ตอนที่ 1553 เผ่าจิตยะเยือก

A Record of a Mortal s Journey to Immortality คัมภีร์วิถีเซียน

หลังจากหญิงสาวทั้งสองมองเห็นซากศพอย่างชัดเจน แน่นอนว่าย่อมเป็นดีใจเป็นอย่างยิ่ง

 

 

ชิงเสี่ยวถอนหายใจยาวๆ ออกมาเฮือกหนึ่ง แล้วคารวะหานลี่พลางเอ่ยว่า

 

 

“ขอบคุณท่านอาวุโสหานที่ช่วยลงมือ มิเช่นนั้นครั้งนี้หมู่เกาะกะปารังเพลิงของพวกเราคงต้องสูญเสียสหายร่วมวิถีไปตั้งไม่รู้กี่คนแล้ว”

 

 

“ใช่แล้ว แม้แต่ฆราวาสฉลามสีเงินก็ยังไม่ใช่คู่มือของสัตว์ประหลาดตัวนั้น หากมันเปิดฉากสังหารครั้งใหญ่ จะต้องเป็นหายนะครั้งใหญ่กับพวกเราแน่ ขอบพระคุณท่านหานที่สำแดงอิทธิฤทธิ์กำจัดเดรัจฉานตัวนี้!” หญิงสาวกระโปรงดำเอ่ยอย่างนอบน้อมกว่าก่อนหน้า

 

 

“ไม่เป็นไร! แม้ว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้จะรับมือยากสักหน่อย แต่เคล็ดวิชาของข้าควบคุมมันได้อยู่สองสามส่วน ทว่าอสูรตัวนี้ไม่เหมือนกับอสูรปีศาจในมหาสมุทร พวกเจ้ารู้จักประวัติความเป็นมาของมันหรือไม่?” หานลี่โบกมือ เอ่ยอย่างคลุมเครือ

 

 

“เรื่องนี้ชนรุ่นหลังก็ไม่ทราบ เจ้านี้เพิ่งปรากฏตัวที่นี่เป็นครั้งแรก ตอนนั้นพวกเราและสหายยี่สิบกว่าคนกำลังรวมตัวกันปรึกษาว่าจะจัดการกับอสูรทะเลตัวนี้อย่างไร แมลงเม่าตัวนี้ก็พุ่งออกมาจากม่านหมอกของเกาะ แล้วบินมาถึงเกาะ ขณะที่ไม่ทันได้ระวังตัว สหายที่มีพลังยุทธ์ไม่เพียงพอจำนวนมากถูกเสียงคำรามระเบิดร่างล้มตายไปจำนวนมาก แต่โชคดีที่ฆราวาสฉลามสีเงินลงมือรั้งอสูรตัวนี้เอาไว้ชั่วครู่ ถึงได้ทำให้คนกว่าครึ่งที่เหลือหนีออกมาได้ มิเช่นนั้นหากมันคำรามเต็มกำลัง พวกเราคงต้องเพลี่ยงพล้ำอยู่ที่นี่ทั้งหมดอย่างไม่ต้องสงสัย” เมื่อย้อนคิดถึงความน่ากลัวของแมลงเม่าประหลาด ใบหน้าของชิงเสี่ยวก็ยังคงอดที่จะฉายแววหวาดกลัวออกมาขณะเอ่ยถึงไม่ได้

 

 

หานลี่พยักหน้าพร้อมกับขมวดคิ้ว จากนั้นพลันเลื่อนสายตาไป ตกลงบนร่างของบุรุษและหญิงสาววัยเยาว์กลุ่มนั้นที่เดินออกมาหอคอย ปากก็เอ่ยถามไปตามอำเภอใจว่า

 

 

“คนเหล่านี้เป็นชาวเกาะนี้หรือ? ร่างกายดูค่อนข้างพิเศษ แต่ก็ไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเพียร”

 

 

“หึๆ คนเหล่านี้คือคนเผ่าจิตยะเยือก แม้นว่าคนเผ่านี้จะไม่อาจเชื่อมโยงกับจิตวิญญาณฟ้าดินได้ แต่ทุกคนล้วนชาญฉลาด สามารถพ่นไอเย็นเยียบได้ เมื่อโตเต็มวัยใบหน้าจะรักษารูปลักษณ์เอาไว้ดังเดิม มีเพียงตอนที่ถึงจุดสิ้นอายุขัย ถึงจะมีท่าทางแก่ชรา นับว่าเป็นเผ่าหายากเผ่าหนึ่ง ทั้งหมู่เกาะปะการังเพลิงมีอยู่แค่แสนคนกระมัง แต่เป็นเพราะเผ่านี้ไม่อาจให้กำเนิดผู้บำเพ็ญเพียรได้ โดยส่วนใหญ่มักอาศัยเผ่าที่แข็งแกร่งเผ่าอื่น หรือไม่ก็อยู่ใต้อาณัติเผ่าที่แข็งแกร่งให้พวกเขาคอยคุ้มครอง คนของเผ่าจิตยะเยือกนั้น เดิมทีก็พึ่งพาอาศัยฆราวาสฉลามสีเงิน อยู่ในฐานะผู้ปรนนิบัติ” หญิงสาวกระโปรงสีดำอธิบาย

 

 

“ทว่าตอนนี้ฆราวาสฉลามสีเงินตายแล้ว เกรงว่าพวกเขาคงต้องหาทางออกใหม่แล้ว” ชิงเสี่ยวถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่าจะรู้สึกเวทนาชาวเผ่าจิตยะเยือกเหล่านี้เป็นอย่างมาก

 

 

“อ๋อ คนเผ่านี้มีเอกลักษณ์จริงๆ ด้วย!” หานลี่กลับเพิ่งเคยได้ยินชนต่างเผ่านี้เป็นครั้งแรก จึงอดที่จะพิจารณาบุรุษและสตรีเหล่านี้อีกสองสามครั้งด้วยความสนใจไม่ได้

 

 

ส่วนบุรุษและสตรีเหล่านี้หลังจากได้ยินคำพูดของหญิงสาวทั้งสอง หญิงสาวที่เป็นผู้นำก็น้อมคำนับทั้งสามไม่หยุด

 

 

“อันใด พวกเจ้าคิดจะคารวะอยู่ใต้อาณัติท่านหาน ขอความคุ้มครอง! หากเป็นเช่นนั้นจริง ท่านหานลองรับพวกเขาไว้เถิด คนเผ่านี้เป็นตัวเลือกของผู้ปรนนิบัติที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นงานเก็บกวาดดูแลจวนหรือว่างานดูแลสมุนไพร ล้วนโดดเด่นไม่เหมือนผู้ใด” หญิงสาวกระโปรงดำดูเหมือนจะมองอะไรออก พลางเอ่ยด้วยรอยยิ้มเบิกบาน

 

 

“อ๋อ พวกนางเข้าใจวิธีการปลูกสมุนไพรวิญญาณ!” หานลี่ได้ยินเช่นนี้ พลันรู้สึกสนใจเล็กน้อย

 

 

“เข้าใจแค่ไหน ต่อให้เป็นผู้บำเพ็ญเพียรของเผ่าเบื้องบน พรสวรรค์ในการปลูกสมุนไพรวิญญาณก็ไม่สู้พวกนาง และผู้ที่ติดตามอยู่ข้างกายฆราวาสฉลามสีเงินได้ แน่นอนว่าย่อมเป็นผู้ที่ดีเลิศที่สุดในเผ่า หากปล่อยไว้ภายนอก ไม่แน่ว่าอาจจะมีเผ่าเบื้องบนกลุ่มใหญ่เข้ามาแย่งชิง” ชิงเสี่ยวเองพลางก็เอ่ยพร้อมหัวเราะน้อยๆ ออกมา

 

 

“น่าเสียดาย ข้าคุ้นชินกับการอยู่คนเดียว และไม่ชอบให้มีคนมาอยู่ข้างกาย หากสหายทั้งสองชอบ ก็รับไว้เถิด” หานลี่เอ่ยพร้อมกับสั่นศีรษะอย่างไม่ต้องคิด

 

 

“อืม ในเมื่อท่านอาวุโสหานกล่าวเช่นนี้ เช่นนั้นชนรุ่นหลังก็ไม่เกรงใจแล้ว จวนของชนรุ่นหลังกำลังขาดแคลนคนพอดี น้องหญิงชิงเราสองคนแบ่งคนเผ่าจิตยะเยือกกันเป็นอย่างไร?” หญิงสาวกระโปรงดำกะพริบตาปริบๆ แล้วเอ่ยกับชิงเสี่ยวพร้อมกับหัวเราะคิกคัก

 

 

“ในเกาะของข้ามีข้ารับใช้ไม่น้อยแล้ว ในเมื่อพี่หญิงชอบ ก็รับไว้ทั้งหมดเถิด” ชิงเสี่ยวเผยความใจกว้างออกมา ตอบกลับอย่างไม่ใส่ใจ

 

 

หญิงสาวสวมกระโปรงสีดำได้ยินคำนี้ ก็ไม่ได้เกรงใจอีก แล้วเอ่ยถามคนเผ่าจิตยะเยือกเหล่านั้นว่ายอมไปกับนางหรือไม่

 

 

ในเมื่อคนเผ่าจิตยะเยือกเหล่านั้นมองเห็นเจ้านายเดิมเพลี่ยงพล้ำไปกับตาตัวเอง เมื่อเผชิญหน้ากับคำเชิญของหญิงสาวกระโปรงดำ แน่นอนว่าย่อมไม่มีทางปฏิเสธอะไร ทันใดนั้นพลันตอบรับด้วยความนอบน้อม จากนั้นเมื่อหญิงสาวสำทับ ก็เริ่มเก็บกวาดในวิหารน้ำแข็งที่ใหญ่ที่สุดหลังนั้น แล้วเชิญหานลี่และพวกทั้งสามคนเข้าไป

 

 

“ท่านหาน จากนี้ไปท่านวางแผนอย่างไร! ยังอยากสังหารอสูรมหาสมุทรตัวนั้นอยู่หรือไม่?” ชิงเสี่ยวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้หินในวิหาร เอ่ยปากถามขึ้น

 

 

“อืมในเมื่อเป็นเช่นนี้ แน่นอนว่าข้าก็ไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆ ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องลงมือดูสักครั้ง”หานลี่นั่งอยู่ตรงกลางระหว่างสตรีทั้งสอง แล้วตอบกลับอย่างราบเรียบ

 

 

ชิงเสี่ยวและสตรีทั้งสองได้ยิน กลับมองสบตากันเล็กน้อย

 

 

“อันใด หรือว่าสหายทั้งสองรู้สึกว่าผู้แซ่หานไม่อาจทำเรื่องนี้ได้” หานลี่เลิกคิ้ว กลับย้อนถามอย่างราบเรียบ

 

 

“ก่อนหน้านี้ท่านอาวุโสสังหารแมลงเม่าประหลาดที่มีอิทธิฤทธิ์เกรียงไกร จะไม่มีโอกาสสังหารอสูรมหาสมุทรตัวนั้นได้อย่างไร แต่ท่านหานไม่รู้ว่า สาเหตุที่พวกเราไล่ตามอสูรมหาสมุทรตัวนั้นได้ในครั้งนี้ที่แล้ว กว่าครึ่งล้วนอาศัยสีเงินตัวนั้นของฆราวาสฉลามสีเงิน ยามนี้อสูรวิญญาณตัวนี้และฆราวาสฉลามสีเงินล้วนเพลี่ยงพล้ำไปด้วยกันแล้ว หากจะตามหาอสูรมหาสมุทรตัวนั้นอีก เกรงว่าคงไม่ใช่เรื่องง่าย” หญิงสาวกระโปรงดำรีบร้อนเอ่ยอธิบาย

 

 

“มีเรื่องเช่นนี้ ฉลามลำแสงสีเงินผู้นั้นหาอสูรมหาสมุทรเจอได้อย่างไร” หานลี่พลันตะลึงงัน แต่หลังจากครุ่นคิดแล้วก็เอ่ยถามในทันใด

 

 

“เรื่องนี้ข้าเคยได้ยินฆราวาสฉลามสีเงินกล่าวว่า ฉลามสีเงินตัวนั้นมีความสามารถลับในการไล่ตามโดยกำเนิด ขอแค่เห็นคราหนึ่ง หากอยู่ในระยะหมื่นลี้ก็จะสัมผัสได้ และค่อยๆ ตามหาจนเจอ ก่อนหน้านี้พวกเราล้วนมาปรากฏตัวที่น่านน้ำในแถบนี้ก่อน ให้ฉลามสีเงินนำทาง ถึงได้ตามหาที่ซ่อนของอสูรมหาสมุทรได้” ชิงเสี่ยวเอ่ยต่อด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

 

 

“หากเป็นเช่นนั้น คงยุ่งยากแล้ว ดูแล้วข้าคงต้องตามหาจุดที่อสูรมหาสมุทรตัวนั้นเคลื่อนไหวตามลำพังโดยอาศัยดวงแล้ว” หานลี่พลันขมวดคิ้ว

 

 

“ในเมื่อนายท่านยึดมั่นว่าต้องตามหาอสูรตัวนี้ ไม่สู้รออีกสองสามเดือน สหายร่วมวิถีที่รวบรวมมาบนเกาะทะเลสาบสีฟ้าก่อนหน้าน่าจะยังเหลืออยู่ และยิ่งไปกว่านั้นยังมีผู้ที่ยังมาไม่ถึงเกาะแห่งนี้จำนวนมาก หากสามารถปลุกเร้าให้คนจำนวนมากเหล่านี้ไปตามหาด้วยกันได้ละก็ จะดีกว่าท่านอาวุโสไปคนเดียวเป็นไหนๆ” หญิงสาวกระโปรงสีดำครุ่นคิดแล้วเอ่ยแนะนำเช่นนี้ออกมา

 

 

“เกรงว่าคงจะไม่มีประโยชน์ ข้าจำที่สหายชิงพูดได้ อสูรมหาสมุทรตัวนั้นมีความสามารถไม่ธรรมดา หากแยกกันตามหาละก็ เกรงว่าคนเดียวจะรับมือกับอสูรตัวนี้ได้ยากกว่า แต่หากเดินทางด้วยกัน ความหวังที่จะหาพบก็รางเลือน และยิ่งไปกว่านั้นการค้นหานั้น หากทำได้ในระยะเวลาอันสั้นก็พอเป็นไปได้ แต่หากเป็นระยะเวลานาน เกรงว่าคงมีคนบ่นอยู่ในใจ หากเป็นเช่นนั้นละก็ ไม่สู้ผู้แซ่หานเดินทางคนเดียวจะดีกว่า! ส่วนคนอื่นนั้น หากยอมก็จะดีมาก หากไม่ยอม ผู้แซ่หานก็จะไม่ฝืนใจ” หานลี่เบะปาก เผยรอยยิ้มพร้อมไรฟันสีขาวหิมะขณะเอ่ย

 

 

เมื่อได้ฟังหานลี่เอ่ยเช่นนี้ แน่นอนว่าหญิงสาวทั้งสองก็ไม่ได้เอ่ยอะไรอีก

 

 

“หากผู้แซ่หานโชคดีชิงผลึกท้องฟ้าเมฆากลับมาได้จริงๆ หวังว่าสหายทั้งสองจะช่วยข้าซ่อมแซมเขตอาคมส่งตัว”

 

 

“ท่านอาวุโสโปรดวางใจ ขอแค่มีผลึกท้องฟ้าเมฆา การซ่อมแซมเขตอาคมส่งตัวนั้นให้เป็นหน้าที่ของข้าและน้องหญิงชิงได้เลย” หญิงสาวกระโปรงดำฉีกยิ้มเบิกบาน

 

 

ชิงเสี่ยวเองก็รับปากเช่นกัน

 

 

จากคำตอบของหญิงสาวทั้งสอง แน่นอนว่าหานลี่พลันพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ

 

 

จากนั้นเรื่องจึงง่ายเป็นอย่างมาก หานลี่ซักถามตำแหน่งที่อสูรมหาสมุทรปรากฏตัวอย่างคร่าวๆ และวิธีการติดต่อกับหญิงสาวทั้งสองแล้ว ก็กลายเป็นสายรุ้งสีเขียวสายหนึ่งบินออกไป

 

 

ชิงเสี่ยวและหญิงสาวกระโปรงดำล้วนออกไปส่งนอกวิหาร ยืนมองลำแสงหลีกหนีสีเขียวหายวับไปจากกลางอากาศ ทั้งสองเริ่มมีสีหน้าแตกต่างกันไป

 

 

“จนถึงตอนนี้ข้ายังไม่ค่อยอยากจะเชื่อเลยว่า ท่านอาวุโสหานจะสังหารแมลงเม่าประหลาดตัวนั้นได้จริงๆ ต้องเข้าใจว่าพลังยุทธ์ของเขาดูแล้วไม่ต่างอะไรกับฆราวาสฉลามสีเงินนัก ส่วนฆราวาสฉลามสีเงินกลับไม่เคยประมือกับสัตว์ประหลาดนานนัก” หญิงสาวกระโปรงดำเอ่ยพึมพำ

 

 

“ท่านหานบอกไปแล้วไม่ใช่หรือ อิทธิฤทธิ์ของเขาสามารถควบคุมแมลงเม่าประหลาดได้ ดังนั้นถึงได้สังหารสัตว์ประหลาดตัวนั้นได้” ชิงเสี่ยวเงียบขรึมไปเล็กน้อย ถึงได้ตอบกลับด้วยน้ำเสียงแปลกประหลาด

 

 

“น้องหญิงชิง ข้ออ้างเช่นนี้เจ้าก็เชื่อหรือ? อย่างน้อยข้าก็ไม่เชื่อ ไม่ต้องพูดความสามารถประหลาดของแมลงเม่าประหลาด แค่พลังปีศาจเข้มข้นก็เพียงพอจะจัดอยู่ในเผ่าเบื้องบนระดับเก้าแล้ว นี่เป็นระดับที่แตกต่างกันถึงสองเท่า ไหนเลยจะบอกว่าควบคุมได้คำเดียว ก็สามารถมองข้ามไป” หญิงสาวกระโปรงสีดำเอ่ยพร้อมกับอมยิ้ม

 

 

“พี่หญิงอยากเอ่ยอะไรหรือ?” ชิงเสี่ยวถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง

 

 

“ไม่มีอะไร จนถึงตอนนี้น้องหญิงชิงก็ยังไม่มีคู่บำเพ็ญเพียรไม่ใช่หรือ ท่านหานมีอิทธิฤทธิ์เกรียงไกรเช่นนี้ ไม่เป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมหรือ? หากน้องหญิงคิดว่าไม่เหมาะสมละก็ พี่หญิงก็จะไม่เกรงใจแล้ว” หญิงสาวกระโปรงดำหัวเราะคิกคักออกมา

 

 

“พี่หญิงพูดอะไรกัน ข้าเพิ่งเคยพบหน้าท่านหานแค่สองครั้งเท่านั้น จะไปมีความคิดเช่นนั้นได้อย่างไร” ชั่วพริบตาใบหน้าดั่งหยกขาวของชิงเสี่ยวพลันแดงระเรื่อ ปากพลันเอ่ยอย่างโกรธเคือง

 

 

“อะไรกัน หากข้าจำไม่ผิดละก็ น้องหญิงชิงติดอยู่ในระดับห้าหลายปีแล้ว หากมีผู้ที่มีอิทธิฤทธิ์เกรียงไกรมาเป็นคู่บำเพ็ญเพียร อาศัยพลังของคู่บำเพ็ญเพียรก็น่าจะทะลวงจุดคอขวดได้อย่างง่ายดาย ส่วนเรื่องที่ยังไม่คุ้นเคยกับท่านหานนั้น จะเป็นไรไป ขอแค่เขาไม่ไปจากน่านน้ำผืนนี้ ก็สามารถพบกันได้บ่อยๆ แล้ว จากความสามารถของน้องหญิง ข้าไม่เชื่อว่าคนผู้นั้นจะไม่หวั่นไหว” หญิงสาวกระโปรงสีดำปิดปากที่กำลังแย้มยิ้มขณะเอ่ย

 

 

“พี่หญิงอย่าพูดจาซี้ซั้วเลย ไม่ช้าก็เร็วท่านหานต้องกลับไปยังแผ่นดินใหญ่ของตนเองอยู่วันยังค่ำ จะอยู่กับพวกเราได้อย่างไร! และยิ่งไปกว่านั้นไม่แน่ว่าเขาอาจจะมีคู่บำเพ็ญเพียรอยู่แล้ว” ในที่สุดสีหน้าแดงระเรื่อบนใบหน้าของชิงเสี่ยวก็จางลง กลับมาเป็นสุขุมขณะเอ่ยขึ้น

 

 

“อ๋อ นั่นสินะปัญหา ทว่าอสูรมหาสมุทรตัวนั้นเจ้าเล่ห์มาก จุดที่ปรากฏตัวก็กว้างใหญ่ถึงเพียงนี้ ไหนเลยจะสังหารมันได้ง่ายๆ ขอแค่เขาไม่อาจซ่อมแซมเขตอาคมส่งตัวได้ แน่นอนว่าก็ทำได้เพียงต้องอยู่ที่เกาะเพลิงปะการังของพวกเรา เช่นนั้นละก็ ก่อนหน้านี้ท่านหานจะมีคู่บำเพ็ญเพียรหรือไม่ก็ไม่แตกต่างกันแล้ว” หญิงสาวสั่นศีรษะอย่างต่อเนื่องขณะเอ่ย

 

 

ครั้งนี้ชิงเสี่ยวได้ยินกลับไม่ได้เอ่ยปากอะไร แค่มองไปยังขอบฟ้าที่หานลี่หายวับไปแวบหนึ่ง ปากพลันลอบถอนหายใจที่แทบจะไม่รู้สึกออกมาเบาๆ