้ายพวกตนเอง 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงควบคุมจักรกลภายในเมืองลอยฟ้า ระดมยิงอย่างบ้าคลั่ง 

 

 

 

 

 

หากจะเอ่ยว่าในค่ำคืนนี้ เลือดเจิ่งนองเป็นสายธาร ก็คงไม่เกินจริงนัก 

 

 

 

 

 

กริมนับหมื่นในเมืองลอยฟ้า ถูกปืนจักรกลของตนสังหาร และตลอดทั้งกระบวนการ ใช้เวลาเพียง 20 นาทีเท่านั้น 

 

 

 

 

 

จนกระทั่งเหลือแค่ปลาเล็กปลาน้อยไม่กี่ตัว ฉินเฟิงจึงค่อยเริ่มขับเคลื่อนเมืองลอยฟ้าออกจากเมืองหลงฉวน 

 

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน โดรนเฝ้าระวังที่คอยตรวจการอยู่นอกเมืองหลวงฉวน และผู้ใช้พลังที่ลอบเข้ามาตรวจสอบสถานการณ์ด้วยตนเอง ทั้งหมดต่างตะลึงงัน 

 

 

 

 

 

เพียงพริบตา ข่าวก็แพร่สะพัดราวกับไฟลามทุ่ม 

 

 

 

 

 

“เมืองลอยฟ้าแล่นออกไปแล้วหรอ?” 

 

 

 

 

 

“เมืองหลงฉวนถูกทำลายจนราบเลย กองทัพกริมกว่า 50,000 ตัว ถูกทำลายย่อยยับ!” 

 

 

 

 

 

“เป็นฝีมือใครกันแน่?” 

 

 

 

 

 

ทั้งหมดโคตรมั่นใจ ว่านั่นไม่ใช่ฝีมือของเผ่ากริมที่ทำร้ายกันเองอย่างแน่นอน 

 

 

 

 

 

และในอีกครึ่งชั่วโมงถัดมา ความมั่นใจของพวกเขาก็ยิ่งเพิ่มเป็นเท่าทวี 

 

 

 

 

 

นั่นเพราะเมืองลอยฟ้าได้ลอยลำไปตามสถานชุมชนต่างๆ ไล่ตั้งแต่ 1 ถึง 10 ซึ่งสถานที่เหล่านั้นล้วนถูกยึดครองโดยเผ่ากริม จากนั้นระดมยิงปืนใหญ่ในลมหายใจเดียว กวาดล้างเผ่ากริมไปโดยสมบูรณ์ 

 

 

 

 

 

ดับชีวิตพวกมันในอึดใจเดียว 

 

 

 

 

 

สำหรับข่าวนี้ แม้จะเกิดขึ้นกลางดึก แต่ก็ยังทำให้ผู้คนตาสว่าง 

 

 

 

 

 

กลุ่มพันธมิตรมนุษย์ตอบสนองอย่างรวดเร็ว ส่งผู้ใช้พลังเลเวล B ไปตรวจสอบสถานการณ์ 

 

 

 

 

 

เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากเป็นมนุษย์เข้าควบคุมเมืองลอยฟ้าจริงๆ พวกเขาย่อมไม่ถูกโจมตี 

 

 

 

 

 

เมืองลอยฟ้าขับเคลื่อนไปได้ไม่ไกล ก็มาสมทบกับเรือเหาะ ให้เรือเหาะลอยมาจอดเทียบท่าในจัตุรัสกลาง จากนั้น ก็เรียกผู้คนบนเรือเหาะลงมา 

 

 

 

 

 

“เจ้านาย คุณ .. คุณยึดเจ้านี่มาได้ยังไงกัน!” โกวก๋วนลงจากเรือเหาะ เขาตกอยู่ในอาการช็อก 

 

 

 

 

 

นั่นเพราะเขาไม่คาดฝันเลย ว่าฉินเฟิงออกไปได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง เขาจะสามารถประสบความสำเร็จงดงามแบบนี้! 

 

 

 

 

 

อย่างไรก็ตาม นี่เป็นครั้งแรกที่โกวก๋วนได้หยั่งเท้าบนเมืองลอยฟ้า ขอบอกเลยว่าหากไม่ออกไปยืนตรงช่วงขอบเมือง แต่กวาดตามองจากใจกลางเมืองแทน ที่นี่มันไม่แตกต่างไปจากสิ่งปลูกสร้างบนพื้นดินเลย 

 

 

 

 

 

เทคโนโลยีดังกล่าว ทำให้โกวก๋วนหลงไหลแทบคลั่ง 

 

 

 

 

 

“เอาล่ะ ไว้วันอื่นค่อยมาสำรวจกันอีกที ตอนนี้พวกคุณช่วยกันเก็บกวาดศพก่อนเถอะ และถ้าไม่อยากให้เสียเวลา ก็จงนำเอาศพพวกนั้น ไปโยนทิ้งให้หมด!” ฉินเฟิงสั่งการ 

 

 

 

 

 

“รับคำสั่งเจ้านาย!” 

 

 

 

 

 

สมาชิกบนเรือเหาะเร่งทำความสะอาดที่นี่ทันที เมืองลอยฟ้ามิได้เคลื่อนจากไปไกล ลอยลำอยู่ระหว่างสถานชุมชนหลงฉวนที่ 3 และตัวเมืองหลงฉวน 

 

 

 

 

 

และในอีกไม่ถึงชั่วโมงต่อมา ฮอลศึกลำหนึ่งก็มุ่งหน้าเข้าสู่อาณาเขตของเมืองลอยฟ้า เข้ามาในพิสัยพลังสมาธิของฉินเฟิง 

 

 

 

 

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของคนในฮอลศึก มุมปากของฉินเฟิงก็โค้งมนดูชั่วร้ายทันที 

 

 

 

 

 

“ในที่สุดก็มา!” 

 

 

 

 

 

พลังสมาธิของฉินเฟิงเชื่อมต่อกับระบบโจมตีของเมืองลอยฟ้าอีกครั้ง แต่ยิงปืนใหญ่สวนออกไปแค่เส้นเดียว 

 

 

 

 

 

ซี่! 

 

 

 

 

 

ลำแสงทรงอานุภาพ กดดันให้ฮอลศึกต้องล่าถอยออกไป 

 

 

 

 

 

ขณะเดียวกัน ผู้ใช้พลังในฮอลศึก ทั้งหมดต่างสีหน้าซีดเซียว 

 

 

 

 

 

นั่นเพราะพวกเขาเคยเห็นด้วยตาตัวเองมาแล้ว ว่าเมืองลอยฟ้าแห่งนี้สามารถสังหารผู้ใช้อบิลิตี้ไฟเลเวล A ได้ และปัจจุบันเมื่อกำลังเผชิญหน้ากับสิ่งที่แสนจะยิ่งใหญ่ จิตใจเลยอดขยาดกลัวไม่ได้ 

 

 

 

 

 

และไม่คาดคิดเลย ว่าหลังจากที่เข้าใกล้ จะถูกโจมตีด้วยอาวุธชนิดเดียวกันอย่างกะทันหัน ฉากนี้เล่นเอามือปืนที่ควบคุมฮอลศึก แข้งขาอ่อนแรง 

 

 

 

 

 

ในเวลานนั้นเอง สัญญาณขอเชื่อมต่อได้ถูกส่งมา มือปืนกัดฟันกล่าว “นายพลกวงเว่ย มีสัญญาณขอเชื่อมต่อถูกส่งมา คาดว่าน่าจะมาจากเมืองลอยฟ้า” 

 

 

 

 

 

ดวงตาของกวงเว่ยสาดแสงไหว เอ่ยปากกล่าว “ดูเหมือนว่าจะเป็นมนุษย์จริงๆที่ยึดเมืองลอยฟ้าไป บุคคลคนนี้ได้สังหารเผ่ากริมจนราบ ถือว่าทำคุณงามความดีต่อมนุษยชาติ” 

 

 

 

 

 

เลเวล B ที่มาตรวจเมืองลอยฟ้า คือกวงเว่ยนั่นเอง และที่เป็นเขา ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เนื่องจากก่อนหน้านี้ กวงเว่ยเป็นคนสุดท้ายที่ประจำการอยู่ แต่กลับหลบหนีและละทิ้งสถานชุมชนไป ดังนั้นเลยได้รับคำตักเตือนจากทางมนุษยชาติ 

 

 

 

 

 

เป็นเหตุให้กวงเว่ยไม่กล้าละเลยหน้าที่อีกเป็นครั้งที่สอง 

 

 

 

 

 

และตอนนี้ จู่ๆก็มีใครบางคนปรากฏตัวขึ้น และชิงเมืองลอยฟ้าไป กวงเว่ยอยากจะขอบคุณอีกฝ่ายจากใจจริง เพราะตนจะได้ถอนตัวจากไปเสียที 

 

 

 

 

 

“แต่เมื่อกี้เขาโจมตีเรา!” เลเวล C อีกคน ที่น่าจะเป็นลูกน้องของกวงเว่ย กล่าวอย่างร้อนรน 

 

 

 

 

 

กวงเว่ยขบคิดเล็กน้อย ก่อนกล่าว “บางทีคนๆนั้นอาจแค่ไม่อยากให้พวกเราเข้าไปใกล้ เพราะเมืองลอยฟ้าไม่ต่างอะไรจากสมบัติ ใครๆก็อยากจับจอง การหวาดกลัวผู้มาเยือน เป็นเรื่องธรรมดา” 

 

 

 

 

 

เลเวล C และมือปืนนักบิน ในแววตาสาดไสวไปด้วยความอิจฉา 

 

 

 

 

 

เป็นใครกัน ที่ได้ครอบครองเมืองลอยฟ้า? 

 

 

 

 

 

คนๆนั้นจะโชคดีเกินไปแล้ว! 

 

 

 

 

 

“ยังไงก็ตาม เขาไม่สามารถฆ่าเราได้ เพียงแค่ยิงคู่เท่านั้น ไม่อย่างนั้นพวกเราคงตายไปแล้ว ไหนจะเรื่องการส่งสัญญาณขอเชื่อมต่อมาอีก” 

 

 

 

 

 

น้ำเสียงของกวงเว่ยเย็นชา แต่คำพูดของเขากลับมีเหตุผลและเข้าใจได้ 

 

 

 

 

 

“ตอบรับซะ” 

 

 

 

 

 

“รับทราบ” มือปืนรับคำสั่งกวงเว่ย ยินยอมเชื่อมต่อการสื่อสารทันที 

 

 

 

 

 

จากนั้น ชายที่ไม่คิดฝันว่าจะได้พบเจอ ก็ปรากฏขึ้นบนจอวิดีโอของฮอลศึก 

 

 

 

 

 

หน้าตาที่แต่เดิมยิ้มแย้มของกวงเว่ย กลายเป็นแข็งค้างไปทันที 

 

 

 

 

 

“เป็นแกไปได้ยังไง?” 

 

 

 

 

 

ในวีดิโอ ชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏกายขึ้น แต่หากไม่อิงตามส่วนสูงและการแสดงออกทางอารมณ์ นี่สมควรจะเป็นแค่วัยรุ่น 

 

 

 

 

 

—มิใช่ใครอื่น เป็นฉินเฟิง! 

 

 

 

 

 

“นายพลกวงเว่ย นานแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน” ฉินเฟิงเผยรอยยิ้มบาง 

 

 

 

 

 

สีหน้าของกวงเว่ยยิ่งมองยิ่งไม่น่าดู ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งเอ่ยปากว่าจะขอบคุณชายคนนี้ไปหยกๆ แต่ไม่คิดฝันเลย ว่าคนที่ว่า ดันเป็นฉินเฟิงที่ถูกตนขับไล่ออกไป! 

 

 

 

 

 

เวลานี้ คำขอบคุณที่มี ถูกกลืนกลับลงคอจนสิ้น 

 

 

 

 

 

นอกจากนี้ กวงเว่ยยังรู้สึกว่าฉินเฟิงเจตนาติดต่อมา เพื่อให้ตนเองรู้สึกอับอาย 

 

 

 

 

 

เป็นการตบหน้าอย่างแรง ทั้งยังไม่ทันตั้งตัว! 

 

 

 

 

 

ในเวลานั้นเอง เลเวล C ที่มาด้วย ไม่ทราบว่าฉินเฟิงเป็นใคร เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ผมไม่คิดเลยว่าคนๆนี้จะรู้จักกับนายพลกวง แบบนี้ก็ง่ายเลยสิ! คุณครับ คุณเป็นคนควบคุมเมืองลอยฟ้า แล้วช่วยยิงถล่มเผ่ากริมใช่ไหม?” 

 

 

 

 

 

“ใช่” ฉินเฟิงตอบกลับไปอย่างไม่ใส่ใจ 

 

 

 

 

 

ชายคนนั้นหัวเราะ ยิ้มด้วยท่าทีเป็นมิตรขึ้นทันที กล่าวประจบประแจง “เช่นนั้นขอแสดงความยินดีกับมิสเตอร์ด้วย เพราะคุณได้ทำผลงานครั้งใหญ่! ทางพันธมิตรมนุษย์จะต้องมอบรางวัลให้อย่างงาม” 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงฉีกยิ้มฮะฮ่า! 

 

 

 

 

 

“เรื่องนั้นผมคงไม่กล้ารับ เพราะตอนนี้สิ่งที่ผมกำลังแบกอยู่ คือคำสั่งขับไล่จากนายพลกวงเว่ย ตอนนี้ผมอยู่ในฐานะอาชญากรประกาศจับของพันธมิตรมนุษย์ เป็นแค่หนูข้างถนน แล้วแบบนี้ผมจะรับรางวัลจากพันธมิตรมนุษย์ได้อย่างไร? อ้อจริงสิ ผมไปอยู่เมืองหวังได้สักพักหนึ่งแล้ว ดังนั้นตอนนี้น่าจะได้รับการพิจารณาให้เป็นสมาชิกองค์กรมืดเป็นที่เรียบร้อย!” 

 

 

 

 

 

เลเวล C ตะลึงงัน ไม่อาจคาดคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ และที่ไม่น่าเชื่อยิ่งกว่า คือฉินเฟิงกล่าวคำเหล่านี้ออกมาอย่างกะทันหัน 

 

 

 

 

 

มุมปากของฉินเฟิงยกยิ้ม “นายพลกวง ยังวางแผนที่จะมาตามฆ่าผมอีกแล้วใช่ไหม? งั้นคราวนี้เรามาเปลี่ยนกันบ้าง เป็นผมไล่ฆ่าคุณเป็นอย่างไร?” 

 

 

 

 

 

สีหน้าของกวงเว่ยแปรเปลี่ยนกลับกลาย 

 

 

 

 

 

“ฉินเฟิง! อย่าพูดจาล้อเล่น” 

 

 

 

 

 

ใบหน้าของฉินเฟิง กลายเป็นเขม็งตึง 

 

 

 

 

 

“ล้อเล่นงั้นหรอ? กวงเว่ย ครั้งก่อนแกบังคับให้ฉันชดใช้เงิน 5 ล้านล้าน ทั้งยังออกประกาศจับ นั่นไม่เห็นใช่เรื่องล้อเล่น ดังนั้นคราวนี้ ทำไมฉันต้องล้อแกเล่นด้วย?” 

 

 

 

 

 

สิ้นเสียง เมืองลอยฟ้าก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง ปากกระบอกปืนใหญ่พลังงานขยับมายังตำแหน่งของฮอลศึก และยิงเข้าใส่ทันที 

 

 

 

 

 

“กรี๊ดดดด” มือปืนกรีดร้องสยองขวัญ ควบคุมฮอลศึกบินกลับหลัง หลบเลี่ยงลำแสงพลังงาน 

 

 

 

 

 

ฉินเฟิงขับเคลื่อนเมืองลอยฟ้า ไล่ตามไม่ลดละ 

 

 

 

 

 

ช่วงเวลานี้ ต่อให้เป็นเลเวล B สีหน้าของกวงเว่ยก็ยังซีดเซียว 

 

 

 

 

 

“นี่ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันแน่ นายพลกวงเว่ย ชายคนนั้นไม่ใช่มิตร แต่คือศัตรูของคุณงั้นหรอ!!!”